Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1425 ห้วงบ่มเพาะพลังแห่งความตาย!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1425 ห้วงบ่มเพาะพลังแห่งความตาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แค่ก แค่ก แค่ก…”

“พร๊วดด!”

ภายในโถงลับใต้ดินแห่งหนึ่งในดินแดนนภาบรรพต ฉินเทียนกระอักพ่นโลหิตออกมาอย่างรุนแรง คล้อยหลังถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นก้อนลิ่มเลือดสด

“บัดซบจริงๆ! ข้าไม่คิดเลยว่าจะมาพลาดท่าบาดเจ็บสาหัสโดยประมุขวังเทวะสัมปรายภพ! เจ้านั้นมันไม่รู้เลยว่า ตัวข้าจักต้องล่าช้าไปอีกแค่ไหนเพราะมันคนเดียว!” ฉินเทียนสีหน้าเศร้าหมองดูไม่สู้ดีนักพลางเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง

หลังจากที่ฉินเทียนแทรกซึมเข้าสู่ดินแดนนภาบรรพตได้สำเร็จ เขาก็มิค่อยกล้าเคลื่อนไหวบนโลกภายนอกอย่างเด่นชัดเท่าเย่หยวน หากมีผู้ใดพบว่าเขามาจากดินแดนภายนอก เกรงว่าฉินเทียนจำต้องเผชิญหน้ากับการไล่ล่าครั้งใหญ่จากฝ่ายดินแดนภาบรรพตทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มอิทธิพลผู้งำประกายลึกล้ำที่สุดอย่างวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ขุมกำลังความแกร่งกร้าวของพวกนั้นทรงพลังเพียงใดกลับมิอาจจินตนาการได้

ดังนั้นฉินเทียนจึงพยายามเปิดเผยแสดงตัวออกมาให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่สุดท้ายก็บังเอิญวิ่งชนเข้ากับผู้อาวุโสจากหนึ่งในเจ็ดวังเทวะเข้า ด้วยความแกร่งกล้าของฉินเทียน ตราบใดที่มิได้เผชิญหน้าสัประยุทธ์กับเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าของดินแดนนภาบรรพต เขาย่อมสามารถท่องทั่วพิภพได้ตามใจนึก

หลังจากเข้าปะทะกันไม่กี่กระบวน ฉินเทียนก็ลงมือปิดฉากจบชีวิตของผู้อาวุโสคนนั้นไป จากนั้นเขาก็เข้าเสาะค้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายและได้รู้เรื่องราวทุกอย่างภายในความทรงจำทั้งหมดของผู้อาวุโสคนนั้น  ยามลงมือกระทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉินเทียนก็ปลอมตัวกลายเป็นผู้อาวุโสตคนนั้นเสียเอง พร้อมปกปิดใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เพื่อวางแผนแทรกซึมเข้าไปในวังเทวะและยืมขุมพลังของพวกนั้นตรวจสอบที่อยู่ปัจจุบันของเย่หยวน

แต่ใครจะไปคาดคิด ระหว่างทางเขากลับเจอนักฆ่าดักลอบสังหารอีกทีหนึ่ง และพลังฝีมือของนักฆ่าที่ว่านั้นก็น่าสะพรึงอย่างยิ่ง! ด้วยเหตุนี้ฉินเทียนจึงพลาดท่าประสบโชคร้ายครั้งใหญ่ กล่าวได้ว่าแปดชั่วชีวิตจะดวงซวยเจอแบบนี้   แม้ว่าอาณาจักรพลังของนักฆ่าจะด้อยกว่าฉินเทียน ทว่าทักษะการลอบสังหารของอีกฝ่ายกลับเหนือชั้นเป็นที่หนึ่ง    ภายใต้การลอบโจมตี ฉินเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตามแต่ นามขานอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งของฉินเทียนก็อย่าประมาทไป ในตอนท้าย เขาอาศัยไหวพริบและพละกำลังของตน จนสามารถฉกฉวยโอกาสพลิกกลับมาเอาชนะนักฆ่าคนนั้นได้หวุดหวิด พร้อมสังหารทิ้งในทันที

เมื่อพยายามเสาะค้นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แตกดับของนักฆ่าคนนั้นดู ฉินเทียนก็ได้รู้ว่า เป้าหมายของนักฆ่าคนนี้คือสังหารผู้อาวุโสที่เขาปลอมตัวอีกฝ่าย หอกเก่าหวนย้อนกลับมาทำร้าย คำกล่าวนี้นับว่าไม่เกินจริงเลย!

ความแกร่งกล้าของนักฆ่ามิได้อ่อนด้อย อาการบาดเจ็บที่ทิ้งทวนไว้ให้ฉินเทียนหาใช่บาดแผลเล็กน้อย แต่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่ยากจะฟื้นตัวรักษาได้ภายในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตามแต่ ข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งที่ฉินเทียนได้มาจากเศษเสี้ยวจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนักฆ่าก็คือ แท้ที่จริงแล้ว มันผู้นี้กลับเป็นประมุขของกลุ่มอิทธิพลหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า วังเทวะสัมปรายภพ!

เนื่องด้วยความแกร่งกล้าของผู้อาวุโสที่เป็นเป้าหมายค่อนข้างสูงมาก จึงเป็นเหตุใดประมุขวังสัมปรายภพจำต้องออกโรงด้วยตัวเอง ยิ่งมาทราบเรื่องเช่นนี้ ฉินเทียนรู้สึกหดหู่ใจแทบเป็นบ้า นี่อาจคล้ายคำว่า ชัยชนะครั้งสุดท้ายก่อนความตายจะมาถึงกระมัง? นี่คือวาระสุดท้ายของเขาจริงๆน่ะรึ? ห้วงจิตใจของฉินเทียนสับสนปั่นป่วนไม่หยุดหย่อน จนท้ายที่สุดเร่งเข้าปลอมตัวเป็นประมุขวังสัมปรายภพแทนและซ่อนตัวอยู่ในวังเทวะวังสัมปรายภพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งวิธีนี้ก็ค่อนข้างปลอดภัยที่สุดแล้ว

ทันใดนั้นเอง มีผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งเอ่ยร้องขึ้นด้านนอกโถงลับใต้ดินที่เขาประทับอยู่ ฉินเทียนเร่งระงับอาการบาดเจ็บทั้งหมดลงและแสร้งวางท่าปลดปล่อยกลิ่นอายลึกล้ำออกมา

“เรียนท่านประมุขวัง สิ่งที่ท่านสั่งการให้เหล่าผู้ใต้บัญชาค้นหาสืบเสาะ ยามนี้ได้กระจายกันถามไถ่จนได้ความมาแล้วกระจ่างชัด! เมื่อไม่นานมานี้ มีเซียนลึกลับผู้หนึ่งนามว่า เย่หยวน เขาปรากฏตัวขึ้นและสร้างชื่อจนเป็นที่ลือลั่น อย่างการสังหารเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้ด้วยขุมพลังอาณาจักรปฐมพระเจ้าที่มีเท่านั้น วีรกรรมในครั้งนี้ได้กลายเป็นตำนานหน้าหนึ่งไปแล้วในประวัติศาสตร์ของดินแดนนภาบรรพต…” ผู้ใต้บัญชาเอ่ยปากรายงานอยู่นอกประตูอย่างระมัดระวัง

แต่ไหนแต่ไรท่านประมุขวังก็เป็นคนลึกลับไม่ค่อยเผยตัวปรากฏให้เห็นบ่อยนัก และเขาหาใช่คนมากเมตตาใจกว้าง ทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียวศีรษะพลันหลุดจากบ่าได้ง่ายๆ ภายในโถงลับยังคงปราศจากกลิ่นอายแรงผันผวนอันใดอยู่พักใหญ่

 แต่ผู้ใต้บัญชาคนนั้นกลับไม่รู้เลยว่า ‘ประมุขวังตัวปลอม’ของเขา ยามนี้แข็งค้างไปชั่วขณะ ประดุจก่อเกิดคลื่นยักษ์แสนปั่นป่วนถาโถมเข้าสู่จิตใจ! เฉกเช่นเรื่องที่เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าสามารถสังหารเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้ มันไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้มาก่อน ต่อให้เป็นบนมหาพิภพถงเทียนก็ตาม

แต่เย่หยวนกลับทำได้จริงๆ!

แม้ว่าความแกร่งกล้าของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าภายในดินแดนนภาบรรพตจะมิอาจเทียบเทียมได้กับเหล่าเซียนบนมหาพิภพถงเทียนได้เลย ทว่าอย่างไรก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า นั้นคือขุมพลังระดับปัจฉิมพระเจ้าขนานแท้ และหาใช่สิ่งที่เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าจะเป็นคู่มือได้เลย พัฒนาการของไอ้เด็กเหลือคนนี้มันไร้ซึ่งขอบเขต! หากข้าไม่รีบปิดฉากฆ่ามันทิ้งไปตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว! ฉินเทียนที่ครุ่นคิดดังนั้นพลันวิตกกลุ้มใจหนัก

ฉินเทียนเลียนเสียงให้เหมือนประมุขวังสัมปรายภพและเอ่ยตอบน้ำเสียงเย็นชืดขึ้นว่า “จงป่าวประกาศโดยทั่ว เย่หยวนผู้นี้คือเซียนต่างแดนที่มารุกรานดินแดนนภาบรรพตของเรา! จงนำเรื่องนี้ขึ้นชี้แจ้งให้ทางวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ทราบโดยด่วนที่สุด! รวมไปถึงวังเทวะอื่นๆทั้งหมดอีกด้วย!”

พลันได้ยินดังนั้น สีหน้าการแสดงออกของผู้ใต้บัญชาแปรเปลี่ยนคล้ายหวาดวิตกในทันใด เขาเร่งขานตอบขึ้นว่า                “รับทราบท่านประมุขวัง! ผู้ใต้บัญชาคนนี้จะเร่งดำเนินการโดยด่วนที่สุด!”

 “พร๊วดด!”

ขณะที่ผู้ใต้บัญชาคนนั้นจากออกไป ฉินเทียนมิอาจทานทนได้ไหว กลิ่นโลหะหวานคลุ้งกระจายทั่วลำคอ ก่อนกระอึกพ่นเลือดสดออกมาคำโตอีกคราอย่างอดไม่อยู่

“เคล็ดวิชาลอบสังหารของประมุขวังสัมปรายภพช่างลึกล้ำโดยแท้ เส้นลมปราณที่เชื่อมต่อกับขั้วหัวใจโดยตรงได้รับบาดเจ็บสาหัส หากภายในไม่กี่ปีนี้ไม่เร่งรักษา เกรงว่าอาจเรื้อรังไม่สามารถหายได้อีก!”

ฉินเทียนกลืนโอสถเม็ดหนึ่งลงไป ยามนี้อาการบาดเจ็บค่อยบรรเทาลงบ้างเล็กน้อย

“ไม่รู้เลยว่าไอ้บัดซบนั้นหยิบใช้วิธีการใดถึงสามารถซ่อนตัวได้มิดชิดเพียงนี้ ทั้งยังหนีรอดจากสายตาของเหล่าเซียนในดินแดนนภาบรรพตได้อีก! แต่เจ้าคงคาดไม่ถึงใช่ไหมว่า ข้าฉินเทียนจะแทรกซึมกลายมาเป็นประมุขวังสัมปรายภพเช่นนี้? ต่อหน้าขุมกำลังของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากจะรู้เสียว่า เจ้ายังกล้าหยิ่งผยองอยู่หรือไม่! ฮ่าๆ ฮะ…แค่ก… แค่ก…”

……………….

เย่หยวนไม่ทราบแม้แต่น้อยว่า ฉินเทียนได้สะกดรอยตามเขาตั้งแต่ต้นจนมาถึงดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้

ภายในสถานศึกษาหวูเมิ่งมีกฎเหล็กที่พึงปฏิบัติตามเคร่งครัด ภารกิจที่ศิษย์รับไปล้วนต้องเก็บเป็นความลับห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด! ประการแรกก็เพื่อป้องกันความปลอดภัยของศิษย์ ส่วนประการที่สองก็เพื่อป้องกันมิให้พิกัดของพิภพยุทธจักรนั้นๆรั่วไหลออกไป เว้นเสียแต่จะได้รับการอนุมัติจากเจ้าเมืองหลวงหวู่เมิ่ง หรือไม่ก็อาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาเท่านั้น! ดังนั้นเพียงแค่ฉินเทียนได้รับพิกัดมาโดยมิได้รับอนุญาต ก็นับว่ามีความผิดมหันต์อยู่แล้วตั้งแต่ทีแรก

เมื่อทราบว่าซากอักขระเทวะกำลังจะเปิดในอีกสิบปีข้างหน้า ต่อมาเย่หยวนจึงปลีกวิเวกเก็บตัวทันที ก่อนหน้าที่เย่หยวนจะออกเดินทาง เขาใช้จ่ายแต้มคะแนนและผลึกปราณเทวะระดับต่ำจำนวนมาก แลกเปลี่ยนกับสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งกองโต เขาได้นำสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งทั้งหมด มาหลอมกลั่นเป็นโอกาสเพื่อใช้สำหรับการบ่มเพาะพลังโดยเฉพาะ

ณ ปัจจุบันหลังจากทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า แต่ละอาณาจักรย่อยเย่หยวนที่ต้องการยกระดับชั้นมาล้วนต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวเขาที่เลือกบ่มเพาะบัญญัติเทพแห่งถงเทียน ซึ่งปริมาณทรัพยากรที่ต้องการมันมากกว่าคนอื่นนับสิบทวีเท่า โชคยังดีที่เขาเป็นนักหลอมโอสถ มิฉะนั้นก็ลืมไปได้เลยสำหรับเรื่องเลื่อนระดับชั้น

ในพริบตาเดียว เย่หยวนก็เข้าฝึกปรือภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเป็นเวลานานถึงสิบปีแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็บรรลุสู่จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดเสียที

“ท่านอาวุโส ดูเหมือนข้าจะมาถึงขีดจำกัดของอาณาจักรปฐมพระเจ้าแล้ว แต่สำหรับบัญญัติเทพแห่งถงเทียน ข้ายังไม่สามารถหลอมสร้างบทที่สองขึ้นได้เลย!”

เย่หยวนถอนหายใจหลากอารมณ์หลายสื่อความหมาย ด้วยความเข้าใจของเย่หยวนที่มีต่อศาสตร์แห่งสวรรค์ และความลึกล้ำต่อเต๋าสามารถนำพาเย่หยวนขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้อย่างไร้ซึ่งปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เพิ่งบรรลุสู่จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดแล้วเช่นกัน กล่าวได้ว่าเขาสามารถเลื่อนระดับชั้นได้ง่ายเพียงอึดใจ เว้นเสียแต่ว่า บัญญัติเทพแห่งโอสถกลับเป็นวรยุทธบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์เกินไป การจะหลอมสร้างในส่วนที่สองขึ้นมา ยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์มากนัก หากมิใช่เพราะเหตุนี้ หวูเฉินคงไม่คัดค้านเย่หยวนในตอนที่ต้องการหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังขึ้นเองเช่นกัน

หวูเฉินถอนหายใจเสียงยาวและกล่าวว่า “ปฐมพระเจ้าคือหยั่งรู้ความลับแห่งสรวงสวรรค์ รู้ถึงการมีอยู่แต่มิอาจสัมผัส ปัจฉิมพระเจ้าคือจอมวายุเหลือบมองทะลุผ่าน เห็นถึงการมีอยู่แต่เป็นเพียงเศษส่วนเล็กน้อย ส่วนการมีอยู่ที่ว่าคือเต๋า วรยุทธบ่มเพาะพลังชนิดอื่นๆก็ไม่ต่างอะไรกับกล้องส่องทางไกลขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป หากมีขนาดเล็กย่อมมองเห็นเต๋าได้เล็ก หากมีขนาดใหญ่ย่อมเห็นอะไรกว้างไกลยิ่งกว่า ในขณะที่กล้องส่องทางไกลของเจ้ากลับมีขนาดใหญ่เกินไป หากสร้างขึ้นได้สำเร็จ เจ้าจะเห็นเต๋าผ่านสิ่งนี้ยิ่งใหญ่เสียกว่าคนอื่นนับหลายร้อยเท่า!”

เย่หยวนกล่าวว่า “สัประยุทธ์ครั้งล่าสุดกับเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงโอกาสในการเลื่อนระดับชั้น แต่เพียงว่าหากโอกาสนี้หลุดลอยไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามันจะหวนกลับมาอีกเมื่อใด”

ครั้งล่าสุดที่เย่หยวนเชื่อมต่อกับหุบเขาถงเทียนจำลองได้ เป็นเพราะเขาใช้ศาสตร์แห่งโอสถในฐานะตัวกลาง

แต่ความนี้เขากลับทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว ศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่ขอบเขตจอมเทพโอสถหนึ่งดาว และยังไม่สามารถบรรลุสู่สองดาวได้ เช่นนี้จึงมิอาจปลดผนึกหุบเขาถงเทียนในส่วนที่ลึกกว่านี้ได้เช่นกัน

หวูเฉินเงียบไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นราวกับคิดอะไรบางอย่างออกจึงโพล่งกล่าวขึ้นทันทีว่า “ตอนนี้เจ้ากำลังตกที่นั่งลำบาก แล้วไฉนถึงไม่ลองเปิดใช้งานห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตายดูล่ะ?”

เย่หยวนตัวค้างแข็งในบัดดลพลางเอ่ยทวน “ห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย?”

หวูเฉินพยักหน้าและกล่าวอธิบายว่า “มันคือมรดกตกทอดของจอมเทพนิรันดร์ที่วางแผนสร้างขึ้นเพื่อให้ลูกศิษย์ของตนในอนาคตได้หยิบใช้งาน แต่เพียงว่าภายในห้วงมิตินั้นค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ข้าจึงไม่เคยแจงให้เจ้าทราบ ตามชื่อของมันไม่มีผิดเพี้ยน มันคือห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย!”

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด