Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1907 ยอดนักหลอมโอสถ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1907 ยอดนักหลอมโอสถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” เมื่อหยูจินซงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ระเบิดเสียงร้องขึ้นทันที

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจหันกลับมามอง สายตาของเขาจ้องมองไปยังหยูเหวินเฟิงอย่างไม่คิดกลัวแม้แต่น้อย

แต่ความกล้าหาญของเย่หยวนนี้มันกลับทำให้ทุกผู้คนสะท้าน

เขานั้นไม่คิดอยากได้ที่ดินเท่าร้อยเมือง เขานั้นแค่อยากได้ชีวิตของหยูจินซง มันช่างเป็นมุมมองที่กว้างขวาง!

แน่นอนว่ามันต้องมีอีกหลายผู้คนที่คิดว่าเขาโง่เง่า

แต่เจียงยู่ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั้นกลับเข้าใจได้อย่างดีว่าเย่หยวนแค่ต้องการจะระบายความโกรธแค้นให้แก่พวกเขาสองพ่อลูก

ที่ดินของหนึ่งร้อยเมืองนั้นมันจะมีพลังมีอำนาจเพียงใด จะสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ได้เพียงไหน? หยูเหวินเฟิงนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่ดีเปรียบได้ดั่งเป็นเส้นเลือดของเมืองหลวงจักรพรรดิให้แก่เย่หยวน

แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจมันแม้แต่หางตา

หยูเหวินเฟิงร้องบอก “นอกจากเรื่องที่เจ้าว่ามานี้เราย่อมตกลงกันได้ทั้งสิ้น”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้านั้นยื่นข้อแม้ ไม่ได้มาขายข้อเสนอ!”

นั่นทำให้ใบหน้าของหยูเหวินเฟิงดำเขียวขึ้นทันที “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดกลัวความพิโรธของจวนเจ้าเมืองเลยใช่หรือไม่? เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันจะหมายความว่าอย่างไร?”

“หึ! หยูเหวินเฟิง เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากหรือ? ข้า หลี่คงหมิงจะขอปกป้องเย่หยวนเอง!” หลี่คงหมิงบอกด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัย

ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขาแล้วมีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไป?

ข้อแม้สองอย่างที่เย่หยวนยื่นมานี้มันเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนย่อมไม่มีทางตอบตกลง

เพราะฉะนั้นเย่หยวนย่อมจะเลือกสำนักอากาศแจ่มมาแต่แรกแล้ว

เย่หยวนหันไปมองหลี่คงหมิงพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านเองก็อย่าได้เปลืองแรงเลย ข้าจะไม่ร่วมกับสำนักอากาศแจ่มเด็ดขาด”

ใบหน้าของหลี่คงหมิงแข็งค้างไปทันที “ท-ทำไมกัน? เจ้าไม่รู้หรือว่าหากไม่มีสำนักอากาศแจ่มข้าปกป้องแล้วเจ้าจะต้องพบเจอเรื่องราวใดต่อจากนี้ไป?”

“ฮ่าๆๆ! หลี่คงหมิง หลงตัวเองอยู่ครั้งวันสุดท้ายเจ้าก็ได้แค่คิดเข้าข้างตนว่ามันจะเลือกเจ้า! แต่สุดท้ายมันกลับไม่สนใจเจ้าเลย!” หยูเหวินเฟิงหัวเราะลั่น

เย่หยวนบอกขึ้น “พวกเจ้าเองก็อย่าได้คิดว่าตัวเองสูงส่งนักเลย ข้า เย่หยวนผู้นี้ไม่ต้องการให้ใครมาปกป้อง ข้านั้นมาที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ก็แค่เพื่อช่วยพี่เจียงเท่านั้น เมื่อเรื่องราวในครั้งนี้จบลงแล้วข้าย่อมไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับการละเล่นแย่งชิงอำนาจของพวกเจ้าทั้งหลาย”

คำพูดนี้ทำให้ทุกสิ่งอย่างเงียบลง ทุกผู้คนต่างมึนงงกับคำพูดนี้ของเย่หยวน

โอหัง!

ช่างแสนอวดดี!

แม้ต้องเจอกับเหล่าเทพถ่องแท้มากมาย เย่หยวนกลับไม่คิดกลัวและพูดรนหาที่ตายออกมาเช่นนี้!

เด็กคนนี้สมองมันเพี้ยนหรือ? หรือมันมีอะไรเป็นที่พึ่งพาจริงๆ?

ในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นเทพถ่องแท้นับว่าเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุด แต่เย่หยวนกับพูดจาใส่พวกเขาเหมือนเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง!

คำพูดเช่นนั้นมันสุดแสนจะโอหัง

เพราะตัวเขาเองนั้นเป็นได้แค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่ง

เมื่อเทพถ่องแท้ทั้งสามได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ผงะไปทันทีและเป็นหยูเหวินเฟิงที่หัวเราะลั่นขึ้นมาก่อน “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดกับใครอยู่?”

เย่หยวนตอบกลับ “ข้าย่อมรู้ดี!”

นั่นทำให้เสียงหัวเราะของหยูเหวินเฟิงเปลี่ยนกลายเป็นเสียงคำราม “เช่นนั้นก็ย่อมได้ ข้าผู้นี้อยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน!”

ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนกลับพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็เข้ามาลอง”

พูดจบเย่หยวนก็ดันร่างอ่อนแรงของหยูจินซงไป

ทุกคนมึนงงอย่างมาก เย่หยวนกลับคืนตัวประกันให้อีกฝ่ายง่ายๆ เช่นนี้?

แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้?

เทพถ่องแท้ของจวนเจ้าเมืองรีบพุ่งตัวออกมารับหยูจินซงไว้ทันที

เมื่อหลุดรอดจากมือของเย่หยวนมาได้ หยูจินซงก็ได้ร้องตะโกนขึ้น “ท่านพ่อ สังหารมัน! สังหารมัน!”

ปัง!

หยูเหวินเฟิงฟาดซัดฝ่ามือลงมาพร้อมด้วยพลังโลกที่บ้าคลั่งใส่เย่หยวน

“พี่เจียง ตามข้ามา!”

เย่หยวนจับคอเสื้อของเจียงยู่ถังที่มีใบหน้าซีดเผือดและขยับร่างกายจนมันจางหายไปทันที

ฝ่ามือแสนดุดันนี้ของหยูเหวินเฟิงจึงได้แต่ตบลงใส่พื้นที่ว่างเปล่า

นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต้องร้องออกมา “เคลื่อนย้ายมิติ!”

พวกเขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติอย่างดี แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเก่งกาจไปได้ถึงขั้นนี้

“ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงกล้าไปบุกดงปิติได้! ที่แท้เด็กคนนี้กลับบ่มเพาะแนวคิดแห่งห้วงมิติไปถึงสี่ดาวแล้ว!”

“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น! เขาคนนี้ยังผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิติ ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัว!”

“ที่แท้แล้วความมั่นใจของเขามันก็มีขึ้นมาเพราะตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีทางแพ้พ่ายนี่เอง!”

ระหว่างที่ทุกคนยังตื่นตะลึงไม่หายร่างของเย่หยวนก็ได้ปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง

และที่ที่เขาปรากฏตัวออกมามันก็คือระหว่างกลางของสามยอดฝีมือ

เรื่องราวก่อนหน้านี้เย่หยวนได้คำนวณมันไว้อย่างดีแล้ว

หากคนทั้งสามเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน เย่หยวนก็จะสามารถหลบหายไปได้ในพริบตา หลบการโจมตีของคนทั้งสามได้ในคราเดียว

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะกล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงขนาดนี้?

เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้ที่หยูเหวินเฟิงโจมตีมา เย่หยวนถึงแต่หลบเลี่ยงมันตั้งแต่วินาทีแรก

แม้ต้องเผชิญหน้ากับสามเทพถ่องแท้เย่หยวนก็ยังสามารถยืนท่ามกลางคนทั้งสามได้อย่างสง่า

เย่หยวนนั้นดูอย่างไรก็เป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว แต่ในด้านของความสง่าแล้วเขาไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้สามดาวทั้งสามคนเลย

เย่หยวนมองดูหยูเหวินเฟิงและกล่าวขึ้น “เอาล่ะ ทีนี้เห็นความมั่นใจของข้าหรือยัง?”

หยูเหวินเฟิงหัวเราะขึ้น “แล้ว? เจ้าคิดว่าข้าผู้นี้จะทำอะไรเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเพียงเพราะเจ้ารู้แนวคิดแห่งห้วงมิติหรือ?”

เย่หยวนตอบ “ข้ารู้ดีว่าความเร็วของเทพถ่องแท้นั้นรวดเร็วเมื่อเทียบกับการเคลื่อนย้ายมิติ แต่หากข้าไม่มั่นใจในความเร็วของตนแล้วมีหรือที่ข้าจะกล้ามายืนคุยกับพวกเจ้าทั้งหลายอยู่แบบนี้? หากไม่เชื่ออยากจะลองดูอีกสักครั้งไหมเล่า?”

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้หยูเหวินเฟิงไม่ได้เอาจริงเลยแม้แต่น้อย แต่เย่หยวนเองก็ไม่ได้เอาจริงเช่นกัน

ทุกวันนี้เย่หยวนบ่มเพาะลงไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความเข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาเองก็พุ่งทะยาน ความเร็วในการเคลื่อนย้ายมิติของเขานั้นมันไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เขาก็ยังสามารถเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีได้

ตราบเท่าที่เขาระวังไม่ถูกโดนพลังโลกของเทพถ่องแท้เข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกกว้างเพียงใดเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างไรกังวล!

แน่นอนว่าหากผิดพลาดไปจนทำให้เขาตกอยู่ในเขตแดนพลังโลกของเทพถ่องแท้แล้ว แม้จะเป็นเย่หยวนก็คงต้องพบเจออันตรายเช่นกัน

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้จับตัวหยูจินซงเพื่อถอยออกมานอกเมืองจะได้สามารถหลบรอดจากพลังโลกของเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้

ทุกสิ่งอย่างมันล้วนอยู่ในการคำนวณของเขา

หากเขาไม่ได้วางแผนการถอยใดๆ ให้แก่ตัวเองมีหรือที่เขาจะกล้าบุกเข้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมาช่วยเจียงยู่ถังด้วยตัวเองเช่นนี้?

หยูเหวินเฟิงนั้นแสดงความลังเลออกมาอย่างชัดเจน เพราะการโจมตีครั้งแรกที่พลาดไปมันก็น่าอับอายพอแล้ว การที่เขา เทพถ่องแท้เกือบๆ ขั้นกลางคนนี้ลงมือเองแต่กลับไม่สามารถจัดการนภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งลงได้

ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าจะลงมืออะไรอย่างบุ่มบ่ามอีก

และตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจเป้าหมายของเย่หยวนแล้วด้วย

เพราะจุดที่เย่หยวนยืนอยู่นั้นมันอยู่นอกระยะพลังโลกของเขาอย่างพอเหมาะพอดี ทำให้เขารู้สึกเจ็บใจอย่างมาก

เจ้าหอยอดดอกที่เงียบตลอดมาจึงได้พูดขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่น่ากลัวแท้ น่าสนใจ! น่าสนใจ! แต่ว่าแม้เจ้าจะหนีรอดได้ แต่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงไม่สามารถหนีไปกับเจ้าได้?”

เย่หยวนเองก็ไม่ได้แปลกใจใดๆ เพราะเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็เป็นหนึ่งในเมืองใต้การปกครองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น มันย่อมง่ายดายหากพวกเขาคิดอยากสืบเสาะว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

เขามองดูที่เจ้าหอยอดดอกและบอก “แน่นอนว่าตอนนี้ข้าย่อมไม่พลังใดจะหยุดพวกเจ้าทั้งหลายได้ แต่พวกเจ้าทั้งหลายเองก็คงไม่มีทางจับตัวข้าได้ พวกเจ้าจำไว้ให้ดีแล้วกัน หากพวกเจ้าผู้ใดกล้าแตะต้องเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว ข้าจะมาทำลายสามขั้วอำนาจแสนอ่อนแอของพวกเจ้าทั้งสามในเวลาห้าร้อยปี!”

คำพูดเหล่านี้เย่หยวนพูดออกมาอย่างเรียบง่ายแต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับแฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง

“หึ เจ้าเด็กน้อยเจ้าช่างแสนมั่นใจ! เวลาห้าร้อยปีเจ้าคิดว่าจะทำลายพวกเราลงได้?” หยูเหวินเฟิงบอก

ดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดเชื่อ

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของเขา “ข้าอาจจะไม่ต้องการเวลาถึงห้าร้อยปีก็ได้ เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้านั้นคือนักหลอมโอสถ เป็นยอดแห่งนักหลอมโอสถผู้หนึ่ง!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1907 ยอดนักหลอมโอสถ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1907 ยอดนักหลอมโอสถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” เมื่อหยูจินซงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ระเบิดเสียงร้องขึ้นทันที

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจหันกลับมามอง สายตาของเขาจ้องมองไปยังหยูเหวินเฟิงอย่างไม่คิดกลัวแม้แต่น้อย

แต่ความกล้าหาญของเย่หยวนนี้มันกลับทำให้ทุกผู้คนสะท้าน

เขานั้นไม่คิดอยากได้ที่ดินเท่าร้อยเมือง เขานั้นแค่อยากได้ชีวิตของหยูจินซง มันช่างเป็นมุมมองที่กว้างขวาง!

แน่นอนว่ามันต้องมีอีกหลายผู้คนที่คิดว่าเขาโง่เง่า

แต่เจียงยู่ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั้นกลับเข้าใจได้อย่างดีว่าเย่หยวนแค่ต้องการจะระบายความโกรธแค้นให้แก่พวกเขาสองพ่อลูก

ที่ดินของหนึ่งร้อยเมืองนั้นมันจะมีพลังมีอำนาจเพียงใด จะสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ได้เพียงไหน? หยูเหวินเฟิงนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่ดีเปรียบได้ดั่งเป็นเส้นเลือดของเมืองหลวงจักรพรรดิให้แก่เย่หยวน

แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจมันแม้แต่หางตา

หยูเหวินเฟิงร้องบอก “นอกจากเรื่องที่เจ้าว่ามานี้เราย่อมตกลงกันได้ทั้งสิ้น”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้านั้นยื่นข้อแม้ ไม่ได้มาขายข้อเสนอ!”

นั่นทำให้ใบหน้าของหยูเหวินเฟิงดำเขียวขึ้นทันที “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดกลัวความพิโรธของจวนเจ้าเมืองเลยใช่หรือไม่? เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันจะหมายความว่าอย่างไร?”

“หึ! หยูเหวินเฟิง เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากหรือ? ข้า หลี่คงหมิงจะขอปกป้องเย่หยวนเอง!” หลี่คงหมิงบอกด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัย

ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขาแล้วมีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไป?

ข้อแม้สองอย่างที่เย่หยวนยื่นมานี้มันเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนย่อมไม่มีทางตอบตกลง

เพราะฉะนั้นเย่หยวนย่อมจะเลือกสำนักอากาศแจ่มมาแต่แรกแล้ว

เย่หยวนหันไปมองหลี่คงหมิงพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านเองก็อย่าได้เปลืองแรงเลย ข้าจะไม่ร่วมกับสำนักอากาศแจ่มเด็ดขาด”

ใบหน้าของหลี่คงหมิงแข็งค้างไปทันที “ท-ทำไมกัน? เจ้าไม่รู้หรือว่าหากไม่มีสำนักอากาศแจ่มข้าปกป้องแล้วเจ้าจะต้องพบเจอเรื่องราวใดต่อจากนี้ไป?”

“ฮ่าๆๆ! หลี่คงหมิง หลงตัวเองอยู่ครั้งวันสุดท้ายเจ้าก็ได้แค่คิดเข้าข้างตนว่ามันจะเลือกเจ้า! แต่สุดท้ายมันกลับไม่สนใจเจ้าเลย!” หยูเหวินเฟิงหัวเราะลั่น

เย่หยวนบอกขึ้น “พวกเจ้าเองก็อย่าได้คิดว่าตัวเองสูงส่งนักเลย ข้า เย่หยวนผู้นี้ไม่ต้องการให้ใครมาปกป้อง ข้านั้นมาที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ก็แค่เพื่อช่วยพี่เจียงเท่านั้น เมื่อเรื่องราวในครั้งนี้จบลงแล้วข้าย่อมไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับการละเล่นแย่งชิงอำนาจของพวกเจ้าทั้งหลาย”

คำพูดนี้ทำให้ทุกสิ่งอย่างเงียบลง ทุกผู้คนต่างมึนงงกับคำพูดนี้ของเย่หยวน

โอหัง!

ช่างแสนอวดดี!

แม้ต้องเจอกับเหล่าเทพถ่องแท้มากมาย เย่หยวนกลับไม่คิดกลัวและพูดรนหาที่ตายออกมาเช่นนี้!

เด็กคนนี้สมองมันเพี้ยนหรือ? หรือมันมีอะไรเป็นที่พึ่งพาจริงๆ?

ในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นเทพถ่องแท้นับว่าเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุด แต่เย่หยวนกับพูดจาใส่พวกเขาเหมือนเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง!

คำพูดเช่นนั้นมันสุดแสนจะโอหัง

เพราะตัวเขาเองนั้นเป็นได้แค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่ง

เมื่อเทพถ่องแท้ทั้งสามได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ผงะไปทันทีและเป็นหยูเหวินเฟิงที่หัวเราะลั่นขึ้นมาก่อน “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดกับใครอยู่?”

เย่หยวนตอบกลับ “ข้าย่อมรู้ดี!”

นั่นทำให้เสียงหัวเราะของหยูเหวินเฟิงเปลี่ยนกลายเป็นเสียงคำราม “เช่นนั้นก็ย่อมได้ ข้าผู้นี้อยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน!”

ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนกลับพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็เข้ามาลอง”

พูดจบเย่หยวนก็ดันร่างอ่อนแรงของหยูจินซงไป

ทุกคนมึนงงอย่างมาก เย่หยวนกลับคืนตัวประกันให้อีกฝ่ายง่ายๆ เช่นนี้?

แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้?

เทพถ่องแท้ของจวนเจ้าเมืองรีบพุ่งตัวออกมารับหยูจินซงไว้ทันที

เมื่อหลุดรอดจากมือของเย่หยวนมาได้ หยูจินซงก็ได้ร้องตะโกนขึ้น “ท่านพ่อ สังหารมัน! สังหารมัน!”

ปัง!

หยูเหวินเฟิงฟาดซัดฝ่ามือลงมาพร้อมด้วยพลังโลกที่บ้าคลั่งใส่เย่หยวน

“พี่เจียง ตามข้ามา!”

เย่หยวนจับคอเสื้อของเจียงยู่ถังที่มีใบหน้าซีดเผือดและขยับร่างกายจนมันจางหายไปทันที

ฝ่ามือแสนดุดันนี้ของหยูเหวินเฟิงจึงได้แต่ตบลงใส่พื้นที่ว่างเปล่า

นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต้องร้องออกมา “เคลื่อนย้ายมิติ!”

พวกเขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติอย่างดี แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเก่งกาจไปได้ถึงขั้นนี้

“ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงกล้าไปบุกดงปิติได้! ที่แท้เด็กคนนี้กลับบ่มเพาะแนวคิดแห่งห้วงมิติไปถึงสี่ดาวแล้ว!”

“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น! เขาคนนี้ยังผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิติ ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัว!”

“ที่แท้แล้วความมั่นใจของเขามันก็มีขึ้นมาเพราะตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีทางแพ้พ่ายนี่เอง!”

ระหว่างที่ทุกคนยังตื่นตะลึงไม่หายร่างของเย่หยวนก็ได้ปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง

และที่ที่เขาปรากฏตัวออกมามันก็คือระหว่างกลางของสามยอดฝีมือ

เรื่องราวก่อนหน้านี้เย่หยวนได้คำนวณมันไว้อย่างดีแล้ว

หากคนทั้งสามเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน เย่หยวนก็จะสามารถหลบหายไปได้ในพริบตา หลบการโจมตีของคนทั้งสามได้ในคราเดียว

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะกล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงขนาดนี้?

เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้ที่หยูเหวินเฟิงโจมตีมา เย่หยวนถึงแต่หลบเลี่ยงมันตั้งแต่วินาทีแรก

แม้ต้องเผชิญหน้ากับสามเทพถ่องแท้เย่หยวนก็ยังสามารถยืนท่ามกลางคนทั้งสามได้อย่างสง่า

เย่หยวนนั้นดูอย่างไรก็เป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว แต่ในด้านของความสง่าแล้วเขาไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้สามดาวทั้งสามคนเลย

เย่หยวนมองดูหยูเหวินเฟิงและกล่าวขึ้น “เอาล่ะ ทีนี้เห็นความมั่นใจของข้าหรือยัง?”

หยูเหวินเฟิงหัวเราะขึ้น “แล้ว? เจ้าคิดว่าข้าผู้นี้จะทำอะไรเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเพียงเพราะเจ้ารู้แนวคิดแห่งห้วงมิติหรือ?”

เย่หยวนตอบ “ข้ารู้ดีว่าความเร็วของเทพถ่องแท้นั้นรวดเร็วเมื่อเทียบกับการเคลื่อนย้ายมิติ แต่หากข้าไม่มั่นใจในความเร็วของตนแล้วมีหรือที่ข้าจะกล้ามายืนคุยกับพวกเจ้าทั้งหลายอยู่แบบนี้? หากไม่เชื่ออยากจะลองดูอีกสักครั้งไหมเล่า?”

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้หยูเหวินเฟิงไม่ได้เอาจริงเลยแม้แต่น้อย แต่เย่หยวนเองก็ไม่ได้เอาจริงเช่นกัน

ทุกวันนี้เย่หยวนบ่มเพาะลงไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความเข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาเองก็พุ่งทะยาน ความเร็วในการเคลื่อนย้ายมิติของเขานั้นมันไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เขาก็ยังสามารถเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีได้

ตราบเท่าที่เขาระวังไม่ถูกโดนพลังโลกของเทพถ่องแท้เข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกกว้างเพียงใดเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างไรกังวล!

แน่นอนว่าหากผิดพลาดไปจนทำให้เขาตกอยู่ในเขตแดนพลังโลกของเทพถ่องแท้แล้ว แม้จะเป็นเย่หยวนก็คงต้องพบเจออันตรายเช่นกัน

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้จับตัวหยูจินซงเพื่อถอยออกมานอกเมืองจะได้สามารถหลบรอดจากพลังโลกของเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้

ทุกสิ่งอย่างมันล้วนอยู่ในการคำนวณของเขา

หากเขาไม่ได้วางแผนการถอยใดๆ ให้แก่ตัวเองมีหรือที่เขาจะกล้าบุกเข้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมาช่วยเจียงยู่ถังด้วยตัวเองเช่นนี้?

หยูเหวินเฟิงนั้นแสดงความลังเลออกมาอย่างชัดเจน เพราะการโจมตีครั้งแรกที่พลาดไปมันก็น่าอับอายพอแล้ว การที่เขา เทพถ่องแท้เกือบๆ ขั้นกลางคนนี้ลงมือเองแต่กลับไม่สามารถจัดการนภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งลงได้

ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าจะลงมืออะไรอย่างบุ่มบ่ามอีก

และตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจเป้าหมายของเย่หยวนแล้วด้วย

เพราะจุดที่เย่หยวนยืนอยู่นั้นมันอยู่นอกระยะพลังโลกของเขาอย่างพอเหมาะพอดี ทำให้เขารู้สึกเจ็บใจอย่างมาก

เจ้าหอยอดดอกที่เงียบตลอดมาจึงได้พูดขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่น่ากลัวแท้ น่าสนใจ! น่าสนใจ! แต่ว่าแม้เจ้าจะหนีรอดได้ แต่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงไม่สามารถหนีไปกับเจ้าได้?”

เย่หยวนเองก็ไม่ได้แปลกใจใดๆ เพราะเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็เป็นหนึ่งในเมืองใต้การปกครองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น มันย่อมง่ายดายหากพวกเขาคิดอยากสืบเสาะว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

เขามองดูที่เจ้าหอยอดดอกและบอก “แน่นอนว่าตอนนี้ข้าย่อมไม่พลังใดจะหยุดพวกเจ้าทั้งหลายได้ แต่พวกเจ้าทั้งหลายเองก็คงไม่มีทางจับตัวข้าได้ พวกเจ้าจำไว้ให้ดีแล้วกัน หากพวกเจ้าผู้ใดกล้าแตะต้องเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว ข้าจะมาทำลายสามขั้วอำนาจแสนอ่อนแอของพวกเจ้าทั้งสามในเวลาห้าร้อยปี!”

คำพูดเหล่านี้เย่หยวนพูดออกมาอย่างเรียบง่ายแต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับแฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง

“หึ เจ้าเด็กน้อยเจ้าช่างแสนมั่นใจ! เวลาห้าร้อยปีเจ้าคิดว่าจะทำลายพวกเราลงได้?” หยูเหวินเฟิงบอก

ดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดเชื่อ

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของเขา “ข้าอาจจะไม่ต้องการเวลาถึงห้าร้อยปีก็ได้ เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้านั้นคือนักหลอมโอสถ เป็นยอดแห่งนักหลอมโอสถผู้หนึ่ง!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+