Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1445 มันสายเกินไปแล้ว!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1445 มันสายเกินไปแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้อง ไป๋เฉินค่อยๆกินผลวิญญาณเต๋าลงไป

พวกเขาทั้งหมดต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมจ้องมองไป๋เฉินด้วยแววตาสุดกระหาย แววตาเหล่านั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉา

ทั่วกายาของไป๋เฉินสั่นสะท้าน ประกายแสงในแววตาของเขาจางลงอย่างแช่มช้า ภาพฉากเบื้องหน้ากลายเป็นแสงสีขาวประดุจมีแสงสีน้ำนมห่อหุ้มเขา

ไปเฉินเสมือนทารกในครรภ์ที่หวนย้อนกลับสู่ร่างผู้เป็นแม่อีกครั้ง มวลแสงสีน้ำนมห่อหุ้มร่างกายของเขาที่ขดตัวอยู่แบบนั้นและตกสู่ห้วงนิทราไป

กลิ่นอายแห่งเต๋าอันไร้ขอบเขตเริ่มแผ่ออกมา

ตึงง…

ทั่วทั้งซากอักขระเทวะเกิดแสงสั่นสะเทือน ขณะเดียวกันมันก็เริ่มพังทลายลงมาทีละจุดสองจุด

ตึง! ตึง! ตึง!

ค่ายกลทั้งหมดถล่มลงมา ลูกไฟที่เข้าจู่โจมกระจัดกระจายอยู่ทัวบริเวณยามนี้พลันอันตรธานหายไป

“ฮ่าๆๆ! เย่หยวน ข้าอยากเห็นเสียจริงว่า ยามนี้ยังมีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีกในตอนนี้!”

ไร้ซึ่งลูกไฟเข้าสกัดจู่โจม ความกดดันที่ฉินเทียนต้องแบกรับก็ลดลงอย่างมาก

เขาถูกตรึงกำลังโดยค่ายกลบัดซบอันนี้จนแทบทำให้เขาเป็นบ้าตอนที่เขาพยายามจะแย่งชิงผลวิญญาณเต๋ามา ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกต่างหาก

ในอีกด้านหนึ่ง สภาพของต้วนเฟยน่าเวทนากว่าเขายิ่ง

ตั้งแต่หัวจรดเท้า สามารถใช้วาจาคำพรรณนาแสนหลากหลายเกินบรรยาย แทบไม่มีจุดไหนเลยที่ต้วนเฟยอยู่ในสภาพดีหรือพอดูได้

เย่หยวนช้อนสายตามองฉินเทียนอย่างไม่แยแสและกล่าวน้ำเสียงหยามเหยียดไปว่า

“เช่นนั้นตามเงื่อนไขของเจ้า เจ้าก็ต้องฆ่าตัวเองด้วยเช่นกัน?”

สายตาอันเหยียดหยามของเย่หยวนเข้ากระตุ้นโทสะของฉินเทียนอย่างจัง เขาคำรามขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า

“ข้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง! แต่เซียนอาณาจักรพระเจ้าอันต่ำต้อยอย่างเจ้า กลับหาญกล้ากล่าววาจาเพ้อเจ้อไร้ยางอาย?! ตายซะ!”

ฉินเทียนตะโกนเสียงดังลั่น ร่างของเขาไสววูบพุ่งเข้าใส่เย่หยวนสุดบ้าดีเดือดประดุจสายฟ้า

เย่หยวนแสยะยิ้มครืนหัวร่อเสียงเย็น คู่เท้ากระตุกไสว เงาร่างอันตรธานไปจากจุดที่ยืนอยู่

บูม!

บูม!

บูม!

เงาร่างทั้งสองพัลวันโฉบเฉี่ยวกลายเป็นดั่งภูตผี แลกเปลี่ยนปะทะชนหลายกระบวน

สูสีมาก!

อวัยวะภายในของฉินเทียนบอบช้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกเหนือจากนี้ยังถูกเต๋าแห่งดินแดนนี้ปราบปรามปฏิเสธ ความแกร่งกล้าในปัจจุบันจึงแย่กว่าก่อนหน้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดไป

กระบวนดาบอย่างจันทร์สลาย จุดที่เน้นย้ำสำคัญที่สุดคือ การหลอมรวมระหว่างคนกับดาบและเร่งเร้าอานุภาพความเร็วให้ถึงขีดสุด

เย่หยวนหยิบใช้พลังทั้งหมดออกมาไม่มีรั้งรอนปะทุเดือด ยามประจัญบานเข้าปะทะหาได้แย่กว่าฉินเทียนแม้แต่น้อย!

ภายใต้สถานการณ์เฉกเช่นนี้ ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองกลับสมดุลสูสีกันอย่างน่าประหลาดใจ

ทั้งสองล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีพลังต่อสู้ที่สูงมาก การปะทะกันของทั้งคู่รุนแรงจนทำให้โถงกว้างภายในถ้ำเริ่มถล่มล้มลงมาอย่างรวดเร็ว เศษซากปรักหักพังปลิวว่อนไปทั่วทุกแห่งหน

“ต้วนเฟย ฆ่าเด็กนั้นซะ! มิเช่นนั้นยามที่เขาดูดซับผลวิญญาณเต๋าเสร็จเมื่อใด เจ้าจะตายไม่เหลือซาก!”

ระหว่างศึกสัประยุทธ์เดือด เสียงกู่ร้องแสนเดือดดุของฉินเทียนคำรามลั่น

ต้วนเฟยรู้สึกหดหู่เกินบรรยาย หลังจากถูกลูกไฟเหล่านั้นเข้าโจมตี

รากฐานแห่งเต๋าของเขาได้รับความเสียหายหนัก  ต่อให้อาหารบาดเจ็บของเขาจะกลับมาหายดีสมบูรณ์ แต่ระดับพลังของเขาก็ไม่สามารถพัฒนาต่อก้าวสู่อีกขั้นได้แล้วเช่นกัน

วาจาคำกล่าวของฉินเทียนเปรียบดั่งฟ้าคำรน ตัวเขาสะดุ้งเฮือกทันทีก่อนปราดพุ่งไปหาไป๋เฉินเสมือนฟ้าผ่า

แม้ว่าต้วนเฟยจะสูญเสียพลังความแกร่งกล้าลงไปมาก แต่ในทำนองเดียวกัน เขาก็ยังเป็นเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าวันยังค่ำ

ด้วยความแกร่งกล้าของไป๋เซิ่วและที่เหลือ ไม่ว่าอย่างไรก็มิใช่คู่มืออยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ไป๋ซิ่วปราศจากความลังเลแม้สักนิด พร้อมเข้าขวางมิให้อีกฝ่ายเข้าถึงไป๋เฉินโดยง่าย

โม่หยุนและผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็เช่นกัน พวกเขาปรี่รุดเข้ามาขวางหวังสกัดฝีเท้าของต้วนเฟย

ขณะเดียวกันต้วนเฟยหาได้สนใจอาการบาดเจ็บใดๆของตนไม่ พร้อมปลดปล่อยพลังปราณเทวะที่เหลือทั้งหมดในร่างกายออกมา!

“ฝ่ามือเทวะหลัวโป้หรู!”

ต้วนเฟยกัดฟันแน่นกู่ร้องคำรามกึกก้อง รัศมีกลิ่นอายสุดสะพรึงโหมกระเพื่อม ทำเอาไป๋ซิ่วกับที่เหลือหน้าเสียเปลี่ยนไปตามๆกัน

ด้วยอาการบาดเจ็บในปัจจุบันของต้วนเฟย หากพวกเขาต้องการจะเลี่ยงหลบกระบวนโจมตีนี้ย่อมสามารถทำได้เช่นกัน

แต่เบื้องหลังของพวกเขาคือไป๋เฉิน!

“ปกป้องท่านประมุขจนวาระสุดท้าย! ทุกคนผนึกกำลังผสานโจมตีพร้อมข้า!”

“รับทราบ!”

ทุกคนต่างข่านรับสั่งไม่กลัวตาย แต่ละคนหยิบใช้สำแดงกระบวนโจมตีต่างๆเพื่อต้านรับฝ่ามืออันทรงอนุภาพนี้

ต้วนเฟยระเบิดหัวเราะเสียงเย็นสะท้าน กล่าวว่า

“พวกตาบอดและโง่เขลา! ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเอาเอง เช่นนั้นผู้อาวุโสระดับสูงผูนี้จะส่งพวกเจาทั้งหมดไปสวรรค์เอง!”

คล้อยหลังกล่าวจบต้วนเฟยก็กระตุ้นพลังฝ่ามือเพิ่มอานุภาพทำลายล้างเป็นทบทวี แรงกดดันอันน่าสะพรึงเข้าลบล้างชำระน่านนภา ปกคลุมทั่วผืนพิภพเคลื่อนเข้าไปหาไป๋เฉิน

“ฮ่าๆๆ! ไอ้เด็กนั้นกำลังจะต่อหน้าต่อตาเจ้า! ความหวังทั้งหมดที่เจ้ามีหมดสิ้นไปเสีย ผ่อนคลายเถอะ เจ้ากำลังจะตามมันลงนรกเป็นรายถัดไป!”

วูบบ!

กลางเวหานภากาศ ร่องรอยอัสนีแล่นโฉบคำรนผ่าน

รอยยิ้มของฉินเทียนแข็งค้างอยู่เช่นนั้นบนใบหน้าในทันใด!

เย่หยวนอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง!

สีหน้าการแสดงออกของฉินเทียนผันแปรเปลี่ยนในบัดดล เขาอุทานขึ้นดวยความประหลาดใจยิ่งว่า

“นั้นมัน…ยันต์ประกายอัสนีสวรรค์! ไอ้บัดซบ! อาจารย์อัสนีคำรน! นั้นมันยันต์ประกายอัสนีสวรรค์ของเขา!”

ก่อนหน้านี้ภาพฉากที่เย่หยวนฉกชิงผลวิญญาณเต๋าไปจากมือในเสี้ยวพริบตา กระทั่งฉินเทียนยังไม่ทันตอบสนองใดๆ

ในที่สุดเขาก็ทราบเสียทีว่า ไฉนเย่หยวนถึงรวดเร็วได้ถึงขนาดนี้!

มันเป็นเพราะจันทร์สลายและยันต์ประกายอัสนีสวรรค์!

เมื่อเย่หยวนปลดปล่อยกระบวนท่าจันทร์สลายออกไป เขาก็สำแดงใช้ยันต์ประกายอัสนีสวรรค์ออกมาเช่นกัน กล่าวได้ว่าเร่งในเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด!

ยันต์ประกายอัสนีสวรรค์นับเป็นผลงานอันภาคภูมิใจยิ่งของอาจารย์อัสนีคำรน เมื่อสำแดงใช้ออกมา แม้แต่เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทันเช่นกัน!

แม้ว่าเย่หยวนจะไม่สามารถปลดปล่อยพลังของยันต์ประกายอัสนีสวรรค์ได้เต็มที่ แต่สิ่งนี้หยิบใช้ออกมาโดยมีพื้นฐานเป็นกระบวนท่าจันทร์สลายคอยเสริมความเร็วให้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อใช้ควบคู่ไปกับยันต์ประกายอัสนีสวรรค์ จึงทำให้ความเร็วของเย่หยวนเทียบเคียงได้กับเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า

ชวิ้ง!

ฉินเทียนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงคมดาบผ่าเนื้อสดเป็นแนวยาว

สายตาแววประกายอันมีชีวิตชีวาของต้วนเฟย ยามนี้กลับดูเลื่อนลอยมืดหม่นลงทันที

ส่วนฝ่ามืออันน่าสะพรึงนั้นกลับสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ไป๋ซิ่วและที่เหลือมีทีท่าคล้ายเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ยามนี้แรงกดดันทั้งหมดก่อนหน้ากลับดับวูบไม่เหลือร่องรอย

ก่อนจะเห็นต้วนเฟยร่วงล้มลงสุดอ่อนแรงต่อหน้าต่อตาพวกเขา

ต้วนเฟยตาย!

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตา จนทุกคนมิสามารถตอบสนองได้ทัน

กว่าจะรูสึกฟื้นตัวอีกที ต้วนเฟยก็ตายลงไปเสียแล้ว

วูบบ…

อย่างไรก็ตามแต่ ฝันร้ายยังคงดำเนินต่อไป

ฉินเทียนสั่นสะท้านอีกระลอก พร้อมกลิ่นอายแห่งความตายที่โชยขึ้นจากบนหัว!

ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ฉินเทียนเหนเพียงเงาซ้อนเป็นสายหนึ่งพวยพุ่งเข้าหาตัว

ชวิ้ง!

ด้วยความตื่นตระหนก ฉินเทียนเหวี่ยงคมดาบฟาดฟันออกไปตามสัญชาตญาณ

ฉินเทียนรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่ส่งผ่านเข้ามา อาการบาดเจบที่ถูกระงับยับยั้งไปก่อนหน้าปะทุกำเริบขึ้นอีกครั้ง เลือดสดสายหนึ่งกระอักพ่นออกมารุนแรง ร่างของเขากระเด็นออกไปไกล

“ยังไม่จบ! อีกครา!”

สุ้มเสียงอันเยือกเย็นของเย่หยวนเสมือนเสียงกระซิบภูตผีอยู่ข้างหูฉินเทียน

ฉินเทียนเสียวสันหลังวูบ หนาวสะท้านยันศีรษะ แต่กระบวนเคลื่อนไหวของเย่หยวนในครั้งนี้น่าสะพรึงเกินไป ตอนนี้เขาจำใจทำได้เพียงตั้งกระบวนป้องกันตามสัญชาตญาณต่อภัยอันตรายเท่านั้น

คมดาบเล่มต่อไป ฉินเทียนกลับไม่ความมั่นใจเลยสักนิดว่าจจะสกัดปัดป้องออกไปได้!

ชวิ้ง!

ฉินเทียนรู้สึกเพียงเบื้องหน้ากลายเป็นภาพเบลอหนัก เย่หยวนปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง!

แกร๊ง!

ครั้งนี้เขายังป้องกันได้อีกครั้งอย่างหวุดหวิด เสมือนแมวตาบอดไล่หนูตาย!

ภายใต้แรงปะทะอันทรงพลังในคราวนี้ ดาบในมือฉินเทียนมิอาจจับแน่นกระชับมือได้อีกต่อไป จนสุดท้ายพลันหลุดมือตกลงไปในบ่อหินหนืดทันที

“ตายซะ!”

คำกล่าวนี้ของเย่หยวนเปรียบเสมือนฝันร้าย

รูม่านตาของฉินเทียนหดแคบเท่ารูเข็ม ขามนี้กรีดร้องอ้อนวอนแก่เย่หยวนด้วยน้ำเสียงอันสั่นคลอน

“ข้าผิดไปแล้ว! เย่หยวน ข้าผิดไปแล้ว! มา…มาคืนดีกันเถอะ!”

“มันสายไปแล้ว!”

สุ้มเสียงเย็นชืดของเย่หยวนปราศจากอารมณ์สงสัยใด และนี่เป็นเสียงสุดท้ายที่ฉินเทียนจะได้ยิน

ซวบบ!

ดาบพิชิตมารฟ้าเจาะทะลวงเกราะวิหคสวรรค์ทะลุผ่านอวัยวะภายในเสียบมิดด้าม!

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด