Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1899 ก่อเรื่องที่ตึกลมไหล

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1899 ก่อเรื่องที่ตึกลมไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ได้ยินเรื่องราวที่หลู่เฉินเล่าถึงเจียงยู่ถังเย่หยวนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที

แท้จริงแล้วเจียงยู่ถังได้ถูกเรียกไปยังจวนเจ้าเมืองหลังกลับมาจากหน้าที่ แต่หลังจากไปถึงจวนเจ้าเมืองเขากลับถูกโยนลงคุกรอความตายด้วยข้อหาลอบสังหารคุณชายหยู

คุณชายหยูคนนี้มีนามเต็มว่าหยูจินซง ลูกชายคนที่สามของท่านเจ้าเมือง บ่มเพาะไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์แปดดาวมีสถานะสูงส่ง

เจียงยู่ถังนั้นเป็นแค่ผู้ตรวจการเมืองจักรพรรดิต่ำต้อย แต่กล้าคิดลอบสังหารหยูจินซง มันจะต้องกลายเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตแค่ไหน?

แต่หลังจากเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็มั่นใจได้อย่างมากว่าเจียงยู่ถังนั้นโดนใส่ความ

เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันมีแต่ช่องโหว่ ตราบเท่าที่ยังเป็นคนสติดีๆ ก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่อและสามารถมองออกได้ทันทีว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล

เว้นเสียแต่ว่าการมองออกกับการกล้าออกมาพูดขัดนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันคนละโลก

เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้จะมีสักกี่ผู้คนที่กล้าท้าทายจวนเจ้าเมือง?

ที่สำคัญเจียงยู่ถังยังเป็นแค่ผู้ตรวจการดินแดนบ้านนอกที่ไม่มียศศักดิ์ใดๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดิ มันย่อมไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา

จากการพูดคุยกับหลู่เฉินนี้เย่หยวนได้รับรู้แล้วว่าสำนักอากาศแจ่มนั้นไม่คิดจะแตกหักกับจวนเจ้าเมืองด้วยเรื่องราวเล็กๆ น้อยเช่นนี้

เย่หยวนมองดูหลู่เฉินพร้อมถามขึ้น “เจียงยู่ถังนั้นยังมีลูกสาวอยู่ นางน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักอากาศแจ่มด้วย ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนแล้ว?”

หลู่เฉินหน้าเปลี่ยนสีทันทีแต่ยังไม่กล้าที่จะตอบกลับมาตรงๆ

เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกใจหายวาบ

ดวงตาของเขาเริ่มทอประกายแสงเย็นเยือกออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าในตึกลมไหลนี้?”

เย่หยวนชี้นิ้วออกมาด้วยพลังดาบ คลื่นพลังดาบอันแสนเย็นเยือกนี้มันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในตึกลมไหลทันที

เมื่อได้เห็นพลังที่รุนแรงปานนั้นหลู่เฉินตึงก้มหน้าลงด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด

“น-น-นาง…ถูกไล่ออกจากสำนักอากาศแจ่มไปแล้ว” หลู่เฉินบอก

นั่นทำให้สีหน้าของเย่หยวนดำมืดลงพร้อมถามขึ้นอีก “เจียงยู่ถังนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ทำงานอย่างตรงไปตรงมานานหลายต่อหลายปี แม้ว่ามันจะไม่มีผลงานใดๆ มากมายแต่เขาก็ทำงานให้แก่พวกเจ้ามานานปี พวกเจ้าสำนักอากาศแจ่มมันจะทำตัวหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของเย่หยวนเขาก็รีบอธิบายออกมา “ม-มันมิใช่อย่างที่เจ้าคิด นาง… นางไปหาคุณชายหยูเพื่อจะช่วยพ่อของนาง แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าผลออกมาเป็นเช่นไรแต่นางกลับถูกจับไปขายที่ดงปิติ ทางสำนักรู้สึกเสียหน้าสุดท้ายจึงไล่นางออกไป”

“ดงปิติ?” เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

หลู่เฉินบอกขึ้น “ดงปิตินั้นคือหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดินี้ เป็นหนึ่งในกิจการของจวนเจ้าเมือง”

เย่หยวนรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในหัวใจ สองพ่อลูกนี้ไม่สมควรเลยแม้แต่น้อยที่ต้องมาพบเจอเรื่องราวสุดหายนะเช่นนี้!

เย่หยวนมองดูก็พอรู้แล้วว่าหลู่เฉินคงไม่ได้รู้ไปมากมายกว่านี้เขาจึงไม่คิดสนใจถามต่อและเดินจากไป

แต่ก่อนที่เขาจะทันเดินไปถึงประตูมันกลับมีเสียงเป่าลมหนึ่งดังขึ้น

วีด! วีด! วีด!

ในวินาทีนั้นจู่ๆ ก็มียอดยุทธนภาสวรรค์มากมายพุ่งตัวออกมารายล้อมเย่หยวนไว้ในทุกทิศทางอย่างที่ไม่อาจมีช่องหลบหนีไปได้

ในเวลานี้หลู่เฉินเองก็ขยับตัวขึ้นมายืนด้วยขาข้าหนึ่งที่ยังไม่หักรวมเข้ากับกลุ่มคนทั้งหลาย

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมองดูหลู่เฉินและขมวดคิ้วถามขึ้น “หลู่เฉิน เกิดอะไรขึ้นกันจึงได้ส่งสัญญาณว่ามีการบุกตึกลมไหลเช่นนี้? บาดแผลของเจ้าได้มาอย่างไร?”

หลู่เฉินนั้นยังคงหายใจอย่างยากลำบากเพราะอากาศบาดเจ็บ เขาได้แต่ชี้นิ้วไปที่เย่หยวนพร้อมกันฟันพูด “ท่านผู้ช่วยซ่ง เด็กผู้มาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันโหดร้ายถึงกับกล้าทำร้ายข้าในตึกลมไหล หักขาของข้าลงข้างหนึ่ง! เมื่อสักครู่นี้มันยังคิดข่มขู่จะสังหารข้าด้วย!”

ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจไม่น้อยดูท่าจะไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่

ชื่อของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีภาพจำที่ติดตาว่าคือเมืองบ้านนอกที่ไม่มีใครสนใจ มันจะให้กำเนิดยอดฝีมือนภาสวรรค์ห้าดาวหนุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

หรือว่าเขาจะหลอมผลวิญญาณเต๋า?

แต่ด้วยพลังฝีมือของหลู่เฉิน มีหรือที่เขาจะถูกผู้หลอมผลวิญญาณเต๋าหนุ่มนี้ทำร้ายได้? ที่สำคัญมันยังมิใช่การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ด้วย

ในวินาทีนั้นความเป็นไปได้มากมายวิ่งผ่านสมองของซ่งหยานไคไป

“ฮ่าๆ หลู่เฉิน เจ้ามันจะไร้ฝีมือเกินไปหรือไม่? ถึงกลับแพ้ให้กับเด็กนภาสวรรค์ห้าดาวเช่นนี้!“

“เด็กน้อยที่มาจากเมืองจักรพรรดิบ้านนอก มันคงได้ไปเจอและหลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์เข้าล่ะสิ? ขยะเช่นนี้เจ้าก็ยังไม่มีปัญญาจะจัดการมันหรือ?”

ตอนนี้เหล่านักยุทธทั้งหลายที่มาสมทบนั้นล้วนเป็นผู้ดูแลตึกลมไหลเช่นเดียวกับหลู่เฉินจึงได้ทีเยาะเย้ยกันใหญ่

ดูท่าพวกเขาทั้งหลายคงมีความคิดไม่ต่างจากหลู่เฉินนัก

หลังจากนั้นซ่งหยานไคก็ได้ทำสัญญาณมือออกมาพร้อมมองดูเย่หยวน “หนุ่มน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษการทำร้ายผู้ดูแลตึกลมไหลนี้คืออะไร?”

เย่หยวนมองดูซ่งหยานไคด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ “โทษ? หึๆ ดูท่าพวกเจ้าเหล่าคนสำนักอากาศแจ่มนั้นจะรู้จักแต่วิธีการลงโทษคนของตน คนของตนถูกคนอื่นใส่ร้ายจนถูกขังคุกรอความตายพวกเจ้าทั้งหลายกลับไม่คิดสนใจ กลับคิดว่ากล่าวเสริมความผิดให้คนตัวเอง ช่างน่าขัน!”

ซ่งหยานไคหน้าดำมืดลง “หนุ่มน้อย เจ้าช่างมีปากที่กล้าเสียจริงๆ! เด็กที่มาจากเมืองจักรพรรดิหนึ่งกลับกล้าพูดถึงตึกใหญ่เช่นนี้หรือ?”

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้านั้นและยิ้มเย้ย “ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไรเล่า? ปกป้องคนของตัวเองยังไร้ปัญญา คิดว่าจะให้ข้าเคารพพวกเจ้าหรือ? ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ พวกเจ้าไปให้พ้น!”

กับเจ้าตึกลมไหลนี้เย่หยวนรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกมันอย่างมาก และความรู้สึกเช่นนั้นมันย่อมไม่ก่อให้เกิดความชื่นชมใดๆ

ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดสั่งขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่อวดดีนัก จัดการมันเสีย!”

เหล่าผู้ดูแลทั้งหลายรับคำสั่งและเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนี้เป็นถึงนภาสวรรค์หกดาวกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าพลังฝีมือของพวกเขามันย่อมไม่ธรรมดา

ส่วนตัวซ่งหยานไคนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์แปดดาว

ในสายตาของเขาแล้วมีหรือที่คนทั้งหลายนี้จะไม่สามารถจัดการนักยุทธนภาสวรรค์ห้าดาวลงได้?

แต่เขาคิดผิด

เย่หยวนหัวเราะขึ้นพร้อมขยับร่างจนกลายเป็นเงาก่อนจะเข้าปะทะกับเหล่าผู้ดูแลทั้งหลายนี้แทบพร้อมๆ กัน

ไม่นานนักเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทั่วร่างหลายต่อหลายร่างปลิวลอยไปทุกทิศทาง

เหลือไว้เพียงความเงียบงัน

ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับสามารถจัดการยอดฝีมือที่เหนือกว่าตนได้ถึงหนึ่งดาวนับสิบๆ คนอย่างง่ายดาย?

ไม่ ไม่ใช่แค่จัดการ!

หากเย่หยวนต้องการจริงเขาสามารถสังหารคนทั้งหลายนี้ได้ด้วยซ้ำ!

จบเรื่องแล้วเย่หยวนก็สะบีดดาบเดินจากไปโดยไม่คิดสนใจซ่งหยานไคอีก

“หยุด!”

ตุบ!

ซ่งหยานไคใช้พลังโลกของคนออกมาล้อมรอบกายเย่หยวนไว้

แต่ทว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่คิดรู้สึกรู้สาใดๆ เขาทำตัวราวกับว่าพลังโลกที่ปกคลุมนี้มันไม่มีตัวตนและเดินออกไปอย่างง่ายดาย

ซ่งหยานไคสะดุ้งตัวขึ้นทันทีแต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าจะลงมือไป

เพราะเขาได้รู้แล้วว่าตัวเองไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสามารถจัดการชายหนุ่มคนนี้ลงได้!

จนในที่สุดเย่หยวนก็เดินหายไปจบลับสายตา เป็นเวลานั้นเองที่เขาเหมือนลืมตาตื่นจาภวังค์ขึ้นมาได้

นี่มัน…นี่มันคือนักยุทธที่หลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์จริงหรือ?

ไม่มีทาง!

ซ่งหยานไคปฏิเสธความคิดนี้อย่างทันที

เพราะไม่มีทางใดเลยที่นักยุทธประเภทนั้นจะแข็งแกร่งได้ปานนี้!

เขาหันกลับไปมองดูหลู่เฉินและถามขึ้น “เจ้าบอกว่าเขามาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สินะ? มันหมายถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งสันเขาใต้ใช่ไหม?”

หลู่เฉินเองก็ยังตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่หายเมื่อได้ยินคำถามนั้นของซ่งหยานไคเขาจึงสะดุ้งตัวขึ้นในทันที “ข-ขอรับ! ข้าตรวจดูเหรียญของมันแล้ว มันต้องเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แน่นอน”

ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง “เขามาเพราะเรื่องใด?”

หลู่เฉินหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “เพื่อ…เรื่องของเจียงยู่ถัง”

ซ่งหยานไคตื่นตกใจขึ้นทันที ร่างของเขาขยับก่อนจะจางหายไปในพริบตา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1899 ก่อเรื่องที่ตึกลมไหล

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1899 ก่อเรื่องที่ตึกลมไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ได้ยินเรื่องราวที่หลู่เฉินเล่าถึงเจียงยู่ถังเย่หยวนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที

แท้จริงแล้วเจียงยู่ถังได้ถูกเรียกไปยังจวนเจ้าเมืองหลังกลับมาจากหน้าที่ แต่หลังจากไปถึงจวนเจ้าเมืองเขากลับถูกโยนลงคุกรอความตายด้วยข้อหาลอบสังหารคุณชายหยู

คุณชายหยูคนนี้มีนามเต็มว่าหยูจินซง ลูกชายคนที่สามของท่านเจ้าเมือง บ่มเพาะไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์แปดดาวมีสถานะสูงส่ง

เจียงยู่ถังนั้นเป็นแค่ผู้ตรวจการเมืองจักรพรรดิต่ำต้อย แต่กล้าคิดลอบสังหารหยูจินซง มันจะต้องกลายเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตแค่ไหน?

แต่หลังจากเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็มั่นใจได้อย่างมากว่าเจียงยู่ถังนั้นโดนใส่ความ

เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันมีแต่ช่องโหว่ ตราบเท่าที่ยังเป็นคนสติดีๆ ก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่อและสามารถมองออกได้ทันทีว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล

เว้นเสียแต่ว่าการมองออกกับการกล้าออกมาพูดขัดนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันคนละโลก

เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้จะมีสักกี่ผู้คนที่กล้าท้าทายจวนเจ้าเมือง?

ที่สำคัญเจียงยู่ถังยังเป็นแค่ผู้ตรวจการดินแดนบ้านนอกที่ไม่มียศศักดิ์ใดๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดิ มันย่อมไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา

จากการพูดคุยกับหลู่เฉินนี้เย่หยวนได้รับรู้แล้วว่าสำนักอากาศแจ่มนั้นไม่คิดจะแตกหักกับจวนเจ้าเมืองด้วยเรื่องราวเล็กๆ น้อยเช่นนี้

เย่หยวนมองดูหลู่เฉินพร้อมถามขึ้น “เจียงยู่ถังนั้นยังมีลูกสาวอยู่ นางน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักอากาศแจ่มด้วย ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนแล้ว?”

หลู่เฉินหน้าเปลี่ยนสีทันทีแต่ยังไม่กล้าที่จะตอบกลับมาตรงๆ

เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกใจหายวาบ

ดวงตาของเขาเริ่มทอประกายแสงเย็นเยือกออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าในตึกลมไหลนี้?”

เย่หยวนชี้นิ้วออกมาด้วยพลังดาบ คลื่นพลังดาบอันแสนเย็นเยือกนี้มันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในตึกลมไหลทันที

เมื่อได้เห็นพลังที่รุนแรงปานนั้นหลู่เฉินตึงก้มหน้าลงด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด

“น-น-นาง…ถูกไล่ออกจากสำนักอากาศแจ่มไปแล้ว” หลู่เฉินบอก

นั่นทำให้สีหน้าของเย่หยวนดำมืดลงพร้อมถามขึ้นอีก “เจียงยู่ถังนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ทำงานอย่างตรงไปตรงมานานหลายต่อหลายปี แม้ว่ามันจะไม่มีผลงานใดๆ มากมายแต่เขาก็ทำงานให้แก่พวกเจ้ามานานปี พวกเจ้าสำนักอากาศแจ่มมันจะทำตัวหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของเย่หยวนเขาก็รีบอธิบายออกมา “ม-มันมิใช่อย่างที่เจ้าคิด นาง… นางไปหาคุณชายหยูเพื่อจะช่วยพ่อของนาง แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าผลออกมาเป็นเช่นไรแต่นางกลับถูกจับไปขายที่ดงปิติ ทางสำนักรู้สึกเสียหน้าสุดท้ายจึงไล่นางออกไป”

“ดงปิติ?” เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

หลู่เฉินบอกขึ้น “ดงปิตินั้นคือหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดินี้ เป็นหนึ่งในกิจการของจวนเจ้าเมือง”

เย่หยวนรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในหัวใจ สองพ่อลูกนี้ไม่สมควรเลยแม้แต่น้อยที่ต้องมาพบเจอเรื่องราวสุดหายนะเช่นนี้!

เย่หยวนมองดูก็พอรู้แล้วว่าหลู่เฉินคงไม่ได้รู้ไปมากมายกว่านี้เขาจึงไม่คิดสนใจถามต่อและเดินจากไป

แต่ก่อนที่เขาจะทันเดินไปถึงประตูมันกลับมีเสียงเป่าลมหนึ่งดังขึ้น

วีด! วีด! วีด!

ในวินาทีนั้นจู่ๆ ก็มียอดยุทธนภาสวรรค์มากมายพุ่งตัวออกมารายล้อมเย่หยวนไว้ในทุกทิศทางอย่างที่ไม่อาจมีช่องหลบหนีไปได้

ในเวลานี้หลู่เฉินเองก็ขยับตัวขึ้นมายืนด้วยขาข้าหนึ่งที่ยังไม่หักรวมเข้ากับกลุ่มคนทั้งหลาย

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมองดูหลู่เฉินและขมวดคิ้วถามขึ้น “หลู่เฉิน เกิดอะไรขึ้นกันจึงได้ส่งสัญญาณว่ามีการบุกตึกลมไหลเช่นนี้? บาดแผลของเจ้าได้มาอย่างไร?”

หลู่เฉินนั้นยังคงหายใจอย่างยากลำบากเพราะอากาศบาดเจ็บ เขาได้แต่ชี้นิ้วไปที่เย่หยวนพร้อมกันฟันพูด “ท่านผู้ช่วยซ่ง เด็กผู้มาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันโหดร้ายถึงกับกล้าทำร้ายข้าในตึกลมไหล หักขาของข้าลงข้างหนึ่ง! เมื่อสักครู่นี้มันยังคิดข่มขู่จะสังหารข้าด้วย!”

ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจไม่น้อยดูท่าจะไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่

ชื่อของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีภาพจำที่ติดตาว่าคือเมืองบ้านนอกที่ไม่มีใครสนใจ มันจะให้กำเนิดยอดฝีมือนภาสวรรค์ห้าดาวหนุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

หรือว่าเขาจะหลอมผลวิญญาณเต๋า?

แต่ด้วยพลังฝีมือของหลู่เฉิน มีหรือที่เขาจะถูกผู้หลอมผลวิญญาณเต๋าหนุ่มนี้ทำร้ายได้? ที่สำคัญมันยังมิใช่การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ด้วย

ในวินาทีนั้นความเป็นไปได้มากมายวิ่งผ่านสมองของซ่งหยานไคไป

“ฮ่าๆ หลู่เฉิน เจ้ามันจะไร้ฝีมือเกินไปหรือไม่? ถึงกลับแพ้ให้กับเด็กนภาสวรรค์ห้าดาวเช่นนี้!“

“เด็กน้อยที่มาจากเมืองจักรพรรดิบ้านนอก มันคงได้ไปเจอและหลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์เข้าล่ะสิ? ขยะเช่นนี้เจ้าก็ยังไม่มีปัญญาจะจัดการมันหรือ?”

ตอนนี้เหล่านักยุทธทั้งหลายที่มาสมทบนั้นล้วนเป็นผู้ดูแลตึกลมไหลเช่นเดียวกับหลู่เฉินจึงได้ทีเยาะเย้ยกันใหญ่

ดูท่าพวกเขาทั้งหลายคงมีความคิดไม่ต่างจากหลู่เฉินนัก

หลังจากนั้นซ่งหยานไคก็ได้ทำสัญญาณมือออกมาพร้อมมองดูเย่หยวน “หนุ่มน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษการทำร้ายผู้ดูแลตึกลมไหลนี้คืออะไร?”

เย่หยวนมองดูซ่งหยานไคด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ “โทษ? หึๆ ดูท่าพวกเจ้าเหล่าคนสำนักอากาศแจ่มนั้นจะรู้จักแต่วิธีการลงโทษคนของตน คนของตนถูกคนอื่นใส่ร้ายจนถูกขังคุกรอความตายพวกเจ้าทั้งหลายกลับไม่คิดสนใจ กลับคิดว่ากล่าวเสริมความผิดให้คนตัวเอง ช่างน่าขัน!”

ซ่งหยานไคหน้าดำมืดลง “หนุ่มน้อย เจ้าช่างมีปากที่กล้าเสียจริงๆ! เด็กที่มาจากเมืองจักรพรรดิหนึ่งกลับกล้าพูดถึงตึกใหญ่เช่นนี้หรือ?”

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้านั้นและยิ้มเย้ย “ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไรเล่า? ปกป้องคนของตัวเองยังไร้ปัญญา คิดว่าจะให้ข้าเคารพพวกเจ้าหรือ? ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ พวกเจ้าไปให้พ้น!”

กับเจ้าตึกลมไหลนี้เย่หยวนรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกมันอย่างมาก และความรู้สึกเช่นนั้นมันย่อมไม่ก่อให้เกิดความชื่นชมใดๆ

ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดสั่งขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่อวดดีนัก จัดการมันเสีย!”

เหล่าผู้ดูแลทั้งหลายรับคำสั่งและเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนี้เป็นถึงนภาสวรรค์หกดาวกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าพลังฝีมือของพวกเขามันย่อมไม่ธรรมดา

ส่วนตัวซ่งหยานไคนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์แปดดาว

ในสายตาของเขาแล้วมีหรือที่คนทั้งหลายนี้จะไม่สามารถจัดการนักยุทธนภาสวรรค์ห้าดาวลงได้?

แต่เขาคิดผิด

เย่หยวนหัวเราะขึ้นพร้อมขยับร่างจนกลายเป็นเงาก่อนจะเข้าปะทะกับเหล่าผู้ดูแลทั้งหลายนี้แทบพร้อมๆ กัน

ไม่นานนักเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทั่วร่างหลายต่อหลายร่างปลิวลอยไปทุกทิศทาง

เหลือไว้เพียงความเงียบงัน

ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับสามารถจัดการยอดฝีมือที่เหนือกว่าตนได้ถึงหนึ่งดาวนับสิบๆ คนอย่างง่ายดาย?

ไม่ ไม่ใช่แค่จัดการ!

หากเย่หยวนต้องการจริงเขาสามารถสังหารคนทั้งหลายนี้ได้ด้วยซ้ำ!

จบเรื่องแล้วเย่หยวนก็สะบีดดาบเดินจากไปโดยไม่คิดสนใจซ่งหยานไคอีก

“หยุด!”

ตุบ!

ซ่งหยานไคใช้พลังโลกของคนออกมาล้อมรอบกายเย่หยวนไว้

แต่ทว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่คิดรู้สึกรู้สาใดๆ เขาทำตัวราวกับว่าพลังโลกที่ปกคลุมนี้มันไม่มีตัวตนและเดินออกไปอย่างง่ายดาย

ซ่งหยานไคสะดุ้งตัวขึ้นทันทีแต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าจะลงมือไป

เพราะเขาได้รู้แล้วว่าตัวเองไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสามารถจัดการชายหนุ่มคนนี้ลงได้!

จนในที่สุดเย่หยวนก็เดินหายไปจบลับสายตา เป็นเวลานั้นเองที่เขาเหมือนลืมตาตื่นจาภวังค์ขึ้นมาได้

นี่มัน…นี่มันคือนักยุทธที่หลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์จริงหรือ?

ไม่มีทาง!

ซ่งหยานไคปฏิเสธความคิดนี้อย่างทันที

เพราะไม่มีทางใดเลยที่นักยุทธประเภทนั้นจะแข็งแกร่งได้ปานนี้!

เขาหันกลับไปมองดูหลู่เฉินและถามขึ้น “เจ้าบอกว่าเขามาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สินะ? มันหมายถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งสันเขาใต้ใช่ไหม?”

หลู่เฉินเองก็ยังตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่หายเมื่อได้ยินคำถามนั้นของซ่งหยานไคเขาจึงสะดุ้งตัวขึ้นในทันที “ข-ขอรับ! ข้าตรวจดูเหรียญของมันแล้ว มันต้องเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แน่นอน”

ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง “เขามาเพราะเรื่องใด?”

หลู่เฉินหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “เพื่อ…เรื่องของเจียงยู่ถัง”

ซ่งหยานไคตื่นตกใจขึ้นทันที ร่างของเขาขยับก่อนจะจางหายไปในพริบตา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+