Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1759 ตรวจสอบและยอมรับ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1759 ตรวจสอบและยอมรับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเห็นหลังเย่หยวนเดินจากไป คงหยุนก็ได้แต่แสดงสีหน้าโกรธแค้นจนแดงก่ำ

ส่วนนักบวชและนักบวชฝึกหัดคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ นั้นได้แต่ยืนนิ่งปิดปากเงียบกริบ

“ไอ้เด็กเวร กล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้าได้! ภารกิจเจ็ดดาว หึ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะเอาปัญญาที่ไหนมาทำสำเร็จ!” คงหยุนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

“เย่หยวนคนนี้มันคงบ้าใช่ไหม? ถึงกล้าไปท้าทายภารกิจเจ็ดดาวเช่นนี้!”

“ภารกิจเจ็ดดาวนั้นคือภารกิจที่แม้แต่ผู้อาวุโสยังทำไม่ค่อยผ่าน ไอ้หมอนั่นมันจะอวดอ้างใดก็ควรมีขอบเขตบ้างใช่ไหม?”

“นั่นสินะ? มันคงได้ใจที่ได้ฉายาอัจฉริยะอันดับหนึ่งของวิหารมาครองล่ะมั้ง?”

“ครึ่งปีมานี้เขาเคยทำแค่ภารกิจสามดาวลงมา จู่ๆ จะกระโดดไปทำภารกิจเจ็ดดาวเช่นนี้แทนมันจะไม่น่าตลกเกินไปหน่อยหรือ?”

การกระทำในครั้งนี้ของเย่หยวนนั้นไม่มีใครคิดที่จะสนับสนุนเลย

จากสามดาวไปเจ็ดดาว นี่มันเป็นช่องว่างที่แสนจะห่างไกล

ภารกิจเจ็ดดาวนั้นเป็นภารกิจที่นานๆ ทีจะมีผู้อาวุโสมารับไปทำ

คงหยุนเดินมาที่นักบวชฝึกหัดคนที่จ่ายภารกิจออกไปและถามด้วยหน้าตาจริงจัง “ให้ข้าดูหน่อยว่ามันรับภารกิจใดไป”

แน่นอนว่านักบวชฝึกหัดคนนั้นย่อมไม่มีทางปฏิเสธคงหยุนได้และยื่นสมุดรายชื่อภารกิจออกมา

เมื่อคงหยุนได้เห็นใบหน้าของเขาก็กระตุกขึ้นและหัวเราะลั่นออกมาทันที “ไอ้เด็กคนนี้มันโง่มากเลยใช่ไหม? ภารกิจเหล่านี้หากมันมีปัญญาจะทำจริง ข้า คงหยุนผู้คนนี้จะยื่นหัวให้มันเตะเล่นเหมือนลูกบอลเลย!”

การกระทำนี้ของเย่หยวนมันโอหังเกินไป ทำให้หน้าตาชื่อเสียงของคงหยุนนั้นเสียไปไม่น้อย

เสียงหัวเราะลั่นนี้มันก็เพื่อที่จะกู้หน้าคืนมาบ้าง

ทุกคนที่ได้ยินต่างสงสัยว่าเย่หยวนรับภารกิจเจ็ดดาวแบบไหนไปกันแน่

เพราะภารกิจเจ็ดดาวนั้นมันมีมากมาย มีทั้งที่ง่ายและทั้งที่ยาก

ที่ง่ายๆ ก็แทบไม่ได้ต่างอะไรจากภารกิจหกดาวเลย

ส่วนที่ยากๆ นั้นเปรียบเทียบได้กับภารกิจแปดดาวทีเดียว

ตอนนี้เย่หยวนที่เพิ่งเดินไปถึงประตูหน้าได้ยินคำของคงหยุนเข้าและหยุดเท้าลง ก่อนที่เย่หยวนจะหันกลับมาบอก “ข้าจำคำพูดนี้ของเจ้าไว้แล้ว หวังว่าวันพรุ่งนี้เจ้ายังจะกล้าย้ำคำเดิมของเจ้านี้”

คงหยุนหัวเราะลั่น “เจ้าวางใจได้ วันพรุ่งนี้ข้าก็จะกล่าวมันอีกแน่! เพราะว่าสิบภารกิจนี้มันไม่มีทางเลยที่คนอย่างเจ้าจะทำมันได้สำเร็จ!”

เย่หยวนยิ้มและเดินก้าวออกไป

เหล่าผู้คนทั้งหลายก็ต่างสงสัยกันในใจ นักบวชบางคนที่มีพลังฝีมือบ้างถึงขั้นเดินออกมาถาม “พี่คงหยุน เย่หยวนมันเลือกภารกิจเช่นใดไปกัน?”

คงหยุนหัวเราะเย้ย “เจ้าลองดูเองสิ!”

เมื่อทุกคนได้เห็นมันก็เกิดความแตกตื่นขึ้นทันที!

“ภารกิจหมายเลขเจ็ดสิบห้านี้ เหมือนว่าผู้อาวุโสนิจะเคยรับไปใช่ไหม? แล้วท่าน…ก็น่าจะทำได้ไม่สำเร็จด้วย!”

“แล้วภารกิจหมายเลขสามร้อยหกสิบเจ็ดนี้ ข้าได้ยินว่ามีผู้อาวุโสหลายคนมารับมันไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำมันให้สำเร็จได้!”

“ภารกิจทั้งสิบนี้แต่ละอันมันเป็นภารกิจที่ยากเกินจะทำสำเร็จได้ เขาบ้าไปแล้วหรือ?”

ภารกิจทั้งสิบที่เย่หยวนรับไปนั้นล้วนแล้วแต่มีผู้อาวุโสเคยทำมาก่อน ไม่มากก็น้อย

ที่สำคัญคือพวกเขาทั้งหลายนั้นทำไม่สำเร็จด้วย

ภารกิจเช่นนี้ คนที่เพิ่งเรียนรู้ศาสตร์การหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์มาได้แค่ครึ่งปีจะมีปัญญาหลอมมันได้หรือ?

ที่สำคัญเย่หยวนยังไม่เคยทำภารกิจเหนือกว่าระดับสามดาวขึ้นไปเลยสักครั้ง มาทำภารกิจเจ็ดดาวเช่นนี้มันจะไม่บ้าบอเกินไปหน่อยหรือ?

คงหยุนยิ้ม “ไอ้โง่ที่ประเมินตัวเองจนสูงส่ง แม้ว่ามันจะอยากโอ้อวดแค่ไหนมันก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง!”

ทุกคนนั้นพยักหน้าตาม เห็นด้วยกับคงหยุนอย่างหมดหัวใจ

การโอ้อวดในครั้งนี้มันเกินกว่าที่จะเป็นไปได้!

ช่วงบ่ายวันต่อมา คงหยุนก็มาถึงยังโถงรับภารกิจ

เช่นเดียวกันกับเขา ตอนนี้มีผู้คนมากมายหลากหลายกำลังมารออยู่ที่นี่

“คงหยุน ได้ยินว่าเมื่อวานเจ้ามาดูเย่หยวนมัน?”

คงหยุนหันไปมองและก็พบกับฉีเฟิง

ฉีเฟิงคนนี้เองก็ได้ยินมาว่าเย่หยวนรับภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ไป และแน่นอนว่าคนอย่างเขาต้องไม่พลาดที่จะมาดู

การได้เห็นเย่หยวนในสภาพดูไม่จืดนั้นมันคงเป็นอะไรที่แสนจะปลอดโปร่งต่อตัวเขา

คงหยุนยิ้มเยาะออกมา “ได้รับฉายานามว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งวิหาร ข้าก็นึกว่ามันจะเป็นคนที่เก่งกาจใด ที่แท้มันก็เป็นได้แค่คนโง่คนหนึ่ง!”

ฉีเฟิงยิ้ม “อาจจะไม่โง่ แต่คนที่บังคับมันได้ถึงขั้นนี้ก็คงมีแต่เจ้าเท่านั้นแหละ”

ได้ยินคำของฉีเฟิง คงหยุนก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“หากมันเลือกภารกิจหกดาวข้าอาจจะยังกังวลอยู่ไม่น้อย แต่มันกลับไปเลือกภารกิจเจ็ดดาว และไม่ใช่แค่เลือกภารกิจเจ็ดดาวแต่มันยังเลือกภารกิจเจ็ดดาวที่ไม่มีใครทำสำเร็จได้ ถึงขั้นนี้แล้วมันจะยังไม่โง่อีกหรือ?” คงหยุนบอกออกมา

ฉีเฟิงย่อมไม่คิดว่าเย่หยวนเป็นคนโง่อย่างแน่นอน แต่เขาเองก็คิดว่าภารกิจในครั้งนี้เย่หยวนก็ไม่น่าจะสามารถทำมันได้เช่นกัน

“ให้ข้าเดาแล้ว วันนี้มันคงไม่คิดจะมา ภารกิจเหล่านั้นมันเป็นภารกิจที่ไม่มีทางทำสำเร็จได้ แต่ว่าภารกิจระดับเจ็ดขึ้นไปนั้นมันต้องให้ผู้อาวุโสเป็นคนมาตรวจรับ ตอนนี้ผู้อาวุโสฉีหยูมาถึงแล้ว ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะอ้างเรื่องใดได้!” ฉีเฟิงยิ้มเยาะ

ได้ยินเช่นนั้นคงหยุนเองก็ยิ้มออกมาตาม

จากวันนี้ไป ตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งวิหารย่อมจะหวนกลับคืนมาสู่มือของเขาอีกครั้งแน่

“มา มาแล้ว! ไม่นึกเลยว่าเย่หยวนจะกล้ามาจริงๆ!”

“หึๆ มาหรือไม่มันก็คงได้กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั้งวิหารอยู่ดี!”

จู่ๆ ก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นในหมู่ผู้คนเมื่อเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้ามาด้านใน

เย่หยวนย่อมไม่คิดที่จะสนใจและเดินตรงไปยังโต๊ะส่งภารกิจ

“ข้ามาส่งภารกิจ” เย่หยวนบอก

นักบวชฝึกหัดคนนั้นตอบกลับมา “ท่านเย่หยวนโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเรียกผู้อาวุโสฉีหยูออกมาให้!”

เย่หยวนพยักหน้ารับและปล่อยให้นักบวชฝึกหัดคนนั้นหันหลังเดินจากไป

“หึๆ ยังจะมาวางท่า! ภารกิจเหล่านี้หากเจ้าทำมันได้แม้แต่ภารกิจเดียวข้าคงหยุนจะขอเขียนชื่อตัวเองกลับหัวไปตลอดเลย!” คงหยุนหัวเราะออกมา

เย่หยวนหันไปมองเขาด้วยท่าทางไม่รู้จักพูดอะไร “เมื่อวานเจ้าว่าจะยื่นหัวให้ข้าเตะเล่น วันนี้มาบอกว่าจะเขียนชื่อกลับหัว ชื่อที่พ่อแม่เจ้าตั้งให้มา เจ้าไม่คิดที่จะรักษามันหน่อยหรือ?”

คงหยุนแทบสำลักเมื่อได้ยินและตอบกลับมาด้วยอาการกลั้นขำ “ไม่ต้องมาวางท่าแล้ว! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะวางท่าไปได้นานแค่ไหน”

ตอนนั้นเองที่ฉีหยูก็เดินออกมาถึง

เขามองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจไม่น้อย

เพราะเจ้าเด็กคนนี้มันกล้าจะท้าทายภารกิจเจ็ดดาวพร้อมกันหลายภารกิจ แถมแต่ละภารกิจยังเป็นภารกิจที่แสนจะยากเย็น ดูอย่างไรมันก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ!

“ผู้อาวุโสฉีหยู!” เย่หยวนยกมือขึ้นมาคารวะฉีหยู

ฉีหยูพยักหน้า “ได้ยินว่าเจ้าเลือกสิบภารกิจเจ็ดดาวที่ยากที่สุดไป?”

เย่หยวนพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ ผู้อาวุโสฉีหยูโปรดตรวจสอบและรองรับมันด้วย”

เมื่อเขาพูดไป เย่หยวนก็ยื่นแหวนออกมาวางไว้บนโต๊ะ

นั่นทำให้ฉีหยูต้องหรี่ตามองทันที “สิบภารกิจนี้…เจ้าทำมันได้หมดแล้ว?”

เย่หยวนยิ้ม “เมื่อเย่หยวนคนนี้กล้าจะรับมัน ย่อมหมายความว่าเย่หยวนคนนี้มีปัญญาพอที่จะทำมัน ผู้อาวุโสโปรดตรวจสอบ!”

ฉีหยูเองก็ตื่นตกใจไม่น้อย เขาหยิบแหวนนั้นขึ้นมาและส่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองลงไปในแหวนเพื่อเริ่มทำการตรวจสอบ

เมื่อคงหยุน ฉีเฟิงและคนอื่นๆ ได้เห็นภาพนั้นพวกเขาต่างก็แสดงใบหน้าเยาะเย้ยออกมาตามๆ กัน

แต่จู่ๆ สีหน้าของฉีหยูก็เปลี่ยนไปอย่างมากและหันมาถามเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจ “นี่มัน…โอสถเทียนแท้นิรันดร์นี่เจ้าหลอมเอง?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสฉีหยูคงล้อเล่นแล้ว หากไม่ใช่ข้ามันจะยังมีใครมาหลอมให้ข้าได้อีก?”

เมื่อทุกคนเห็นภาพนั้นพวกเขาต่างก็แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมาตามๆ กัน

หรือว่าเย่หยวนคนนี้จะทำสำเร็จได้หนึ่งภารกิจ?

เมื่อพยายามฝืนกลั้นความตกตะลึงนั้นไปได้ ฉีหยูก็หยิบแหวนวงที่สองและเริ่มส่องดูภายในแหวนอีกครั้ง

จากนั้นก็เป็นวงที่สาม ที่สี่…ไปเรื่อยจนถึงวงที่สิบ!

ใบหน้าของฉีหยูนั้นมีแต่จะตื่นตกใจเพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่ตรวจสอบดู

ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมายังเย่หยวนนั้นราวกับว่าเขาได้เห็นผี

เมื่อทุกคนเห็นสภาพนั้นของฉีหยู พวกเขาต่างก็แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมาตามๆ กัน

เย่หยวนทำอะไรลงไปถึงได้ทำให้ผู้อาวุโสฉีหยูเหวอได้ถึงขนาดนี้?

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด