Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1906 ข้อแม้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1906 ข้อแม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่นอกเมืองตอนนี้มันเต็มไปด้วยกองทหารพร้อมสามเทพถ่องแท้ที่เดินนำมาด้านหน้า

ส่วนตรงหน้าของพวกเขานั้นคือหยูจินซงที่ถูกเย่หยวนใช้ดาบจี้คอเดินมาพร้อมๆ กับเจียงยู่ถัง

“เด็กน้อย เราปล่อยเจียงยู่ถังมันไปแล้วแต่เจ้ายังไม่คิดปล่อย เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกยอดเต๋าสะท้อนหรือ?” เทพถ่องแท้สองดาวคนนั้นกล่าว

เย่หยวนบอกกลับไป “ที่พวกเจ้าตามมาถึงตอนนี้มันก็เพื่อคิดฆ่าสังหารข้าหลังข้าปล่อยมันไปมิใช่หรือ?”

“หึ! เจ้าคิดว่าตัวเองจะรอดไปได้หรือ? พระนั้นหนีได้ แต่วัดนั้นหนีไม่ได้! เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะไม่สนใจชีวิตของผู้คนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว!” หยูจินซงร้องบอก

เย่หยวนนั้นได้สาบานต่อเต๋าสวรรค์แล้วเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวว่าเย่หยวนจะฆ่าสังหารเขาอีกในครานี้ เขาจึงยิ่งกล้าพูดอย่างไม่เกรงกลัวมากขึ้น

เรื่องราวที่มาของเย่หยวนนั้นทางจวนเจ้าเมืองได้ตรวจสอบจนครบถ้วนแล้ว หยูจินซงรู้ดีว่าการข่มขู่เย่หยวนด้วยเรื่องนี้มันต้องได้ผลที่สุด

แต่เย่หยวนกลับตอบมาอย่างเย็นชา “หากเจ้าจะส่งคนไปทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจห้ามปราบได้ แต่จากวันนี้ไปเจ้าจงระวังตัวให้มาก ไม่เช่นนั้นแล้วสักวันเจ้าอาจจะได้พบว่ามีดาบปักเข้าที่กลางอกอย่างไม่รู้ตัว”

หยูจินซงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน “เจ้าขู่ข้า? เจ้าไม่รู้หรือว่าจวนเจ้าเมืองนั้นมีเทพถ่องแท้มากมายเพียงใด?”

เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยท่าทางเฉยชา “ข้าแค่พูดบอกความจริง วันนี้เองก็มีเทพถ่องแท้ตั้งมากมายแต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวตอนนี้มิใช่แค่หยูจินซง แต่รวมไปถึงเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายเองก็มีใบหน้าเหยเก

หยูจินซงนั้นเริ่มตัวสั่นขึ้นมา เพราะเขานั้นกลัวเรื่องนี้จริงๆ

เย่หยวนไปไหนมาไหนราวกับเงามืดแถมยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ลึกล้ำ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจป้องกันได้เลย

และสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือเจ้าลายสีฟ้านั่น!

หลังจากที่เขาถูกเย่หยวนดึงเข้ามิติลายพระเจ้าไปร่างกายของเขาก็หมดแรงความรู้ใดๆ จะขัดขืน

พลังแนวคิดใดๆ ที่เขาเคยบ่มเพาะฝึกฝนมาล้วนไร้ประโยชน์หายไปสิ้น!

ความไร้พลังนั้นมันยังสร้างความหวาดกลัวให้แก่ตัวเขามาจนถึงวินาทีนี้

เขาไม่คิดอยากจะต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนั้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง!

แค่คิดว่าต้องถูกคนประหลาดเช่นนี้สะกดรอยตามทุกวัน หยูจินซงก็รู้สึกเสียวสันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว

หยูจินซงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “เจ้า! เจ้าจำเรื่องราววันนี้ไว้ให้ดี!”

การวางแผนล่อลวงผู้คน ใช้คำหว่านล้อมและต้อนให้จนมุมนั้นคือสิ่งที่หยูจินซงคนนี้ถนัดเป็นอย่างมากที่สุด ในชีวิตเขานั้นไม่เคยวางแผนใดแล้วผิดพลาดเช่นนี้มาก่อน

ไม่นึกว่าวันนี้แผนการใดๆ ของเขาทั้งหลายกลับถูกเย่หยวนผู้ลึกลับคนนี้ทำลายสิ้น ทำให้จิตใจของเขาเกิดความกังวลขึ้นอย่างมาก

แต่จู่ๆ หางตาของเย่หยวนก็กระตุกขึ้น “ในเมื่อมาแล้วพวกท่านจะไม่เผยตัวหน่อยหรือ?”

ไม่มีใครตอบกลับมา เหล่าทหารทั้งหลายเองก็คิดไปว่าเย่หยวนคงสมองเพี้ยนไปแล้วเพราะนอกจากพวกเขามันก็ไม่มีใครที่ไม่ปรากฏตัวอีก

แม้แต่เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายยังต้องมึนงง

เย่หยวนลากตัวหยูจินซงก่อนจะขยับร่างไปยังที่แห่งหนึ่งที่ไม่ห่างไปนัก

“ยังไม่ออกมาอีกหรือ?” เย่หยวนบอกอีกครั้ง

จู่ๆ ก็มีสองเงาร่างปรากฏออกมา

มันเป็นชายวัยกลางคนในชุดดำและชายชราในชุดเทา

“ท-ท่านเจ้าเมือง!”

“ท่านเจ้าสำนัก!”

ตอนนี้ทั้งเทพถ่องแท้สองดาวผู้นั้นและเฟยหมิงเทียนต่างร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ

เพราะเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเฟยหมิงเทียนย่อมจะตามติดมาดูเรื่องราวให้ถึงที่สุดด้วย

และคนทั้งสองที่ปรากฏกายออกมานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น หยูเหวินเฟิงและเจ้าสำนักอากาศแจ่ม หลี่คงหมิง!

หลี่คงหมิงมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง “ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่เก่งกาจ เจ้าเข้าใจในห้วงมิติมากกว่าที่เจ้าสำนักคนนี้คาดเดาไปนัก!”

ทุกคนต่างหันมามองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่สงสัยว่าเย่หยวนไปตรวจเจอยอดคนทั้งสองนี้ได้อย่างไร

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้แต่เทพถ่องแท้ทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนทั้งสองนี้เลย!

เพราะฉะนั้นดวงตาของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายจึงมองมายังเย่หยวนอย่างตกตะลึง

เย่หยวนนั้นสามารถจับสัมผัสของหยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงได้ แต่พวกเขาไม่อาจรับรู้ แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีความเข้าใจในห้วงมิติที่เหนือล้ำกว่าพวกเขาแค่ไหน

แต่เย่หยวนนั้นยังเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว!

เย่หยวนไม่คิดสนใจหลี่คงหมิงและหันไปบอกที่อีกความว่างเปล่าหนึ่ง “หากข้าเดาไม่ผิดท่านคงเป็นท่านเจ้าหอยอดดอกแล้ว?”

ทุกคนสั่นสะท้านขึ้นทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเจ้าหอยอดดอกเองก็จะมาถึงที่นี่ด้วย

หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงเองก็หน้าถอดสีไป เพราะพวกเขานั้นไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่ามีใครที่ยังซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นด้วย

การซ่อนตัวในช่องว่างมิตินั้นเป็นการวิชาการซ่อนตัวระดับสูง

แน่นอนว่าการซ่อนตัวเช่นนี้มันย่อมขึ้นอยู่กับความเข้าใจในห้วงมิติของนักยุทธคนนั้นๆ

เมื่อบ่มเพาะไปได้ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วโลกใบน้อยของคนผู้นั้นก็นับได้ว่าสมบูรณ์ทำให้พวกเขาสามารถดึงพลังแห่งห้วงมิติจากโลกใบน้อยออกมาได้มากขึ้น

เพียงแค่ว่าการใช้งานพลังนั้นออกมามันล้วนแตกต่างไปตามแต่ละผู้คน

ต่อให้เป็นคนในอาณาจักรเดียวกัน มันก็อาจเกิดความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้

หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงนั้นสัมผัสได้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายมานาน เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจ้าหอยอดดอกเลย เรื่องนี้มันย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าในวิชานี้เจ้าหอยอดดอกนั้นเหนือล้ำกว่าพวกเขา

แต่แน่นอนว่าวิชาเช่นนั้นมันเป็นได้แค่ลูกเล่นกับเหล่ายอดฝีมือระดับนี้

เพราะแม้พวกเขาจะซ่อนตัวในห้วงมิติ แต่พวกเขาเองก็ใช้พลังใดๆ ออกมามิได้ ไม่เช่นนั้นแล้วหากใช้พลังออกมาแม้แต่น้อยอีกฝ่ายก็คงสามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ได้ทันที จะใช้ลอบโจมตีก็คงไม่สามารถทำได้แล้วในเวลานั้น

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเรื่องราวนี้มันก็ยิ่งทำให้เจ้าหอยอดดอกดูลึกลับมากขึ้นไปกว่าเก่า

เพราะกับยอดฝีมือระดับพวกเขาทั้งหลายความแตกต่างเพียงน้อยมันก็มากพอจะสร้างชัยชนะได้

และการซ่อนตัวเช่นนี้มันยากที่จะตรวจพบ

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสามคนกลับไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเย่หยวนไปได้เลย!

มีหรือที่ทุกผู้คนจะไม่แตกตื่น?

เจ้าหอยอดดอกในชุดดำคนนั้นเดินออกมาจากความว่างเปล่า เพียงแค่ว่าแม้จะเป็นตอนนี้เขาก็ยังซ่อนอยู่ในผ้าคลุมดำทำให้ผู้คนไม่อาจเห็นเขาได้อย่างชัดเจน

“เจ้าหนุ่ม เจ้าช่างเก่งกาจ! เจ้าสนใจจะมาเข้าหอยอดดอกข้าหรือไม่?” เจ้าหอยอดดอกบอกขึ้น

นั่นทำให้หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงหน้าถอดสีทันที พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าหอยอดดอกคนนี้จะพูดเข้าเรื่องทันทีตั้งแต่เปิดปากครั้งแรก

“เย่หยวน เจ้าอย่าได้! สำนักอากาศแจ่มต่างหากคือบ้านของเจ้า!” หลี่คงหมิงบอก

หยูเหวินเฟิงเองก็พูดขึ้นตาม “เย่หยวน ตราบเท่าที่เจ้าเข้ากับจวนเจ้าเมืองเรา ข้าจะลืมเรื่องในวันนี้เสียและจะมอบที่ดินให้เจ้าเท่ากับหนึ่งร้อยเมือง!”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวคนที่มองดูอยู่รอบๆ ก็ฮือฮาแตกตื่นขึ้นทันที!

ที่ดินเท่าร้อยเมืองนั้นมันจะมีทรัพยากรมากเพียงใด? จะมีนักยุทธในการปกครองขนาดไหนและจะสามารถสร้างกองกำลังแข็งแกร่งเช่นใดขึ้นได้?

สำหรับนักยุทธแล้วเรื่องนี้มันเหนือล้ำกว่าคำว่าน่าสนใจไปมาก!

ตราบเท่าที่เย่หยวนยอมรับคำ มันจะเท่ากับว่าเขาได้เป็นเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่งเลย

เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าสามยอดฝีมือนี้จะมาเพื่อลงโทษเย่หยวนแต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้

“ท่านพ่อ ข้า…”

“หุบปากไป! เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”

หยูจินซงที่พยายามจะพูดขึ้นกลับถูกหยูเหวินเฟิงขัดสั่งห้ามทันทีอย่างไร้เยื่อใย

เย่หยวนมองดูที่เจ้าหอยอดดอกพร้อมบอก “หากอยากให้ข้าร่วมหอยอดดอกมันย่อมเป็นไปได้ แต่ข้านั้นมีข้อแม้!”

“ข้อแม้ใด?”

ทุกคนนั้นใจสั่นรัวโดยเฉพาะทางหยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิง

“ส่งตัวหรงซีเยว่มาให้ข้า!” เย่หยวนบอก

เจ้าหอยอดดอกเงียบไปทันทีก่อนที่สุดท้ายจะบอกขึ้น “เจ้าเสนอเงื่อนไขอื่นมาแทน!”

เย่หยวนยกมือขึ้นโบกปัด “ข้านั้นแค่ยื่นข้อแม้ ท่านจะรับหรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่ท่าน”

พูดจบเย่หยวนก็หันไปมองหยูเหวินเฟิง “ข้านั้นไม่ต้องการที่ดินหนึ่งร้อยเมืองใดๆ ข้าแค่ต้องการชีวิตของหยูจินซงผู้นี้! หากท่านยอมรับข้าจะเข้าจวนเจ้าเมือง!”

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1906 ข้อแม้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1906 ข้อแม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่นอกเมืองตอนนี้มันเต็มไปด้วยกองทหารพร้อมสามเทพถ่องแท้ที่เดินนำมาด้านหน้า

ส่วนตรงหน้าของพวกเขานั้นคือหยูจินซงที่ถูกเย่หยวนใช้ดาบจี้คอเดินมาพร้อมๆ กับเจียงยู่ถัง

“เด็กน้อย เราปล่อยเจียงยู่ถังมันไปแล้วแต่เจ้ายังไม่คิดปล่อย เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกยอดเต๋าสะท้อนหรือ?” เทพถ่องแท้สองดาวคนนั้นกล่าว

เย่หยวนบอกกลับไป “ที่พวกเจ้าตามมาถึงตอนนี้มันก็เพื่อคิดฆ่าสังหารข้าหลังข้าปล่อยมันไปมิใช่หรือ?”

“หึ! เจ้าคิดว่าตัวเองจะรอดไปได้หรือ? พระนั้นหนีได้ แต่วัดนั้นหนีไม่ได้! เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะไม่สนใจชีวิตของผู้คนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว!” หยูจินซงร้องบอก

เย่หยวนนั้นได้สาบานต่อเต๋าสวรรค์แล้วเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวว่าเย่หยวนจะฆ่าสังหารเขาอีกในครานี้ เขาจึงยิ่งกล้าพูดอย่างไม่เกรงกลัวมากขึ้น

เรื่องราวที่มาของเย่หยวนนั้นทางจวนเจ้าเมืองได้ตรวจสอบจนครบถ้วนแล้ว หยูจินซงรู้ดีว่าการข่มขู่เย่หยวนด้วยเรื่องนี้มันต้องได้ผลที่สุด

แต่เย่หยวนกลับตอบมาอย่างเย็นชา “หากเจ้าจะส่งคนไปทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจห้ามปราบได้ แต่จากวันนี้ไปเจ้าจงระวังตัวให้มาก ไม่เช่นนั้นแล้วสักวันเจ้าอาจจะได้พบว่ามีดาบปักเข้าที่กลางอกอย่างไม่รู้ตัว”

หยูจินซงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน “เจ้าขู่ข้า? เจ้าไม่รู้หรือว่าจวนเจ้าเมืองนั้นมีเทพถ่องแท้มากมายเพียงใด?”

เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยท่าทางเฉยชา “ข้าแค่พูดบอกความจริง วันนี้เองก็มีเทพถ่องแท้ตั้งมากมายแต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวตอนนี้มิใช่แค่หยูจินซง แต่รวมไปถึงเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายเองก็มีใบหน้าเหยเก

หยูจินซงนั้นเริ่มตัวสั่นขึ้นมา เพราะเขานั้นกลัวเรื่องนี้จริงๆ

เย่หยวนไปไหนมาไหนราวกับเงามืดแถมยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ลึกล้ำ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจป้องกันได้เลย

และสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือเจ้าลายสีฟ้านั่น!

หลังจากที่เขาถูกเย่หยวนดึงเข้ามิติลายพระเจ้าไปร่างกายของเขาก็หมดแรงความรู้ใดๆ จะขัดขืน

พลังแนวคิดใดๆ ที่เขาเคยบ่มเพาะฝึกฝนมาล้วนไร้ประโยชน์หายไปสิ้น!

ความไร้พลังนั้นมันยังสร้างความหวาดกลัวให้แก่ตัวเขามาจนถึงวินาทีนี้

เขาไม่คิดอยากจะต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนั้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง!

แค่คิดว่าต้องถูกคนประหลาดเช่นนี้สะกดรอยตามทุกวัน หยูจินซงก็รู้สึกเสียวสันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว

หยูจินซงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “เจ้า! เจ้าจำเรื่องราววันนี้ไว้ให้ดี!”

การวางแผนล่อลวงผู้คน ใช้คำหว่านล้อมและต้อนให้จนมุมนั้นคือสิ่งที่หยูจินซงคนนี้ถนัดเป็นอย่างมากที่สุด ในชีวิตเขานั้นไม่เคยวางแผนใดแล้วผิดพลาดเช่นนี้มาก่อน

ไม่นึกว่าวันนี้แผนการใดๆ ของเขาทั้งหลายกลับถูกเย่หยวนผู้ลึกลับคนนี้ทำลายสิ้น ทำให้จิตใจของเขาเกิดความกังวลขึ้นอย่างมาก

แต่จู่ๆ หางตาของเย่หยวนก็กระตุกขึ้น “ในเมื่อมาแล้วพวกท่านจะไม่เผยตัวหน่อยหรือ?”

ไม่มีใครตอบกลับมา เหล่าทหารทั้งหลายเองก็คิดไปว่าเย่หยวนคงสมองเพี้ยนไปแล้วเพราะนอกจากพวกเขามันก็ไม่มีใครที่ไม่ปรากฏตัวอีก

แม้แต่เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายยังต้องมึนงง

เย่หยวนลากตัวหยูจินซงก่อนจะขยับร่างไปยังที่แห่งหนึ่งที่ไม่ห่างไปนัก

“ยังไม่ออกมาอีกหรือ?” เย่หยวนบอกอีกครั้ง

จู่ๆ ก็มีสองเงาร่างปรากฏออกมา

มันเป็นชายวัยกลางคนในชุดดำและชายชราในชุดเทา

“ท-ท่านเจ้าเมือง!”

“ท่านเจ้าสำนัก!”

ตอนนี้ทั้งเทพถ่องแท้สองดาวผู้นั้นและเฟยหมิงเทียนต่างร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ

เพราะเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเฟยหมิงเทียนย่อมจะตามติดมาดูเรื่องราวให้ถึงที่สุดด้วย

และคนทั้งสองที่ปรากฏกายออกมานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น หยูเหวินเฟิงและเจ้าสำนักอากาศแจ่ม หลี่คงหมิง!

หลี่คงหมิงมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง “ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่เก่งกาจ เจ้าเข้าใจในห้วงมิติมากกว่าที่เจ้าสำนักคนนี้คาดเดาไปนัก!”

ทุกคนต่างหันมามองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่สงสัยว่าเย่หยวนไปตรวจเจอยอดคนทั้งสองนี้ได้อย่างไร

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้แต่เทพถ่องแท้ทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนทั้งสองนี้เลย!

เพราะฉะนั้นดวงตาของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายจึงมองมายังเย่หยวนอย่างตกตะลึง

เย่หยวนนั้นสามารถจับสัมผัสของหยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงได้ แต่พวกเขาไม่อาจรับรู้ แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีความเข้าใจในห้วงมิติที่เหนือล้ำกว่าพวกเขาแค่ไหน

แต่เย่หยวนนั้นยังเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว!

เย่หยวนไม่คิดสนใจหลี่คงหมิงและหันไปบอกที่อีกความว่างเปล่าหนึ่ง “หากข้าเดาไม่ผิดท่านคงเป็นท่านเจ้าหอยอดดอกแล้ว?”

ทุกคนสั่นสะท้านขึ้นทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเจ้าหอยอดดอกเองก็จะมาถึงที่นี่ด้วย

หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงเองก็หน้าถอดสีไป เพราะพวกเขานั้นไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่ามีใครที่ยังซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นด้วย

การซ่อนตัวในช่องว่างมิตินั้นเป็นการวิชาการซ่อนตัวระดับสูง

แน่นอนว่าการซ่อนตัวเช่นนี้มันย่อมขึ้นอยู่กับความเข้าใจในห้วงมิติของนักยุทธคนนั้นๆ

เมื่อบ่มเพาะไปได้ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วโลกใบน้อยของคนผู้นั้นก็นับได้ว่าสมบูรณ์ทำให้พวกเขาสามารถดึงพลังแห่งห้วงมิติจากโลกใบน้อยออกมาได้มากขึ้น

เพียงแค่ว่าการใช้งานพลังนั้นออกมามันล้วนแตกต่างไปตามแต่ละผู้คน

ต่อให้เป็นคนในอาณาจักรเดียวกัน มันก็อาจเกิดความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้

หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงนั้นสัมผัสได้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายมานาน เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจ้าหอยอดดอกเลย เรื่องนี้มันย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าในวิชานี้เจ้าหอยอดดอกนั้นเหนือล้ำกว่าพวกเขา

แต่แน่นอนว่าวิชาเช่นนั้นมันเป็นได้แค่ลูกเล่นกับเหล่ายอดฝีมือระดับนี้

เพราะแม้พวกเขาจะซ่อนตัวในห้วงมิติ แต่พวกเขาเองก็ใช้พลังใดๆ ออกมามิได้ ไม่เช่นนั้นแล้วหากใช้พลังออกมาแม้แต่น้อยอีกฝ่ายก็คงสามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ได้ทันที จะใช้ลอบโจมตีก็คงไม่สามารถทำได้แล้วในเวลานั้น

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเรื่องราวนี้มันก็ยิ่งทำให้เจ้าหอยอดดอกดูลึกลับมากขึ้นไปกว่าเก่า

เพราะกับยอดฝีมือระดับพวกเขาทั้งหลายความแตกต่างเพียงน้อยมันก็มากพอจะสร้างชัยชนะได้

และการซ่อนตัวเช่นนี้มันยากที่จะตรวจพบ

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสามคนกลับไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเย่หยวนไปได้เลย!

มีหรือที่ทุกผู้คนจะไม่แตกตื่น?

เจ้าหอยอดดอกในชุดดำคนนั้นเดินออกมาจากความว่างเปล่า เพียงแค่ว่าแม้จะเป็นตอนนี้เขาก็ยังซ่อนอยู่ในผ้าคลุมดำทำให้ผู้คนไม่อาจเห็นเขาได้อย่างชัดเจน

“เจ้าหนุ่ม เจ้าช่างเก่งกาจ! เจ้าสนใจจะมาเข้าหอยอดดอกข้าหรือไม่?” เจ้าหอยอดดอกบอกขึ้น

นั่นทำให้หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงหน้าถอดสีทันที พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าหอยอดดอกคนนี้จะพูดเข้าเรื่องทันทีตั้งแต่เปิดปากครั้งแรก

“เย่หยวน เจ้าอย่าได้! สำนักอากาศแจ่มต่างหากคือบ้านของเจ้า!” หลี่คงหมิงบอก

หยูเหวินเฟิงเองก็พูดขึ้นตาม “เย่หยวน ตราบเท่าที่เจ้าเข้ากับจวนเจ้าเมืองเรา ข้าจะลืมเรื่องในวันนี้เสียและจะมอบที่ดินให้เจ้าเท่ากับหนึ่งร้อยเมือง!”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวคนที่มองดูอยู่รอบๆ ก็ฮือฮาแตกตื่นขึ้นทันที!

ที่ดินเท่าร้อยเมืองนั้นมันจะมีทรัพยากรมากเพียงใด? จะมีนักยุทธในการปกครองขนาดไหนและจะสามารถสร้างกองกำลังแข็งแกร่งเช่นใดขึ้นได้?

สำหรับนักยุทธแล้วเรื่องนี้มันเหนือล้ำกว่าคำว่าน่าสนใจไปมาก!

ตราบเท่าที่เย่หยวนยอมรับคำ มันจะเท่ากับว่าเขาได้เป็นเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่งเลย

เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าสามยอดฝีมือนี้จะมาเพื่อลงโทษเย่หยวนแต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้

“ท่านพ่อ ข้า…”

“หุบปากไป! เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”

หยูจินซงที่พยายามจะพูดขึ้นกลับถูกหยูเหวินเฟิงขัดสั่งห้ามทันทีอย่างไร้เยื่อใย

เย่หยวนมองดูที่เจ้าหอยอดดอกพร้อมบอก “หากอยากให้ข้าร่วมหอยอดดอกมันย่อมเป็นไปได้ แต่ข้านั้นมีข้อแม้!”

“ข้อแม้ใด?”

ทุกคนนั้นใจสั่นรัวโดยเฉพาะทางหยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิง

“ส่งตัวหรงซีเยว่มาให้ข้า!” เย่หยวนบอก

เจ้าหอยอดดอกเงียบไปทันทีก่อนที่สุดท้ายจะบอกขึ้น “เจ้าเสนอเงื่อนไขอื่นมาแทน!”

เย่หยวนยกมือขึ้นโบกปัด “ข้านั้นแค่ยื่นข้อแม้ ท่านจะรับหรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่ท่าน”

พูดจบเย่หยวนก็หันไปมองหยูเหวินเฟิง “ข้านั้นไม่ต้องการที่ดินหนึ่งร้อยเมืองใดๆ ข้าแค่ต้องการชีวิตของหยูจินซงผู้นี้! หากท่านยอมรับข้าจะเข้าจวนเจ้าเมือง!”

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+