Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1698 ช่วยชีวิตน้อยๆ ของเจ้า

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1698 ช่วยชีวิตน้อยๆ ของเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1698 ช่วยชีวิตน้อยๆ ของเจ้า
ที่นอกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ห่างออกไป ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งแปดต่างยืนเผชิญหน้ากันกลางอากาศ

แม้จะยังไม่เริ่มการต่อสู้ แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองมันก็เกินจะบรรยายได้แล้ว

ห่างออกมาเหล่ายอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นับไม่ถ้วนต่างออกมาล้อมดูกันและต้องตื่นตะลึงกับเหล่ายอดคนอันน่าเกรงขามนี้

ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ ปกติแล้วพวกเขาไม่เคยจะได้เห็นแม้สักคน แต่วันนี้กลับมีคนเช่นนั้นถึงแปดคนมารวมตัวกันทั้งยังมีผู้ตรวจการด้วย!

“โซชูเจีย เตรียมรับความพิโรธของข้าเสีย! วันนี้เจ้าต้องตาย!”

เฉียวอันชานนั้นมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เพราะเรื่องราวในวันนี้มันเกินกว่าที่เขาจะสามารถควบคุมได้แล้ว

เหตุผลที่เขากล้าจะเปิดใช้พันธะดาบทองคำออกมาเช่นนี้มันเป็นเพราะว่าเมืองจักรพรรดิยอดสันติของเขานั้นมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่า

แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกลับมีกำลังเท่ากัน!

การต่อสู้นี้ มันมีความเสี่ยงมากเกินไป

แต่ว่าตราบเท่าที่เขาสังหารโซชูเจียลงได้ ทุกอย่างก็สามารถจบลงได้เช่นกัน

เมื่อตราดาบทองคำถูกส่งออกไปแล้ว เฉียวอันชานก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายไปข้าง!

โซชูเจียยิ้มรับ “เรื่องนั้นคงต้องรอดูว่าเจ้าจะมีปัญญาหรือไม่ล่ะนะ!”

เฉียวอันชานหัวเราะก่อนจะปล่อยพลังกดดันออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้โซชูเจียหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

“หมอนี่ คลื่นพลังของมันแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแล้ว! ดูท่ามันคงเข้าใกล้อาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวเต็มที!”

โซชูเจียนั้นเดิมทีก็ห่างไกลจากยอดสุดของอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาวอยู่แล้ว

ในอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นแต่ละขั้นแต่ละดาวมันมีความแตกต่างที่ห่างไกลกันมาก

เพราะแต่ละดาวนั้นมันก็เกิดมาจากการบ่มเพาะนานหลายต่อหลายปี

เดิมทีเฉียวอันชานก็แข็งแกร่งกว่าโซชูเจียไปครึ่งก้าวแล้ว

แต่วันนี้ เฉียวอันชานกลับมีพลังที่เหนือล้ำกว่าเก่า!

หากไม่ใช่เพราะเขาหน่วงเทพบรรพกาลการต่อสู้ในครั้งนี้มันคงเรียกได้ว่าหมดหวัง

หลังจากนึกถึงเขาหน่วงเทพบรรพกาลขึ้นมาได้ โซชูเจียก็นึกได้ถึงเรื่องสุดประหลาดใจขึ้นมาได้อีกอย่างหนึ่ง

นั่นคือเขาหน่วงเทพบรรพกาลที่เขาได้รับมานี้มันถูกเย่หยวนหลอมไปเรียบร้อยแล้ว!

เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นเป็นของที่หลอมจับได้ยากมาก หากเป็นเขาคงต้องใช้เวลานับหมื่นๆ ปีในการหลอมมันไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางหมอมันจนสมบูรณ์ได้แบบนี้แน่

แต่เวลาที่เย่หยวนครอบครองเขาหน่วงเทพบรรพกาลมามันแค่กี่ปีกัน?

เด็กคนนี้มันช่างเปี่ยมไปด้วยความลับเสียจริงๆ!

ส่วนที่อีกด้าน เหวินอี้หลินก็จ้องมองดูหน้าเล่งหยูอย่างไม่วางตาด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความดูถูก

“เล่งหยู ต่อให้เจ้าจะบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้จริง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวกอยู่ดี! เจ้าเพิ่งขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาว แต่ข้านั้นอยู่มาจนถึงยอดของอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวแล้ว!”

เล่งหยูหัวเราะ “ผ่านไปเป็นแสนปีแล้วเจ้าก็ยังอวดเก่งไม่เลิกอีกเรอะ!”

เหวินอี้หลินโกรธจนหน้าดำและกล่าว “รนหาที่ตาย!”

ตอนนันเองที่ผู้ตรวจการพูดขึ้นอย่างเต็มเสียง “พันธะดาบทองคำ การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายเริ่มได้!”

เฉียวอันชานทำหน้าจริงจังและตะโกนขึ้น “ตาย!”

เมือ่พูดคำว่า ‘ตาย’ จบร่างของเฉียวอันชานก็พุ่งเข้ามาหาโซชูเจียราวกับเป็นลูกระสุนปืนใหญ่

ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สี่คู่เข้าปะทะกันทันที

แรงสะเทือนนั้นมันคงเรียกได้ว่าฟ้าถล่มดินทลาย

บนท้องฟ้านั้นมีเมฆลอยพัดไปทั่วสนามประลอง คลื่นพลังของแต่ละคนพุ่งสูงทะลุฟ้า

คลื่นพลังเหล่านั้นหากมันหลุดรอดออกมาถูกผู้คนเข้า คนผู้นั้นคงได้กลายเป็นเนื้อบดในทันทีแน่

เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่อยู่ห่างออกไปกลับใบหน้าที่ซีดเผือดไปตามๆ กัน

เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มันเหนือล้ำกว่าพวกเขาไปมากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ของเฉียวอันชานกับโซชูเจียนั้น การปะทะกันของสองคนนั้นมันยิ่งใหญ่จนกดทับการต่อสู้คู่อื่นๆ ไปจนสิ้นs

ผู้ตรวจการหันมามองดูเย่หยวนที่อยู่ไม่ไกลออกไปและถามด้วยท่าทางสงสัย “ดูท่าเจ้าไม่กังวลเลย?”

เพราะในความเป็นจริงแม้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะให้กำเนิดยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ถึงสองคนในวันเดียว แต่เขาก็ยังไม่คิดว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะชนะได้อยู่ดี

ยังไงเสีย ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติก็ยังมีเปรียบ

ยอดฝีมือที่เพิ่งขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์และยอดฝีมือที่อยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์มาแสนนาน พลังฝีมือของพวกเขาย่อมแตกต่างกัน

หากไม่มีไม้ตายเด็ดๆ การจะชนะอีกฝ่ายให้ได้มันคงเป็นแค่ฝัน

แต่เมื่อผู้ตรวจการหันมามองเย่หยวน เขากลับเห็นว่าเย่หยวนมีทีท่าแสนจะเยือกเย็น ไม่มีร่องรอยความตื่นกังวลใดๆ เรื่องนี้มันจึงทำให้เขาสงสัยมาก

เย่หยวนยิ้มตอบ “พวกนั้นตายแน่นอน มันมีอะไรให้ต้องกังวลรึ?”

ผู้ตรวจการมึนงงไปทันทีที่ได้ยิน “ตายแน่นอน?”

เย่หยวนบอก “ใช่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่เฉียวอันชานส่งตราดาบทองคำมา ผลลัพธ์มันก็ปรากฏออกมาแล้ว”

คำพูดพวกนี้มัน…ช่างโอหัง!

แต่การที่มันออกมาจากปากของเด็กอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวเช่นนี้มันทำให้ทุกอย่างช่างดูน่าตลกขบขัน

ผู้ตรวจการนั้นไม่รู้ต้องพูดอะไร ไม่รู้จะร่ำร้องหรือหัวเราะดี ตอนนี้เขารู้สึกผิดหวังในตัวเย่หยวนเข้าอย่างแรง

ไม่มีตามองภาพรวมที่แท้จริง ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเป็นยอดอัจฉริยะที่มีแต่ความอวดดีไม่รู้ฟ้าดิน

แต่แม้มันจะเจือจางไปบ้าง เขาก็ยังสงสัยในตัวเย่หยวนไม่หาย

เพราะยังไงเสียการที่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าจะหลอมโอสถยอดหยกโมฆะ โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ชั้นสูงได้มันก็ยังเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเหลือเชื่อ

เพราะว่าแม้แต่ในเมืองหลวงจักรพรรดิเองก็ยังมีนักหลอมโอสถแค่ไม่กี่คนที่จะหลอมโอสถความยากระดับเก้าได้เช่นนี้

เพราะฉะนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำตัวยังไงหรือมีนิสัยแบบไหน ตัวเขานั้นก็ยังไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวใดๆ ออกมา

ผู้ตรวจการบอกด้วยรอยยิ้ม “หึๆ เด็กน้อย เจ้าคงยังไม่รู้ถึงความห่างชั้นของอาณาจักรนภาสวรรค์! ต่อให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน มันก็ยังไม่พอที่จะเทียบเคียงกับเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์มานานหรอก เรื่องนี้ข้าว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงทำอะไรไม่ค่อยได้นัก!”

เย่หยวนหันหน้าไปมองที่ผู้ตรวจการด้วยรอยยิ้ม “หรือว่านายท่านมีอะไรอย่างอื่นจะบอก?”

ผู้ตรวจการตื่นตระหนกขึ้นในหัวใจ เพราะเขาแค่พูดออกมาครึ่งประโยคเด็กคนนี้มันก็รู้ถึงเป้าหมายของเขาแล้ว?

เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์!

ผู้ตรวจการบอก “หากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แพ้พ่าย ชีวิตน้อยๆ ของเจ้าเองก็คงไม่รอด! เฉียวอันชานผู้นั้นมันคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

เย่หยวนยังคงยิ้ม “แล้วท่านผู้ตรวจการต้องการสิ่งใด? เขาหน่วงเทพบรรพกาลหรือโอสถยอดหยกโมฆะดี?”

ผู้ตรวจการหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เขาได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างประหลาดใจ

เขาได้รู้แล้วว่าเขานั้นดูถูกเด็กคนนี้มากเกินไป เด็กคนนี้มันทั้งฉลาดและหลักแหลม ราวกับเป็นเฒ่าที่ผ่านโลกมานักต่อนัก ไม่เหมือนเด็กเลยแม้แต่น้อย

และเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนฉลาด ผู้ตรวจการจึงไม่คิดที่จะอ้อมค้อมใดๆ อีก เขาเปิดปากพูดออกมาตรงๆ “เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นเป็นสินประลอง ไม่ใช่เรื่องที่คนกลางอย่างข้าควรไปยุ่ง แต่ว่าชีวิตของเจ้านั้นคนกลางอย่างข้านี้สามารถช่วยได้ ถึงตอนนั้นข้าแค่อยากให้เจ้าช่วยหลอมโอสถยอดหยกโมฆะให้เท่านั้น แต่ว่าข้าผู้นี้อยากได้ขั้นสูงขึ้นไป เจ้ามั่นใจไหมว่าจะหลอมได้?”

โอสถยอดหยกโมฆะ ต่อให้เป็นในเมืองหลวงจักรพรรดิเองก็ยังนับว่าเป็นหนึ่งในโอสถที่หายาก

จอมเทพโอสถห้าดาวหลายๆ คนยังหลอมมันไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

หากผู้ตรวจการอย่างเขาจะอยากได้มันมาสักเม็ด ราคาของมันคงสูงลิบลิ่ว

เราจะมองแค่ว่าเขาได้รับความนับถืออย่างมากในสิบเมืองสันเขาใต้ไม่ได้ เพราะหากได้เข้าไปรู้เรื่องราวในเมืองหลวงจักรพรรดิ เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าคนอย่างเขานั้นไม่ใช่คนสำคัญใดๆ เลย

เย่หยวนนั้นรู้ว่าเล้งชิวหลิงนางนั้นเองก็น่าจะมาจากเมืองหลวงจักรพรรดิเช่นกัน นางจึงสามารถที่จะบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ตั้งแต่อายุเท่านั้น

อย่างน้อยๆ เรื่องนั้นมันก็แสดงว่าอาณาจักรนภาสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากมากมายในเมืองหลวงจักรพรรดิ

ได้ยินคำของผู้ตรวจการนั้น เย่หยวนก็ยิ้มบอก “ท่านผู้ตรวจการจะขี้กังวลเกินไปแล้ว หากท่านแค่อยากได้โอสถยอดหยกโมฆะเย่คนนี้ย่อมหลอมให้ได้ ไม่ต้องมาช่วยชีวิตน้อยๆ ของเย่คนนี้หรอก นายท่านจงวางใจ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต้องชนะศึกนี้แน่!”

ผู้ตรวจการนั้นพูดอะไรไม่ออก เขารู้สึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถจะมองเด็กคนนี้ได้ออกอีกแล้ว

ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่แสนฉลาด แต่ทำไมพูดอะไรออกมาถึงผิดพลาดได้ขนาดนั้น?

ชนะ?

เอาอะไรไปชนะ?

ตอนนั้นเองที่มีเสียงดังคำรามสะท้านฟ้าขึ้นมา

เฉียวอันชานนั้นลงมืออย่างบ้าคลั่ง กดดันโซชูเจียไว้โดยที่แทบไม่ได้โซชูเจียได้ตอบโต้ใดๆ

ผู้ตรวจการหันมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “นี่หรือคือชัยชนะของเจ้า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด