Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1816 บรรลุ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1816 บรรลุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เย่หยวนใช้โอกาสนี้เพื่อสังหารเชียนเย่ลงจริงๆ! พระเจ้าช่วย น่าเสียดายแท้!”

“ใช่ไหมล่ะ? มันเป็นคำขอที่ทำให้ท่านเจ้านิกายต้องลงมือเองได้ ต่อให้เป็นการสังหารเทพถ่องแท้มันก็คงเป็นไปได้ แต่กลับมาใช้มันเพื่อสังหารนภาสวรรค์หนึ่งดาวเช่นนี้”

“ไม่เข้าใจจริงๆ! ความคิดของพวกยอดอัจฉริยะมันมิใช่อะไรที่คนธรรมดาอย่างเราๆ จะไปเข้าใจได้หรอก”

ในที่สุดเชียนเย่ก็ตายลงภายใต้คำสั่งของโจวชิง

เพื่อแค่ว่าเรื่องนี้มันทำให้ศิษย์ทั้งหลายรู้สึกเสียดายแทนอย่างมาก

ดังเช่นคนธรรมดาสามัญที่ได้สิทธิ์ขอทองสิบเกวียนรถ แต่กลับขอเหรียญทองแดงกลับมาแค่เหรียญเดียว

โอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ทุกผู้คนต่างได้แค่ฝันถึง แต่เย่หยวนกลับไม่คิดจะให้ค่าสนใจมันแม้แต่น้อย

เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้เลยว่าในสายตาของเย่หยวนแล้วเรื่องครั้งนี้มันไม่ได้มีค่าใหญ่โตใดๆ เลย

ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธบ่มเพาะ วิชาฝีมือหรือโอสถใดๆ มันล้วนแล้วแต่ไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน

นับแต่วันนั้นมาทุกอย่างในนิกายเงาจันทร์เริ่มกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง

เจ้านิกายโจวชิงและเหล่าเก้ายอดผู้อาวุโสต่างเริ่มเข้าสู่การเก็บตัว เสียงกลองในครั้งนี้มันจุดประกายชีวิตและความรู้ให้แก่พวกเขาอย่างมากมาย พวกเขาจึงต้องใช้เวลาอีกมากในการที่จะวิเคราะห์และนำความรู้เหล่านี้มาพัฒนาตน

ตอนนี้ศิษย์อีกหลายต่อหลายคนก็เริ่มเข้าสู่การเก็บตัวเช่นกัน

หลังจากวันนั้นมานิกายเงาจันทร์มันจึงดูเงียบเหงากว่าเก่าไปมาก

แต่วันนี้กลับมีเสียงพิณเจ็ดสายเล่นบรรเลงขึ้นมาบนยอดเพลิงเมฆาด้วยท่วงทำนองที่อ่อนไหวและนุ่มนวล

เสียงพิณที่บรรเลงนี้มันเปี่ยมไปด้วยความรักใครอย่างไม่ต้องสงสัย แตกต่างจากเสียงเพลงบรรเลงแห่งความโศกเศร้าและเสียใจในครั้งก่อนมาก

เสียงพิณนั้นเล่นออกมาด้วยใจของนักดนตรี หากคนเล่นมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง เสียงที่พิณส่งออกมามันก็ย่อมเปลี่ยนตาม

เหล่าผู้คนที่ถูกเสียงพิณนั้นดึงดูดกำลังค่อยๆ เดินขึ้นยอดเพลิงเมฆาไปอย่างลืมตัว

เมื่อเพลงบรรเลงจบลง ไป่หลี่ชิงหยานก็พูดขึ้นด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง “นี่คือเพลงที่ข้าติดเจ้าไว้ ตอนนี้ถือว่าข้าใช้คืนมันแล้ว”

เย่หยวนยิ้มตอบ “แม่นางไป่หลี่ช่างมีวิชาพิณที่เหนือล้ำ ดูท่าเรื่องที่ติดค้างกันไว้ครานั้นมันจะคุ้มค่ากับเพลงนี้จริงๆ”

ไป่หลี่ชิงหยานเม้มปากออกมาเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงอมชมพู “เจ้าคนชั่วร้าย ยังคงน่าเกลียดชังเหมือนเดิม!”

เย่หยวนที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกมึนงงขึ้นมา “ทำไมคำชมของข้ามันจึงเป็นความชั่วร้ายกัน? หรือข้าต้องบอกว่าแม่นางไป่หลี่นั้นช่างเล่นได้ห่วยแตก?”

ไป่หลี่ชิงหยานเบิกตาถลนกลับมา “เจ้ากล้า?!”

เย่หยวนได้แต่ยืนนิ่งพร้อมยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาล่ะๆ ถือว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน ในเมื่อข้าได้ฟังเสียงพิณของแม่นางแล้วพวกเราก็ควรกลับไปฝึกฝนตัวต่อ”

คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของไป่หลี่ชิงหยานแสดงความเสียดายออกมาในทันที “เจ้าตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้แท้ๆ แต่ทำไมเจ้าต้องใช้มันเพื่อสังหารเชียนเย่ด้วย? เจ้าไม่รู้หรือว่าคุณประโยชน์ที่เจ้าอาจได้รับมันยิ่งใหญ่แค่ไหน?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “นิกายนั้นไม่มีอะไรที่จะมอบให้ข้าได้ สำหรับข้ามันจึงเหมาะสมแล้วที่จะใช้เรื่องราวนี้ในการสังหารเชียนเย่เสีย”

ไป่หลี่ชิงหยานผงะไปทันทีที่ได้ยิน นางอดไม่ได้ที่จะมองดูใบหน้าของเย่หยวนด้วยความมึนงงสงสัย

ไอ้หมอนี่มันช่างอวดอ้างตัวเองได้เก่งเกินใครจริงๆ!

นิกายเงาจันทร์นั้นคือนิกายระดับเทพถ่องแท้ คนตั้งมากมายคิดอยากเข้านิกายแต่ไม่อาจเข้ามาได้ แต่เย่หยวนกลับบอกว่านิกายนั้นไม่มีอะไรที่จะมอบให้เขาได้

“หากนิกายไม่มีอะไรให้เจ้าจริงเจ้าจะเข้านิกายมาทำไมกัน?” ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะถาม

เย่หยวนตอบ “ข้าเข้านิกายมาย่อมเพื่อสิทธิ์เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่”

คำพูดนี้ทำให้ไป่หลี่ชิงหยานต้องเลิกคิ้วสูง “ข้าไป่หลี่ชิงหยานต้องมีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าก่อนจึงได้สิทธิ์มา เจ้านั้นเป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาว ครานี้มันคงไม่ทันแน่ๆ แล้ว”

ในใจจริงๆ ไป่หลี่ชิงหยานเองก็สงสารเย่หยวนไม่น้อย เพราะเย่หยวนนั้นมีพลังความสามารถที่เพียงพอแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานเพราะพลังบ่มเพาะยังไม่ถึงเกณฑ์ เขาจึงไม่อาจจะที่จะเข้าร่วมได้อย่างเด็ดขาด

ในเวลาสิบปีต่อจากนี้ การจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มันคงเป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน

หากตอนนี้เย่หยวนอยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวมันก็ยังพอทำเนา

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขายังเป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาว

แต่เย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “การบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้าหรอก”

ไป่หลี่ชิงหยานพูดอะไรไม่ออก นางแค่รู้สึกว่าเย่หยวนนั้นช่างโอ้อวดเก่งเสียจริง

“เอาล่ะ งั้นข้าจะรอดูว่าเจ้าจะบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ไหมในเวลาแค่สิบปีนี้” ไป่หลี่ชิงหยานไม่คิดที่จะต่อล้อต่อเถียงใดๆ และแค่บอกว่าจะรอดู

นางรู้ว่าเย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำเพียงใดแต่ความเร็วในการบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นมันไม่ได้นับว่ารวดเร็วมากนัก

เมื่อเทียบกับตัวนางแล้วเขานั้นมีความเร็วที่ไม่ต่างจากอัจฉริยะทั่วไปคนอื่นๆ

เพราะต่อให้เป็นนาง ตัวไป่หลี่ชิงหยานเองก็ไม่อาจะจะบรรลุจากราชันพระเจ้าเก้าดาวขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่สิบปี

แน่นอนว่าเย่หยวนเองก็ย่อมไม่มีทางทำได้

หลังจากไป่หลี่ชิงหยานจากไปเย่หยวนก็เริ่มเข้าสู่การเก็บตัวเพื่อโจมตีฐานอาณาจักรนภาสวรรค์ในทันที

เวลาสองร้อยปีมานี้เย่หยวนได้ทำเรื่องราวมากมายหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการร่างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับห้าไว้ในหัว

จริงๆ แล้วตั้งแต่ตอนที่เริ่มบรรลุอาณาจักรวายุพระเจ้ามาได้เย่หยวนก็ได้เริ่มวางแบบแผนการบ่มเพาะของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ทำสำเร็จในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา

เมื่อผ่านระดับสี่ที่แสนยากเย็นนั้นมาได้ การบ่มเพาะระดับห้ามันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายกว่ากันมาก

การสร้างแนวทางการบ่มเพาะระดับห้าได้ง่ายๆ เช่นนี้มันแสดงให้เห็นว่าเย่หยวนเข้าใจในอาณาจักรนภาสวรรค์มากแค่ไหน

การบรรลุนั้นมันก็แค่ขึ้นอยู่กับว่ามีพลังวิญญาณจะทำเมื่อไหร่

อาณาจักรนภาสวรรค์ที่แสนยากเย็นของคนอื่นมันไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นขนาดนั้นกับเย่หยวนเลย

เมื่อมีตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นอยู่เช่นนี้แล้วเย่หยวนจึงยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องจะขาดพลังวิญญาณและย่อมไม่ต้องใช้โอสถใดๆ มาช่วยเหลือเลย

เวลาสิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้ระหว่างที่สามสัตว์อสูรกำลังเก็บตัวบ่มเพาะอยู่นั้นพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังอันรุนแรงจากทางด้านถ้ำหลวงของเย่หยวน

“มาสร้างปัญหากันอีกแล้ว? ครานี้เป็นแค่นภาสวรรค์หนึ่งดาว ไปจัดการมันกันหน่อยเถอะ” หมีเฒ่าบอก

“หึ เพราะเจ้าเด็กคนนั้นตอนนี้พวกเราจึงมีพลังฝีมือเหนือล้ำขึ้นมา! ต้องเฝ้าที่นี่ไว้ให้ดีไม่เช่นนั้นหากเจ้าเด็กคนนั้นมันไล่เราไป เราคงไม่ได้ที่ดีๆ แบบนี้อีกแน่” เฒ่ากวางบอก

สัตว์อสูรทั้งสามหันคุยกันอยู่นิดหน่อยก่อนจะพุ่งตัวออกมา

ฟุบ!

ฟุบ!

ฟุบ!

สามสัตว์อสูรย้ำเท้าลงด้วยความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด

พวกเขาคิดว่ามีคนนอกนักยุทธนภาสวรรค์หนึ่งดาวบุกเข้ามา แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าคลื่นพลังที่สัมผัสได้นี้จะกลับกลายเป็นเย่หยวนแทน!

“เด็กน้อย… เจ้าบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์แล้ว!” เฒ่าหมีเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตะลึง

สิบปีก่อนเย่หยวนยังเป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาว

สิบปีต่อมาเย่หยวนกลับกลายเป็นเทพนภาสวรรค์หนึ่งดาว!

อาณาจักรนภาสวรรค์มันจะง่ายเกินไปไหม?

เย่หยวนพยักหน้าบอกด้วยรอยยิ้ม “อืม เพิ่งบรรลุได้เลย พวกเจ้าทั้งสามเฝ้าตรวจดูที่แห่งนี้อย่างดีมาหลายปี ข้าจึงใช้เวลาที่เหลือน้อยนิดนี้หลอมโอสถมาให้ พวกเจ้าจงรับมันไปเป็นรางวัลเถอะ”

เฒ่าหมียกเท้าขึ้นมาโบกปัด “ไม่ต้องหรอก โอสถของมนุษย์มันไม่มีประโยชน์แก่เรา เราใช้มันไม่ได้”

เย่หยวนยิ้มออกมา “นี่คือโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์”

เฒ่าหมีตะโกนร้องขึ้น “เจ้าที่เป็นมนุษย์กลับรู้วิธีหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือ?”

เย่หยวนโยนโอสถเหล่านั้นออกมาให้สัตว์อสูรทั้งสามมองดู และภาพตรงหน้านั้นมันทำให้พวกเขาแทบต้องกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ

เฒ่าหมีร้องบอก “โอสถสิบหทัยขั้นเทวะ! นี่มัน… เจ้าหลอมโอสถนี้ขึ้นมาจริง?”

เย่หยวนหัวเราะออกมา “หากข้าไม่หลอม แล้วใครจะเป็นคนหลอม? ข้าแค่บังเอิญมีสมุนไพรสิบหทัยติดตัวมาด้วยจึงคิดจะนำมันมาหลอมให้พวกเจ้าได้กินกัน”

ตอนที่เขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิต้นทรราชนั้นเย่หยวนแทบจะสามารถชี้สั่งได้ทุกอย่าง เขาย่อมมีสมุนไพรระดับห้าติดตัวมาไม่น้อย

แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เป็นสมุนไพรที่หายากนักแต่การหลอมโอสถสิบหทัยนั้นก็ไม่ได้ง่ายเลย

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด