Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1500 วิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้า ปะทะ รุ่งเบิกอรุณ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1500 วิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้า ปะทะ รุ่งเบิกอรุณ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สายตาข้ามีปัญหากระมัง? ท่านไควินพ่ายแพ้ได้อย่างไร?”

“บรรพกาลราตรีผู้นี้…ช่างแกร่งกล้ายิ่งนัก! แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!”

“เขาเป็นเพียงแม่ทัพปีศาจชั้นปลายมิใช่รึ? กลับสามารถเอาชนะจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นอย่างท่านไคซินได้จริงๆ!”

“โดยปกติแล้ว ท่านไคซินมักข้าระดับสัประยุทธ์มาโดยตลอดสิบปีในลานประลองเลือดแห่งนี้! กลับนึกไม่ถึงเสีย วันนี้พลาดท่าให้กับคนที่ข้ามระดับสู้เช่นกัน นี่…นี่ช่างน่าเหลือเชื่อ!”

เสียงโห่ร้องแผดดั่งหลั่งไหลดุจน้ำขึ้นน้ำลง สิ่งที่เข้ามาแทนที่คำสรรเสริญคือเสียงอุทานแซ่ซ้อง

ทันทีทันใดฝ่ายที่สนับสนุนไคซินเริ่มรวนเรสับสน

สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ วีรบุรุษของพวกเขาถูกโค่นลงในพริบตา

ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า เย่หยวนหาใช่พวกโง่เขลาแสวงหาความตายไม่ เขามีทุนรอนฝีมือแสนน่าประทับใจ!

“ฮ่าๆๆ ไคหลาน เมื่อครู่เจ้ามิได้เอ่ยกล่าวเอ้ยรึว่า ไคซินจะบดขยี้เขาเป็นเนื้อสับ? อ้าว ไฉนตอนนี้ไม่อยากคุยโม้กับข้าแล้ว? กล่าวมาเลยกล่าวมา ข้าพร้อมรับฟังอยู่!”

เมื่อฟางหลินเห็นภาพฉากนี้ เขาก็อดเอ่ยปากประชดประชันอีกฝ่ายมิได้

สีหน้าการแสดงออกของไคหลานน่าเกลียดถึงขีดสุด เขาก่นเสียงเย็นคำโตกล่าวว่า

“นี่ยังไม่จบ! เจ้าคิดว่าเด็กนั้นจะสำแดงใช้กระบวนท่านี้ได้กี่ครั้งเชียว?”

ฟานหลินยิ้มกล่าวว่า

“จุจุ ใช้อีกสักครั้งน่าจะเกินพอแล้ว! เจ้าดูสภาพของไคซินเสียก่อน จะทนอีกสักครั้งไหวหรือไม่?”

ในเวลานี้เอง พลังปีศาจอันน่าสะพรึงพลันที่ปะทุคลั่งออกมาจากร่างไคซิน้เริ่มเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด

กระบวนท่าดับเงาสยบมารของเย่หยวนเหี้ยมโหดเกินบรรยาย กระทั่งเทวรูปเทพอสูรเทวะช่วยลดทอนพลานุภาพไปโดยส่วนใหญ่แล้ว ทว่าสุดท้ายนี้ก็ยังทำให้ไคซินได้รับบาดเจ็บสาหัส

เมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของเย่หยวนก่อนหน้าแล้ว อาการของเขา ณ ปัจจุบันสาหัสกว่ามาก

จนถึงตอนนี้ไคซินยังไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง แค่หนึ่งปี เย่หยวนเติบโตพัฒนาขนาดนี้ได้อย่างไร?

ก่อนหน้านี้ ไคซินยังหยามเหยียดเย่หยวนไปหมาดๆ เมื่อพินิจมองรูปการณ์ณืในปัจจุบันเกรงว่าจะไม่ใช่แล้ว!

มิเพียงแต่เย่หยวนจะทะลวงขึ้นกลายเป็นแม่ทัพปีศาจชั้นปลายได้ แต่เขายังสั่งสมพลังปราณรวบรวมอาณาจักรจนรากฐานพลังมั่นคงแน่นหนา โดยปราศจากร่องรอยไร้เสถียรภาพแม้นสักนิด

“ดี! ดี! ดีมาก! บรรพกาลราตรี เจ้าสามารถบังคับเรานายน้อยได้ถึงขั้นนี้ จงภูมิใจในตัวเองเสีย! หากกว่าคาดเดาของข้าถูกต้อง เจ้าคงต้องการสำแดงใช้กระบวนท่านี้เป็นคำรบสองกระมัง?”

ไคซินเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าสุดมืดทมิฬเข้ม

เย่หยวนเหลียบมองอีกฝ่ายดั่งว่าไม่แยแสนัก เอ่ยกล่าวเสียงเรียบเย็นว่า

“หากใช่ก็ใช่ ถ้ามิใช่คงมิใช่?”

ไคซินกรนเสียงเย็นตอกกลับว่า

“จะใช่หรือไม่ เจ้าก็หนีความตายไม่พ้น! ไอเทพอสูรจงแผ่ซ่าน เทพมารสวรรค์ฟ้า!”

ตึงงง!

ร่างภูตมารสวรรค์ฟ้าขนาดมหึมาผนึกควบแน่นขึ้นจากไอปีศาจทมิฬแสนน่าสะพรึง ก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะของไคซิน

พลังวิญญาณทั่วฟ้าดินเข้าระดมเสริมสร้างความแกร่งกล้าให้แก่ร่างภูตมารสวรรค์ฟ้าเพิ่มทวี

แรงกดดันปีศาจอันน่าสะพรึงเข้าครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณจนทุกคนแทบหยุดหายใจ

“นั้นมันวิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้า! สวรรค์! ท่านไคซินสามารถอัญเชิญวิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้าออกมาได้แล้ว!”

“วิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้า! เมื่ออัญเชิญขึ้นมา ไม่เพียงจะช่วยฟื้นฟูพลังงานกลับคืนได้ทันที แต่มันยังสามารถร่ายเวทย์ต้องห้ามโบราณเพพื่อเร่งพลังจำนวนมหาศาลออกมาได้! ความน่ากลัวของมันสุดจะพรรณนาเกินไป!”

“พรสวรรค์ของบรรพกาลราตรีผู้นี้ช่างน่าทึ่งก็จริง แต่ไคซินกลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่า! น่ากลัวเกินขอบเขตนึกคิดจินตนาการได้ สุดท้ายนี้บรรพกาลราตรีก็ยากที่จะรอดพ้นจากความตาย!”

ณ ช่วงเวลานี้เอง กระบวนเคลื่อนไหวของไคซินถูกปลดปล่อย ทุกคนต่างสะท้านขวัญยิ่งด้วยความครั่นคร้าม

การอัญเชิญวิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้า เป็นศาสตร์วิชาลับเฉพาะของเผ่าปีศาจ และยากเกินจะฝึกปรือ

ผู้ที่สามารถเรียกวิญญาณเทพมารสววรรค์ฟ้าออกมาได้ ล้วนแต่เป็นยอดอัจฉริยะแห่งเผ่าปีศาจทั้งสิ้น

เมื่อพบเห็นฉากนี้ อินทรีโลหิตสีหน้าดูไม่สู้ดีเท่าใดนัก

“มันจบแล้ว! นี่ยังคงเป็นอีกฝ่ายที่คว้าชัยไป! ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ไคซินจะสามารถอัญเชิญวิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้าออกมาได้แล้ว!”

คุนหมิงขมวดคิ้วแน่น

“ดูเหมือนว่าใครแพ้ชนะกลับถูกตัดสินแล้ว!”

ณ อัฒจันทร์ระดับสาม ชายที่นั่งข้างอวี้หานพลันขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะคลายอ่อนลงพร้อมรอยยิ้มจางๆ เขากล่าวว่า

“ดูเหมือนว่าเขายังหาใช่คู่มือของไคซินในท้ายที่สุด! เด็กหนุ่มมากพรสวรรค์เช่นนี้…น่าเสียดายนัก!”

สีหน้าการแสดงออกของอวี้หานเองก็เผยถึงความประหลาดใจไม่ต่าง ทว่านางยิ้มตอบว่า

“ยินดีด้วยท่านเจ้าเมืองไคหลง ท่านมีผู้สืบทอดที่คู่ควรแล้ว! บรรพกาลราตรีเป็นเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์ แต่ดูเหมือนว่า…เขาจะรีบร้อนเกินไปเสียหน่อย”

ปรากฏว่าชายที่อยู่นั่งข้างๆอวี้หานก็คือ เจ้าเมืองหลวงคาโปน ไคหลง!

พินิจจากน้ำเสียงท่าทางการวางตัว คล้ายว่าพวกเขาสองคนนี้จะมีระดับสถานนะศักดิ์เท่าเทียมกัน

ไคหลงที่ได้ยินเช่นนั้นพลันคลี่ยิ้มและกล่าวว่า

“ดูเหมือนว่า เจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน!”

อวี้หานยิ้มแต่มิได้เอ่ยกล่าวอันใด

ในเวลานี้เอง วิญญาณเทพอสูรมารสวรรค์ฟ้าเหนือศีรษะของไคซินก็ค่อยๆลอยลงมา พร้อมเข้าหลอมรวมกับร่างกายของเขา!

ทันใดนั้นเองพลังปราณปีศาจพลันปะทุคลั่งออกมาจนล้นปรี่!

ไคซินค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมนัยน์ตาทั้งสองที่กลายเป็นสีดำสนิท

“ฮ่าๆๆ ช่างทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้! นี่ทำให้ข้าเลือดร้อนขึ้นแล้ว! บรรพกาลราตรี ข้าขอยอมรับเลยว่า เจ้านั้นแข็งแกร่งจริงๆ! แต่สุดท้ายนี้ก็ยังต้องตาย! วิชาลับเทพมารสวรรค์ฟ้านี้ทรงพลังไร้ที่สิ้นสุด! เพลงหมัดเหล็กเทพอสูรคลั่ง!”

ไคซินกรีดร้องน้ำเสียงฉีกห้วงอากาศ ทันทีทันใดร่างของเขาพลันอันตรธานหายวับไป

ในขณะนั้นเอง ร่างเย่หยวนก็ไสววูบหายลับตาฝูงชนไปเช่นกัน

“ดับเงาสยบมาร!”

ณ เวลาเดียวกัน เย่หยวนก็กรีดร้องขึ้นเข้าประจัญบานทันทีล

บูมม! บูมม! บูมม!

บนลานประลอง เสียงปราดปะทุดังระงมไม่หยุดหย่อน

พลังแห่งแนวคิดของทั้งสองช่างน่าสะพรึงและลึกล้ำยิ่งแล้ว

อย่างไรก็ตามแต่ กลับไม่มีใครสามารถมองร่างของทั้งคู่ได้ทันเลย

คล้ายว่าพวกเขาทั้งสองหายลับไปกลางอากาศ ปรากฏเพียงเสียง

ลู่ลมต้านปะทะดังชัดเจนประจักษ์รูหู

แม้จะไม่มีใครมองเห็น ทว่าทุกคนก็รู้สึกระทึกใจแทบลืมหายใจ

“ใครเป็นรองใครอยู่? ข้ามองไม่เห็นเลย!”

“ยังจำต้องกล่าวอีกงั้นรึ? ก็ต้องเป็นท่านำคซินอยู่แล้ว! ยามนี้เขาเอาจริงโดยการสำแดงวิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้าออกมาแล้ว พลังปราณปีศาจระดมถาโถมเข้ามาได้ไม่ในสิ้นสุด นอกจากนี้ยังมีวิชาลับอื่นๆคอยเกื้อกูล เพียงเท่านี้ก็ไล่ตามความเร็วของบรรพกาลราตรีได้แล้ว!”

“โชคดี โชคดีจริงๆ! ข้าเดิมพันฝ่ายท่านไคซินด้วนทรัพย์สินทั้งหมดที่มี แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า บรรพกาลราตรีจะเป็นม้ามืดเช่นนี้! ข้าเกือบเสียทุกอย่างไปแล้ว!”

“เหอะ มิใช่เลย! การเคลื่อนไหวของบรรพกาลราตรีแข็งแกร่งก็จริง แต่เขากลับรักษาเสถียรได้เป็นช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น”

ทุกคนได้ยินเพียงเสียงปะทุดังตูมตามจากมุมหนึ่งของลานประลอง สิ่งนี้ใช้เป็นตัวกำหนดตัวแหน่งของพวกเขาในปัจจุบันได้

ในเสี้ยวพริบตาต่อมา หลายสิบอึดใจก็ผ่านพ้นไป

ทั่วลานประลองเงียบลง

“รุ่งเบิกอรุณ!”

เสียงระเบิดดังขึ้นทั่วทั้งลานประลอง ควันฝุ่นและเศษหินเศษทรายกระจายไปทั่วสารทิศ

ในที่สุด สุ้มเสียงการต่อสู้อันแสนรุนแรงก็จบลง

ฝุ่นควันกระจายตัว ปรากฏร่างสภาพมอมแมมอยู่สองคนต่อหน้าทุกคน

เย่หยวนหอบหายใจถี่ตระหนี่ สีหน้าซัดขาวหนัก ไม่ทราบเลยว่ามีกี่ร้อยบาดแผลที่ถูกฟาดฟันบนร่างกาย พร้อมร่างที่ย้อมไปด้วยสีเลือดน่าสยดสยอง

อย่างไรก็ตาม สภาพของไคซินในตอนนี้กลับเลวร้ายเสียยิ่งกว่า!

วิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้าได้สูญสลายไปแล้วโดยถูกกายเนื้ออันแกร่งกร้าวของเย่หยวนซัดกระหน่ำไป

สายตาของไคซินจับจ้องเขม็งใส่เย่หยวน พลางกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชังกล่าวว่า

“เจ้ายังมี…ไม้เด็ดอยู่อีก!”

ไม้เด็ดที่ว่าของเย่หยวนคือ เพลงดาบสวรรค์เบิกฟ้ารูปแบบที่สาม รุ่งเบิกอรุณ!

กระบวนเคลื่อนไหวนี้สามารถโค่นล้มสรรพสิ่งใต้สวรรค์ได้!

ภายใต้สภาวะของดับเงาสยบมารที่เย่หยวนเร่งความเร็วถึงขีดสุด เขาได้สำแดงใช้รุ่งเบิกอรุณเข้าบดขยี้วิญญาณเทพมารสวรรค์ฟ้าของไคซินจะเละเป็นผุยผง

เย่หยวนแสยะยิ้มกล่าวว่า

“ข้าเคยกล่าวไปแล้ว เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ นั้นเป็นเพราะ…เจ้ายังไม่เคยปะทะกับข้าเลย!”

“ฮ่าๆๆ…”

ทันใดนั้นเองไคซินก็ระเบิดหัวเราะดังลั่นอย่างเดือดดุ เขาจับจ้องไปที่เย่หยวนและเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความสงสาร

“เจ้าคิดว่ามันจบแล้วรึ? ในเมื่อข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยพลังระดับแม่ทัพปีศาจ เช่นนั้ข้าก็จักใช้ขุมพลังแห่งจอมทัพปีศาจเพื่อฆ่าเจ้า!”

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด