Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1634 เจ้าเล่ห์เพทุบาย

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1634 เจ้าเล่ห์เพทุบาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1634 เจ้าเล่ห์เพทุบาย
เย่หยวนนั้นได้รับฟ้าหน่วงหยวนฉือมานานหลายต่อหลายปีแล้ว เขาสามารถผสานจิตของตัวเองเข้ากับมันได้จนเป็นหนึ่ง ไม่มีความแตกแยกใดๆ ในตัวตนทั้งสอง

การใช้มันเป็นตัวเชื่อมต่อกับเขาหน่วงเทพบรรพกาลในครั้งนี้นับว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นเลย

ฟ้าหน่วงหยวนฉือและเขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นมีพลังอำนาจคล้ายคลึงกัน จะเรียกว่ามันเกิดขึ้นมาจากพลังเดียวกันก็คงไม่ผิดนัก เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ได้เกลียดชังเย่หยวนมากมาย

ภายใต้สายตาอันตื่นตะลึงของคนทั้งสามเย่หยวนค่อยๆ เดินหน้าเข้าไปหาเขาหน่วงเทพบรรพกาล

“ทำไมสนามพลังโน้มถ่วงอันรุนแรงนั้นมันกลับไม่มีผลใดๆ ต่อเจ้าเด็กคนนี้เลยกัน?” ซางหยุถามขึ้นด้วยความสงสัย

“สนามพลังแรงโน้มถ่วงมันค่อยๆ อ่อนพลังลงแล้ว! มันทำอะไรลงไปกันแน่?” ข่านซัวตะโกนขึ้นตาม

เล่ออี้ที่มีสายตาเฉียบคมจึงตอบออกมา “พวกเจ้ามองดูที่เขาหน่วงเทพบรรพกาลสิ! นั่นมัน… ฟ้าหน่วงหยวนฉือ!”

เมื่อทั้งสามได้เห็นฟ้าหน่วงหยวนฉือพวกเขาก็ได้รู้ในทันทีว่าทำไมเย่หยวนถึงสามารถเดินผ่านเข้ามาในสนามแรงโน้มถ่วงของเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้อย่างไม่ยากลำบากใดๆ

เพราะแนวคิดแห่งแรงโน้มถ่วงนั้นเป็นแนวคิดที่แปลกและหายาก ผู้ที่สำเร็จมันได้มีแค่เพียงหยิบมือเท่านั้น

คนอย่างพวกซ่งหยูทั้งสามนั้นย่อมสามารถปล่อยพลังโลกของตัวเองออกมาด้านพลังแรงโน้มถ่วงได้

แต่เย่หยวนั้นกลับใช้ความเข้าใจในแนวคิดแห่งแรงโน้มถ่วงเพื่อต่อต้านสนามแรงโน้มถ่วง!

“ให้ตายสิ! เด็กคนนี้มันช่างมีโชคเหนือฟ้า ไม่เพียงแต่สามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ แต่มันกลับมีของล้ำค่าอย่างฟ้าหน่วงหยวนฉือด้วย!” ข่านซัวกล่าว

โชคของเย่หยวนมันทำให้เขาอิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก

ภายใต้สายตาอันสับสนของคนทั้งสาม เย่หยวนก็เดินมาจนถึงเขาหน่วงเทพบรรพกาลในที่สุด

เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นมีสีดำสนิทด้วยความสูงราวสามช่วงตัวคน และความใหญ่ที่น่าจะเกินกว่า สิบคนโอบ

เย่หยวนค่อยๆ ยกมือขึ้นมาจับฟ้าหน่วงหยวนฉือและค่อยๆ ปล่อยปราณเทวะออกมาเริ่มทำการหลอมจับเขาหน่วงเทพบรรพกาล

ตอนนั้นเองที่สายตาของซ่งหยูและเล่ออี้ได้เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่เปี่ยมด้วยแผนร้าย

ข่านซัวนั้นคือปีศาจเฒ่าที่อยู่มานับล้านปี เขาจึงรู้สึกได้ถึงความผิดแปลกในทันที

ซุ่บ!

ซุ่บ!

ร่างทั้งสองพุ่งผ่านอากาศเข้ามาหาเขาในทันที

ข่านซัวหลบได้อย่างทันท่วงที ทำให้การโจมตีของคนทั้งสองต้องพลาดเป้า

“เฮอะ เจ้าพวกมนุษย์มันมีแต่คนชั่วช้า!” ข่านซัวหัวเราะออกมา

ซ่งหยูจึงตอบกลับไป “เผ่าปีศาจเองก็มีแต่ความโหดร้ายทารุณ ทำลายชีวิตไปทั่ว! คำพูดกับสิ่งมีชีวิตผิดแปลกอย่างพวกเจ้ามันจะมีความหมายอะไร?”

เล่ออี้พยักหน้ารับ “ไม่ต้องคุยกับมันให้มากความแล้ว สังหารมันเถอะ!”

ข่านซัวจึงหัวเราะลั่น “อยากจะสังหารข้าผู้นี้มันยังเร็วไปหมื่นปี!”

ก่อนหน้านี้เพื่อที่จำเอาเขาหน่วงเทพบรรพกาลมาไว้ในครอบครองพวกเขาทั้งหลายต่างไม่คิดที่จะใช้พลังออกมาให้สิ้นเปลืองเปล่าๆ จึงได้ทำข้อตกลงแบบนั้นออกมา

แต่ตอนนี้มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเขาหน่วงเทพบรรพกาลคงต้องตกไปอยู่ในมือของเย่หยวน ทำให้สภาพก่อนหน้านั้นพังทลายลง

เพราะแม้เล่ออี้จะเป็นนักยุทธพเนจรแต่เขาเองก็รู้ว่ามนุษย์และปีศาจนั้นเป็นศัตรูกันมาแต่กาลก่อน หากตอนนี้มีโอกาสสังหารข่านซัวลงมือหรือที่เขาจะปล่อยมันหลุดมือไป

ที่สำคัญข่ายซัวคนนี้ยังมีชีวิตอยู่มาอย่างยืนยาวถึงหนึ่งล้านปี ตัวเขาต้องมีสมบัติอะไรติดตัวไว้บ้างไม่มากก็น้อยแน่ ๆ

การสังหารเขาลงมันอาจจะช่วยชดเชยประโยชน์ส่วนที่พวกเขาเสียไปในครั้งนี้

ส่วนเย่หยวนนั้นพวกเขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว

เขาและซ่งหยูนั้นเข้าใจดีว่าสภาพของตัวเองในตอนนี้คงไม่มีปัญญาสังหารเย่หยวนลงได้

ฉะนั้นพวกเขาจึงหันมาโจมตีข่านซัวแทน

หากเขาคนนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม ข่านซัวก็คงไม่คิดจะกลัวคนทั้งสองเลย แต่ตอนนี้ร่างกายของเขาที่เจ็บหนักกลับต้องมารับการโจมตีของคนทั้งสองพร้อมๆ กัน

“ปีศาจเฒ่าข่านซัว หากสังหารเจ้าลงได้เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะเองก็คงเหมือนเสียแขนไปข้างหนึ่ง! วันนี้เจ้าจงนอนตายอยู่ที่นี่เสียเถอะ!” ซ่างหยูตะโกนออกมา

ซ่งหยูนั้นได้กลืนโอสถรักษาไปและใช้มันกดอาการบาดเจ็บไว้ก่อนหน้าจะเริ่มการต่อสู้นี้แล้ว เขาจึงไม่ต้องออมมือใด ๆ ทั้งสิ้น

“ให้ตายสิ! เด็กน้อยซ่งหยู ความแค้นในวันนี้ชายแก่คนนี้จะจำไปจนตายแน่ๆ”

ข่านซัวพยายามจะถอยไปเรื่อยๆ ระหว่างที่รับมือคนทั้งสองมุ่งหน้าออกมาจากหุบเขา

ไม่นานนักคนทั้งสามก็หายไปจากระยะสายตาของเย่หยวนและปล่อยให้เย่หยวนทำการหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปคนเดียวอย่างสบายใจ

ที่ด้านนอกหุบเขา กลุ่มคนทั้งหลายนั้นไม่สามารถกลับขึ้นไปได้ด้วยตัวเองจึงได้แต่นั่งรอ

ฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า การเสียเย่หยวนไปเป็นอะไรที่หนักหน่วงต่อพวกเขามาก

จู่ๆ สายตาของเจิ่งชีก็แดงขึ้นมาก่อนจะมุ่งหน้าไปทางปากหุบเขา

มีเงาร่างหนึ่งกำลังพุ่งหนีออกมาจากด้านใน จะเป็นใครไปได้เสียอีกนอกจากเกาหยุน?

จิตใจของเจิ่งชีนั้นเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและโศกเศร้าอย่างไม่มีที่จะระบาย เมื่อได้เห็นหน้าเกาหยุนในครานี้เขาจึงเจอเป้าหมายที่จะระบายอารมณ์เหล่านั้นออกมา

ร่างกายของเขาพุ่งตรงไปรับหน้าเกาหยุนทันที

“ไอ้เฒ่า! วันนี้แหละข้าจะจัดการแค้นแต่เก่าก่อนลงให้หมด ตายซะ!”

เจิ่งชีตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมใช้ดาบเข้าโจมตี

เกาหยุนนั้นมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล กลัวว่าคนด้านหลังจะตามออกมามันแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าหนีเสือกลับต้องมาปะจระเข้แบบนี้ ตอนนี้เขาจึงได้แต่รับการโจมตีของเจิ่งชีไว้อย่างจัง

“เจิ่งชี ชายแก่คนนี้ไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า! จงไปให้พ้นเสีย!” เกาหยุนตะโกนด้วยความโกรธ

วันนี้เป็นวันที่เกาหยุนเสียท่าอย่างหมดรูป

เขาคิดว่าตัวเองคำนวณทุกอย่างไว้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาไม่เคยจะคิดเลยว่าตัวเองต้องมาเสียท่าให้กับเด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า

ในมิติลึกลับนั้นเขาหลอกลวงวางแผนล่อคนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่มีครั้งไหนบ้างไหมที่เขาโดนกลับ?

แต่คราวนี้ตั้งแต่บนเหวอัญเชิญปีศาจมาจนถึงตอนนี้เขากลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเย่หยวนอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนสุดท้ายเกือบต้องพลาดท่าตายด้วยน้ำมือของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์

ตอนนี้แม้แต่ขยะอย่างเจิ่งชียังมีหน้ามาทำร้ายเขาด้วย

แต่เจิ่งชีจะยอมง่ายๆ ได้อย่างไร? เมื่อเขาเห็นว่าเกาหยุนกำลังบาดเจ็บหนักเขาจึงรู้ได้ทันทีว่านี่คือโอกาสล้างแค้นแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายให้หนีออกไปได้แน่ๆ

ตอนนี้ทางเมืองจักรพรรดิยอดสันติยังเหลือคนอยู่บ้าง เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเกาหยุนถูกเจิ่งชีดักโจมตีแบบนั้นพวกเขาต่างก็รีบรุดเข้าไปช่วยเหลือทันที

แต่มีหรือที่คนจากฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะปล่อยให้คนเหล่านี้เข้าไปช่วยได้?

ยอดฝีมือจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์รีบเข้ามาล้อมพวกเขาทั้งหลายไว้ทันที โดยมีหนิงเทียนปิงกล่าวขึ้น “เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าจะมีใครกล้าเข้าไปยุ่งไหม!”

เมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นเสียกำลังไปแล้วกว่าครึ่ง ที่สำคัญคนที่เหลือตอนนี้ก็บาดเจ็บกันไปไม่มากก็น้อยด้วย

ตอนนี้ฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมีกำลังที่เหมือนเสือร้าย พวกเขากำลังล้อมรอบแมวตัวน้อย หากต้องสู้กันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาคงไม่มีโอกาสที่จะรอดออกไปได้เลย

หนิงเทียนปิงนั้นได้แต่ถอนหายใจยาวในใจ เพราะหากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสเย่มีหรือที่พวกเขาจะมีสภาพเหมือนปัจจุบันได้?

แต่น่าเสียดายที่อัจฉริยะคนนั้นกลับต้องพลาดท่าลงในที่แบบนี้

อีกด้านทางเจิ่งชีก็เริ่มโจมตีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แต่ละกระบวนท่ามีแต่ท่าสังหารทั้งสิ้น

เกาหยุนที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นมีหรือที่จะต้านทานไว้ได้?

“เจิ่งชี เจ้าบ้าไปแล้วรึยังไง? หากเจ้ากล้าสังหารข้า เมืองจักรพรรดิยอดสันติจะไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ๆ”

“เรื่องตอนนั้นเจ้าจะมาโทษข้ามันก็ไม่ถูก มันเป็นตัวอู๋ซิงถังเองที่โลภมากจนตัวตาย!”

“เจิ่งชี ข้าผิดไปแล้ว นะ? มาปรับความเข้าใจกันอย่างสันติเถอะ!”

เกาหยุนนั้นร่ำร้องออกมาจนถึงขั้นร้องขอชีวิต แต่เจิ่งชีกลับทำหูทวนลมไม่ได้ยินใดๆ ทั้งสิ้น

เจิ่งชีนั้นไม่ใช่คนโง่เง่า โอกาสแบบนี้มันคงหาที่ไหนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!

วันนี้เขาต้องสังหารอีกฝ่ายลงให้ได้!

ได้เห็นว่าเจิ่งชีไม่สนใจทั้งคำขู่ทั้งคำขอร้องใดๆ ทางเกาหยุนก็ได้แต่ร่ำร้องขึ้นมา “เจิ่งชี เจ้าจะมาเสี่ยงตายกับข้าทำไม? เด็กน้อยเย่หยวนมันยังไม่ตายเสียหน่อย หากเจ้ามีเวลาว่างมาจัดการข้าทำไมไม่เข้าไปในหุบเขาเพื่อช่วยมันเล่า?!”

ใบหน้าของเจิ่งชีกระตุกขึ้นทันทีที่ได้ยิน

เขาหยุดดาบลงและถามขึ้น “เจ้าว่ายังไงนะ?!”

ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขา แต่คนฝั่งเเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทุกคนต่างหันมามองเกาหยุนเป็นตาเดียว

เพราะพวกเขาทั้งหลายเห็นเย่หยวนถูกสังหารลงต่อหน้า แล้วเหตุใดเขาถึงยังไม่ตาย?

เกาหยุนจึงพูดขึ้น “ข้าเองก็เคยเชื่อว่าเจ้าเด็กน้อยเย่หยวนมันสิ้นใจไปแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันยังไม่ตายแต่กลับแอบลอบเข้าไปด้านในด้วย ตอนนี้มันกำลังถูกสามยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์รุมโจมตีอยู่ ไม่รู้ว่าชีวิตของมันจะยังอยู่หรือตายยังไง แล้วทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นเจ้ายังจะมีเวลามาเสียกับข้าอีกเรอะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด