Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1694 ตัวตลก

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1694 ตัวตลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1694 ตัวตลก
เฉียวอันชานไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แค่สองคนจะกล้าทำการต่อสู้กับพวกเขาจริงๆ

หลังจากรอคอยมายาวนานนับสิบปี เส้นทางติดต่อสื่อสารใดๆ กับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเงียบกริบ ทำให้เฉียวอันชานปวดใจไม่น้อย

เขานั้นจ่ายไปอย่างมากเพื่อที่จะปิดขาดเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไว้

เพราะยังไงเขาก็เป็นยอดฝีมือจากเมืองจักรพรรดิยอดสันติ แค่เขานั้นไม่มีทางใดเลยที่จะปกคลุมเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้ทั้งหมด

แต่ผลที่ออกมามันกลับเสียเวลาเปล่าไปสิบปี

“ท่านเจ้าเมือง วันพันธะดาบทองคำนั้นใกล้เข้ามาถึงทุกทีแล้ว เจ้าโซชูเจียนั่นคงไม่ได้คิดที่จะต่อสู้จนตัวตายกับเราหรอกใช่ไหม?” เหวินอี้หลินถาม

เฉียวอันชานนั้นรู้สึกเหมือนมีเลือดออกกลางใจ ได้ยินแบบนั้นเขาจึงตอบกลับไป “ในเมืองโซชูเจียมันอยากรนหาที่ตายเองก็ให้มันได้สมหวังไป! คราวนี้เราจะจัดการเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ให้สิ้นซากไปด้วยเลย ทำให้มันตกอยู่ในมือเราอย่างสมบูรณ์!”

เหวินอี้หลินพยักหน้าเมื่อได้ยิน “พวกมันรนหาที่ตายเอง จะมาว่าเราคงไม่ได้!”

ระหว่างเมืองจักรพรรดิด้วยกันนั้นหากมันไม่จนมุมจริงๆ พวกเขาก็ไม่อยากจะทำลายกันให้สิ้นซากลง

เพราะแม้ฆ่าสังหารศัตรูได้พันคน แต่ต้องเสียคนของตัวเองไปแปดร้อยมันจะยังมีประโยชน์ใด แม้ว่าพลังฝีมือของเฉียวอันชานนั้นจะสูงส่ง แต่หากเขาอยากสังหารโซชูเจียลงจริงๆ มันก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงลิบ

เหล่าผู้อ่อนแอที่แท้จริงนั้นจะถูกลบล้างไปตั้งแต่แรกแล้ว

ตอนนี้ผู้ที่เหลือรอดมาได้ย่อมมีแต่ผู้ที่ไม่อ่อนแอทั้งสิ้น

เพียงแค่ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นอ่อนแอกว่าพวกเขาไปหน่อยก็เท่านั้น

ส่วนโวชูเจียก็เป็นเข็มหมุดที่ปักให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นสามารถคงอยู่มาได้จนทุกวันนี้

แต่เรื่องราวในครั้งนี้มันต่างจากปกติ ตอนนี้เฉียวอันชานไม่มีทางใดที่จะถอยได้อีกแล้ว

“ตราบเท่าที่ข้าคนนี้ได้หลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาล ข้าก็จะสามารถบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวได้! ถึงตอนนั้นเมืองจักรพรรดิยอดสันติเราคงขึ้นอยู่ในสามอันดับแรกของสิบเมืองสันเขาใต้ได้! เพราะฉะนั้นไม่ว่าต้องบาดเจ็บเพียงใด เราก็ต้องนำเขาหน่วงเทพบรรพกาลกลับมาให้ได้!” เฉียวอันชานกล่าวอย่างหนักแน่น

ในวันนี้ ท้องฟ้ากระแสลมเหนือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นปั่นป่วนไปอย่างเห็นได้ชัด

เหล่ายอดฝีมือหลายต่อหลายคนยืนอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เกิดความแตกตื่นไปทั่วเมือง!

ใบหน้าของเหล่านักยุทธในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นต่างเปลี่ยนสีไปทันทีที่เห็น นี่เป็นช่วงเวลาที่ความเป็นความตายได้คืนคลานมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว!

เมื่อได้รับตราดาบทองคำ ผู้รับย่อมต้องประกาศมันออกมา

ทุกคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นรู้ดีว่าเมืองจักรพรรดิยอดสันติจะเปิดใช้พันธะดาบทองคำ

เหล่ายอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กองกำลังอันแข็งแกร่งตรงหน้านี้มันทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ

“ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สี่คน! นี่มัน… มาถึงจนได้เหรอ?”

“ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะสามารถรอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้หรือไม่!”

“สู้สองต่อสี่ นี่มัน… ไม่มีความหวังเลยสักนิด!”

“เฮ้อ! เมืองจักรพรรดิยอดสันติเองก็เร็วเหลือเกิน! หากให้เวลาผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนอีกหน่อยเรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้แน่!”

เวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ทุกคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างรับรู้ได้ถึงภัยอันตราย

แต่สิบปีที่ผ่านมามันก็เป็นสิบปีที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ปรองดองกันมากที่สุด

เหล่าตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างเลิกที่จะทะเลาะกันภายในและหันมาเริ่มเก็บตัวฝึกฝน

ด้วยโอสถมหาศาลจากเย่หยวน มันจึงทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มียอดฝีมือเกิดขึ้นมากมาย

ในเวลาปัจจุบัน ในเมืองนั้นมียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวมากมาย

เพียงแต่ว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวนั้นมันไร้ค่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าอาณาจักรนภาสวรรค์!

ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เหล่านี้ อย่าว่าแต่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว แม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวก็ยังเป็นได้แค่มดปลวก

“โซชูเจีย ออกมาบัดเดี๋ยวนี้!”

เสียงคำรามลั่นสะท้านไปทั่วทั้งเมือง

เมื่อเฉียวอันชานตะโกนขึ้น ความแตกตื่นโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที

เขานั้นกำลังอวดอ้างพลังบ่มเพาะของตนจนทำให้นักยุทธทั้งหลายในเมืองต้องสั่นกลัว

เป็นตอนนั้นเองที่มีสองเงาร่างปรากฏกายขึ้น พวกเขาย่อมเป็นโซชูเจียและเหอชง

โซชูเจียมองดูหน้าของเฉียวอันชานและพูดขึ้น “เฉียวอันชาน มันยังไม่ถึงเวลาที่ว่ากันไว้ ท่านผู้ตรวจการเองก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน มาอวดอ้างพลังเช่นนี้มันจะไม่รังแกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เกินไปหน่อยรึ?”

เฉียวอันชานตอบกลับมาด้วยเสียงดังหลังได้ยิน “โซชูเจีย ตราดาบทองคำได้ออกไปแล้ว เราย่อมมีแค้นใดกันย่อมต้องสะสางให้มันจบสิ้น! ท่านผู้ตรวจการยังมาไม่ถึงจริง แต่เราก็มาจบเรื่องราวกเก่าก่อนกันได้!”

โซชูเจียหรี่ตามองทันที “เจ้าจะก่อเรื่องใดอีกเล่า?”

ตอนนั้นเองที่มีอีกเงาร่างเดินขึ้นมาแถวหน้าจากฝั่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าเอง! ความแค้นที่อาจารย์ถูกสังหารนั้นข้าจะไม่ทน! คราก่อนท่านเจ้าเมืองข้าเข้าสู่การเก็บตัวพวกเจ้าถึงหนีรอดไปได้! วันนี้แหละที่ข้าจะกลับมาแก้แค้นแทนอาจารย์ให้ได้! รีบไปเรียกเจ้าเจิ่งชีนั่นออกมาตายด้วยมือข้าเสีย!”

คนๆ นี้หาใช่ใครอื่นนอกจากศิษย์ของเกาหยุนนามหยางฟาน!

ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างเหวินอี้หลินนั้นคืออาจารย์ของเกาหยุน ส่วนเกาหยุนนั้นก็เป็นอาจารย์ของหยางฟาน

จะให้พูดไป เหวินอี้หลินก็คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเล่งหยูนั่นเอง

แต่หยางฟานคนนี้มีพรสวรรค์จำกัด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเป็นได้แค่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาว อ่อนแอกว่าเจิ่งชีไปมาก

หากไม่คิดว่าเจิ่งชีเสียพลังชีวิตไปมาก ต่อให้อาจารย์ปู่พามาแบบนี้มีหรือที่เขาจะยังกล้าออกมาท้าทายเจิ่งชีอีก

แต่หลังจากเจิ่งชีหายดีนั้นเขาก็ไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนมากมาย ในเมืองจักรพรรดิยอดสันติจึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเจิ่งชีนั้นหายดีมานานแล้วและยังบรรลุได้อีกด้วย

ท่าทางนี้ของเขามันจึงดูน่าขันยิ่ง!

ตอนนี้สายตาที่ทุกคนมีนั้นกำลังจ้องมองดูหยางฟานราวกับเขานั้นเป็นตัวตลกที่มาแสดงก่อนเปิดงาน

ดูท่าก็รู้แล้วว่าคนๆ นี้มันเป็นพวกรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวคนแข็งแกร่ง ทั้งๆ อย่างนั้นยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องการแก้แค้นให้อาจารย์

เทียบกับใคร?

ตอนนั้นที่เจิ่งชีคิดจะไปแก้แค้นเกาหยุนนั้น เขาออกเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิยอดสันติด้วยตัวคนเดียว!

โซชูเจียนั้นไม่รู้มาก่อน และเมื่อได้รู้เรื่องราวเขาก็มุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิยอดสันติในทันที จึงสามารถที่จะช่วยเจิ่งชีที่บาดเจ็บสาหัสกลับมาได้

แต่เจ้าหยางฟานคนนี้เล่า?

ดูยังไงก็คือเหวินอี้หลินที่นำเขามาชัดๆ!

เมื่อมีเหวินอี้หลินอยู่ มีหรือที่ยอดคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะยังกล้าทำอะไรต่อตัวเขา?

เขาจึงทำออกมาพูดพล่ามเรื่องการแก้แค้น ดูยังไงมันก็ไม่มีความจริงอยู่เลย

ให้พูดง่ายๆ ก็คือเขาคิดที่จะรังแกคนป่วยอีกครั้ง!

เมื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่ใกล้ปะทุ การได้เห็นตัวตลกเช่นนี้ออกมาเต้นแร้งเต้นกามันก็ทำให้เหล่ายอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์รู้สึกสบายใจขึ้นมาได้หน่อย

โซชูเจียเองก็คิดที่จะปั่นประสาทเฉียวอันชานเขาจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและตอบไป “หยางฟาน เจ้ามาขอเรื่องที่เกินบรรยายแล้ว! คราก่อนเจิ่งชีก็ต้องบาดเจ็บหนักไปเพราะเจ้า คราวนี้ยังจะมาไม้เดิมอีก?”

หยางฟานหัวเราะ “เจิ่งชีนั้นคือคนที่อยากทำร้ายอาจารย์ข้ามานาน! จนในที่สุดมันก็ทำสำเร็จ! หึ หากไม่สังหารมันลงข้าเองก็คงมิใช่ลูกผู้ชายแล้ว!”

โซชูเจียได้แต่หัวเราะในใจแต่ก็หันไปสะบัดแขนเสื้อ “เจิ่งชีนั้นตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเก็บตัวและไม่สะดวกที่จะรับคำท้าใดๆ”

เป็นตอนนั้นเองที่เฉียวอันชานยิ้มกว้างออกมา “โซชูเจีย ตอนนั้นเจิ่งชีมาหาเกาหยุนเพื่อแก้แค้น ข้าผู้นี้เองก็ไม่ได้เข้าไปห้ามใดๆ ทั้งสิ้น! แล้วเจ้ามาทำอะไรอย่างนี้? หยางฟานและเจิ่งชีนั้นล้วนเป็นคนรุ่นเดียวกัน และคงเรียกได้ว่าเป็นคู่แค้นกันมานาน! ความแค้นเช่นนี้ยังจะมีใครมายุ่มย่ามได้? หากเจ้าไม่เรียกเขาออกมาข้าผู้นี้นี่แหละที่จะไปทำลายคฤหาสน์เจิ่งทิ้งก่อนเลย! ต่อให้ท่านผู้ตรวจการมาเห็นท่านก็คงไม่ว่าอะไรมากหรอก!”

โซชูเจียรู้สึกดีในใจแต่เขาก็แกล้งทำหน้าโกรธออกมา “เฉียวอันชาน เจ้ามันบังคับผู้คนจนเกินไปแล้ว!”

เฉียวอันชานยิ้ม “เลือดย่อมต้องล้างด้วยเลือด ยังจะมาบังคับผู้คนเรื่องใดกันอีก?”

โซชูเจียเปลี่ยนสีหน้าไปมาหลายครั้งก่อนที่จะหันไปสั่งคนเบื้องล่าง “ส่งคนไป! ไปเชิญผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชีมา!”

“ครับท่านเจ้าเมือง!” อาจารย์หนึ่งวิ่งหายไปทันที

เพราะจริงๆ เจิ่งชีนั้นกำลังเก็บตัวอยู่จริงๆ แม้แต่โซชูเจียก็ไม่รู้สภาพในตอนนี้ของเขาเช่นกัน

อารมณ์ของเขาในตอนนี้มันก็ไม่ดีนัก เพราะจะสำเร็จหรือล้มเหลวมันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องในครั้งนี้

หากเจิ่งชีไม่สามารถบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงได้พบความฉิบหายในวันนี้แล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด