Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1553 ขอบเขตแห่งเต๋า

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1553 ขอบเขตแห่งเต๋า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โอสถฤทัยปราณสวรรค์ขั้นสูง!

สำหรับผลลัพธ์นี้ มันยิ่งกว่าที่หนิงซื่ออวี๋คาดหวังไว้มาก

แม้ต่อหน้าเย่หยวน โอสถฤทัยปราณสวรรค์ขั้นสูงจะไม่ต่างอะไรจากเศษขยะเลย แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำให้นางปลื้มใจอย่างมาก

ส่วนในสายตาของซวนอี้ ติงซุน และหนิงฟางหรง ยิ่งตื่นตะลึงเป็นพิเศษ

เพราะพวกเขาทุกคนต่างทราบดีว่า ก่อนที่หนิงซื่ออวี๋จะหนีออกไปเที่ยวเล่นในเขตเมืองชั้นนอก ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน ก็ยังหลอมกลั่นโอสถฤทัยปราณสวรรค์ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ที่นางวิ่งหนีออกไปเที่ยวเล่นหาใช่เพราะเรื่องนี้?

แล้วนี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเอง?

นางกลับหลอมกลั่นได้ขั้นสูงอย่างน่าอัศจรรย์!

หรือเป็นไปได้ไหมว่า นังตัวแสบนี่ออกไปเรียนรู้ทักษะใหม่มาจริงๆ?

เมื่อเห็นสีหน้าอันตื่นตะลึงของอาจารย์ หนิงซื่ออวี๋ยิ่งรู้สึกพึงพอใจยิ่ง

“ท่านอาจารย์ ท่านดูถูกฝีมือของข้าที่พัฒนาขึ้นมามากเกินไป คราวนี้คงไม่คิดว่าข้ามีลูกไม้อีกกระมัง?”

หนิงซื่ออวี๋คลี่ยิ้มกว้างสดใส

คล้อยหลังประหลาดใจอยู่นาน ซวนอี้หล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตาขึ้นว่า

“เจ้าตัวแสบ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้มาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไฉนฝีมือของเจ้าถึงพัฒนาได้ขนาดนี้ภายในเวลาไม่กี่วัน?”

หนิงซื่ออวี๋กล่าวตอบอย่างสุภาพว่า

“ทั้งหมดเป็นเพราะท่านปรมาจารย์เย่! ท่านไม่มีทางทราบเลยว่า ตอนที่ท่านปรมาจารย์เย่หลอมกลั่นโอสถมันสุดยอดเพียงใด! ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า จะมีใครบนผืนพิภพที่สามารถหลอมกลั่นโอสถได้ไร้ที่ติปานนี้! ยิ่งไปกว่านั้น…”

เมื่อเริ่มเอ่ยปากถึงเย่หยวน หนิงซื่ออวี๋ก็เริ่มพ้นวาจาพรรณนาออกมาไม่หยุดหย่อน

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ท่านปรมาจารย์เย่ที่เจ้าเอ่ยถึงคือใครกัน?”

ซวนอี้เอ่ยขัดจังหวะขึ้นทันทีด้วยความสงสัย

หนิงฟางหรงประสานมือกล่าวตอบแทนว่า

“ท่านอาจารย์ เรื่องมันเป็นเช่นนี้…”

จากนั้นหนิงฟางหรงก็เริ่มอธิบายถึงความน่าอัศจรรย์ที่เย่หยวนสามารถรักษาโรคภัยต่างๆที่แสนประหลาดได้ รวมไปถึงเรื่องห้ากลุ่มอิทธิพลที่รวมหัวกันสร้างปัญหาให้อีก ขณะที่ซวนอี้ที่ได้ฟังถึงขั้นตื่นตะลึงไม่หยุดหย่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงเย่หยวนในตอนที่หลอมกลั่นโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์ และช่วยหวางเชียนให้หายจากโรคได้ ทั้งยังเพิ่มพูนพรสวรรค์การบ่มเพาะพลังแก่อีกฝ่ายอีก ซวนอี้ตื่นตะลึงจนอธิบายไม่ถูกแล้ว

การจะขุดรากถอนโคนพิษกร่อนไขกระดูกม่วงเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ พิษโบราณชนิดนี้ไม่สามารถรักษาให้หาย แต่ปรากฏว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับทำได้จริงๆ!

“ข้าไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เขตเมืองทางตอนใต้จะมีบุคคลที่น่าทึ่งขนาดนี้อยู่ด้วย!”

ซวนอี้กล่าวอุทานขึ้นพลางถอนหายใจด้วยความชื่นชม

หนิงซื่ออวี๋เหลือบมองซวนอี้เล็กน้อย นางยิ้มกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์ ท่านสนใจ…รับศิษย์เพิ่มหรือไม่?”

ซวนอี้มิอาจเก็บซ่อนความคิดนี้ได้เช่นกัน จึงกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“นังตัวแสบนี่รู้ทันข้าไปหมด! อัจฉริยะระดับนี้ หากถูกคนอื่นพรากไปนับว่าเสียดายแย่”

แม้จะฟังดูน่าประทับใจมาก แต่ท้ายที่สุดซวนอี้ก็ยังไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองมาก่อน

ด้วยสถานะของเขาที่เป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาว ต่อให้อีกฝ่ายจะน่าทึ่งเพียงใด แต่สุดท้ายก็เป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาว คุณสมบัติเท่านี้ยังไม่ควรค่าแก่การลดศีรษะของเขาได้

หนิงซื่ออวี๋หัวเราะคิกคักและกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์โปรดมั่นใจ ไม่มีใครสามารถพาตัวเขาไปได้!”

“หื้ม?”

ซวนอี้เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“ท่านลองดูนี่สิ!”

หนิงซื่ออวี๋หยิบโอสถประตูศิลาวายุทั้งสองเม็ดออกมาให้แก่ซวนอี้พินิจมอง ด้วยสายตาที่เฉียบคมของเขา เพียงปราดตาเดียวถึงกับสะดุ้งโหย่วตกตะลึงสุดขีด

“นี่มัน…นี่มันโอสถประตูศิลาวายุขั้นเทวะ!! นี่…อย่าบอกว่าเป็นฝีมือของเขา?”

หนิงซื่ออวี๋พยักหน้าและชี้ไปที่โอสถประตูศิลาวายุขั้นสวรรค์และกล่าวว่า

“เม็ดนี้เป็นครั้งแรกที่เขาหลอมกลั่น ส่วนอีกเม็ดเป็นครั้งที่สอง”

ซวนอี้หยิบโอสถทั้งสองเม็ดขึ้นมาดูโดยละเอียด สีหน้าการแสดงออกของเขาเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่

ไม่มีอะไรสะท้อนความแข็งแกร่งของนักหลอมโอสถได้ดีกว่าเม็ดโอสถที่หลอมกลั่นอีกแล้ว เขาสามารถมองเห็นได้ถึงความโดดเด่นของโอสถทั้งสองเม็ดนี้ได้ในทันที!

ซวนอี้วางโอสถทั้งสองเม็ดลงอย่างระมัดระวังและกล่าวว่า

“นี่ครั้งแรกของเขาจริงรึ? ไม่…หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ชายหนุ่มคนนี้จะบรรลุถึงสู่ขอบเขตแห่งเต๋าแล้ว! ข-ข้า…แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า จะมีจอมเทพโอสถสามดาวคนใดสามารถบรรลุถึงขอบเขตแห่งเต๋าได้!”

หนิงซื่ออวี๋ ติงซุน และหนิงฟางหรงต่างปั้นหน้ามึนงงก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า

“ท่านอาจารย์ ขอบเขตแห่งเต๋าคืออะไร?”

ซวนอี้กล่าวอธิบายน้ำเสียงจริงจังยิ่งว่า

“ระดับชั้นของนักหลอมโอสถถูกแบ่งได้จากโอสถศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาหลอมกลั่น แต่นอกเหนือจากขอบเขตบรรพกาลแล้ว สูงกว่านั้นคือขอบเขตแห่งเต๋า! แน่นอนว่าขอบเขตที่ทั้งกว้างใหญ่และลึกซึ้งไร้สิ้นสุด ต่อให้เป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว อย่าว่าแต่ขอบเขตแห่งเต๋าเลย แค่จะพัฒนาไปบรรลุไกลถึงขอบเขตบรรพกาลยังยากเย็นแสนเข็ญ! แสดงว่าความเข้าใจของเขาต่อเต๋าแห่งโอสถค่อนข้างลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงสามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพที่แท้จริงของโอสถออกมาได้เต็มที่! กล่าวได้ว่า คนประเภทนี้ไม่ว่าจะหลอมกลั่นโอสถชนิดใด ย่อมประสบความสำเร็จในระดับสูงทั้งสิ้น!”

เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่เย่หยวนหลอมกลั่นโอสถ หนิงซื่ออวี๋ก็อดตะลึงงันมิได้ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า

“หากเป็นไปตามที่ท่านอาจารย์กล่าวจริงๆ ต่อให้เป็นโอสถที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็สามารถหลอมกลั่นให้ได้ขั้นสวรรค์หรือเทวะได้? เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเขาจึงประสบความผิดพลาดเล็กน้อย ทำให้ท่านปรมาจารย์เย่หลอมกลั่นโอสถประตูศิลาวายุได้เพียงขั้นสวรรค์?”

มุมปากของซวนอี้กระตุกเล็กน้อย ก่อนหน้าเขายังต้องการรับเย่หยวนเป็นศิษย์ ยามนี้กลับละอายใจจนเลิกล้มความคิดไปโดยสิ้น

รับนักหลอมโอสถที่บรรลุขอบเขตแห่งเต๋าที่แม้แต่ตนเองยังทำไม่ได้มาเป็นศิษย์?

ไม่ควรมองว่าเขาเป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาว ต่อหน้าผู้ที่บรรลุขอบเขตแห่งเต๋าได้ เขากลับไม่มีคุณสมบัตินั้นจริงๆ!

นอกจากนี้เอง ต่อให้เขาเป็นจอมเทพโอสถห้าดาว เขาก็ยังไม่มีคุณสมบัติรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์เช่นกัน!

สามารถบรรลุขอบเขตนี้ได้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านั้น หากไม่เกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้นเสียก่อน ทันทีที่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ เขาจะขึ้นกลายมาเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถสำหรับยิ่งกว่าสิ่งใด!

ชายหนุ่มคนนี้จักต้องเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต!

“เอ่อ…ช่างน่าทึ่งจริงๆ! จอมเทพโอสถสามดาวน่าเกรงขามขนาดนี้ได้อย่างไร?”

ติงซุนไม่สามารถจินตนาการออกเลยว่า จอมเทพโอสถสามดาวจะแข็งแกร่งกว่าจอมเทพโอสถสี่ดาวได้อย่างไร

กล่าวได้ว่า ต่างกันหนึ่งดาวราวกับโลกคนละใบ

เขาไม่เคยได้ยินมากก่อนเลยว่า จะมีจอมเทพโอสถสามดาวคนใดแข็งแกร่งจนแม้แต่ท่านอาจารย์ของตนยังหวาดกลัว

ซวนอี้กล่าวขึ้นพลางถอนหายใจว่า

“เท่าที่ข้าทราบ คนที่จะไต่เต้าไปถึงขอบเขตแห่งเต๋าได้มีเพียงระดับชั้นยอดเซียนจักรพรรดิเทพสวรรค์ หรือไม่ก็ท่านเต๋าบรรพกาล! เรื่องเช่นนี้กลับไม่เคยได้ยินมาก่อน! หากเส้นทางที่ก้าวเดิมต่อไปในอนาคตของเขายังไม่มีอะไรผิดพลาด บางที…เขาอาจกลายมาเป็นเทพบรรพชนโอสถคนที่สองก็เป็นได้!”

“ฟู่วว…”

ทั้งสามต่างสูดไอเย็นแช่มลึกด้วยความหวาดหวั่นใจยิ่ง อาจารย์ซวนอี้ของพวกเขาประเมินเย่หยวนไว้สูงส่งยิ่งนัก

เทพบรรพชนโอสถหาใช่การดำรงอยู่ที่พวกเขาจะจินตนาการได้ นั้นเปรียบดั่งศาสดาของเหล่านักหลอมโอสถทั้งมวล!

ชายหนุ่มนิรนามโผล่มาจากไหนไม่ทราบ แต่ท่านอาจารย์ซวนอี้กลับบอกว่าอาจขึ้นกลายมาเป็นท่านเทพบรรพชนโอสถคนที่สอง!

“ไม่! อยู่เฉยไม่ได้แล้ว! ข้าต้องการพบเขา! ข้าต้องการพบท่านปรมาจารย์เย่! รีบไปรายงานเลยว่า…ข้าคนนี้ต้องการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับเขา!”

ซวนอี้โพล่งกล่าวขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น

หนิงซื่ออวี๋ไม่เคยเห็นอาจารย์เป็นเช่นนี้มาก่อน แม้ยามที่เผชิญพบกับประมุขหอโอสถ เขายังคงรักษาความสงบเยือกเย็นไม่คลายอ่อน

“รับทรายท่านอาจารย์!”

หนิงซื่ออวี๋เร่งกล่าวตอบ

“นอกจากนี้แล้ว งานประลองของหอโอสถกำลังจะเริ่มเร็วๆนี้แล้ว ระหว่างนี้เองเจ้าจงใช้เวลาที่เหลือสร้างสัมพันธ์อันดีต่อเขา และเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด! เข้าใจหรือไม่นังตัวแสบ!?”

ซวนอี้กล่าวย้ำขึ้นทันที

หนิงซื่ออวี๋โผเข้ากอดซวนอี้ทันทีและกล่าวอย่างยินดีปรีใจว่า

“ฮิฮิ ท่านอาจารย์ของข้าใจดีที่สุดเลย!”

“เอาล่ะ ศิษย์พี่สอง มอบไฟศักดิ์สิทธิ์ของท่านมาซะดีๆ!”

หนิงซื่ออวี๋เหลียวขวับจับจ้องติงซุน

ติงซุนคลี่ยิ้มแสนขมขื่นใจ แต่สุดท้ายต้องยอมจำนน

เขาบังคับให้เพลิงเทวะครามไพศาลออกจากร่างและมอบให้แก่หนิงซื่ออวี๋

แต่ไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้กลับมิได้มีประโยชน์ต่อนางมากนัก

ทันทีทันใด ติงซุนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และกล่าวว่า

“เจ้าต้องการมอบเพลิงเทวะครามไพศาลให้แก่…ท่านปรมาจารย์เย่กระมัง?”

หนิงซื่ออวี๋ยิ้มตอบวส่า

“จุจุ ศิษย์พี่สองยังคงฉลาดหลักแหลม! ถึงเขาจะเป็นจอมเทพโอสถสามดาว แต่เขายังใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองอยู่เลย!”

ดวงตาของติงซุนและที่เหลือแทบทะลักล้นออกมาทันใด ชายหนุ่มนามว่าเย่หยวนยังคงเป็นมนุษย์จริงๆ ใช่ไหม?

ใช้แค่ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง แต่สามารถหลอมกลั่นโอสถประตูศิลาวายุได้ขั้นเทวะ?

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด