Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1567 เดี๋ยวเย่คนนี้รินสุราให้สักจอก

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1567 เดี๋ยวเย่คนนี้รินสุราให้สักจอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮ่าๆๆๆ! ในที่สุด! ในที่สุดข้าก็เลื่อนระดับชั้นสำเร็จ! อาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น! ข้าที่ติดอยู่กับที่หลายปีในที่สุดก็ทะลวงผ่านไปได้! ในที่สุดข้าก็กลับมาผงาดขึ้นอีกครั้ง!”

ภายในห้องลับ จู้โหย่วระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดเขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นเสียที!

ปัญหาเขาติดพันไม่พัฒนาไปไหนมาหลายปีแล้ว

ทันทีที่เขาทะลวงฝ่าปัญหานี้ไปได้ เขาจะกลายมาเป็นการดำรงอยู่สูงสุดในเขตเมืองชั้นนอกทันที

“ศาสตร์แห่งโอสถของท่านปรมาจารย์เย่ไร้เทียมทานโดยแท้! โอสถเม็ดเดียวที่เขามอบให้มาสามารถแก้ปัญหากวนใจข้ามาหลายสิบปีได้ในพริบตาเดียว!”

จู้โหย่วถอนหายใจชื่นชมเย่หยวนไม่หยุดปาก

เดือนที่แล้ว เย่หยวนเดินทางมาที่รังใหญ่ของกลุ่มอัสนีคำรนและมองโอสถให้แก่เหล่าพี่น้องพวกเขา

โอสถเม็ดนี้ทำให้เขาเลื่อนระดับชั้นสมความปรารถนาได้ในที่สุด

สำหรับบุญคุณในครั้งนี้ของเย่หยวน เขารู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่

จู้โหย่วค่อยๆลุกขึ้นและกล่าวกับตนเองว่า

“ข้าสงสัยเสียจริงว่า พี่น้องที่เหลือของข้าจะเป็นอย่างไรแล้วบ่าง? ท่านปรมาจารย์เย่ให้ความช่วยเหลือขนาดนี้ พวกเขาเองคงประสบความสำเร็จเช่นกันกระมัง?”

เมื่อมาถึงโถงใหญ่ เขาก็พลันเห็นว่าพี่ใหญ่ซิงกวนนั่งรออยู่ในนั้นนานแล้ว

เมื่อเห็นซิงกวน ดวงตาของจู้โหย่วแทบทะลักถล่นออกมา ร้องอุทานลั่นด้วยความประหลาดใจยิ่งว่า

“พี่ใหญ่…ท่าน…ท่านใกล้จะเลื่อนระดับชั้นแล้ว?”

รัศมีแรงกดดันของซิงกวนไร้ซึ่งเสถียรคล้ายว่าภูเขาไฟที่สามารถปะทุคลั่งออกมาได้ตลอดเวลา

ความสุขบนใบหน้าของซิงกวนมิสามารถปกปิดได้เลยแม้แต่น้อย เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“ต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์เย่จริงๆที่มอบโอสถห้าตรัสรู้อริยะให้ ในที่สุดข้าก็แตะถึงขอบเขตสูงสุดเสียที! ทันทีที่จัดการธุระ            ในเขตเมืองทางตอนใต้เสร็จนสิ้น ข้าจะปลีกวิเวกเก็บตัวเพื่อทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าเต็มขั้น!”

จู้โหย่วดีอดกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ยินแบบนั้นและกล่าวว่า

“ขอแสดงความยินดีด้วยกับพี่ใหญ่! เจ้าเซียวยื่อเยว่คงไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ท่านจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าตามตนมาติดๆ ท้ายที่สุดมันก็ไม่สามารถผูกขาดอำนาจของเมืองทางตอนใต้ได้สำเร็จ แต่พวกเรากลับทำได้!”

ซิงกวนยิ้มและกล่าวว่า

“ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ในชั่วชีวิตนี้ ข้าจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริงๆ! ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์เย่! หากไม่ใช่เพราะเขาปานนี้กลุ่มอัสนีคำรนของเราคงถูกทำลายลงไปนานแล้ว!”

จู้โหย่วพยักหน้ากล่าวว่า

“พวกเราเป็นหนี้บุญคุณของท่านปรมาจารย์เย่มากมายเกินไป!”

ไม่นานนัก หัวหน้าสามก็ตรงเข้ามาที่โถงใหญ่เช่นกัน

ดวงตาทั้งคู่ของทั้งซิงกวนและจู้โหย่วแทบถล่นออกมาพร้อมเพรียง

“น้องสาม เจ้า…เจ้าเองก็เลื่อนระดับเช่นกัน! ฮ่าๆๆ…ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นถึงสองคน! ตอนนี้ยังมีใครกล้าอวดดีต่อหน้ากลุ่มอัสนีคำรนของข้าอีกหรือไม่!”

ความแกร่งกล้าของหัวหน้าสามอ่อนด้อยกว่าหัวหน้าสองเล็กน้อย แต่เขาก็ติดอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดมานานมากแล้วเช่นกัน

ไม่นานนัก หัวหน้าสี่และหัวหน้าห้าพร้อมที่เหลือทั้งหมดต่างออกจากการเก็บตัวและเข้ามารวมตัวที่โถงใหญ่เช่นกัน ทุกคนต่างประสบความสพเร็จตามระดับขั้นที่ตนเองหวังไว้

ซิงกวนเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมหลากอารมณ์แสนแปรปรวนนัก

“นักหลอมโอสถอย่างท่านปรมาจารย์เย่ ช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถสร้างกองกำลังที่ทั่วทั้งทางใต้ไม่สามารถสั่นคลอนได้!”

พวกเขาเหล่านั้นรับฟังพลันนึกย้อนกลับไปราวกับฝันไปจริงๆ

นับตั้งแต่ที่พบกับเย่หยวน กลุ่มอัสนีคำรนของพวกเขาก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ!

เมื่อนึกถึงตอนที่เย่หยวนสั่งให้พวกเขาเปลี่ยนชื่อกลุ่ม ยามนั้นพวกเขาทุกคนแทบระเบิดโทสะใส่

แต่ตอนนี้ที่คำนึงถึงกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก

หากพวกเขาตัดสินใจตั้งตนเป็นศัตรูกับเย่หยวน ผลลัพธ์ที่ได้คงน่ากลัวเกินจินตนาการ!

ทันทีทันใด สายตาการจับจ้องของซิงกวนพลันเฉียบคมขึ้นทันตา เขาเอ่ยกล่าวดังด้วยน้ำเสียงขรึมว่า

“เขตเมืองทางตอนใต้โสมมวุ่นวายมาหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาจัดระเบียบใหม่เสียที!”

ในคืนนั้นเอง เสมือนธารเลือดหลั่งไหลครั้งประวัติการณ์ของเมืองทางตอนใต้

หลัวอี้ หประมุขกลุ่มขนนกเงินถูกซวนกวนสังหารคตายลง

สำหรับเห่อเสี่ยวของกลุ่มสุริยันจันทรา เขาเองก็ตายลงภายใต้เงื่อมมือของจู้โหย่ว ในที่สุดเขาก็ล้างแค้นจากคันศรธนูดอกนั้นได้สำเร็จ

กลุ่มสุริยันจันทราและกลุ่มขนนกเงินตกอยู่ใต้การควบคุมของกลุ่มอัสนีคำรน และกลายมาเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดแห่งเขจเมืองทางตอนใต้

ภายใต้การกดดันของกลุ่มอัสนีคำรน ตระกูลตงฟางและหอเต๋ออี้จำต้องขับไล่อู๋เฟิน ชนิดตัดหางปล่อยวัด

และในคืนนั้นเอง อู๋เฟินเสียชีวิตอย่างปริศนากลางท้องถนน

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจครั้งใหญ่ในเขตเมืองทางตอนใต้

กลุ่มอัสนีคำรนผูกขาดเมืองทางตอนใต้โดยสมบูรณ์ แม้แต่สามตระกูลใหญ่เองยังตกเป็นรอง

ในขณะเดียวกัน เย่หยวนเองก็กำลังเดินเล่นอย่างสงบบนท้องถนนแห่งเมืองหลวงวู่เมิ่งแสนคุ้นเคย

“นึกไม่ออกจริงๆเลย เมืองบ้านนอกชั้นต่ำเช่นนี้กลับให้กำเนิดยอดอัจฉริยะอย่างท่านจริงๆ?!”

หนิงซื่ออวี๋เหลือบมองบรรยากาศเมืองโดยรอบ พลางเอ่ยเยาะเย้ยขึ้นดัง

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ประสบการณ์ของข้าต่อที่แห่งนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ไม่งั้นคงไม่ลงมาเที่ยวนี้แน่นอน”

ขณะที่สนทนาพูดคุยกันอยู่นั้นเอง กลุ่มของพวกเขาก็เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อสั่งอาหารกินกัน แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้มิใช่ใดอื่นนอกจาก โรงเตี๊ยมเฟิงหลาน

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“เข้ามาเถอะ ร้านอาหารของที่นี่ข้าขอแนะนำเลย ขึ้นไปนั่งพักชั้นบนกันดีกว่า”

เมื่อเดินตรงเข้าสู่โรงเตี๊ยมเฟิงหลาน เจ้าของโรงเตี๊ยมย่อมจดจำเย่หยวนได้ในพริบตา

“ย-ย-เย่หยวน! จ-จ-เจ้า…เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ!”

โศกนาฏกรรมนองเลือดสังหารหมู่ครั้งใหญ่ในปีนั้นกลางท้องถนน เย่หยวนได้สังหารนักเรียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าของสถานศึกษาหวู่เมิ่งทั้งห้าในพริบตา ยามนั้นเย่หยวนเปรียบดั่งเทพสงครามลงมาจุติ! จนถึงตอนนี้เจ้าขอองโรงเตี๊ยมยังระทึกใจไม่หาย

ดังนั้นแล้ว เพียงปราดตาเดียวเขาก็จำเย่หยวนได้ในทันที

เย่หยวนดูท่าจะไม่แปลกใจเลย เขายิ้มกล่าวว่า

“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว”

เจ้าของโรงเตี๊ยมรีบดึงแขนเขามาหลบที่มุมหนึ่งและกล่าวว่า

“แล้วเจ้าจะกลับมาทำไม! แม้จะผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าพวกนั้นก็ยังตามหาตัวเจ้าไม่เว้นวาย! การที่เจ้ากลับมาเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรกับเดินเข้ากับดักหรอกรึ?!”

เย่หยวนเลิกคิ้วอย่างค่อนข้างประหลาดใจและกล่าวว่า

“ทีแรกข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นคนไปฟ้องเรื่องที่ข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ!”

เจ้าของโรงเตี๊ยมที่ได้ยินแบบนั้นพลันหัวเราะกล่าวว่า

“เจ้ากล่าวอันใด?! เจ้าเป็นวีรบุรุษแห่งเมืองหลวงหวู่เมิ่งของเรา สามารถคว้าอันดับหนึ่งในงานชุมนุมร้อยเมืองได้ นับเป็นเกียรติแก่เมืองหลวงหวู่เมิ่งของเรามาก กล่าวตามตรง ตอนนั้นข้าก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่า ท่านเจ้าเมืองจะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้! เร็วเข้า ทั่วทุกมุมโรงเตี๊ยมเฟิงหลานมีหูตาคอยสอดส่องเต็มไปหมด รีบหนีไปเร็ว!”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ไม่เป็นไร เจ้าไปเอาสุรารสเลิศกับอาหารดีๆมาให้ข้าที มาเยือนสถานที่วันวาน นายน้อยคนนี้อารมณ์ค่อนข้างสุนทรีย์ ฮ่าๆ!”

เมื่อกล่าวจบเย่หยวนก็ตรงขึ้นชั้นสอง ปล่อยให้เจ้าของโรงเตี๊ยมมึนงงแข็งค้างไปแบบนั้น

แม้ว่าระยะเวลารวมจะผ่านไปแล้วกว่ายี่สิบปี แต่เย่หยวนยังคงเป็นตำนานของเมืองหลวงหวู่เมิ่งไม่เสื่อมคลาย

เพราะวีรกรรมของเขาที่ก่อขึ้นไม่เคยมีใครในประวัติศาสตร์เคยสร้างไว้ยิ่งใหญ่เท่าเขามาก่อน!

เจ้าของโรงเตี๊ยมยกสุราและอาหารหรูมากมายเข้ามาบริการ เย่หยวนยกจอกสุราพลางกล่าวกับเจ้าท้วมว่า

“กลับมาเยี่ยมชมสถานที่เก่าๆ เจ้าคิดถึงวันวานหรือไม่?”

เจ้าท้วมส่ายหัวกล่าวตอบว่า

“ข้าเฉยชากับเรื่องเหล่านั้นมานานแล้ว! ตอนนี้ข้าต้องการแค่พลังและความแข็งแกร่ง เพื่อจะประกาศกับคนที่เคยดูถูกในอดีตว่า ข้าไม่ใช่คนเก่าอีกต่อไปแล้ว!”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ ถึงเจ้าจะบอกว่าเฉยชาแล้ว แต่แท้ที่จริงตัวเจ้ายังคงจมอยู่กับเงามืดในอดีตต เจ้าท้วมคิดจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้จริงๆรึ?”

เจ้าท้วมกล่าวว่า

“พวกเราทุกคนต้องเติบโต!”

เย่หยวนส่ายหัวกล่าวตอบว่า

“ปีศาจในจิตใจยังไม่สูญสลายคนเราจะเติบโตได้อย่างไร? แค่ต้องกลับไปยังที่ที่ปีศาจภายในใจอยู่และเดินออกมาอย่างสง่างาม”

ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่ ทันทีทันใดพลันปรากฏกองกำลังจากไหนไม่ทราบเข้าล้อมทั่วทั้งโรงเตี๊ยมเฟิงหลานไว้ ราวกับคิดจับตาย

รัศมีแรงกดดันสุดแกร่งกล้าผสมปนจิตสังหารพวยพุ่งไม่หยุดหย่อน ออกมาต่อหน้าเย่หยวน

“เย่หยวน! เจ้าโผล่หัวออกมาเสียที เตรียมตัวตาย!”

เสียงเยียบเย็นเอ่ยลั่นกึกก้อง

เจ้าของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งขึ้นมา ทั่วใบหน้าปกคลุมเหงื่อเย็นเปียกแฉะ เขาเอ่ยปากกล่าวกับเย่หยวนทันทีว่า

“เห็นไหม! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้หนีไป! แม่ทัพจ่าวอี้ได้นำกำลังพลเข้าปิดล้อมโรงเตี๊ยมเฟิงหลานไว้แน่นหนาราวกับถังเหล็ก! ตอนนี้อม้เจ้าจะหนียังยากแล้ว!”

เย่หยวนชี้ไปที่เก้าว่างตัวหนึ่งบนโต๊ะกินข้าวและยิ้มกล่าวว่า

“เถ้าแก่ เจ้ากล่าวค่อนข้างดีเชียว! มานั่งนี้มาเดี๋ยวเย่คนนี้รินสุราให้สักจอก เอาชน!”

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด