Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1932 คำขอโทษ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1932 คำขอโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หวางเจียนมองดูที่ขวดโอสถในมือด้วยความตื่นตะลึงจนลืมที่จะหายใจ

“โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล! นี่มัน…มันเป็นไปได้อย่างไร? นี่มันคือโอสถเพลิงแดงเก้ากระจ่าง โอสถความยากระดับแปดเชียวนะ!”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาคนทั้งหลายก็ต่างตกตะลึงไปทันที

ก่อนหน้านี้เย่หยวนนั้นเคยหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมาไม่น้อยแต่เมื่อขึ้นมาถึงสังเวียนจิตม่วงแล้วเขาก็ไม่ได้หลอมโอสถให้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลอีกต่อไป แม้แต่โอสถขั้นเทวะโมฆะก็ยังแทบไม่มีให้เห็น

ทุกคนต่างคิดว่าการหลอมโอสถที่มีความยากมากขึ้นนั้นทำให้พลังฝีมือของเย่หยวนไม่อาจจะจัดการมันได้อีกต่อไป

แต่เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้ว่ามันผิดพลาดสิ้น

ความผิดพลาดครั้งใหญ่!

เมื่อเย่หยวนประลองกับพวกเขาทั้งหลายเขานั้นไม่ได้ใช้พลังถึงสามในสิบด้วยซ้ำ

เขานั้นแค่ล้อคนอื่นๆ เล่น

โอสถศักดิ์สิทธิ์ความยากแปดขั้นเทวะวิญญาณไพศาล มันเป็นโอสถระดับใด?

พลังฝีมือระดับนี้มันมากพอจะทำลายเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำจนสิ้น

เหล่าคนในขั้นเกล็ดดำนั้นอย่าว่าแต่ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แม้จะเป็นขั้นเทวะม่วงก็ยังยากที่จะพบเห็น

แต่เย่หยวนกลับหลอมมันได้จนถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล

ความแตกต่างนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป

หรือว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีฝีมือถึงขั้นที่จะเป็นปรมาจารย์นักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าแล้ว?

คิดมาได้ถึงตรงนี้ทุกผู้คนต่างก็ตื่นตะลึง

ยู่หยิงมองดูภาพนี้อย่างเหม่อลอยจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

เขาแพ้! แพ้พ่ายลงอย่างราบคาบ!

ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เขานั้นได้แพ้พ่ายลงให้แก่คลื่นพลังจิตของเย่หยวนอย่างราบคาบ

แต่เย่หยวนคนนี้กลับหลอมโอสถไปได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!

พลังฝีมือเช่นนี้มันเหนือล้ำจนเกินกว่าที่เขาจะอาจเอื้อม

เย่หยวนค่อยๆ เดินมาตรงหน้ายู่หยิง “เชิญท่านได้”

ยู่หยิงสั่นสะท้านขึ้นทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปอย่างฉับพลัน

เหตุผลที่เขามาท้าทายเช่นนี้มันย่อมเป็นเพราะว่าเขานั้นไม่คิดว่าตนจะแพ้

แต่ผลกลับออกมาตรงข้ามกับที่เขาหวัง

หากไม่ให้เข้ามาในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวอีกตลอดชีวิตนี้แล้ว มันคงเป็นโทษที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าเขาจะรับได้

เขานั้นมีโอกาสความเป็นไปได้ใหญ่โตมากมายด้วยความหวังที่ว่าจะขึ้นสู่ระดับยาฟ้าได้

แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันกลับพังทลายลง

เมื่อได้เห็นว่ายู่หยิงไม่ยอมตอบอะไรเลยเย่หยวนก็พูดขึ้นซ้ำ “แพ้แล้วยังคิดคืนคำ นี่หรือคือวิถีของโถงวาโยขจี?”

ยู่หยิงเงียบนิ่งไปแต่ใบหน้าของเขากลับกระตุกสั่น ดูท่าแล้วเขาคงกำลังหนักใจอย่างมาก

การกลับคำต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้เขาจะยังเอาหน้าที่ไหนไปสู้ผู้คนในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวต่อไป?

แต่การให้เขาต้องไปจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวเช่นนี้มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้เช่นกัน

“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องบีบบังคับผู้คนขนาดนี้เลยหรือ?” ในความเงียบงันนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏกายออกมา

นั่นทำให้ใบหน้าของยู่หยิงเปลี่ยนสีไปทันที “ท่านเจ้าโถง! ข้า…”

เย่หยวนหันไปมองชายร่างอ้วนในชุดหรูหรานั้น เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่นี้มันทำให้เขาดูเหมือนยอดเศรษฐีหรือขุนนางท้องถิ่น

เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่าเขาคนนี้จะเป็นเจ้าโถงวาโยขจีนั้น

ชายร่างอ้วนคนนี้ทำให้เย่หยวนรู้สึกพิศวง

“บีบบังคับผู้คน? หึ เรื่องราวในวันนี้ทุกผู้คนต่างเห็นดีว่าใครกันแน่ที่มาหาเรื่องใคร ข้าเชื่อว่าหากไปถามใคร เขาก็คงจะตอบท่านได้” เย่หยวนกล่าวออกมา

ชายร่างอ้วนนั้นยิ้มตอบกลับมา “ผู้อาวุโสยู่นั้นคงไม่มาหาเรื่องเจ้าอย่างไร้เหตุหรอกใช่หรือไม่ เรื่องนี้มันต้องมีที่มาที่ไปใช่ไหม?”

ยู่หยิงร้องบอกขึ้น “เด็กคนนี้มันใช้เรื่องที่ว่าตัวเองเก่งกาจเหนือล้ำกว่าคนอื่น คอยนำมาเหยียดหยามคน คำพูดของเขานั้นดูถูกว่ากล่าวโถงวาโยขจี! ในฐานะผู้อาวุโสของโถงวาโยขจีข้าย่อมไม่อาจจะทนได้”

ชายร่างอ้วนจึงตอบขึ้น “เจ้าเองก็ได้ยินใช่ไหม โถงวาโยขจีของข้านั้นเป็นหนึ่งในโถงใหญ่ของหอมหาสมบัติ ไม่ว่าจะอย่างไรสหายหนุ่มเจ้าก็พูดจาไม่เหมาะสมใช่หรือไม่เล่า?”

“ดูถูกว่ากล่าวโถงวาโยขจี? หึ พวกเจ้าคิดจะไล่เย่คนนี้ออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเพียงเพราะว่าคำกล่าวหาข้างเดียว ช่างเป็นยอดคนมากฝีมือเสียจริงๆ ผู้อาวุโสเจียงหยวน ท่านเองก็อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่? ทำไมไม่ออกมาหน่อยเล่า?” เย่หยวนหันไปร้องบอก

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาสีหน้าของเจียงหัวที่ข้างกายเจียงหยวนก็เปลี่ยนไปทันที

แต่เจียงหยวนนั้นย่อมไม่คิดหลบซ่อนและออกไปทันที

เมื่อเห็นหน้าเย่หยวนเจียงหยวนก็กล่าวขึ้น “เย่หยวน ข้าได้ยินว่าเจ้านั้นไต่เต้าสร้างชื่อขึ้นในสังเวียนจิตม่วงข้าจึงได้ส่งคนรับใช้พร้อมของขวัญชิ้นงามมามากมาย คิดอยากผูกสัมพันธ์ แต่เจ้ากลับทำร้ายเขาอย่างสาหัสแถมยังดูถูกว่ากล่าวโถงวาโยขจีของข้า มีหรือที่คนดีๆ เขาจะทำกัน?”

สามยอดคนแห่งโถงวาโยขจีนั้นยืนเรียงหน้ากันอยู่ต่อหน้าเย่หยวนมันทำให้ผู้คนที่เห็นแตกตื่นมาก

แม้ว่าเย่หยวนจะมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำแต่เรื่องราวในครั้งนี้ดูท่าจะเป็นความผิดของเย่หยวนอย่างแน่นอนแล้ว

ที่ด้านล่างสังเวียนคนทั้งหลายต้องยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าด่าเย่หยวนอย่างช่วยไม่ได้

แต่เย่หยวนกลับตอบไปด้วยท่าทางเย็นชา “ผู้อาวุโสเจียง คนรับใช้ที่ท่านส่งมาคือเจียงหัวใช่หรือไม่?”

เจียงหยวนตอบกลับไปด้วยท่าทางเดือดแค้น “ใช่สิ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้น…ตอนนี้เขาอยู่ไหนเล่า?”

“หึ เจ้ายังกล้าจะพบหน้าเขาอีกหรือ? เช่นนั้นก็ให้ผู้คนได้เห็นท่าทางหยิ่งยโสของเจ้า! เจียงหัว!” เจียงหยวนร้องเรียกขึ้น

แต่ไม่มีใครตอบ

เจียงหยวนได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมร้องขึ้นอีกครั้ง “เจียงหัว!”

ไม่มีใครตอบกลับ!

เขาใจสั่นขึ้นทันทีคิดว่าเรื่องราวนี้มันดูท่าไม่ดีแล้ว

เขานั้นยังคงพยายามตะโกนร้องเรียกออกมาแต่เป็นเย่หยวนที่พูดขึ้นขัด “ไม่ต้องเรียกมันหรอก มันคงหนีไปแล้วล่ะ”

นั่นทำให้ใบหน้าของเหล่ายอดคนทั้งสามของโถงวาโยขจีเขียวคล้ำขึ้นทันที ดูท่าเรื่องราวครั้งนี้มันจะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจียงหยวนเผลอพูดขึ้นมาด้วยความกังวลและความรู้สึกผิดปกติแปลกๆ ในใจ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับข้าหรอก เรื่องราวนี้ขอแค่ท่านกับข้าได้พบกัน มันก็ไม่มีที่ใดให้หนีแล้ว ผู้อาวุโสเจียง ท่านนั้นเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งโถงวาโยขจีอันยิ่งใหญ่เหตุใดจึงถูกคนใช้ปั่นหัวง่ายดายเช่นนี้? จนถึงขั้นสร้างเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นนี้เสียด้วย ช่างน่าขัน!”

นั่นทำให้สีหน้าของเจ้าโถงเปลี่ยนไปทันที ดูท่าแล้ววันนี้เขาคงถูกผู้คนหลอกจึงได้แต่ขมวดคิ้วขึ้นถาม “สหายหนุ่มเย่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

เย่หยวนเองก็ย่อมไม่คิดปกปิดใดๆ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่เขาไปยังบ้านตระกูลเจียงในวันนั้นออกไปทำให้สีหน้าของคนทั้งสามขาวซีดลง

“เรื่องนี้จะพิสูจน์นั้นมันแสนง่ายดาย ขอแค่ท่านผู้อาวุโสเจียงลองไปถามดูกับคนที่ไปยังเรือนรับรองในวันนั้นข้าว่าท่านคงรู้เรื่องราวในทันที ส่วนเรื่องที่ท่านกล่าวหาว่าข้านั้นทำร้ายมันและดูถูกดูหมิ่นโถงวาโยขจีเองก็ไม่เป็นความจริงใดๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นมาข้ายังไม่ได้เจอหน้ามันอีกเลย” เย่หยวนตอบ

นั่นทำให้เจียงหยวนต้องกำหมัดแน่น เขาได้แต่ขบกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ดูท่าคงโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเอง ผู้อาวุโสคนนี้กลับจะกลายเป็นดาบในมือคนใช้ไปได้

และดาบนี้มันมิใช่แค่ทำร้ายเขา แต่ยังทำให้โถงวาโยขจีต้องเสียชื่ออีก

วันนี้แม้แต่เจ้าโถงก็ยังต้องออกมารับหน้าเอง จะบอกว่าโถงวาโยขจีนั้นเสียชื่อจนไม่เหลือซากใดๆ เลยก็ว่าได้

เขาอยากจะสับหั่นเจียงหัวลงให้ได้เสียตอนนี้

ยู่หยิงเองก็มีใบหน้าที่ไม่พอใจเช่นกันก่อนจะพูดออกมา “เช่นนั้นแล้วทำไมเจ้าไม่บอกมาแต่แรกเล่า?”

เย่หยวนมองดูใบหน้านั้นพร้อมตอกกลับไป “หากแม้ข้าพูดไปแล้วท่านจะเชื่อ?”

ยู่หยิงแทบสำลักเมื่อได้ยินเช่นนั้น เป็นเวลานั้นเองที่เขานึกขึ้นมาได้ว่าเย่หยวนปฏิเสธไปครั้งหนึ่ง แต่เป็นเขาเองที่ไม่ยอมรับฟัง

ต่อให้ตอนนั้นเย่หยวนจะอธิบายใดๆ เขาก็ย่อมจะไม่เชื่อ คิดเพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นหาข้ออ้าง

เรื่องนี้เย่หยวนเองก็ย่อมเข้าใจดี เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้คิดเปลืองน้ำลายพูดออกมา

เมื่อพูดจาใดๆ โดยไร้พลังแล้วมันก็ไม่ต่างจากการผายลม

พลังนั้นคือเส้นทางของราชัน เย่หยวนทำให้ยู่หยิงพ่ายลงและค่อยเริ่มอธิบายเรื่องราว แน่นอนว่าความน่าเชื่อถือนั้นมันย่อมมากกว่าเป็นไหนๆ

ในตอนนั้นเองที่ทางเจ้าโถงยกมือขึ้นมาคารวะเย่หยวน “สหายหนุ่มเย่ เรื่องครั้งนี้ล้วนเป็นความผิดโถงวาโยขจีข้าทั้งสิ้น ข้าขออภัยเจ้าแทนผู้อาวุโสยู่และผู้อาวุโสเจียงด้วย”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1932 คำขอโทษ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1932 คำขอโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หวางเจียนมองดูที่ขวดโอสถในมือด้วยความตื่นตะลึงจนลืมที่จะหายใจ

“โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล! นี่มัน…มันเป็นไปได้อย่างไร? นี่มันคือโอสถเพลิงแดงเก้ากระจ่าง โอสถความยากระดับแปดเชียวนะ!”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาคนทั้งหลายก็ต่างตกตะลึงไปทันที

ก่อนหน้านี้เย่หยวนนั้นเคยหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมาไม่น้อยแต่เมื่อขึ้นมาถึงสังเวียนจิตม่วงแล้วเขาก็ไม่ได้หลอมโอสถให้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลอีกต่อไป แม้แต่โอสถขั้นเทวะโมฆะก็ยังแทบไม่มีให้เห็น

ทุกคนต่างคิดว่าการหลอมโอสถที่มีความยากมากขึ้นนั้นทำให้พลังฝีมือของเย่หยวนไม่อาจจะจัดการมันได้อีกต่อไป

แต่เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้ว่ามันผิดพลาดสิ้น

ความผิดพลาดครั้งใหญ่!

เมื่อเย่หยวนประลองกับพวกเขาทั้งหลายเขานั้นไม่ได้ใช้พลังถึงสามในสิบด้วยซ้ำ

เขานั้นแค่ล้อคนอื่นๆ เล่น

โอสถศักดิ์สิทธิ์ความยากแปดขั้นเทวะวิญญาณไพศาล มันเป็นโอสถระดับใด?

พลังฝีมือระดับนี้มันมากพอจะทำลายเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำจนสิ้น

เหล่าคนในขั้นเกล็ดดำนั้นอย่าว่าแต่ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แม้จะเป็นขั้นเทวะม่วงก็ยังยากที่จะพบเห็น

แต่เย่หยวนกลับหลอมมันได้จนถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล

ความแตกต่างนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป

หรือว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีฝีมือถึงขั้นที่จะเป็นปรมาจารย์นักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าแล้ว?

คิดมาได้ถึงตรงนี้ทุกผู้คนต่างก็ตื่นตะลึง

ยู่หยิงมองดูภาพนี้อย่างเหม่อลอยจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้

เขาแพ้! แพ้พ่ายลงอย่างราบคาบ!

ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เขานั้นได้แพ้พ่ายลงให้แก่คลื่นพลังจิตของเย่หยวนอย่างราบคาบ

แต่เย่หยวนคนนี้กลับหลอมโอสถไปได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!

พลังฝีมือเช่นนี้มันเหนือล้ำจนเกินกว่าที่เขาจะอาจเอื้อม

เย่หยวนค่อยๆ เดินมาตรงหน้ายู่หยิง “เชิญท่านได้”

ยู่หยิงสั่นสะท้านขึ้นทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปอย่างฉับพลัน

เหตุผลที่เขามาท้าทายเช่นนี้มันย่อมเป็นเพราะว่าเขานั้นไม่คิดว่าตนจะแพ้

แต่ผลกลับออกมาตรงข้ามกับที่เขาหวัง

หากไม่ให้เข้ามาในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวอีกตลอดชีวิตนี้แล้ว มันคงเป็นโทษที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าเขาจะรับได้

เขานั้นมีโอกาสความเป็นไปได้ใหญ่โตมากมายด้วยความหวังที่ว่าจะขึ้นสู่ระดับยาฟ้าได้

แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันกลับพังทลายลง

เมื่อได้เห็นว่ายู่หยิงไม่ยอมตอบอะไรเลยเย่หยวนก็พูดขึ้นซ้ำ “แพ้แล้วยังคิดคืนคำ นี่หรือคือวิถีของโถงวาโยขจี?”

ยู่หยิงเงียบนิ่งไปแต่ใบหน้าของเขากลับกระตุกสั่น ดูท่าแล้วเขาคงกำลังหนักใจอย่างมาก

การกลับคำต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้เขาจะยังเอาหน้าที่ไหนไปสู้ผู้คนในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวต่อไป?

แต่การให้เขาต้องไปจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวเช่นนี้มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้เช่นกัน

“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องบีบบังคับผู้คนขนาดนี้เลยหรือ?” ในความเงียบงันนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏกายออกมา

นั่นทำให้ใบหน้าของยู่หยิงเปลี่ยนสีไปทันที “ท่านเจ้าโถง! ข้า…”

เย่หยวนหันไปมองชายร่างอ้วนในชุดหรูหรานั้น เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่นี้มันทำให้เขาดูเหมือนยอดเศรษฐีหรือขุนนางท้องถิ่น

เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่าเขาคนนี้จะเป็นเจ้าโถงวาโยขจีนั้น

ชายร่างอ้วนคนนี้ทำให้เย่หยวนรู้สึกพิศวง

“บีบบังคับผู้คน? หึ เรื่องราวในวันนี้ทุกผู้คนต่างเห็นดีว่าใครกันแน่ที่มาหาเรื่องใคร ข้าเชื่อว่าหากไปถามใคร เขาก็คงจะตอบท่านได้” เย่หยวนกล่าวออกมา

ชายร่างอ้วนนั้นยิ้มตอบกลับมา “ผู้อาวุโสยู่นั้นคงไม่มาหาเรื่องเจ้าอย่างไร้เหตุหรอกใช่หรือไม่ เรื่องนี้มันต้องมีที่มาที่ไปใช่ไหม?”

ยู่หยิงร้องบอกขึ้น “เด็กคนนี้มันใช้เรื่องที่ว่าตัวเองเก่งกาจเหนือล้ำกว่าคนอื่น คอยนำมาเหยียดหยามคน คำพูดของเขานั้นดูถูกว่ากล่าวโถงวาโยขจี! ในฐานะผู้อาวุโสของโถงวาโยขจีข้าย่อมไม่อาจจะทนได้”

ชายร่างอ้วนจึงตอบขึ้น “เจ้าเองก็ได้ยินใช่ไหม โถงวาโยขจีของข้านั้นเป็นหนึ่งในโถงใหญ่ของหอมหาสมบัติ ไม่ว่าจะอย่างไรสหายหนุ่มเจ้าก็พูดจาไม่เหมาะสมใช่หรือไม่เล่า?”

“ดูถูกว่ากล่าวโถงวาโยขจี? หึ พวกเจ้าคิดจะไล่เย่คนนี้ออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเพียงเพราะว่าคำกล่าวหาข้างเดียว ช่างเป็นยอดคนมากฝีมือเสียจริงๆ ผู้อาวุโสเจียงหยวน ท่านเองก็อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่? ทำไมไม่ออกมาหน่อยเล่า?” เย่หยวนหันไปร้องบอก

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาสีหน้าของเจียงหัวที่ข้างกายเจียงหยวนก็เปลี่ยนไปทันที

แต่เจียงหยวนนั้นย่อมไม่คิดหลบซ่อนและออกไปทันที

เมื่อเห็นหน้าเย่หยวนเจียงหยวนก็กล่าวขึ้น “เย่หยวน ข้าได้ยินว่าเจ้านั้นไต่เต้าสร้างชื่อขึ้นในสังเวียนจิตม่วงข้าจึงได้ส่งคนรับใช้พร้อมของขวัญชิ้นงามมามากมาย คิดอยากผูกสัมพันธ์ แต่เจ้ากลับทำร้ายเขาอย่างสาหัสแถมยังดูถูกว่ากล่าวโถงวาโยขจีของข้า มีหรือที่คนดีๆ เขาจะทำกัน?”

สามยอดคนแห่งโถงวาโยขจีนั้นยืนเรียงหน้ากันอยู่ต่อหน้าเย่หยวนมันทำให้ผู้คนที่เห็นแตกตื่นมาก

แม้ว่าเย่หยวนจะมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำแต่เรื่องราวในครั้งนี้ดูท่าจะเป็นความผิดของเย่หยวนอย่างแน่นอนแล้ว

ที่ด้านล่างสังเวียนคนทั้งหลายต้องยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าด่าเย่หยวนอย่างช่วยไม่ได้

แต่เย่หยวนกลับตอบไปด้วยท่าทางเย็นชา “ผู้อาวุโสเจียง คนรับใช้ที่ท่านส่งมาคือเจียงหัวใช่หรือไม่?”

เจียงหยวนตอบกลับไปด้วยท่าทางเดือดแค้น “ใช่สิ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้น…ตอนนี้เขาอยู่ไหนเล่า?”

“หึ เจ้ายังกล้าจะพบหน้าเขาอีกหรือ? เช่นนั้นก็ให้ผู้คนได้เห็นท่าทางหยิ่งยโสของเจ้า! เจียงหัว!” เจียงหยวนร้องเรียกขึ้น

แต่ไม่มีใครตอบ

เจียงหยวนได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมร้องขึ้นอีกครั้ง “เจียงหัว!”

ไม่มีใครตอบกลับ!

เขาใจสั่นขึ้นทันทีคิดว่าเรื่องราวนี้มันดูท่าไม่ดีแล้ว

เขานั้นยังคงพยายามตะโกนร้องเรียกออกมาแต่เป็นเย่หยวนที่พูดขึ้นขัด “ไม่ต้องเรียกมันหรอก มันคงหนีไปแล้วล่ะ”

นั่นทำให้ใบหน้าของเหล่ายอดคนทั้งสามของโถงวาโยขจีเขียวคล้ำขึ้นทันที ดูท่าเรื่องราวครั้งนี้มันจะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจียงหยวนเผลอพูดขึ้นมาด้วยความกังวลและความรู้สึกผิดปกติแปลกๆ ในใจ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับข้าหรอก เรื่องราวนี้ขอแค่ท่านกับข้าได้พบกัน มันก็ไม่มีที่ใดให้หนีแล้ว ผู้อาวุโสเจียง ท่านนั้นเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งโถงวาโยขจีอันยิ่งใหญ่เหตุใดจึงถูกคนใช้ปั่นหัวง่ายดายเช่นนี้? จนถึงขั้นสร้างเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นนี้เสียด้วย ช่างน่าขัน!”

นั่นทำให้สีหน้าของเจ้าโถงเปลี่ยนไปทันที ดูท่าแล้ววันนี้เขาคงถูกผู้คนหลอกจึงได้แต่ขมวดคิ้วขึ้นถาม “สหายหนุ่มเย่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

เย่หยวนเองก็ย่อมไม่คิดปกปิดใดๆ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่เขาไปยังบ้านตระกูลเจียงในวันนั้นออกไปทำให้สีหน้าของคนทั้งสามขาวซีดลง

“เรื่องนี้จะพิสูจน์นั้นมันแสนง่ายดาย ขอแค่ท่านผู้อาวุโสเจียงลองไปถามดูกับคนที่ไปยังเรือนรับรองในวันนั้นข้าว่าท่านคงรู้เรื่องราวในทันที ส่วนเรื่องที่ท่านกล่าวหาว่าข้านั้นทำร้ายมันและดูถูกดูหมิ่นโถงวาโยขจีเองก็ไม่เป็นความจริงใดๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นมาข้ายังไม่ได้เจอหน้ามันอีกเลย” เย่หยวนตอบ

นั่นทำให้เจียงหยวนต้องกำหมัดแน่น เขาได้แต่ขบกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ดูท่าคงโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเอง ผู้อาวุโสคนนี้กลับจะกลายเป็นดาบในมือคนใช้ไปได้

และดาบนี้มันมิใช่แค่ทำร้ายเขา แต่ยังทำให้โถงวาโยขจีต้องเสียชื่ออีก

วันนี้แม้แต่เจ้าโถงก็ยังต้องออกมารับหน้าเอง จะบอกว่าโถงวาโยขจีนั้นเสียชื่อจนไม่เหลือซากใดๆ เลยก็ว่าได้

เขาอยากจะสับหั่นเจียงหัวลงให้ได้เสียตอนนี้

ยู่หยิงเองก็มีใบหน้าที่ไม่พอใจเช่นกันก่อนจะพูดออกมา “เช่นนั้นแล้วทำไมเจ้าไม่บอกมาแต่แรกเล่า?”

เย่หยวนมองดูใบหน้านั้นพร้อมตอกกลับไป “หากแม้ข้าพูดไปแล้วท่านจะเชื่อ?”

ยู่หยิงแทบสำลักเมื่อได้ยินเช่นนั้น เป็นเวลานั้นเองที่เขานึกขึ้นมาได้ว่าเย่หยวนปฏิเสธไปครั้งหนึ่ง แต่เป็นเขาเองที่ไม่ยอมรับฟัง

ต่อให้ตอนนั้นเย่หยวนจะอธิบายใดๆ เขาก็ย่อมจะไม่เชื่อ คิดเพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นหาข้ออ้าง

เรื่องนี้เย่หยวนเองก็ย่อมเข้าใจดี เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้คิดเปลืองน้ำลายพูดออกมา

เมื่อพูดจาใดๆ โดยไร้พลังแล้วมันก็ไม่ต่างจากการผายลม

พลังนั้นคือเส้นทางของราชัน เย่หยวนทำให้ยู่หยิงพ่ายลงและค่อยเริ่มอธิบายเรื่องราว แน่นอนว่าความน่าเชื่อถือนั้นมันย่อมมากกว่าเป็นไหนๆ

ในตอนนั้นเองที่ทางเจ้าโถงยกมือขึ้นมาคารวะเย่หยวน “สหายหนุ่มเย่ เรื่องครั้งนี้ล้วนเป็นความผิดโถงวาโยขจีข้าทั้งสิ้น ข้าขออภัยเจ้าแทนผู้อาวุโสยู่และผู้อาวุโสเจียงด้วย”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+