Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แค่กระบวนท่าเดียว? ไอ้หมอนี่มันช่างหน้าไม่อายจริงๆ นี่คือจะยอมแพ้กันตรงนี้เลยรึ?” คำพูดของเย่หยวนมันทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นทั่ว

เหอหยวนกล่าว “ดูท่านิกายเงาจันทร์จะส่งเจ้ามาเป็นตัวประกอบจริงๆ สินะ ติดแค่ว่าเจ้านั้นมันดวงดีไปทำให้หมูสมบัตินั้นติดใจเข้าได้ ชิๆ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเก่งกาจแค่ไหน น่าผิดหวังเสียจริง!”

แม้จะเป็นนภาสวรรค์หนึ่งดาวเหมือนกันแต่เย่หยวนนั้นยังอยู่แค่ขั้นต้น ส่วนเหอหยวนนั้นอยู่ขั้นสุด

มันไม่ใช่เพราะว่าแต่ละขั้นนั้นแตกต่างกันอย่างมากมาย แต่เป็นเพราะพลังฝีมือของเหอหยวนนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก

นอกงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่เขาสามารถต่อสู้ได้แม้กระทั่งกับนภาสวรรค์สองดาวขึ้นต้น

นิกายสว่างชัดนั้นมันไม่มีใครที่อ่อนแอ

เรื่องนี้ถูกพิสูจน์จากงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ที่ผ่านๆ มาหลายต่อหลายครั้ง

แต่เย่หยวนกลับตอบสวนมา “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าต่างหากที่จะแพ้ในกระบวนท่าเดียว!”

เมื่อเหอหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นขึ้น “พวกเจ้าทั้งหลายได้ยินไหม? มันคิดจะทำให้ข้าแพ้ด้วยกระบวนท่าเดียว! ฮ่าๆๆ สมชื่อยอดอัจฉริยะแห่งสวนป่าบนจริงๆ ความโอหังนี้มันช่างเหนือล้ำข้าล่ะกลัวจริงๆ!“

คนรอบๆ ทั้งหลายต่างหัวเราะขึ้นตามๆ

“ในดาวเดียวกัน มีคนที่ต่อสู้กับเหอหยวนได้ไม่มากมายนัก อย่าว่าแต่ทำให้แพ้ด้วยกระบวนท่าเดียวเลย”

“ยอดอัจฉริยะสวนป่าบนนั้นช่างเก่งกาจเหลือเกินเมื่อเป็นเรื่องโม้โอ้อวด!”

การบ่มเพาะนั้นยิ่งพัฒนาอาณาจักรไปมาก ความแตกต่างของแต่ละดาวก็จะยิ่งห่างชั้น

แต่ละดาวนั้นต้องใช้เวลาบ่มเพาะที่มากมายมหาศาล

แม้จะเป็นแค่ช่องว่างระหว่างนภาสวรรค์หนึ่งดาวขั้นต้นและขั้นกลางมันก็ยังห่างชั้นกันอย่างมาก

“ไอ้โง่!”

คำพูดนี้เย่หยวนและตงน้อยพูดออกมาพร้อมๆ กัน

เหอหยวนหน้าดำมืดลงทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ยังไม่ทันได้ลงมือก็มาอวดอ้างตัวเอง ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน หรือว่าเจ้าคิดว่าแค่ตัวเองมาจากนิกายสว่างชัดก็จะเก่งกาจกว่าคนอื่นมากมายแล้ว? ท่าทางอวดเก่งปากดีนี้ของเจ้ามันทำให้ตัวเจ้าดูเหมือนคนโง่เง่าจริงๆ เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?”

ได้ยินคำของเย่หยวนทุกผู้คนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง

คนที่มาจากนิกายสว่างชัดไม่ยอดเยี่ยมหรือ?

พวกเขาไม่ควรหลงใหลในตัวเองหรือ?

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นิกายสว่างชัดได้กลายเป็นสัญลักษณ์แทนความแข็งแกร่งไป

ต่อให้เป็นนิกายปรารถนาที่ตามติดไล่นิกายสว่างชัดมาก็ยังถูกอีกฝ่ายเบียดจนต้องตกข้างทาง

ในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่กว่าหมื่นปีที่ผ่านมานี้ นิกายสว่างชัดจะได้รับสิทธิ์เข้าวิหารไปอย่างน้อยๆ สองสิทธิ์เสมอ

มันมีครั้งหนึ่งพวกเขาถึงกับกวาดไปได้ถึงสี่สิทธิ์!

ความแข็งแกร่งนี้มันจึงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอมา

เพราะฉะนั้นสิทธิ์ที่นิกายสว่างชัดได้รับในการส่งศิษย์เข้างานมันจึงมีมากถึงแปดคน

นิกายอื่นๆ ทำได้แค่เพียงมองดูหลังพวกเขา

เหอหยวนมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นชา “เด็กน้อย เจ้ากล้ามาดูถูกนิกายสว่างชัดของข้า! ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! วันพรุ่งนี้ข้าจะทำให้เจ้าขยับตัวไปไหนไม่ได้ในหนึ่งกระบวนท่าเอง!”

เย่หยวนยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน “เมื่อเจ้าทำได้แล้วค่อยมาเห่าหอนอีกครั้งเถอะ! ตงน้อย ไปกัน”

พูดจบเย่หยวนก็เดินนำตงน้อยจากไป

ไป่หลี่ชิงหยานที่อยู่ไม่ไกลจึงเรียกขึ้น “เจ้าจะไม่อยู่ดีการต่อสู้ของวันนี้หรือ? ทั้งห้าคู่ที่จะสู้กันวันนี้มันเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้นเลยนะ!”

ศิษย์ทั้งหลายที่ได้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ย่อมมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย การต่อสู้ของพวกเขาจึงสุดแสนที่จะดุเดือด

ในสถานการณ์เช่นนี้นอกจากเหล่ายอดคนแท้จริงแล้ว คนส่วนมากก็ย่อมเลือกที่จะอยู่ดูการต่อสู้ของผู้อื่น

โบราณว่าไว้รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

มันย่อมไม่มีผลเสียใดๆ หากคิดจะศึกษาศัตรู

แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่ดูหรอก ไม่มีอะไรให้ดู”

ในสายตาของเย่หยวนนั้นการหลอมโอสถมันน่าสนใจกว่าการต่อสู้พวกนี้มาก

เมื่อเห็นเย่หยวนเดินจากไปทั้งๆ อย่างนั้นคนทั้งหลายจึงมองตามไปเป็นตาเดียว

เด็กคนนี้มีพลังบ่มเพาะไม่สูงนักแต่กลับมีท่าทางแสนเย่อหยิ่ง ทำไมนิกายเงาจันทร์จึงได้ปล่อยคนเช่นนี้เข้ามาร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่กัน?

ระหว่างทางกลับไปเย่หยวนก็หันมองดูตงน้อยพร้อมถามขึ้น “ดูเจ้าจะมั่นใจในตัวข้ามากนะ”

ตงน้อยนั้นตอบกลับมาด้วยท่าทางเหมือนคนแก่ “เจ้ามีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ถึงสามดาวขั้นสุดแล้ว หากเจ้าจัดการคนระดับนั้นไม่ได้อีกเจ้าก็เอาหัวไปโขกดินตายเถอะ”

เย่หยวนนั้นตกใจไม่น้อย เพราะดูแล้วตงน้อยคนนี้จะมีสายตาที่ดีจริงๆ!

สมเป็นทายาทของเทพสวรรค์แท้ๆ

เหอหยวนคนนั้น เย่หยวนย่อมไม่คิดเอามาใส่ใจ

ห้าคู่ของวันแรกนั้นมันดุเดือดตามที่คาด

มันมีคู่หนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนปราณเทวะหมดสิ้นถึงจะสามารถตัดสินผู้แพ้ชนะกันได้จริงๆ

มันไม่มีใครสามารถจัดการศัตรูลงได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าเลย

แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าแม้ผู้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่อาจจะมีพลังฝีมือที่แตกต่างกันไป แต่พวกเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครเลยที่ธรรมดา

การต่อสู้ในวันที่สองเริ่มดำเนินไปอย่างดุเดือดไม่แพ้วันแรก เพียงแค่ว่าเย่หยวนกลับยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเสียที

จนถึงตอนเที่ยง ก่อนที่การแข่งคู่ที่สามจะเริ่ม เย่หยวนจึงมาถึงสังเวียน

หยางเชินเดินเข้ามาหาเหอหยวนพร้อมบอก “ศิษย์น้องเหอ เจ้าจัดการศึกนี้ให้ดี อย่าได้ให้โอกาสใดๆ แก่เย่หยวน จะให้นิกายสว่างชัดเรามาเสียหน้ากับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้!”

เหอหยวนพยักหน้ารับ “ศิษย์พี่หยางโปรดวางใจ ไอ้เด็กคนนี้มันหลงตัวเองอย่างมาก ขึ้นไปถึงข้าจะจัดหนักด้วยทุกอย่างที่ข้ามีใส่มันเลย!”

หยางเชินพยักหน้ารับด้วยความโล่งใจ

เมื่อคนทั้งสองเดินขึ้นสังเวียนไปเหอหยวนก็บอกขึ้น “เด็กน้อย เดิมทีข้าคิดจะไว้หน้าเจ้าเสียบ้าง แต่เจ้ากลับมาดูถูกนิกายสว่างชัดของเรา จงเตรียมตัวรับความพิโรธของข้าไปเถอะ! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ซึ้งเองว่านิกายสว่างชัดของเราแข็งแกร่งแค่ไหน!”

เย่หยวนได้แต่ส่ายหน้าออกมา “พูดมากปากเหม็นจริง รีบๆ ลงมือได้แล้ว ข้าจะกลับไปหลอมโอสถต่อ”

หลายวันมานี้เย่หยวนได้หลอมโอสถอย่างสนุกสนานจนยุ่งเกินกว่าที่จะมาคิดเรื่องอื่นใด

ด้วยการมีเจ้าหมูสมบัตินี้อยู่ด้วย เขาสามารถขอสมุนไพรได้ตามที่ต้องการในทุกวันอย่างไม่ต้องกลัวหมด

การมาเถียงสู้เหอหยวนมันเสียเวลาเปล่า

แต่เมื่อเหอหยวนได้ยินเช่นนี้มันกลับจุดไฟโกรธในใจเขาขึ้นมา

เขากัดฟันแน่น “อยากหลอมโอสถ? งั้นเจ้าก็คลานกลับไปหลอมแล้วกัน!”

พูดจบเหอหยวนก็ปล่อยพลังโลกออกมาอย่างบ้าคลั่งจนครอบทั้งสนามรวมไปถึงเย่หยวนด้วย

ในวินาทีนี้ทั้งพื้นที่มันสั่นสะท้านจนแทบเห็นว่าสังเวียนกำลังสั่นสะเทือน

แรงสั่นนี้มันยิ่งรุนแรงมากขึ้นอย่างเพิ่มทวีจนแทบทำให้สังเวียนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มัน… แนวคิดแห่งการสั่นสะท้าน! แนวคิดแห่งแผ่นดินนี้มันมีพลังโจมตีที่แสนรุนแรงว่ากันว่าหากบ่มเพาะจนถึงขั้นสุดแล้วจะสามารถสั่นทำลายมิติได้! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเหอหยวนจะเก่งกาจได้ขนาดนี้!”

“หึ ดูท่าเจ้าเด็กคนนี้คงไปทำให้เหอหยวนโกรธมากจริงๆ แค่ขึ้นมาถึงเขาก็เอาไม้ตายออกมาใช้เช่นนี้!”

ที่ด้านล่างมีเสียงวิเคราะห์ดังขึ้นตามๆ กัน

เพราะหากวัดกันแค่เรื่องพลังโลกแล้ว คลื่นพลังที่เหอหยวนปล่อยออกมาตอนนี้มันแสนรุนแรงจนไม่มีใครต้านทานได้

เขามองดูเย่หยวนอย่างเย็นเยือกพร้อมกับยิ่งปล่อยพลังออกมามากขึ้นและมากขึ้น

“เอาล่ะ คงเสียใจแล้วล่ะสิ? แต่จะมาเสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้ว! รับความพิโรธของข้าไป! ทลาย… มิติ…”

เหอหยวนพูดออกมาในตอนที่เย่หยวนยังไม่ขยับตัวไปไหน

แต่ในวินาทีนั้นเมื่อเย่หยวนขยับ เขากลับพุ่งผ่านความสั่นสะเทือนทั้งหลายมาอยู่ต่อหน้าเหอหยวนในทันที

เหอหยวนเบิกตากว้างแต่ยังไม่ทันได้ตั้งรับอะไรเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาเสียก่อน

“อ่อก!”

เหอหยวนสะสมพลังมาแสนนานแต่ยังไม่ทันได้ปล่อยร่างของเขาก็ต้องถูกดัชนีนั้นของเย่หยวนดีดจนลอยลงสังเวียนไป

เหอหยวนร่วงลงกับพื้นพร้อมเลือดไหลนอง จนตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเรื่องเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นมาได้

ในพลังโลกของเขานั้น เขาคือผู้ปกครอง!

ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเขา พลังสั่นสะเทือนมันก็น่าจะยิ่งรุนแรง

แต่พลังสั่นสะเทือนที่รุนแรงปานนั้นกลับไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่น้อย

ราวกับว่าเขตแดนพลังโลกในนั้นมันเป็นของเย่หยวนมาตั้งแต่แรกแล้ว

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1827 ข้าจะกลับไปหลอมโอสถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แค่กระบวนท่าเดียว? ไอ้หมอนี่มันช่างหน้าไม่อายจริงๆ นี่คือจะยอมแพ้กันตรงนี้เลยรึ?” คำพูดของเย่หยวนมันทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นทั่ว

เหอหยวนกล่าว “ดูท่านิกายเงาจันทร์จะส่งเจ้ามาเป็นตัวประกอบจริงๆ สินะ ติดแค่ว่าเจ้านั้นมันดวงดีไปทำให้หมูสมบัตินั้นติดใจเข้าได้ ชิๆ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเก่งกาจแค่ไหน น่าผิดหวังเสียจริง!”

แม้จะเป็นนภาสวรรค์หนึ่งดาวเหมือนกันแต่เย่หยวนนั้นยังอยู่แค่ขั้นต้น ส่วนเหอหยวนนั้นอยู่ขั้นสุด

มันไม่ใช่เพราะว่าแต่ละขั้นนั้นแตกต่างกันอย่างมากมาย แต่เป็นเพราะพลังฝีมือของเหอหยวนนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก

นอกงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่เขาสามารถต่อสู้ได้แม้กระทั่งกับนภาสวรรค์สองดาวขึ้นต้น

นิกายสว่างชัดนั้นมันไม่มีใครที่อ่อนแอ

เรื่องนี้ถูกพิสูจน์จากงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ที่ผ่านๆ มาหลายต่อหลายครั้ง

แต่เย่หยวนกลับตอบสวนมา “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าต่างหากที่จะแพ้ในกระบวนท่าเดียว!”

เมื่อเหอหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นขึ้น “พวกเจ้าทั้งหลายได้ยินไหม? มันคิดจะทำให้ข้าแพ้ด้วยกระบวนท่าเดียว! ฮ่าๆๆ สมชื่อยอดอัจฉริยะแห่งสวนป่าบนจริงๆ ความโอหังนี้มันช่างเหนือล้ำข้าล่ะกลัวจริงๆ!“

คนรอบๆ ทั้งหลายต่างหัวเราะขึ้นตามๆ

“ในดาวเดียวกัน มีคนที่ต่อสู้กับเหอหยวนได้ไม่มากมายนัก อย่าว่าแต่ทำให้แพ้ด้วยกระบวนท่าเดียวเลย”

“ยอดอัจฉริยะสวนป่าบนนั้นช่างเก่งกาจเหลือเกินเมื่อเป็นเรื่องโม้โอ้อวด!”

การบ่มเพาะนั้นยิ่งพัฒนาอาณาจักรไปมาก ความแตกต่างของแต่ละดาวก็จะยิ่งห่างชั้น

แต่ละดาวนั้นต้องใช้เวลาบ่มเพาะที่มากมายมหาศาล

แม้จะเป็นแค่ช่องว่างระหว่างนภาสวรรค์หนึ่งดาวขั้นต้นและขั้นกลางมันก็ยังห่างชั้นกันอย่างมาก

“ไอ้โง่!”

คำพูดนี้เย่หยวนและตงน้อยพูดออกมาพร้อมๆ กัน

เหอหยวนหน้าดำมืดลงทันที “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ยังไม่ทันได้ลงมือก็มาอวดอ้างตัวเอง ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน หรือว่าเจ้าคิดว่าแค่ตัวเองมาจากนิกายสว่างชัดก็จะเก่งกาจกว่าคนอื่นมากมายแล้ว? ท่าทางอวดเก่งปากดีนี้ของเจ้ามันทำให้ตัวเจ้าดูเหมือนคนโง่เง่าจริงๆ เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือ?”

ได้ยินคำของเย่หยวนทุกผู้คนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึง

คนที่มาจากนิกายสว่างชัดไม่ยอดเยี่ยมหรือ?

พวกเขาไม่ควรหลงใหลในตัวเองหรือ?

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นิกายสว่างชัดได้กลายเป็นสัญลักษณ์แทนความแข็งแกร่งไป

ต่อให้เป็นนิกายปรารถนาที่ตามติดไล่นิกายสว่างชัดมาก็ยังถูกอีกฝ่ายเบียดจนต้องตกข้างทาง

ในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่กว่าหมื่นปีที่ผ่านมานี้ นิกายสว่างชัดจะได้รับสิทธิ์เข้าวิหารไปอย่างน้อยๆ สองสิทธิ์เสมอ

มันมีครั้งหนึ่งพวกเขาถึงกับกวาดไปได้ถึงสี่สิทธิ์!

ความแข็งแกร่งนี้มันจึงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอมา

เพราะฉะนั้นสิทธิ์ที่นิกายสว่างชัดได้รับในการส่งศิษย์เข้างานมันจึงมีมากถึงแปดคน

นิกายอื่นๆ ทำได้แค่เพียงมองดูหลังพวกเขา

เหอหยวนมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นชา “เด็กน้อย เจ้ากล้ามาดูถูกนิกายสว่างชัดของข้า! ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! วันพรุ่งนี้ข้าจะทำให้เจ้าขยับตัวไปไหนไม่ได้ในหนึ่งกระบวนท่าเอง!”

เย่หยวนยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน “เมื่อเจ้าทำได้แล้วค่อยมาเห่าหอนอีกครั้งเถอะ! ตงน้อย ไปกัน”

พูดจบเย่หยวนก็เดินนำตงน้อยจากไป

ไป่หลี่ชิงหยานที่อยู่ไม่ไกลจึงเรียกขึ้น “เจ้าจะไม่อยู่ดีการต่อสู้ของวันนี้หรือ? ทั้งห้าคู่ที่จะสู้กันวันนี้มันเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้นเลยนะ!”

ศิษย์ทั้งหลายที่ได้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ย่อมมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย การต่อสู้ของพวกเขาจึงสุดแสนที่จะดุเดือด

ในสถานการณ์เช่นนี้นอกจากเหล่ายอดคนแท้จริงแล้ว คนส่วนมากก็ย่อมเลือกที่จะอยู่ดูการต่อสู้ของผู้อื่น

โบราณว่าไว้รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

มันย่อมไม่มีผลเสียใดๆ หากคิดจะศึกษาศัตรู

แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่ดูหรอก ไม่มีอะไรให้ดู”

ในสายตาของเย่หยวนนั้นการหลอมโอสถมันน่าสนใจกว่าการต่อสู้พวกนี้มาก

เมื่อเห็นเย่หยวนเดินจากไปทั้งๆ อย่างนั้นคนทั้งหลายจึงมองตามไปเป็นตาเดียว

เด็กคนนี้มีพลังบ่มเพาะไม่สูงนักแต่กลับมีท่าทางแสนเย่อหยิ่ง ทำไมนิกายเงาจันทร์จึงได้ปล่อยคนเช่นนี้เข้ามาร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่กัน?

ระหว่างทางกลับไปเย่หยวนก็หันมองดูตงน้อยพร้อมถามขึ้น “ดูเจ้าจะมั่นใจในตัวข้ามากนะ”

ตงน้อยนั้นตอบกลับมาด้วยท่าทางเหมือนคนแก่ “เจ้ามีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ถึงสามดาวขั้นสุดแล้ว หากเจ้าจัดการคนระดับนั้นไม่ได้อีกเจ้าก็เอาหัวไปโขกดินตายเถอะ”

เย่หยวนนั้นตกใจไม่น้อย เพราะดูแล้วตงน้อยคนนี้จะมีสายตาที่ดีจริงๆ!

สมเป็นทายาทของเทพสวรรค์แท้ๆ

เหอหยวนคนนั้น เย่หยวนย่อมไม่คิดเอามาใส่ใจ

ห้าคู่ของวันแรกนั้นมันดุเดือดตามที่คาด

มันมีคู่หนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนปราณเทวะหมดสิ้นถึงจะสามารถตัดสินผู้แพ้ชนะกันได้จริงๆ

มันไม่มีใครสามารถจัดการศัตรูลงได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าเลย

แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าแม้ผู้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่อาจจะมีพลังฝีมือที่แตกต่างกันไป แต่พวกเขาทั้งหลายก็ไม่มีใครเลยที่ธรรมดา

การต่อสู้ในวันที่สองเริ่มดำเนินไปอย่างดุเดือดไม่แพ้วันแรก เพียงแค่ว่าเย่หยวนกลับยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเสียที

จนถึงตอนเที่ยง ก่อนที่การแข่งคู่ที่สามจะเริ่ม เย่หยวนจึงมาถึงสังเวียน

หยางเชินเดินเข้ามาหาเหอหยวนพร้อมบอก “ศิษย์น้องเหอ เจ้าจัดการศึกนี้ให้ดี อย่าได้ให้โอกาสใดๆ แก่เย่หยวน จะให้นิกายสว่างชัดเรามาเสียหน้ากับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้!”

เหอหยวนพยักหน้ารับ “ศิษย์พี่หยางโปรดวางใจ ไอ้เด็กคนนี้มันหลงตัวเองอย่างมาก ขึ้นไปถึงข้าจะจัดหนักด้วยทุกอย่างที่ข้ามีใส่มันเลย!”

หยางเชินพยักหน้ารับด้วยความโล่งใจ

เมื่อคนทั้งสองเดินขึ้นสังเวียนไปเหอหยวนก็บอกขึ้น “เด็กน้อย เดิมทีข้าคิดจะไว้หน้าเจ้าเสียบ้าง แต่เจ้ากลับมาดูถูกนิกายสว่างชัดของเรา จงเตรียมตัวรับความพิโรธของข้าไปเถอะ! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ซึ้งเองว่านิกายสว่างชัดของเราแข็งแกร่งแค่ไหน!”

เย่หยวนได้แต่ส่ายหน้าออกมา “พูดมากปากเหม็นจริง รีบๆ ลงมือได้แล้ว ข้าจะกลับไปหลอมโอสถต่อ”

หลายวันมานี้เย่หยวนได้หลอมโอสถอย่างสนุกสนานจนยุ่งเกินกว่าที่จะมาคิดเรื่องอื่นใด

ด้วยการมีเจ้าหมูสมบัตินี้อยู่ด้วย เขาสามารถขอสมุนไพรได้ตามที่ต้องการในทุกวันอย่างไม่ต้องกลัวหมด

การมาเถียงสู้เหอหยวนมันเสียเวลาเปล่า

แต่เมื่อเหอหยวนได้ยินเช่นนี้มันกลับจุดไฟโกรธในใจเขาขึ้นมา

เขากัดฟันแน่น “อยากหลอมโอสถ? งั้นเจ้าก็คลานกลับไปหลอมแล้วกัน!”

พูดจบเหอหยวนก็ปล่อยพลังโลกออกมาอย่างบ้าคลั่งจนครอบทั้งสนามรวมไปถึงเย่หยวนด้วย

ในวินาทีนี้ทั้งพื้นที่มันสั่นสะท้านจนแทบเห็นว่าสังเวียนกำลังสั่นสะเทือน

แรงสั่นนี้มันยิ่งรุนแรงมากขึ้นอย่างเพิ่มทวีจนแทบทำให้สังเวียนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่มัน… แนวคิดแห่งการสั่นสะท้าน! แนวคิดแห่งแผ่นดินนี้มันมีพลังโจมตีที่แสนรุนแรงว่ากันว่าหากบ่มเพาะจนถึงขั้นสุดแล้วจะสามารถสั่นทำลายมิติได้! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเหอหยวนจะเก่งกาจได้ขนาดนี้!”

“หึ ดูท่าเจ้าเด็กคนนี้คงไปทำให้เหอหยวนโกรธมากจริงๆ แค่ขึ้นมาถึงเขาก็เอาไม้ตายออกมาใช้เช่นนี้!”

ที่ด้านล่างมีเสียงวิเคราะห์ดังขึ้นตามๆ กัน

เพราะหากวัดกันแค่เรื่องพลังโลกแล้ว คลื่นพลังที่เหอหยวนปล่อยออกมาตอนนี้มันแสนรุนแรงจนไม่มีใครต้านทานได้

เขามองดูเย่หยวนอย่างเย็นเยือกพร้อมกับยิ่งปล่อยพลังออกมามากขึ้นและมากขึ้น

“เอาล่ะ คงเสียใจแล้วล่ะสิ? แต่จะมาเสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้ว! รับความพิโรธของข้าไป! ทลาย… มิติ…”

เหอหยวนพูดออกมาในตอนที่เย่หยวนยังไม่ขยับตัวไปไหน

แต่ในวินาทีนั้นเมื่อเย่หยวนขยับ เขากลับพุ่งผ่านความสั่นสะเทือนทั้งหลายมาอยู่ต่อหน้าเหอหยวนในทันที

เหอหยวนเบิกตากว้างแต่ยังไม่ทันได้ตั้งรับอะไรเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาเสียก่อน

“อ่อก!”

เหอหยวนสะสมพลังมาแสนนานแต่ยังไม่ทันได้ปล่อยร่างของเขาก็ต้องถูกดัชนีนั้นของเย่หยวนดีดจนลอยลงสังเวียนไป

เหอหยวนร่วงลงกับพื้นพร้อมเลือดไหลนอง จนตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเรื่องเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นมาได้

ในพลังโลกของเขานั้น เขาคือผู้ปกครอง!

ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเขา พลังสั่นสะเทือนมันก็น่าจะยิ่งรุนแรง

แต่พลังสั่นสะเทือนที่รุนแรงปานนั้นกลับไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่น้อย

ราวกับว่าเขตแดนพลังโลกในนั้นมันเป็นของเย่หยวนมาตั้งแต่แรกแล้ว

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+