Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1579 เจ้ามันปีศาจ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1579 เจ้ามันปีศาจ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพนอกรีตโห่ร้องตะโกนเสียงดังลั่นภายในใจ แต่มันไม่สามารถจับความเร็วของเย่หยวนได้ทันเลย

มันไม่แม้แต่จะอ้อนวอนขอความเมตตาใดๆ

เทพบนอกรีตแทบอยากกัดลิ้นตาย!

ในตอนที่เย่หยวนตัดขาดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ มันคิดว่าโอกาสของตนเองมาถึงแล้ว

เขาได้แต่หัวเราะเยาะความโง่เขลาของเย่หยวนภายในใจ

แต่ทันทีทันใด มันก็เริ่มรู้แจ้งเห็นจริงในอะไรบางอย่าง

เสี้ยวพริบตาแรกเย่หยวนแสร้งทำเป็นอ่อนแอให้มันตายใจ และทำลายความหวังทิ้งไปโดยไม่ทันตั้งตัว

จากความภาคภูมิใจและความสำเร็จที่เปี่ยมล้นกลายมาเป็นความสิ้นหวังอีกครั้ง และเย่หยวนก็มอบความหวังครั้งใหญ่ พร้อมบดขยี้ให้จมดินลึกกว่าเดิม

ในชั่วเวลาสั้นๆ มันทรมานขมขื่นใจเสียยิ่งกว่าความตายหลายเท่านั้น ความสิ้นหวังในขณะที่ยังมีชีวิตช่างน่ากลัวเกินพรรณนายิ่งแล้ว! หัวใจของมันแทบแตกสลายแล้ว

ทันทีทันใดเสียงตบหน้าก็หายไป

เย่หยวนหยุดตบเขาแล้ว!

ทุกคนต่างปิดปากเงียบสงัด ตื่นตะลึงต่อความแข็งแกร่งนี้ของเย่หยวน

บรรพชนพระเจ้าชั้นกลางสามารถเอาชนะบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดได้อย่างง่ายดาย ปานไล่ตีสุนัข!

แน่นอนว่านี่ยังคงเป็นภาพฉากที่คุ้นเคยนัก!

ความแข็งแกร่งของเย่หยวนยังไม่สามารถพรรณนาได้เช่นเดิม

ตอนนี้พวกเขาทราบแล้วว่า ความกังวลก่อนหน้าของทุกคนล้วนเป็นเรื่องไร้สาระโดยแท้

สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือ เชื่อใจเย่หยวนเท่านั้นจริงๆ

ยามนี้ใบหน้าของเทพนอกรีตเละจนไม่เหลือเค้าโครงมนุษย์แล้ว

ฟันทั้งหมดในปากของมันหลุดร่วงไม่เหลือ ใบหน้าบวมช้ำหนัก ปากเอ่อล้นเลือดสีทองเข้มทะลักไหลไม่หยุด ยิ่งดูยิ่งน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่

เย่หยวนหยิบใช้พลังแห่งแนวคิด จึงสามารถสร้างบาดแผลให้แก่อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย และบาดแผลเหล่านี้ยังยากต่อการรักษาอีกด้วย

เขาจับจ้องเทพนอกรีตที่ยามนี้มีใบหน้าเละราวกับหัวหมูและกล่าวเสียงเย็นชืดดังว่า

“เมื่อครู่รู้สึกอย่างไร? อย่าเพิ่งสิ้นหวังไปเสีย? ข้าอุตส่าห์หาสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้งไปแล้ว เจ้าคือผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์แก่เพียงผู้เดียวมิใช่รึ? เช่นนั้นอย่าเพิ่งสิ้นหวังไป รีบๆจัดการข้าสิ? ไฉนยังไม่เข้ามา? หากยังโค่นข้าไม่ได้แล้วตัวเจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร!”

รูม่านตาดำของเทพนอกรีตตีบตันหนัก เขารู้ดีว่าเย่หยวนยังไม่ได้เอาจริงกับมันเลยตั้งแต่ต้นรจวบจนตอนนี้!

เด็กหนุ่มคนนี้สามารถฆ่ามันทิ้งได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส!

แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ทำ!

การถูกอีกฝ่ายปั้นหัวทรมานเล่นเช่นนี้มันน่าอับอายเสียยิ่งกว่าถูกผู้หญิงทิ้งไปเสียอีก!

มันเป็นแค่ไอ้โง่ตัวหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่บนฝ่ามือของเย่หยวน!

เย่หยวนผู้ซึ่งมอบความหวังให้แก่มัน แต่เขาก็ทำลายความหวังเหล่านั้นลงทันทีชนิดไม่เหลือซาก

“เจ้า…เจ้ามันปีศาจ!”

เทพนอกรีตกล่าวทั้งน้ำตา

ยามนี้ตัวมันทั้งรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวเย่หยวนเกินบรรยายได้แล้ว!

 มันต้องโง่แค่ไหนถึงกล้าโอ้อวดความยิ่งใหญ่ต่อหน้าปีศาจตนนี้? ต่อหน้าปีศาจนามว่าเย่หยวน มันก็เป็นได้แค่มดปลวกตัวน้อย!

เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้เย่หยวนเอาจริงได้เลยด้วยซ้ำ!

เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า

“ปีศาจ? หึหึ ขนาดปีศาจยังต้องกลัวข้าด้วยซ้ำ! แต่…เจ้ายังคงเชื่อว่า ตัวข้าที่ตัดสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้ว จะไม่สามารถใช้พลังเหล่านั้นได้อีก? เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆรึ?”

รูม่านตาดำของเทพนอกรีตตีบแคบหนักกว่าเก่า มันร้องคร่ำครวญด้วยความไม่เชื่อว่า

“ไม่…เป็นไปไม่ได้!”

ณ ปัจจุบัน มิใช่เพียงเทพนอกรีตเท่านั้น แม้แต่ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างเองยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน

ตัดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้ว เย่หยวนจะสามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อย่างไร”

รอยยิ้มจางๆพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวน เพียงเขากระดิกนิ้วชี้เบาๆฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนสีทันใด

“พร๊วดดด!!”

ในเสี้ยวพริบตา คลื่นอากาศเดือดปะทุ ศาสตร์แห่งสวรรค์จำนวนมหาศาลระดมก่อตัวขึ้นพร้อมทะลวงกลางอกของเทพนอกรีตจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่!

สายตาของเทพนอกรีตยามนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความเหลือเชื่อ

นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?

เป็นไปได้ยังไง!!

เด็กนั้นยังสามารถระดมใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้จริงๆ!

หรือเป็นไปได้ไหมว่า ภาพฉากที่เขาสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้งไปก่อนหน้าจะเป็นภาพลวงตา?

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มและกล่าวว่า

“เจ้าคงแปลกใจใช่ไหม? เหตุใดข้าถึงยังสามารถใช้พลังศาสตร์แห่งสวรรค์ได้?”

เย่หยวนเว้นจังหวะหยุดชะงักเล็กน้อย และกล่าวต่อว่า

“หุหุ โทษที แต่นี่…เป็นความลับ!”

“พร๊วดดด!!”

ความขมขื่นแสนอัปยศพุ่งทะยานขึ้นสู่หัวใจจนท่วมท้น มันรู้สึกแน่นหน้าอกจนกระอักพ้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดสด

เทพนอกรีตในยามนี้เปรียบเสมือนกับศรธนูแรงปลายที่ใกล้ดับวอด

เย่หยวนจงใจไม่ฆ่ามันเพื่อให้มันลองลิ้มชิมรสต่อความสิ้นหวังให้เต็มที่

เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยและกล่าวว่า

“อย่าถามเลยว่าทำไมข้าเลือดเย็นปานนี้ หากต้องการตำหนิใครสักคนก็ควรตำหนิตนเอง!”

“พร๊วดดด!!”

เย่หยวนกระดิกนิ้วขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คลื่นพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ตรงเข้าเจาะทะลวงทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเทพนอกรีตจนทะลุเป็นรู!

“อ๊ากกก!! ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของข้า!!!”

เทพนอกรีตกรีดร้องระงมสุ้มเสียงสุดอนาถใจ

เย่หยวนฉีกยิ้มแสนเยือกเย็นกล่าวว่า

“เนื่องจากเจ้าถูกผนึกมานานกว่าสามแสนปีและยังไม่ตาย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตายยากตายเย็นเพียงใด เช่นนั้นก็ถูกผนึกต่อไปเสียเถอะ!”

เย่หยวนพลิกฝ่ามือจ่อเหนือศีรษะของมัน และระดมพลังปราณเทวะอัดใส่เทพนอกรีตจนร่างฝังดินโดยตรง

จากนั้นเขาก็หยิบใช้มวลพลังศาสตร์แห่งสวรรค์จำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าปกคลุมทั่วร่างของเทพนอกรีตและปิดผนึกลงในใต้ดินทันทีอย่างแน่นหนา

ผนึกของเย่หยวนคราวนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าผนึกเมื่อสามแสนปีก่อนไม่รู้กี่เท่า

มันจะถูกปิดผนึกเช่นนี้ไปจนตาย

ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ร่างหนึ่งที่ยืนตระหง่านเหนือฝากฟ้า มันคือบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้  และพวกเขาไม่ทราบเลยว่าต่อจากนี้ควรวางตัวอย่างไรกับคนตรงหน้าดี

หายนะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ได้ถูกเย่หยวนช่วยเหลือเอาไว้ได้แล้วอย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขายังทรงพลังเกินไปจน เบื้องลึกภายในของแต่ละคนรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง

เย่หยวนทำให้เทพนอกรีตวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือได้ ทั้งยังทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของมันนานกว่าครึ่งวันก่อนที่จะขังลืมอีกฝ่ายไปตลอดกาล

อย่างไรก็ตาม พวกฟางเทียนทราบดีว่า เหตุที่เย่หยวนเลือดเย็นปานนั้นเป็นเพราะเทพนอกรีตล้ำเส้นเย่หยวนเกินไปจนทำให้เข่าโกรธจัด หากต้องการตำหนิใครสักคนคงหนีไม่พ้นตัวมันเอง

หากเป็นศัตรูคนอื่น แม้คู่ต่อสู้ตรงหน้าจะเป็นเย่หยวน แต่จุดจบลงไม่ทรมานปานนี้แน่นอน

แต่เดิมการจากไปของมู่หลินเสวียก็ทำให้เย่หยวนเสียใจเกินทนแล้ว ตอนนี้เทพนอกรีตยังจะมาแย่งคนรักของเขาไปอีกคน นี่ยังเป็นอะไรได้อีก หากมิใช่การรนหาที่ตาย?

ร่างของเย่หยวนไสววาบ ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าลี่เอ๋อ

เย่หยวนเอื่อมมือออกไปลูบไล้ใบหน้าเนียนขาวของลี่เอ๋อเล็กน้อย ครู่หนึ่งหลากหลายอารมณ์พลันพลุ่งพล่านออกมาไม่หยุดหย่อน

“ลี่เอ๋อ เจ้าผอมลงไปเยอะเลย”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวทั้งดวงตาที่เห่อร้อนขึ้น

เย่หยวนเข้าดีว่า ตัวเขาแทบไม่มีความหวังอยู่เลยที่จะอยู่รอดขนมหาพิภพถงเทียน หลายปีมานี้ลี่เอ๋อจึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่กังวลใจเรื่องความปลอดภัยของเขา

หนึ่งร้อยปีกลับไม่ง่ายเลย!

ทันใดนั้นหยดน้ำตาสีใสบริสุทธิ์พลันไหลรินออกมา แต่ลี่เอ๋อก็ยังคงฝืนยิ้ม

ในทีแรก นางคิดว่าตนคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว

แต่ใครจะไปคิด ในช่วงวิกฤตสุดท้ายของชีวิต จู่ๆเย่หยวนก็กลับเข้ามาในดินแดนพฤกษานิรันดร์มาอย่างปาฏิหาริย์!

นางส่ายหัวแรงกล่าวตอบไปว่า

“ลี่เอ๋อกินดีหลับสบายมาตลอด! ข้ามิได้ซูบผอมลงเสียหน่อย! แต่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เดินทางในมหาพิภพถงเทียนยากลำบากหรือไม่?”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“เป็นเจ้าที่เข้าใจข้าดีที่สุด แต่ยิ่งเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าก็ยิ่งรู้สึกเป็นหนี้บุญต่อเจ้า!”

ลี่เอ๋อส่ายหัวอีกคราพลางเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสะอื้นว่า

“หาดเปรียบกับพี่หลินเสวียแล้ว ตัวข้ายังนับเป็นอันใด? พี่ใหญ่ดินทางท่องทั่วมหาพิภพถงเทียน ยามนี้ค้นพบวิธีรักษาพี่หลินเสวียแล้วรึยัง?”

เย่หยวนส่ายหัวขณะถอนหายใจเอ่ยตอบไปว่า

“นั้น…ยากเกินไป!”

น้ำตาของลี่เอ๋อหลั่งไหลออกมาโดยมิตั้งใจ

เย่หยวนดึงร่างของลี่เอ๋อเข้ามาสวมกอดเบาๆ คำกล่าวทุกอย่างถูกถ่ายทอดสื่อถึงกันและกันโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ

เหลียงหวางหรูย่อมมิได้ยินว่าทั้งสองกำลังสนทนาอะไรกัน แต่เมื่อเห็นภาพฉากที่ทั้งสองสวมกอดกันจากระยะไกล ร่างบางของนางพลันสั่นสะท้านอย่างหนักพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างห้ามปรามไม่อยู่

นางไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่า ภายในโลกใบเล็กๆแห่งนี้ยังมีสาวงามขนาดนี้อยู่

ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ใหญ่เย่ปฏิเสธนาง!

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด