Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1302

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1302 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลอมกลั่นเสร็จสมบูรณ์!

 

“หงหยิง โดยปกติเจ้าไม่เคยทำพลาด แต่ไยวันนี้ถึงคำนวณจำนวนสินค้าผิดไปตั้งหลายครั้ง ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไรไปหรือไม่? ดูไม่อยู่กับร่องกับร่อยเท่าไหร่นัก?”

หงหยิงทำงานให้กับหอมหาสมบัติมาตั้งนานหลายปี แต่นางกลับไม่เคยทำงานผิดพลาดเลยสักครั้ง

แต่วันนี้ราวกับว่านางดูมึนงงไปหมด กระทั่งตอนทำบัญชียังคำนวณผลึกปราณเทวะขาดตกไปตั้งหลายสิบก้อน

เมื่อผู้ดูแลสาขาเห็นแบบนั้น จึงอดลุกขึ้นมาเตือนมิได้

 

หงหยิงกล่าวขอโทษเล็กน้อยว่า

“ผู้จัดการซู ข้าต้องประทานโทษจริงๆ เรื่องทั้งหมดที่วันนี้ทำผิดพลาดไป ท่านหักค่าจ้างของข้าในวันนี้ไปได้เลย!”

 

ผู้จัดการซูส่ายศีรษะเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น เราชายชราทราบดีว่าเจ้าทั้งขยันและซื่อสัตย์กับหอมหาสมบัติแห่งนี้มากขนาดไหน เรื่องหักค่าจ้างหาใช่เรื่องสำคัญไม่เลย แต่ที่ข้าแปลกใจคือ มีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าเหม่อลอยได้ขนาดนี้ วันนี้ทั้งวันเหมือนเจ้ากำลังรอใครบางคนอยู่ หรือเป็นไปได้ไหมว่า…วันนี้จะมีคนที่เจ้าชอบพอมาเยี่ยมเยือน?”

 

พวงแก้มขาวเนียนของหงหยิงคลี่แดงระเรื่อ นางเร่งผสานมือกล่าวตอบไปว่า

“ผู้จัดการซูคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียง…เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย”

 

“อยากรู้อยากเห็น?”

ผู้จัดการซูทวนคำด้วยความงุนงง

 

นางพยักหน้าตอบทันที เรื่องนี้หาได้มีเจตนาปิดปิดอยู่แล้ว เช่นนั้นหงหยิงจึงเริ่มปริปากเล่าเรื่องราวผิดประหลาดของเย่หวยในวันนั้นให้ผู้จัดการซูฟัง จากนั้นปิดท้ายด้วยว่า

“วันนี้เป็นวันที่สิบ ครบกำหนดสัญญาเช่าพอดี ข้าจึงสงสัยว่าเขาจะทำสำเร็จจริงๆหรือไม่ ถึงได้เหม่อลอยอยู่บ่อยครั้งแบบนี้”

 

ผู้จัดการซูที่ได้ฟังก็หัวเราะขึ้นทันทีและกล่าวว่า

“โอ๋,หงหยิงเอ๋ย เจ้าเองก็เป็นพนักงานเจนจัดมากประสบการณ์ของหอมหาสมบัติมานาน ตาไฉนจิตใจของเจ้ากลับไร้เดียงสาเพียงนี้? คนที่ไม่มีพลังปราณเทวะจะสามารถหลอมกลั่นโอสถได้อย่างไร? เจ้ากล่าวเองว่า เด็กหนุ่มคนนั้นอายุราวๆสามถึงสี่สิบปีเห็นจะได้ อายุประมาณนี้ โดยส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มศึกษาทฤษฎีโอสถระดับพื้นฐานเท่านั้น หรือเจ้านำเขามาเปรียบเทียบกับระดับปรมาจารย์ในเมืองหลวงเชียว?”

หงหยิงอดชะงักไปมิได้เมื่อได้ยิน ก็จริงอย่างที่ผู้จัดการซูกล่าวไปจริงๆ กลับเป็นนางที่ตาบอดหลงเชื่อชายพิการคนนั้นโดยไม่รู้ตัว

อายุราวๆสามถึงสี่สิบปี ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มเท่านั้นบนมหาพิภพถงเทียน

เป็นอย่างที่ผู้จัดการซูกล่าวไป เด็กอายุแค่นี้จะไปหลอมกลั่นนั้นเป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์เฉกเช่นโอสถปราณเทวะได้อย่างไรกัน?

 

ในขณะที่หงหยิงกำลังมึนงงอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมสีครามฟ้าก็ตรงเข้ามาในห้องโถง

พินิจจากทิศทาง ชายหนุ่มคนนี้น่าจะเพิ่งเดินออกมาจากห้องบ่มเพาะอย่างไม่ผิดเพี้ยน

 

นั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากเย่หยวน!

 

เย่หยวนตรงเข้ามาหาหงหยิงและเอ่ยปากกล่าวว่า

“ท่านเคยกล่าวไว้ก่อนหน้าใช่หรือไม่ว่า หอมหาสมบัติรับซื้อโอสถปราณเทวะขั้นกลาง? หวังว่าทางท่านยังคงรับซื้อเหมือนเดิม?”

 

ขณะที่วาจาคำกล่าวนี้ดังขึ้น ไม่เพียงหงหยิงที่สะดุ้งเฮือกโดยพลัน แม้แต่ผู้จัดการซูเองยังเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความตะลึง พลางเบี่ยงสายตาเข้าจับจ้องเย่หยวนเสมือนเห็นผี

 

“ทะ-ท่าน…ท่านสามารถหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะได้จริงๆ?”

หงหยินกล่าวติดอ่างแทบไม่ประโยค

 

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางเอ่ยตอบว่า

“แน่นอนว่าต้องได้ แต่ได้มาแค่เม็ดเดียวเท่านั้น ข้าสงสัยว่าทางหอมหาสมบัติยังรับซื้ออยู่หรือไม่?”

หงหยินยังมิได้เอ่ยตอบเย่หยวนกลับไปทันควัน นางเร่งขยับขยายสายตาจับจจ้องเย่หยวนประดับท่าทีแสนประหลาดใจ

นางพยายามเข้าพินิจตรวจสอบเสาะหาร่องรอยพลังปราณเทวะจากทั่วร่างเย่หยวนโดยละเอียด

แต่ผลที่ได้กลับน่าผิดหวังนัก

ไม่มีพลังปราณเทวะเลย!

ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยว!

 

 

“หรือเป็นไปได้ไหม..เป็นไปได้ไหมที่…”

 

หงหยิงยังไม่ทันกล่าวจบ กลับเป็นผู้จัดการซูที่เอ่ยปากตัดบทดังฉับ

 

เขาหันมากล่าวกับเย่หยวนอย่างยิ้มแย้มว่า

“แน่นอน! ทางหอมหาสมบัติของเราไม่เคยปฏิเสธน้ำใจจากนักหลอมโอสถ! ตราบใดที่โอสถตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ทางเรายินดีรับซื้อเป็นอย่างยิ่ง!”

 

เย่หยวนพยักหน้าพร้อมหยิบโอสถเม็ดสรดำเทาออกมา ทันใดนั้นกลิ่นสมุนไพรจากโอสถหอมฟุ้งอบอวลทั่วทุกหนแห่ง

สีหน้าการแสดงออกของหงหยิงและผู้จัดการซูเปลี่ยนเป็นจริงจังในบัดดล คุณภาพของโอสถปราณเทวะเม็ดนี้ดีกว่าที่ทั้งสองคิดไว้มาก!

นี่คือโอสถปราณเทวะขั้นกลางอย่างไม่ต้องสงสัย

คุณภาพของมันดีเยี่ยมใกล้เคียงกับขั้นสูง แต่น่าเสียดายที่โอสถปราณเทวะเม็ดนี้มีขนาดเล็กกว่าปกติทั่วไป

โดยสรุปนี่เป็นโอสถปราณเทวะขั้นกลางที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก แต่หากเทียบกันในแง่ของคุณภาพเพียงอย่างเดียว โอสถเม็ดนี้เหนือกว่าโอสถปราณเทวะขั้นกลางทั่วไป

 

ผู้จัดการซูกล่าวขึ้นว่า

“น้องชาย ทางหอมหาสมบัติของเราคือคติไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ถือธำรงความเท่าเทียม คุณภาพของโอสถปราณเทวะเม็ดนี้นับว่าดีกว่าขั้นกลางทั่วไป เสียแค่ว่ามีขนาดเล็กกว่าปกติ แต่อย่างไรก็ดี ราคาของโอสถปราณเทวะเม็ดนี้ ทางเราขอรับซื้อในราคายี่สิบแปดผลึกปราณเทวะระดับต่ำ ถือเป็นขวัญกำลังใจให้ เจ้าคิดเห็นอย่างไรหรือไม่?”

 

คู่ดวงตาไสวพลันเปล่งประกายขึ้น เย่หยวนเร่งผสานมือกล่าวตอบว่า

“ท่านผู้นี้คงเป็นผู้จัดการของที่นี่ใช่หรือไม่? ข้อเสนอนี้ ผู้เยาว์ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจ! แต่มอบให้ข้าเพียงสิบหกก้อนเป็นพอ เพราะทั้งตัวข้าเหลือแค่สามก้อน ส่วนที่เหลือแบ่งไปเช่าห้องบ่มเพาะต่อครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง รบกวนช่วยแลกเปลี่ยนทั้งหมดให้เป็นวัตถุดิบหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะ”

ที่ผลึกปราณเทวะเหลือแค่สามก้อน เป็นเพราะเย่หยวนนำส่วนที่เหลือไปจัดสร้างพัฒนาศาสตร์แห่งค่ายกลโดยสิ้นแล้ว

วรยุทธค่ายกลเต๋ากลั่นโอสถที่ว่านั่น คือการใช้ค่ายกลในการกลอมกลั่นโอสถแทน ซึ่งค่ายกลที่ใช้หลอมกลั่นโอสถปราณเทวะมีชื่อว่า ค่ายกลปราณเทวะชั้นต้น

ตามชื่อของมัน ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะโดยเฉพาะ และจำนวนผลึกปราณเทวะที่ต้องการก็ไม่มากนัก แค่แปดก้อนต่อรอบเท่านั้น

เย่หยวนเหลือผลึกปราณเทวะทั้งหมดหกสิบเจ็ดก้อนก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายความว่าเขามีโอกาสเพียงแปดครั้ง

 

แม้ค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นจะใช้ผลึกปราณเทวะแค่แปดก้อน แต่ความซับซ้อนของค่ายกลชนิดนี้กลับเหนือจินตนาการเย่หยวนยิ่ง!

ศาสตร์แห่งค่ายกลของหลู่หลินเฟย นับเป็นจุดสูงสุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์

เส้นทางของหลู่หลินเฟยประสบความสำเร็จจนกล่าวได้ว่า ตัวเขาคือตัวแทนของศาสตร์แห่งค่ายกลทั้งปวง

 

แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกล่าวถึง ต่อหน้าค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นนี้ หลู่หลินเฟยกลับเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น!

 

ค่ายกลทั้งสองแบบกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!

ค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นนี้ถึงจะจัดตั้งโดยใช้ผลึกปราณเทวะระดับต่ำแค่แปดก้อน แต่กว่าจะก่อร่างสร้างค่ายกลเสร็จ ก็เล่นเอาเย่หยวนแทบเหนื่อยตาย

โชคยังดีที่รากฐานบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเย่หยวนค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าที่หวูเฉินจินตนาการไว้มาก

หากย้อนกลับไป ภายในค่ายกลป่าดอกท้อ นั้นเป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้สัมผัสและศึกษาค่ายกลศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรก นั่นจึงกล่าวได้ว่า เขาพอมีประสบการณ์ติดตัวอยู่บ้าง ระหว่างการสร้างค่ายกลปราณเทวะชั้นต้น ถึงได้ภูมิความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้

ภายใต้ความกดดันอันหนักหน่วง จึงทำให้เย่หยวนระเบิดศักยภาพทั้งหมดออกมาจนถึงขีดจำกัด

เขาอนุมานวิเคราะห์ทุกมากเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นยามสร้างค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุด ห้าสิบห้าวันต่อมา เย่หยวนก็ผลักดันตนเองจนพัฒนาขึ้นอีกระดับ

ความบ้าคลั่งชนิดนี้ แม้แต่หวูเฉินยังแอบตื่นตะลึงเช่นกัน จนตองอุทานขึ้นว่า เจ้าเด็กนี่มันเสียสติไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งที่ทำให้หวูเฉินประหลาดใจที่สุดคือ ระหว่างที่เย่หยวนกำลังหมกมุ่นอย่างหนักกับการสร้างค่ายกล อีกเพียงก้าวเดียว เขาก็ยังเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าอีกครั้ง!

เย่หยวนในเวลานั้นตกสู้ห้วงจิตใต้สำนักเป็นคำรบสอง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยั่งถึงอัตตาได้แบบคราวแรก

 

สภาวะตัดชั่วฟ้าเป็นเรื่องยากเกินไปจริงๆ!

 

แต่เย่หยวนก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพามันขนาดนั้นเช่นกัน ในเวลาวิกฤตสุดขีด เย่หยวนก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนสามารถสร้างค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นได้เป็นผลสำเร็จ

 

ในเวลานั้นเอง กระทั่งหวูเฉินผู้ทะนงดุจมีดวงตาเหนือศีรษะยังต้องร้องลั่นออกมาอย่างประหลาดใจ

เขานึกไม่ถึงเลยว่า เย่หยวนจะสามารถทำภารกิจที่ไม่มีวันเป็นไปได้ให้สำเร็จจริงๆภายในหนึ่งร้อยวัน!

ศึกษาคุณสมบัติสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และศาสตร์แห่งค่ายกล เย่หยวนประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดนั้นคือ การหลอมกลั่น

หากกล่าวตามหลักเหตุและผล เมื่อค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นมีความเสถียรและสมบูรณ์แบบเพียงพอ ตราบใดที่ผู้หลอมไม่วางสมุนไพรสลับตำแหน่ง ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมประสบความสำเร็จราบรื่นดี

แต่ความเข้าใจของเย่หยวนต่อค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นยังคงตื้นเขินเกินไป ทำให้ระหว่างการหลอมกลั่น มักเกิดเหตุการณ์ไม่คาดขึ้นต่างๆนาๆ

ตอนนั้นยังมีเวลาเหลือประมาณห้าวัน ขณะที่เย่หยวนเหลือผลึกปราณเทวะแค่ยี่สิบเจ็ดก่อน ดังนั้นเขายังมีโอกาสแก้ตัวอีกสามครั้งถ้วน

 

การหลอมกลั่นครั้งแรก เย่หยวนประสบความล้มเหลวลง แต่นี่หาใช่เรื่องน่าแปลกใจแม้สักนิด

เย่หยวนถอยกลับมาก้าวหนึ่ง พร้อมทบทวนสิ่งที่ทำผิดพลาดไปเป็นเวลาอีกสามวันเต็ม

การหลอมกลั่นครั้งที่สอง ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ!

แต่น่าเสียดาย ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเป็นเพียงโอสถปราณเทวะขั้นต่ำ

เย่หยวนนั่งลงและทดทวนความผิดพลาดอีกครั้งเป็นเวลาอีกหลายวัน จนท้ายที่สุด ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เย่หยวนก็หลอมหลั่นได้เป็นโอสถปราณเทวะขั้นกลางเม็ดนี้!

 

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ เย่หยวนก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องบ่มเพาะอีกครั้ง ปล่อยให้หงหยิงและผู้จัดการซูสบตากันปริบๆ แววตาของทั้งคู่สาดสะท้อนความแปลกใจเกินจะปกปิดได้อยู่

 

“พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ช่างน่ากลัวโดยแท้! หงหยิง เจ้าจับตาดูเขาให้ดี ต่อไปหากเขาต้องการความช่วยเหลือใดๆ จงให้ความร่วมมือแก่เขาเท่าที่จะทำได้!”

ผู้จัดการซูกล่าวขึ้นเจือเสียงขรึมเล็กน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด