Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1305

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1305 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คมดาบของหลัวเจีย!

 

เมื่อก้าวย่างออกจากหอมหาสมบัติ เย่หยวนก็ถูกจางชุนและยอดฝีมืออีกคนเข้าขวางทางทันที

“น้องเย่ เจ้าปล่อยให้พวกเราเฝ้ารอแสนขื่นใจนัก หายตัวเข้ากลีบเมฆเป็นเดือน!”

จางชุนกล่าวขึ้นกล่าวขึ้นพร้อมแสยะยิ้มอย่างขมขื่นใจ

 

เย่หยวนตระหนักชัด สองคนนนี้เจตนาหาเรื่องชัดแจ้ง ยามนี้แสร้งทำเป็นมึนงงไร้เดียงสาและกล่าวถามพลางเติมแต่งสีหน้าใสซื่อว่า

“กำลังรอข้าอยู่งั้นรึ? พอดีข้าได้ยินมาว่าหอมหาสมบัติแห่งนี้เปิดให้เช่าห้องบ่มเพาะพลัง เนื่องจากไม่อยากรบกวนตระกูลเหลียงจนเกินไป จึงเปิดเช่าห้องของที่นี่เพื่อฝึกปรือ”

 

จางชุนมึนตึบกล่าวถามว่า

“ฝึกปรือ?”

ได้ข่าวว่าทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเสียหายขั้นรุนแรง แล้วจะเอาอะไรไปฝึกปรือ?

หาข้ออ้างพล่ามแบบนี้ ดูท่าจะเนียนตามากกระมัง?

 

เย่หยวนยิ้มแต่มิได้ตอบอันใดกลับไป ก็ถูกอย่างที่กล่าวไป ฝึกปรือหลอมกลั่นโอสถ หรือเขาใช้คำผิดกัน?

 

จางชุนหัวเราะแห้งตอบ ยามนี้เขาแสร้งทำเป็นนสวกับนึกเหตุหมายที่มาได้กระทันหัน เร่งโพล่งกล่าวเสียงสั่นสีหน้าซีดลงทันที

“โอ้ใช่แล้ว! คุณหนูใหญ่กำลังป่วยหนัก ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยกระทั่งดื่มน้ำยังไม่ไหว คุณหนูรองบอกกว่านางสนิทกับเจ้าที่สุดแล้ว เช่นนั้นจึงเร่งปรี่มารอเจ้าถึงที่นี่ เร็วเข้า หากคุณหนูใหญ่พบหน้าเจ้า บางทีอาการอาจจะดีขึ้น!”

สองคู่หู่จางชุนเฝ้ารอเย่หยวนจนแทบรากงอกแล้ว แน่นอนว่าพวกเขารู้สึกได้ว่า เย่หยวนจะต้องรู้อะไรบางอย่างถึงได้ไหวตีออกห่างตระกูลเหลียงแบบนี้ จึงเป็นสาเหตุที่พวกเจ้าต้องโกหกเพื่อล่อเย่หยวนกลับไป

บนท้องถนนกลางเมืองแบบนี้ ฝูงชนชุกชุมสุดสายตา เป็นเรื่องยากที่จะลงมือจัดการเย่หยวนเด็ดขาด

ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว จางชุนก็มิได้ถือว่าโกหกเช่นกัน

เพราะ ณ ปัจจุบัน เหลียงหวางหรูใกล้ตายแล้วจริงๆ!

 

แน่นอน พอได้ยินแบบนั้นเย่หยวนเร่งตีบทแตก สีหน้าการแสดงออกของเขามืดลงฉับพลันกล่าวว่า

“เกิดอะไรขึ้น?!”

 

จางชุนผันแปรสีหน้าคล้ายไม่สบายใจเท่าไหร่นักพร้อมกล่าวตอบไป

“จางคนนี้มิทราบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เพียงว่า ระยะนี้นางดูซึมเศร้าหม่นหมองใจยิ่ง นางเริ่มกินข้าวน้อยลงจนน่าเป็นห่วง กระทั่งตอนนี้ติดเตียงลุกไปไหนไม่ได้แล้ว!”

 

เย่หยวนขมวดคิ้วยับยู่และกล่าวว่า

“กลับตระกูลเหลียงกันเถอะ!”

จากนั้นเย่หยวนเร่งฝีเท้าวิ่งนำกลับตรพะกูลเหลียงทันที จางชุนและยอดฝีมืออีกคนต่างสบสายตากันด้วยความดีใจ

แต่จางชุนพลันสังเกตเห็นว่า ข้างกายเย่หยวนกลับมีบุรุษชุดซอมซ่อกอดดาบอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากพวกเขากำลังรีบจึงมิได้เอ่ยถามอะไรไป

 

แต่สัญชาตญาณจากเบื้องลึกในใจของจางชุนเอ่ยเตือนไม่หยุดหย่อน บุรุษคนนี้แม้แต่เขาไม่สามารถหยั่งถึงได้เลย

 

เนื่องจากระยะทางระหว่างหอมหาสมบัติกับตระกูลเหลียงหาได้ไกลกันนัก เพียงเย่หยวนเร่งฝีเท้าครู่เดียวก็มาถึงในไม่ช้า

มาถึงตรงนี้ จางชุนเห็นว่าบุรุษชุดซอมซ่อที่กอดดาบอยู่ตลอดเองก็ต้องการที่จะเข้าไปด้วย เห็นเช่นนี้เขาจึงเร่งปรี่ตัวเข้าขวางเพื่อหยุดอีกฝ่ายทันที

 

“พี่ชาย เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ของตระกูลเหลียง โปรดรออยู่ตรงนี้!”

 

บุรุษที่กอดดาบทำราวกับมิได้ยินเสียงของจางชุน เขายังคงก้าวแช่มตรงเข้าสู่ตรพะกูลเหลียงอย่างสงบเยือกเย็น

สีหน้าของจางชุนและยอดฝีมืออีกคนมืดทมิฬฉับพลัน ทั้งคู่พยักหน้าให้กันอย่างรู้งาน พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวลงมือฉับไว

ทว่าเพียงเสี้ยวความพินิจความคิด สายลมหอบหนึ่งกระโชกซัดใส่ทั้งคู่พร้อมเสียงลมหวนกึกก้องดังหอน

 

ทั้งคู่หน้าถอดสีในบัดดล ทั่วร่างสั่นเทาไม่หยุดพลางขนลุกซู่วยันหนังศีรษะชี้ตั้งตระหง่าน

ปลายผมสองเส้นบางร่วงลอยลงมา แผ่นหลังของทั้งคู่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น

 

ช่างเป็นคมดาบที่ฉับไวยิ่ง!

 

พวกเขายังไม่ทันสังเกตเลยว่า บุรุษชุดซอมซ่อผู้นี้โจมตีตั้งแต่ตอนไหน!

สองคู่หูจางชุนไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย ตราบใดที่บุรุษชุมซอมซ่อผู้นี้มีจิตคิดประหาร ศีรษะของพวกเขาได้หลุดจากบ่าในพริบตาแน่!

 

ยามนี้สองคู่หู่จางชุนยืนแข็งค้างดั่งรูปปั่นหินประดับหน้าประตูตระกูลเหลียง ส่วนเย่หยวนหาได้แยแสสนใจพร้อมย่างสามขุมตรงเข้าสู่ภายใน ขณะที่บุรุษชุดซอมซ่อยับงคงกอดดาบก้าวแช่มติดตามไม่ห่างกาย

 

“ท่านอาวุโส หวางหรูอยู่ที่ใด?”

เย่หยวนสื่อจิตเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม

 

“อยู่ในคุกใต้ดินตำหนักหลังสวน ข้าพาเจ้าไปเอง”

หวูเฉินกล่าว

ภายใต้การนำทางของหวูเฉิน เย่หยวนก็พบทางเข้าคุกใต้ดินในไม่ช้า

ยามที่เฝ้าคุกใต้ดินล้วนเป็นมนุษย์ไร้วรยุทธ เย่หยวนซัดกระหน่ำพวกนั้นกระเด็นไร้ทิศทางด้วยกำปั้นหนัก

ภายในคุกใต้ดินแห่งนี้ เย่หยวนพบเหลียงหวางหรูที่นอนหมดสติ ร่างกายซูบผอมจนน่ากลัว

ดวงตาทั้งสองข้างของนางจมลึกเล็กน้อย ใต้ตาออกเป็นสีดำม่วงเหมือนกับริมฝีปากของนาง เห็นได้ชัดว่า นางถูกวางยาพิษขั้นร้ายแรง

 

คู่ดวงตาสีเทาหม่นไร้แวว ยามนี้ท่อประกายแผ่วบางเมื่อเห็นหน้าเย่หยวน

ในขณะที่เย่หยวนรู้สึกขื่นขมระทมใจยิ่ง ไฉนสาวน้อยผู้มีจิตใจงามเช่นนี้ถึงได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างไม่เป็นธรรมขนาดนี้?

 

เขาก้มตัวนั่งยองข้างนางและกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า

“ไม่เป็นไรแล้ว ออกไปพร้อมกันกับข้าเถอะ”

คู่สายตาหม่นไร้ประกายเผยแววสู้ชีวิต นางพยายามผงกหัวตอบ

 

เย่หยวนสูดหายใจลึกๆ พร้อมหลากหลายอารมณ์ที่พรั่งพรูเข้าสู่จิตใจ สำหรับสาวน้อยนางนี้ เขายังคงไว้ไมตรีผูกพันดั่งมิตรสหายคนหนึ่ง

เขาค่อยๆช้อนมือและอุ้มร่างของเหลียงหว่างหรูออกไปโดยตรง

 

บุรุษในชุดซอมซ่อผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจากหลัวเจียที่ประมุขหอหยางรุ่ยส่งมา เขาผู้นี้ตามติดเย่หยวนดั่งเงา หาได้แสดงสีหน้าความรู้สึกใดๆออกมาให้เห็นเลย

 

“วันนี้ข้า,เย่หยวนนับเป็นหนี้บุญคุณท่านแล้ว!”

ตอนเดินผ่านหน้าหลัวเจีย เย่หยวนหยุดฝีเท้าเล็กน้อยและกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย

หลัวเจียพยักหน้าเล็กน้อย แต่หาได้แสดงสีหน้าหรือวาจาคำกล่าวอันใด และเขายังคงตามติดเย่หยวนไม่ห่างกายเช่นเดิม

 

แต่ทันทีที่พวกเขาขึ้นมาจากคุกใต้ดิน ก็มีกลุ่มยอดฝีมือมากมายตีกรอบรุมล้อมปิดกั้นทุกทางหนี

 

ทั้งสองคนเบื้องหน้าที่ยืนรออยู่หาใช่ใครอื่นนอกจาก คู่สามีภรรยา เหลียงหมิงอี้และหลัวเพียนหลานอย่างแม่นยำ

 

“เย่หยวน! ไอ้คนอกตัญญู เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ! บุตรสาวของข้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับใช้ความกตัญญูตอบแทนบุณคุณโดยการทำร้ายคนของตระกูลเหลียงบาดเจ็บ!”

เหลียงหมิงอี้ตะโกนลั่น

 

เย่หยวนสาดสายตาเย็นเฉียบจับจ้องอีกฝ่าย แววประกายส่องสะท้อนจากนัยน์ตาเปี่ยมล้วนจิตอาฆาตเจืออำมหิตฟลายส่วน

ว่ากันว่า แม้แต่เสือยังไม่กินลูกของมันเอง ทว่าเดรัจฉานเหลียงหมิงอี้ตัวนี้กลับต่ำทรามเสียยิ่งกว่าสัตว์เหล่านั้น

 

“หึ แค้นนักรึไง? ชุมนุมอสูรในครั้งนั้นก็เป็นแกจงใจจัดฉากขึ้นมาเอง! หลงเสน่ห์โสเภณีนางนี้ จึงวางมาดเป็นวีรบุรุษ! แท้ที่จริงกลับแค่เศษสวะชิ้นหนึ่ง!”

หวังเพียนหลานกล่าวเย้ยหยันด้วยความรังเกียจ

 

เหลียงหวางอี้ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน เขาค่อนข้างอ่อนไหวอย่างยิ่งกับคำว่า‘โสเภณี’

หากลูกสาวของตนเองเป็น‘โสเภณี’ แล้วตัวเขาเป็นอะไร?

 

แต่ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่า มันมิใช่เวลามายืนทะเลาะแตกคอกันเอง

 

ในที่สุดเย่หยวนก็ตระหนักได้ว่า สันดานของตระกูลนี้กลับเดรัจฉานกันทั้งบ้าน

เหลียงหวางหรูที่เกิดท่ามกลางผู้คนภายในตระกูลบัดซบนี้ แต่ก็ยังสามารถรักษาธาตุแท้เดิมเอาไว้ได้ มิใช่สันดานเสียแบบคนอื่นๆ ซึ่งนี่มิใช่เรื่องง่าย เย่หยวนรู้สึกนับถือจากใจจริง

 

“อตัญญู? คนเป็นพ่อยังกล้าวางยาพิษใส่ลูกตัวเองจนนอนทรมานรอความตาย ยังกล้าพูดเรื่องจริยธรรมกับคนอื่นอีกรึ? คุณหนูหวางหรูช่วยชีวิตข้า นายน้อยผู้นี้ย่อมต้องตอบแทนเป็นธรรมดา แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับพวกท่าน?”

เย่หยวนกล่าวขึ้นเสียงเย็นสะท้าน

 

“ช่างน่าขันสิ้นดี! นางเป็นบุตรสาวของข้า นั้นเท่ากับว่าตระกูลเหลียงช่วยชีวิตเจ้า! เจ้าไม่คิดแม้แต่จะตอบแทน แถมยังกล้าลักพาตัวบุตรสาวข้าไปอีก! ในวันนี้ เจ้าอย่าหวังเดินออกจากตระกูลเหลียงได้!”

เหลียงหมิงอี้คำรามด่า

 

เย่หยวนเพียงครี่ยิ้มบางพลางกล่าวตอบว่า

“ตอบแทน? จะเอาอะไรล่ะ? วิชาควบคุมอสูรของข้า?”

 

ทันทีที่เหลียงหมิงอี้และหวังเพียนหลานได้ยินคำว่า‘วิชาควบคุมอสูร’ แววตาพวกเขาพลันเปล่งประกายขึ้นทันทีด้วยความโลภ

แต่เหลัยงหมิงอี้ค่อนข้างหัวไว เขาจะแสดงความโลภออกมาจนเด่นชัดขนาดนั้นได้อย่างไร?

 

“หึ! อย่าให้ข้าต้องเสียแรงลงมือ! ลักพาตัวเหลียงหวางหรูนับเป็นโทษร้ายแรงมิอาจให้อภัย! วางหวางหรูลงเดี๋ยวนี้และจงยอมจำนนเสีย! หากให้ความร่วมมือ บางทีท่านประมุขผู้นี้ยังพอไว้ชีวิตเจ้าได้!”

เหลียงหวางอี้กล่าวขึ้นและเดินตามแผนชั่วที่วางไว้อย่างแนบเนียน

 

เย่หยวนจับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา พลางกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า

“ท่านประมุขเหลียง พ่ออย่างท่านกระทั่งชีวิตลูกตัวเองยังยอมขาย ตั้งแต่นายน้อยผู้นี้ลืมตาดูโลกยังไม่เคยพบเจอผู้ใดบัดซบเท่าท่านมาก่อน! อย่างงี้เสีย หากท่านมีปัญญาหยุดข้าได้จริงๆ ก็รีบๆเข้ามาเถอะ”

เมื่อกล่าวจบเย่หยวนก็อุ้มเหลียงหวางหรูออกไปโดยไม่แยแสสนใจใดๆอีก

 

 

“หึ! ไอ้เด้กพิการนี่ช่างหน้าด้านกล้าอวดดี! ลำพังคิดจะพึ่งพาแค่สหายซอมซ่อที่พกมาด้วย? เอาสวะเช่นนี้มาแค่ตัวเดียว คิดดูแคลนตระกูลเหลียงมากเกินไปแล้ว!”

เหลียงหมิงอี้เค้นหัวเราะเย็นหนึ่งคำ ทันใดนั้นยอดฝีมือนับหลายสิบปราดเข้าโจมตีเย่หยวนและหลัวเจียทันที

พินิจจากรัศมีกลิ่นอายของพวกเขาเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นทั้งสิ้น!

 

 

วูบ! วูบ! วูบ!

ร่างนับหลายสิบคนพุ่งเข้าจู่โจมเย่หยวนก่อน เพื่อปิดกั้นโอกาสหลัวเจียมิให้ยื่นมือมาช่วยทัน

 

แต่เสี้ยวอึดใจนั้นเอง ทัศนีภาพของทุกคนพลันพร่าวมัวหนัก สายลมซัดกระชากหอบใหญ่ เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังระงมลั่นในทันใด

ชวิ๊ง! ชวิ๊ง! ชวิ๊ง!

ประกายคมดาบสีโลหิตจรัสฉาย!

 

ยอดฝีมือขงอตระกูลเหลียงนับหลายสิบกระเด็นกระดอนออกไปเสียกระบวนไร้ทิศทาง

 

ม่านตาดำของเหลียงหมิงอี้พลันหดแคบฉับพลัน เขาเร่งขยับขยายสายตามองไปที่หลัวเจียด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะอึดใจต่อมา เขาอุทานดังลั่นประหนึ่งเห็นผี

“จอมดาบคลั่ง! เจ้า…เจ้าคือจอมดาบคลั่งแห่งหอมหาสมบัติ,หลัวเจีย!!”

 

รูปลักษณ์หน้าตาของหลัวเจียกลับไม่คุ้นนักต่อสาธารณะชน แต่นามขาน จอมดาบคลั่ง กลับเป็นที่เลื่องลือกึกก้องทั่วสารทิศ

เพลงดาบของเขาเป็นเอกลักษณ์เด่นชัด ขณะที่เขาสำแดงใช้ต่อหน้า มีหรือที่เหลียงหมิงอี้จะจำไม่ได้เชียว?

เพลงดาบที่บิดพลิ้วแต่ดุดันป่าเถื่อนขนิดนี้ ยังเป็นใครได้อีกนอกจากจอมดาบคลั่ง,หลัวเจีย?

 

“เย่หยวนเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ ผู้ใดกล้าแตะต้องเขา มันผู้นั้นคือศัตรูของคมดาบในมือข้า!”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวเจจียเอ่ยปากกล่าวขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด