Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1904 ไม่เห็นแก่หน้าใคร

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1904 ไม่เห็นแก่หน้าใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้า…เจ้าคิดจะประหารข้าต่อหน้าผู้คนเพื่อล่อเย่หยวนออกมา?” เจียงยู่ถังตะโกนร้องถามขึ้น

หยูจินซงยิ้มออกมาอย่างมีนัย “เจ้าเองก็ไม่ได้โง่มากนะ เข้าใจเรื่องราวเร็วดี วันนี้ทางจวนเจ้าเมืองเราได้ส่งเทพถ่องแท้ถึงสามคนมาหลบซ่อนรอไว้ในลานประหารแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มันปรากฏตัวออกมาเทพถ่องแท้ทั้งสามนั้นจะเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน! เจ้าลองเดาเอาเถอะว่าผลจะเป็นอย่างไร? ฮ่าๆ!”

เจียงยู่ถังนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เพื่อจะจัดการกับเย่หยวนแล้วจวนเจ้าเมืองถึงขั้นส่งเทพถ่องแท้ออกมาสามคน

เย่หยวนนั้นพัฒนาตนขึ้นไปจนถึงขั้นทำให้จวนเจ้าเมืองเกรงกลัวขนาดนั้น?

ในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีนี้ เย่หยวนกลับพัฒนาตนไปไกลเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้

เย่หยวนนั้นเดินเข้ามาในถ้ำเสือเพื่อที่จะช่วยเหลือตัวเขาและเจียงไห่ถัง แน่นอนว่าเรื่องนี้มันย่อมทำให้เขาซาบซึ้งอย่างมาก

นี่มันยิ่งทำให้สัญญาที่เขาเคยมีแก่เย่หยวนล้ำค่าขึ้น

เว้นเสียแต่ว่าหยูจินซงคนนี้ช่างทำเรื่องหน้าไม่อายพร้อมที่จะวางแผนชั่วร้ายอย่างไม่เกรงใคร

หากเย่หยวนออกมาช่วยเขาจริงๆ แล้วชีวิตเขาจะไม่ต้องเสียไปอย่างสูญเปล่าหรือ?

คิดได้ถึงตรงนี้ความเกลียดชังที่เขามีต่อหยูจินซงก็ยิ่งเพิ่มทวีอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

“เจ้า… เจ้าคนร้ายกาจ! หน้าไม่อาย! หยูจินซง ต่อให้ข้าเจียงยู่ถังคนนี้จะตายเป็นผีไปข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลไปได้!”

เจียงยู่ถังนั้นกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น พยายามอย่างสุดแรงเพื่อจะทำลายโซ่พันธนาการ

แต่น่าเสียดายที่โซ่นี้มันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ม่วงทอง อย่าว่าแต่ตัวเขาในสภาพที่ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เลย แม้จะเป็นตัวเขาที่แข็งแกร่งพร้อมก็คงไม่อาจทำลายมันลงได้

“เป็นผี? หึๆ เรื่องนั้นเจ้าต้องเป็นให้ได้เสียก่อนค่อยว่ากล่าว! นำตัวมันไป!”

หยูจินซงนั้นสะบัดชายเสื้อเดินนำทางเจียงยู่ถังเข้ามาในลานประหารทันที

เจียงยู่ถังนั้นเมื่อถูกลากขึ้นมาใบหน้าของเขาก็ขาวซีด

เขาเกลียดชังหยูจินซง เขาเกลียดในความไร้พลังของตน!

แต่เขานั้นไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้

“เย่หยวน เจ้า…อย่าได้มาเป็นอันขาด!” น้ำตาอุ่นๆ สองสายไหลลงมาจากดวงตาของเขา

ผู้คนที่คิดอยากรู้เรื่องราวชีวิตผู้อื่นนั้นมันมีอยู่เสมอไม่ขาด ทำให้ตอนนี้ลานดงสวรรค์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนมากความอยากรู้อยากเห็นจนแทบไม่มีที่จะยืน

“ช่างไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมการประหารผู้ตรวจการน้อยๆ คนหนึ่งจึงได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ได้”

“หึ เจ้าไม่รู้สินะ? เจ้าจำเรื่องที่มีคนบุกเข้าดงปิติไปช่วยเด็กสาวออกมาได้หรือไม่? เด็กสาวคนนั้นมันคือลูกสาวของเจียงยู่ถังผู้จะถูกประหารนี้! เรื่องราวในวันนี้ผู้คนทั้งหลายไม่ได้คิดจะมาดูการตัดคอประหารลงโทษคนหรอก!”

“เจ้าพูดถึงเย่หยวนหรือ? ช่างน่ากลัวจริงพระเจ้า! แค่นภาสวรรค์ห้าดาวกลับสามารถสังหารท่านฝางคุนลงได้ จะน่าเกรงกลัวจนเกินไปแล้ว”

“น่าเสียดาย! ด้วยแผนการที่นายน้อยหยูคิดขึ้นมาในวันนี้ต่อให้เย่หยวนจะรู้ว่ามันเป็นเหว เขาก็คงต้องกระโดดลงไป! เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่คิดช่วยเจียงยู่ถังแล้ว”

เรื่องที่เย่หยวนก่อไว้ที่ดงปิตินั้นมันมิใช่ความลับใดๆ อีกต่อไป เรื่องราวนี้มันแพร่ไปทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว

เหล่าคนผู้อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านทั้งหลายจึงย่อมจะมารวมตัวกันเพื่อดูเรื่องราวนี้

เดิมทีแล้วมันเป็นแค่เรื่องของผู้ตรวจการตัวน้อยคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องปัญญาที่เย่หยวนก่อขึ้นจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

วันนี้ผู้คนทั้งหลายที่มานั้นต่างคิดอยากรู้ว่าเย่หยวนจะกล้าปรากฏตัวออกมาหรือไม่

หยูจินซงนั้นนั่งอยู่บนที่นั่งทรงเกียรติด้วยท่าทางสบายใจ

“เจอตัวเย่หยวนหรือยัง?” หยูจินซงถามผู้พิทักษ์ที่ด้านหลัง

หวังหูคนนี้คือผู้นำของกลุ่มยอดผู้พิทักษ์ที่เคยต่อสู้กับเย่หยวนมาก่อนนั้นเอง

เมื่อได้ยินคำถามของหยูจินซง หวังหูก็รีบกล่าวรายงาน “เรียนนายน้อย เรายังไม่พบร่องรอยของมันเลย นายน้อย เราจัดเตรียมงานใหญ่ขนาดนี้ไว้ หากว่ามัน… ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเล่า?”

หยูจินซงยิ้มออกมา “เด็กคนนั้นมันเป็นสหายกับเจียงยู่ถังมานานนับร้อยๆ ปี แถมยังสนิทกันไม่น้อย เพื่อเจียงยู่ถังแล้วมันถึงกลับกล้าเดินเข้าไปบุกดงปิติเราและช่วยเจียงไห่ถังออกมา แค่นั้นมันก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ามันมองเจียงยู่ถังเป็นสหายสนิทแค่ไหน เพราะฉะนั้นมันย่อมต้องมา! เจ้าตรวจสอบต่อไป หากเจอร่องรอยของมันแล้วเจ้าอย่าได้รีบร้อนทำการใดๆ จงมารายข้าในทันที”

“ขอรับนายน้อย” หวังหูรับคำและจากไป

เพื่อที่จะจับเย่หยวนแล้วหยูจินซงได้วางเครือข่ายกับดักไว้อย่างแน่นหนา

วันนี้เหล่าทหารที่มารักษาการณ์นั้นต่างเป็นยอดของยอดนักยุทธ ไม่ใช่แค่พลังฝีมือของแต่ละคนจะยิ่งใหญ่ แต่พลังที่ฝึกร่วมกันมามันก็แข็งแกร่งและรุนแรงไม่น้อย

นอกจากนันเขายังพาเหล่ายอดฝีมือนภาสวรรค์ขั้นปลายมาหลายต่อหลายคน แทรกตัวอยู่ตามพื้นที่ลานประหาร

เมื่อเย่หยวนปรากฏตัวออกมา เครือข่ายกับดักทั้งหลายนี้ย่อมจะเข้าโจมตีสังหารเย่หยวนในทันที

ส่วนเทพถ่องแท้ทั้งสามนั้นพวกเขาเองก็ได้ซ่อนตัวอยู่ในลานประหารนี้เช่นกัน

ในหมู่เทพถ่องแท้ทั้งสามนั้น สองคนเป็นเทพถ่องแท้หนึ่งดาว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงเทพถ่องแท้สองดาว แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นได้อย่างดีแล้วว่าเขาระวังในความสามารถของเย่หยวนมากแค่ไหน

เขานั้นมั่นใจอย่างมากว่าตราบเท่าที่เย่หยวนปรากฏตัวออกมา เขาจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัด

แต่จู่ๆ กลับมีสามเงาร่างเดินขึ้นมายังลานประหาร

เมื่อหยูจินซงเห็นทั้งสามคึนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขึ้นมา เขายันตัวลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมก้มคารวะ “หลานจินซงขอคารวะท่านเจ้าสำนักเฟย!”

คนผู้นำมานี้มีพลังสุดแสนเหนือล้ำ เขาเองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้คนหนึ่งเช่นกัน

แม้คนทั่วๆ ไปจะไม่รู้จักตัวเขา แต่หยูจินซงย่อมรู้จักอีกฝ่ายดี เขาคนนี้มีนามว่าเฟยหมิงเทียน หนึ่งในผู้ช่วยเจ้าสำนักอากาศแจ่ม

ที่ตามเฟยหมิงเทียนนั้นคือเจ้าตึกลมไหล หลี่ซืออานและผู้ช่วยตึก ซ่งหยานไค

เฟยหมิงเทียนพยักหน้ารับการทักทาย “ไม่ได้เจอกันมานานหลายร้อยปี หลานชายหยูพัฒนาการบ่มเพาะขึ้นไปได้อีกแล้ว!”

หยูจินซงยิ้มรับ “ท่านเจ้าสำนักเฟยกล่าวชมเกินไปแล้ว! หลานนั้นแค่ได้ทำหน้าที่ดูแลกฎหมายตามที่จวนเจ้าเมืองมอบมันมา หลานสงสัยเหลือเกินว่าท่านเจ้าสำนักเฟยมาถึงที่นี่เพราะธุระใด?”

เฟยหมิงเทียนหน้าเสียไปทันที เพราะคำพูดนี้ของหยูจินซงมันเป็นเหมือนยาพิษอาบในน้ำผึ้ง ปิดทางใดๆ ที่เขาจะพูดต่อได้

เมื่อหยูจินซงกล้าจะใส่ร้ายเจียงยู่ถังแล้วเขาก็ย่อมสร้างหลักฐานต่างๆ ขึ้นมาอย่างหนาแน่นเป็นที่เรียบร้อย

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่สำนักอากาศแจ่มจะปล่อยเรื่องผ่านไปเฉยๆ เช่นนี้ได้

เฟยหมิงเทียนกล่าวขึ้น “หลานชายหยู เจียงยู่ถังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนของสำนักอากาศแจ่มเรา เจ้าถือว่าเห็นแก่หน้าพวกเราไว้ชีวิตเขาได้หรือไม่?”

หยูจินซงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คำพูดของท่านเจ้าสำนักเฟยไม่ถูกต้องแล้ว! แม้ว่าเจียงยู่ถังนั้นจะฝึกตัวมาจากสำนักอากาศแจ่มแต่ตอนนี้อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของจวนเจ้าเมือง หลายปีมานี้จวนเจ้าเมืองเราเองก็ได้มอบทรัพยากรบ่มเพาะต่างๆ มากมายให้แก่เขา แต่มันกลับไม่คิดจอบแทนคุณและหันกลับมาคิดลอบสังหารข้า! คนเช่นนี้หากไม่ถูกลงโทษประหารตามกฎหมายแล้วจวนเจ้าเมืองเราจะยังเอาหน้าที่ไหนไปปกครองผู้คนในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นได้?”

เฟยหมิงเทียนขมวดคิ้วแน่น คำพูดของหยูจินซงนั้นเปี่ยมไปด้วยเหตุผลจนเขาไม่อาจขัดได้เลย

แม้ว่าตึกลมไหลนั้นจะเป็นสถานที่ที่ทางสำนักอากาศแจ่มใช้ในการดูแลเรื่องของเมืองจักรพรรดิเบื้องล่างแต่มันก็ไม่ได้เป็นที่รู้กันต่อหน้าสาธารณะ

ภายนอกแล้ว เมืองจักรพรรดิเบื้องล่างทั้งหมดนั้นล้วนอยู่ใต้การปกครองของจวนเจ้าเมือง

“เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีทางจะบิดพลิ้วได้? หากข้าคิดใช้กำลังพาเขาไปเล่า?”

คลื่นพลังจากร่างของเฟยหมิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นพร้อมเข้ากดปะทะกับร่างของหยูจินซงอย่างแรง ดูท่าแล้วเขาคงไม่พอใจกับเรื่องในครั้งนี้อย่างมาก

แต่หยูจินซงนั้นกลับไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับมา “ท่านเจ้าสำนักเฟย หลานเองก็เข้าใจเรื่องราวดี แต่กฎหมายมันก็เป็นกฎหมาย ไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนมันได้ใช่หรือไม่? หากท่านเจ้าสำนักเฟยคิดลงมือจริงๆ ข้าเองก็เกรงว่าท่านพ่อคงไม่อยู่เฉยแน่ ท่านเจ้าสำนักเฟยคงไม่คิดว่าพ่อข้าไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้เลยหรอกใช่ไหม?”

นั่นทำให้เฟยหมิงเทียนหน้าถอดสี พ่อของหยูจินซงนั้นย่อมคือหยูเหวินเฟิง เจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ มีพลังฝีมือสุดเหนือล้ำ

เด็กคนนี้กลับกล้าใช้ชื่อเจ้าเมืองมาขู่เขา!

เดิมทีทางสำนักอากาศแจ่มนั้นคิดว่าการส่งเทพถ่องแท้ออกมาเช่นนี้แล้วหยูจินซงเองก็คงคิดไว้หน้าพวกเขาบ้าง

ไม่นึกไม่ฝันว่าจิตใจของหยูจินซงกลับหนักแน่นได้ขนาดนี้

หยูจินซงมองดูเฟยหมิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าสำนักเฟย นี่ไม่ใช่หลานไม่เห็นแก่หน้าท่านหรอกนะ แต่กฎหมายเรานั้นอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง! สำนักอากาศแจ่มเองก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ เมื่อมีคนทรยศเกิดขึ้นมาภายใน พวกท่านไม่คิดจะอยู่ดูการประหารมันเสียหน่อยหรือ?”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1904 ไม่เห็นแก่หน้าใคร

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1904 ไม่เห็นแก่หน้าใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้า…เจ้าคิดจะประหารข้าต่อหน้าผู้คนเพื่อล่อเย่หยวนออกมา?” เจียงยู่ถังตะโกนร้องถามขึ้น

หยูจินซงยิ้มออกมาอย่างมีนัย “เจ้าเองก็ไม่ได้โง่มากนะ เข้าใจเรื่องราวเร็วดี วันนี้ทางจวนเจ้าเมืองเราได้ส่งเทพถ่องแท้ถึงสามคนมาหลบซ่อนรอไว้ในลานประหารแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มันปรากฏตัวออกมาเทพถ่องแท้ทั้งสามนั้นจะเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน! เจ้าลองเดาเอาเถอะว่าผลจะเป็นอย่างไร? ฮ่าๆ!”

เจียงยู่ถังนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เพื่อจะจัดการกับเย่หยวนแล้วจวนเจ้าเมืองถึงขั้นส่งเทพถ่องแท้ออกมาสามคน

เย่หยวนนั้นพัฒนาตนขึ้นไปจนถึงขั้นทำให้จวนเจ้าเมืองเกรงกลัวขนาดนั้น?

ในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีนี้ เย่หยวนกลับพัฒนาตนไปไกลเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้

เย่หยวนนั้นเดินเข้ามาในถ้ำเสือเพื่อที่จะช่วยเหลือตัวเขาและเจียงไห่ถัง แน่นอนว่าเรื่องนี้มันย่อมทำให้เขาซาบซึ้งอย่างมาก

นี่มันยิ่งทำให้สัญญาที่เขาเคยมีแก่เย่หยวนล้ำค่าขึ้น

เว้นเสียแต่ว่าหยูจินซงคนนี้ช่างทำเรื่องหน้าไม่อายพร้อมที่จะวางแผนชั่วร้ายอย่างไม่เกรงใคร

หากเย่หยวนออกมาช่วยเขาจริงๆ แล้วชีวิตเขาจะไม่ต้องเสียไปอย่างสูญเปล่าหรือ?

คิดได้ถึงตรงนี้ความเกลียดชังที่เขามีต่อหยูจินซงก็ยิ่งเพิ่มทวีอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

“เจ้า… เจ้าคนร้ายกาจ! หน้าไม่อาย! หยูจินซง ต่อให้ข้าเจียงยู่ถังคนนี้จะตายเป็นผีไปข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลไปได้!”

เจียงยู่ถังนั้นกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น พยายามอย่างสุดแรงเพื่อจะทำลายโซ่พันธนาการ

แต่น่าเสียดายที่โซ่นี้มันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ม่วงทอง อย่าว่าแต่ตัวเขาในสภาพที่ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เลย แม้จะเป็นตัวเขาที่แข็งแกร่งพร้อมก็คงไม่อาจทำลายมันลงได้

“เป็นผี? หึๆ เรื่องนั้นเจ้าต้องเป็นให้ได้เสียก่อนค่อยว่ากล่าว! นำตัวมันไป!”

หยูจินซงนั้นสะบัดชายเสื้อเดินนำทางเจียงยู่ถังเข้ามาในลานประหารทันที

เจียงยู่ถังนั้นเมื่อถูกลากขึ้นมาใบหน้าของเขาก็ขาวซีด

เขาเกลียดชังหยูจินซง เขาเกลียดในความไร้พลังของตน!

แต่เขานั้นไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้

“เย่หยวน เจ้า…อย่าได้มาเป็นอันขาด!” น้ำตาอุ่นๆ สองสายไหลลงมาจากดวงตาของเขา

ผู้คนที่คิดอยากรู้เรื่องราวชีวิตผู้อื่นนั้นมันมีอยู่เสมอไม่ขาด ทำให้ตอนนี้ลานดงสวรรค์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนมากความอยากรู้อยากเห็นจนแทบไม่มีที่จะยืน

“ช่างไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมการประหารผู้ตรวจการน้อยๆ คนหนึ่งจึงได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ได้”

“หึ เจ้าไม่รู้สินะ? เจ้าจำเรื่องที่มีคนบุกเข้าดงปิติไปช่วยเด็กสาวออกมาได้หรือไม่? เด็กสาวคนนั้นมันคือลูกสาวของเจียงยู่ถังผู้จะถูกประหารนี้! เรื่องราวในวันนี้ผู้คนทั้งหลายไม่ได้คิดจะมาดูการตัดคอประหารลงโทษคนหรอก!”

“เจ้าพูดถึงเย่หยวนหรือ? ช่างน่ากลัวจริงพระเจ้า! แค่นภาสวรรค์ห้าดาวกลับสามารถสังหารท่านฝางคุนลงได้ จะน่าเกรงกลัวจนเกินไปแล้ว”

“น่าเสียดาย! ด้วยแผนการที่นายน้อยหยูคิดขึ้นมาในวันนี้ต่อให้เย่หยวนจะรู้ว่ามันเป็นเหว เขาก็คงต้องกระโดดลงไป! เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่คิดช่วยเจียงยู่ถังแล้ว”

เรื่องที่เย่หยวนก่อไว้ที่ดงปิตินั้นมันมิใช่ความลับใดๆ อีกต่อไป เรื่องราวนี้มันแพร่ไปทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว

เหล่าคนผู้อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านทั้งหลายจึงย่อมจะมารวมตัวกันเพื่อดูเรื่องราวนี้

เดิมทีแล้วมันเป็นแค่เรื่องของผู้ตรวจการตัวน้อยคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องปัญญาที่เย่หยวนก่อขึ้นจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

วันนี้ผู้คนทั้งหลายที่มานั้นต่างคิดอยากรู้ว่าเย่หยวนจะกล้าปรากฏตัวออกมาหรือไม่

หยูจินซงนั้นนั่งอยู่บนที่นั่งทรงเกียรติด้วยท่าทางสบายใจ

“เจอตัวเย่หยวนหรือยัง?” หยูจินซงถามผู้พิทักษ์ที่ด้านหลัง

หวังหูคนนี้คือผู้นำของกลุ่มยอดผู้พิทักษ์ที่เคยต่อสู้กับเย่หยวนมาก่อนนั้นเอง

เมื่อได้ยินคำถามของหยูจินซง หวังหูก็รีบกล่าวรายงาน “เรียนนายน้อย เรายังไม่พบร่องรอยของมันเลย นายน้อย เราจัดเตรียมงานใหญ่ขนาดนี้ไว้ หากว่ามัน… ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเล่า?”

หยูจินซงยิ้มออกมา “เด็กคนนั้นมันเป็นสหายกับเจียงยู่ถังมานานนับร้อยๆ ปี แถมยังสนิทกันไม่น้อย เพื่อเจียงยู่ถังแล้วมันถึงกลับกล้าเดินเข้าไปบุกดงปิติเราและช่วยเจียงไห่ถังออกมา แค่นั้นมันก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ามันมองเจียงยู่ถังเป็นสหายสนิทแค่ไหน เพราะฉะนั้นมันย่อมต้องมา! เจ้าตรวจสอบต่อไป หากเจอร่องรอยของมันแล้วเจ้าอย่าได้รีบร้อนทำการใดๆ จงมารายข้าในทันที”

“ขอรับนายน้อย” หวังหูรับคำและจากไป

เพื่อที่จะจับเย่หยวนแล้วหยูจินซงได้วางเครือข่ายกับดักไว้อย่างแน่นหนา

วันนี้เหล่าทหารที่มารักษาการณ์นั้นต่างเป็นยอดของยอดนักยุทธ ไม่ใช่แค่พลังฝีมือของแต่ละคนจะยิ่งใหญ่ แต่พลังที่ฝึกร่วมกันมามันก็แข็งแกร่งและรุนแรงไม่น้อย

นอกจากนันเขายังพาเหล่ายอดฝีมือนภาสวรรค์ขั้นปลายมาหลายต่อหลายคน แทรกตัวอยู่ตามพื้นที่ลานประหาร

เมื่อเย่หยวนปรากฏตัวออกมา เครือข่ายกับดักทั้งหลายนี้ย่อมจะเข้าโจมตีสังหารเย่หยวนในทันที

ส่วนเทพถ่องแท้ทั้งสามนั้นพวกเขาเองก็ได้ซ่อนตัวอยู่ในลานประหารนี้เช่นกัน

ในหมู่เทพถ่องแท้ทั้งสามนั้น สองคนเป็นเทพถ่องแท้หนึ่งดาว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงเทพถ่องแท้สองดาว แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นได้อย่างดีแล้วว่าเขาระวังในความสามารถของเย่หยวนมากแค่ไหน

เขานั้นมั่นใจอย่างมากว่าตราบเท่าที่เย่หยวนปรากฏตัวออกมา เขาจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัด

แต่จู่ๆ กลับมีสามเงาร่างเดินขึ้นมายังลานประหาร

เมื่อหยูจินซงเห็นทั้งสามคึนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขึ้นมา เขายันตัวลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมก้มคารวะ “หลานจินซงขอคารวะท่านเจ้าสำนักเฟย!”

คนผู้นำมานี้มีพลังสุดแสนเหนือล้ำ เขาเองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้คนหนึ่งเช่นกัน

แม้คนทั่วๆ ไปจะไม่รู้จักตัวเขา แต่หยูจินซงย่อมรู้จักอีกฝ่ายดี เขาคนนี้มีนามว่าเฟยหมิงเทียน หนึ่งในผู้ช่วยเจ้าสำนักอากาศแจ่ม

ที่ตามเฟยหมิงเทียนนั้นคือเจ้าตึกลมไหล หลี่ซืออานและผู้ช่วยตึก ซ่งหยานไค

เฟยหมิงเทียนพยักหน้ารับการทักทาย “ไม่ได้เจอกันมานานหลายร้อยปี หลานชายหยูพัฒนาการบ่มเพาะขึ้นไปได้อีกแล้ว!”

หยูจินซงยิ้มรับ “ท่านเจ้าสำนักเฟยกล่าวชมเกินไปแล้ว! หลานนั้นแค่ได้ทำหน้าที่ดูแลกฎหมายตามที่จวนเจ้าเมืองมอบมันมา หลานสงสัยเหลือเกินว่าท่านเจ้าสำนักเฟยมาถึงที่นี่เพราะธุระใด?”

เฟยหมิงเทียนหน้าเสียไปทันที เพราะคำพูดนี้ของหยูจินซงมันเป็นเหมือนยาพิษอาบในน้ำผึ้ง ปิดทางใดๆ ที่เขาจะพูดต่อได้

เมื่อหยูจินซงกล้าจะใส่ร้ายเจียงยู่ถังแล้วเขาก็ย่อมสร้างหลักฐานต่างๆ ขึ้นมาอย่างหนาแน่นเป็นที่เรียบร้อย

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่สำนักอากาศแจ่มจะปล่อยเรื่องผ่านไปเฉยๆ เช่นนี้ได้

เฟยหมิงเทียนกล่าวขึ้น “หลานชายหยู เจียงยู่ถังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนของสำนักอากาศแจ่มเรา เจ้าถือว่าเห็นแก่หน้าพวกเราไว้ชีวิตเขาได้หรือไม่?”

หยูจินซงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คำพูดของท่านเจ้าสำนักเฟยไม่ถูกต้องแล้ว! แม้ว่าเจียงยู่ถังนั้นจะฝึกตัวมาจากสำนักอากาศแจ่มแต่ตอนนี้อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของจวนเจ้าเมือง หลายปีมานี้จวนเจ้าเมืองเราเองก็ได้มอบทรัพยากรบ่มเพาะต่างๆ มากมายให้แก่เขา แต่มันกลับไม่คิดจอบแทนคุณและหันกลับมาคิดลอบสังหารข้า! คนเช่นนี้หากไม่ถูกลงโทษประหารตามกฎหมายแล้วจวนเจ้าเมืองเราจะยังเอาหน้าที่ไหนไปปกครองผู้คนในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นได้?”

เฟยหมิงเทียนขมวดคิ้วแน่น คำพูดของหยูจินซงนั้นเปี่ยมไปด้วยเหตุผลจนเขาไม่อาจขัดได้เลย

แม้ว่าตึกลมไหลนั้นจะเป็นสถานที่ที่ทางสำนักอากาศแจ่มใช้ในการดูแลเรื่องของเมืองจักรพรรดิเบื้องล่างแต่มันก็ไม่ได้เป็นที่รู้กันต่อหน้าสาธารณะ

ภายนอกแล้ว เมืองจักรพรรดิเบื้องล่างทั้งหมดนั้นล้วนอยู่ใต้การปกครองของจวนเจ้าเมือง

“เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีทางจะบิดพลิ้วได้? หากข้าคิดใช้กำลังพาเขาไปเล่า?”

คลื่นพลังจากร่างของเฟยหมิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นพร้อมเข้ากดปะทะกับร่างของหยูจินซงอย่างแรง ดูท่าแล้วเขาคงไม่พอใจกับเรื่องในครั้งนี้อย่างมาก

แต่หยูจินซงนั้นกลับไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับมา “ท่านเจ้าสำนักเฟย หลานเองก็เข้าใจเรื่องราวดี แต่กฎหมายมันก็เป็นกฎหมาย ไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนมันได้ใช่หรือไม่? หากท่านเจ้าสำนักเฟยคิดลงมือจริงๆ ข้าเองก็เกรงว่าท่านพ่อคงไม่อยู่เฉยแน่ ท่านเจ้าสำนักเฟยคงไม่คิดว่าพ่อข้าไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้เลยหรอกใช่ไหม?”

นั่นทำให้เฟยหมิงเทียนหน้าถอดสี พ่อของหยูจินซงนั้นย่อมคือหยูเหวินเฟิง เจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ มีพลังฝีมือสุดเหนือล้ำ

เด็กคนนี้กลับกล้าใช้ชื่อเจ้าเมืองมาขู่เขา!

เดิมทีทางสำนักอากาศแจ่มนั้นคิดว่าการส่งเทพถ่องแท้ออกมาเช่นนี้แล้วหยูจินซงเองก็คงคิดไว้หน้าพวกเขาบ้าง

ไม่นึกไม่ฝันว่าจิตใจของหยูจินซงกลับหนักแน่นได้ขนาดนี้

หยูจินซงมองดูเฟยหมิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าสำนักเฟย นี่ไม่ใช่หลานไม่เห็นแก่หน้าท่านหรอกนะ แต่กฎหมายเรานั้นอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง! สำนักอากาศแจ่มเองก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ เมื่อมีคนทรยศเกิดขึ้นมาภายใน พวกท่านไม่คิดจะอยู่ดูการประหารมันเสียหน่อยหรือ?”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+