Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1945 ขยี้!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1945 ขยี้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ประตูวิญญาณมรณา?” ไป๋เฉินถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะมันเป็นชื่อที่ฟังไม่คุ้นหูเอาเสียเลย

แต่ที่ด้านล่างตอนนี้เล้งชิวหลิงกลับมีใบหน้าที่ขาวซีด

“ไป๋เฉิน ประตูวิญญาณมรณานั้นมันมีชื่อฉาวโฉ่ในมหาพิภพถงเทียนทั้งปล้น ฆ่า วางเพลิงความเลวร้ายของพวกมันนั้นไร้จำกัด นักยุทธ์ทั้งหลายเมื่อได้ยินชื่อนี้ต่างต้องกลัวจนตัวสั่นทั้งยังเรื่องที่ประตูวิญญาณมรณานั้นแสนลึกลับไม่มีใครทราบได้ว่าที่กบดานของพวกมันนั้นอยู่ที่ใด ไปไหนมาไหนราวกับผีร้าย ผู้คนทั้งหลายได้แต่ร่ำร้องหวาดกลัวความทรมานที่จะตามพวกมันไป”

เสียของเล้งชิวหลิงที่กล่าวขึ้นมานี้มันทำให้ใบหน้าของไป๋เฉินต้องถอดสี

“หึๆ ดูท่าเมืองนี้มันจะยังพอมีคนฉลาดอยู่บ้าง เจ้านั้นได้รู้แล้วว่าประตูวิญญาณมรณาของข้านั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมาต่อต้านได้ จงรีบไปเรียกเย่หยวนออกมาเสียไม่เช่นนั้นแล้วอย่าหาว่าข้านั้นเสียมารยาท” ชายผู้นั้นร้องบอก

“ท่านอาจารย์นั้นเข้าเก็บตัวมานานหลายปีแล้วและคงไม่อาจมาพบเจอเจ้าได้ หากเจ้าคิดอยากได้โอสถจริงๆ ก็ไว้ค่อยมาใหม่” ไป๋เฉินแสดงสีหน้ามืดดำออกมา

ชายคนนั้นจึงหัวเราะขึ้น “คนที่ประตูวิญญาณมรณาข้าอยากพบเจอ ต่อให้มันจะนอนตายอยู่ในโลงศพมันก็ต้องลุกมาพบเจอข้า!”

คำพูดนี้มันสุดแสนที่จะอวดดีไม่คิดสนใจไป๋เฉิน เทพถ่องแท้ผู้นี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ไป๋เฉินขมวดคิ้วแน่นพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รบกวนการเก็บตัวของผู้คนนั้นมันเปรียบเหมือนฆ่าสังหารบิดามารดาของผู้คน! เจ้าคนโอหังจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!”

แต่ชายคนนั้นกลับตอบออกมาอย่างไม่สนใจ “สังหารบิดามารดาผู้คนนั้นเป็นสิ่งที่โม่ชิงคนนี้ได้กระทำมาอย่างไม่อาจนับครั้งได้! ฆ่าลงอีกสักครั้งจะมีปัญหาใด? ในเมื่อมันไม่ออกมาแล้วข้าก็จะเริ่มการเข่นฆ่าสังหาร เริ่มจากเจ้าก่อนแล้วกัน!”

พูดจบโม่ชิงก็ปล่อยคลื่นพลังออกจากร่างทำให้พลังโลกของเทพถ่องแท้ถูกปลดปล่อยพร้อมด้วยหมอกหนาสีดำสนิทเป็นคลื่นพลังที่ทำให้ผู้สัมผัสต้องขนลุกซ่าไปทั้งกาย

“เทพถ่องแท้หนึ่งดาวขั้นสุด!” ไป๋เฉินหน้าถอดสีทันทีที่สัมผัสได้

เขานั้นเพิ่งจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มาได้ยังไม่ถึงสิบปีและตอนนี้ยังทำได้เพียงแค่เริ่มจัดกำลังให้เข้าที่เข้าทางเท่านั้น

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ไม่มีทางจะรับมือโม่ชิงผู้นี้ได้

ความแตกต่างของระดับขั้นในอาณาจักรเทพถ่องแท้นั้นมันย่อมจะยิ่งใหญ่กว่าของอาณาจักรนภาสวรรค์อย่างมาก

ต่อให้พวกเขานั้นจะอยู่ในอาณาจักรและดาวเดียวกันมันก็ยังมีความแตกต่างที่ราวฟ้าดินเกิดขึ้นได้

“หึๆ แค่คนอย่างเจ้า เด็กน้อยที่เพิ่งขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มานี้ก็กล้าจะต่อต้านข้าแล้ว? ห้าผีเบิกทวาร!”

โม่ชิงยกมือสองข้างออกมาพร้อมปล่อยหัวกะโหลกห้าหัวให้พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของตนเป็นลำแสงพุ่งตรงใส่ไป๋เฉินทันที

ไป๋เฉินได้แต่กัดฟันแน่นพร้อมชักหอกยาวสีดำทมิฬออกมา

หอกยาวนี้เป็นสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำขั้นกลางที่เย่หยวนยอมจ่ายไปมากมายเพื่อซื้อมันมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว

ด้วยหอกนี้ในมือไป๋เฉินก็ปล่อยคลื่นพลังโต้กลับมาบ้าง

เจ้าหัวกะโหลกทั้งห้านั้นส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาดังก้องกังวานอยู่ในหูของไป๋เฉิน

ไป๋เฉินนั้นตื่นตกใจอย่างมากและพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด ใช้พลังจิตศักดิ์สิทธิ์เพื่อขับไล่เสียงของหัวกะโหลกเหล่านั้น

แต่เสียงร้องโหยหวนของเจ้าหัวกะโหลกทั้งห้านั้นมันราวกับมีเวทมนตร์ทำให้ไป๋เฉินไม่อาจตั้งสติได้เลย

ไป๋เฉินนั้นไม่คิดยอมแพ้รอความตาย ยกหอกยาวขึ้นมาโบกสะบัดปล่อยคลื่นพลังอันมหาศาลออกมาสู่โลกภายนอก

พลังปะทะนี้ทำให้เสียงกัดกินวิญญาณนั้นเงียบหายไปทันที

‘เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!’

วิชาหอกนี้ถูกใช้ออกราวกับฝนพิรุณที่ตำกระหน่ำ ไม่เปิดโอกาสให้หัวกะโหลกทั้งห้านั้นได้มีโอกาสใดๆ

โม่ชิงที่เห็นเช่นนั้นจึงได้แต่เยาะเย้ยขึ้น “เจ้าหนู แค่ลำพังพลังของอาวุธเจ้าไม่อาจเก่งกาจได้หรอก! ในเมื่อเจ้าคิดรนหาที่ตายแล้วข้าก็จะส่งเจ้าไปเอง!”

พูดจบวิชาที่เขาใช้ออกมาก็เปลี่ยนไป ตอนนี้หัวกะโหลกทั้งห้านั้นเริ่มเปิดปากออกมาพ่นควันหมอกสีดำเข้าหาไป๋เฉิน

นั่นทำให้สีหน้าของไป๋เฉินซีดเผือดลงทันที รู้สึกราวกับว่าวิชาหอกของเขานั้นกำลังถูกเจ้าหมอกนี้ดูดกลืนเข้าไป

‘ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!’

กะโหลกทั้งห้านั้นมีจิตรวมเป็นหนึ่ง ภายใต้การควบคุมของโม่ชิงนี้มันจึงไม่มีช่องว่างให้ตอบกลับใดๆ ได้เลย

“ห้าผีทลายยมโลก!”

ความเร็วของกะโหลกทั้งห้านั้นจู่ๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้ดวงตาของไป๋เฉินแทบมองตามมันไม่ทัน

‘ปึก!’

เสียงดังก้องสนั่นขึ้นเพราะหัวกะโหลกนั้นได้พุ่งทะลุผ่านพลังโลกของไป๋เฉินเข้ามา ชนเข้ากับม่านป้องกันปราณเทวะของเขาส่งร่างของเขาให้ลอยลิ่วปลิวไป

ไป๋เฉินรู้สึกได้ถึงรสชาติในลำคอก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต

เว้นเสียแต่ว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้

กะโหลกทั้งห้านี้ตามติดกันมาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หายใจแม้แต่น้อย พวกมันนั้นคิดจะตามเข้ามาปิดบัญชีชีวิตของเขา!

‘ปัง!’

การโจมตีสำเร็จอีกครั้งทำให้ตอนนี้ไป๋เฉินรู้สึกราวกับหน้าอกของตัวจะฉีกขาดลง

ต่อให้เขาจะมีความได้เปรียบด้านอาวุธแต่เขาก็ยังมิใช่คู่มือของโม่ชิง!

ภายในเมืองตอนนี้ ณ หอยุทธ์ ไป๋ตงที่มองดูเรื่องราวมาตลอดได้แต่ถอนหายใจยาวและคิดจะพุ่งตัวออกไปช่วยเหลือ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเขาก็ไม่อาจทนดูไป๋เฉินถูกผู้อื่นฆ่าตายลงไปเช่นนี้

แต่ในเวลานั้นเองที่มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นจากด้านหลังเขา

“ไม่ต้อง ข้าไปเอง!”

ไป๋ตงหรี่ตาลงหันกลับไปมองด้วยความตื่นตะลึง

ภายในเมืองตอนนี้ทุกผู้คนต่างเงยหน้ามองดูการต่อสู้บนท้องฟ้าด้วยความกังวลอย่างสุดขีด

เพราะเทพถ่องแท้จากประตูวิญญาณมรณาผู้นี้มันช่างแข็งแกร่ง ไป๋เฉินที่เพิ่งขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มาไม่นานย่อมไม่อาจจะเทียบเคียงเขาได้เลย

แต่ในเวลานั้นเองที่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าไป๋เฉิน

‘ปัง!’

เย่หยวนต่อยหมัดออกไปทำลายเจ้าหัวกะโหลกจนแหลกไม่มีชิ้นดี

เมื่อไป๋เฉินเห็นเย่หยวนเขาก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “อาจารย์ ท่านออกมาจากการเก็บตัวแล้ว!”

เย่หยวนหันหน้ากลับมาตอบรับ “เปลี่ยนตัวกัน เจ้าไปพักเถอะ”

เมื่อไป๋เฉินเห็นใบหน้าของเย่หยวนนั้นดวงตาทั้งสองของเขาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

“อาจารย์ ท่าน…ท่าน..”

เพราะสภาพของเย่หยวนในตอนนี้เขาดูสูงขึ้น มีใบหน้าที่คมกริบ ผิวขาวราวหิมะเป็นรูปลักษณ์ที่ทั้งดุดันและสวยงามราวกับว่าเขาได้กลับไปมีอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีอีกครั้ง

สภาพของเย่หยวนในตอนนี้คงเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเด็กหนุ่มรูปงาม

หากไม่ใช่เพราะบนใบหน้านั้นยังมีร่องรอยเย่หยวนคนเดิมให้เห็น ไป๋เฉินอาจจะจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่านี่คือใคร

ที่ด้านล่างเมื่อทุกผู้คนเห็นใบหน้าของเย่หยวนในตอนนี้พวกเขาทั้งหลายก็ตื่นตะลึงขึ้นทันที

“เอ๋…นายท่านนั้นใช้วรยุทธ์บ่มเพาะของผู้อาวุโสไป๋ตงหรือจึงกลับมาเป็นเด็กหนุ่มได้เช่นนี้?”

“ชิๆ ใบหน้าของท่านเย่หยวนในตอนนี้มันหล่อเหลาจนทำให้ผู้คนสิ้นหวัง!”

“เจ้าดูนักยุทธ์หญิงเหล่านั้นสิ พวกนางแทบคลั่งตายกันหมดแล้ว!”

พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหตุใดการเก็บตัวในครั้งนี้มันถึงได้มีผลเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น

พวกเขานั้นยิ่งไม่อาจทราบได้เลยว่าภายใต้การเปลี่ยนแปลงนี้เย่หยวนต้องพบเจอกับความยากลำบากทุกข์ทรมานมากเพียงใด

มีเพียงไป๋ตงในหอยุทธ์เท่านั้นที่แสดงใบหน้าชื่นชมออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนจำต้องทำได้!

สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่ประสีประสาเรื่องโลกหล้า ดูไร้พิษภัยใดๆ อย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรเย่หยวนนั้นก็ดูเหมือนนักเรียนอ่อนแอที่ไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่สักตัว

แต่ไป๋ตงนั้นรู้ดีว่านี่คือการที่เย่หยวนกลับสู่จุดสมบูรณ์ที่สุด!

ตอนนี้ร่างกายของเขานั้นได้พัฒนาขึ้นไปจนถึงขั้นสัมบูรณ์พลังทั้งหมดของเขานั้นถูกเก็บไว้ในกระดูกและกล้ามเนื้อ

หากไม่ได้ปล่อยใช้มันออกมาผู้คนภายนอกย่อมไม่อาจรู้ได้!

“เจ้าคือเย่หยวน? ดูอ่อนแอเสียจริง! เด็กน้อย เจ้ามากับข้า!” โม่ชิงมองดูเย่หยวนและร้องสั่ง

เพราะพลังที่เย่หยวนแสดงออกมาในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่อาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาว

ในสายตาของโม่ชิงแล้วมันย่อมอ่อนแอเสียจนเกินไป

‘ฟุบ!’

ร่างของเย่หยวนหายไปในทันทีทำให้ดวงตาทั้งสองของโม่ชิงต้องเบิกกว้าง ขนลุกชันไปทั้งตัวเพราะรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้

เขานั้นรีบเรียกห้าผีออกมาพร้อมใช้พลังโลกจนถึงขีดสุดที่ทำได้

‘ปัง!’

ร่างของโม่ชิงปลิวลอยไปหลายกิโลเมตร

เจ้าห้าผีกะโหลกนั้นเองก็แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นแค่ผุยผง

โม่ชิงนั้นแทบไม่อาจลุกขึ้นยืนไหวได้แต่มองดูเย่หยวนราวกับเห็นผีร้ายอยู่ตรงหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ชางเป็นกายที่แข็งแกร่ง! เจ้า…เจ้ามีกายทองคำระดับหก? ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ต่อให้จะเป็นกายทองคำระดับหกมันก็คงไม่อาจทำลายห้าผีเบิกทวารของข้าลงด้วยหมัดเดียวแน่!”

“เจ้าทำร้ายศิษย์ข้า เจ้า…รนหาที่ตายแล้ว!” เย่หยวนย่อมไม่คิดสนใจตอบอีกฝ่ายและร้องประกาศออกมา

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1945 ขยี้!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1945 ขยี้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ประตูวิญญาณมรณา?” ไป๋เฉินถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะมันเป็นชื่อที่ฟังไม่คุ้นหูเอาเสียเลย

แต่ที่ด้านล่างตอนนี้เล้งชิวหลิงกลับมีใบหน้าที่ขาวซีด

“ไป๋เฉิน ประตูวิญญาณมรณานั้นมันมีชื่อฉาวโฉ่ในมหาพิภพถงเทียนทั้งปล้น ฆ่า วางเพลิงความเลวร้ายของพวกมันนั้นไร้จำกัด นักยุทธ์ทั้งหลายเมื่อได้ยินชื่อนี้ต่างต้องกลัวจนตัวสั่นทั้งยังเรื่องที่ประตูวิญญาณมรณานั้นแสนลึกลับไม่มีใครทราบได้ว่าที่กบดานของพวกมันนั้นอยู่ที่ใด ไปไหนมาไหนราวกับผีร้าย ผู้คนทั้งหลายได้แต่ร่ำร้องหวาดกลัวความทรมานที่จะตามพวกมันไป”

เสียของเล้งชิวหลิงที่กล่าวขึ้นมานี้มันทำให้ใบหน้าของไป๋เฉินต้องถอดสี

“หึๆ ดูท่าเมืองนี้มันจะยังพอมีคนฉลาดอยู่บ้าง เจ้านั้นได้รู้แล้วว่าประตูวิญญาณมรณาของข้านั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมาต่อต้านได้ จงรีบไปเรียกเย่หยวนออกมาเสียไม่เช่นนั้นแล้วอย่าหาว่าข้านั้นเสียมารยาท” ชายผู้นั้นร้องบอก

“ท่านอาจารย์นั้นเข้าเก็บตัวมานานหลายปีแล้วและคงไม่อาจมาพบเจอเจ้าได้ หากเจ้าคิดอยากได้โอสถจริงๆ ก็ไว้ค่อยมาใหม่” ไป๋เฉินแสดงสีหน้ามืดดำออกมา

ชายคนนั้นจึงหัวเราะขึ้น “คนที่ประตูวิญญาณมรณาข้าอยากพบเจอ ต่อให้มันจะนอนตายอยู่ในโลงศพมันก็ต้องลุกมาพบเจอข้า!”

คำพูดนี้มันสุดแสนที่จะอวดดีไม่คิดสนใจไป๋เฉิน เทพถ่องแท้ผู้นี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ไป๋เฉินขมวดคิ้วแน่นพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รบกวนการเก็บตัวของผู้คนนั้นมันเปรียบเหมือนฆ่าสังหารบิดามารดาของผู้คน! เจ้าคนโอหังจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!”

แต่ชายคนนั้นกลับตอบออกมาอย่างไม่สนใจ “สังหารบิดามารดาผู้คนนั้นเป็นสิ่งที่โม่ชิงคนนี้ได้กระทำมาอย่างไม่อาจนับครั้งได้! ฆ่าลงอีกสักครั้งจะมีปัญหาใด? ในเมื่อมันไม่ออกมาแล้วข้าก็จะเริ่มการเข่นฆ่าสังหาร เริ่มจากเจ้าก่อนแล้วกัน!”

พูดจบโม่ชิงก็ปล่อยคลื่นพลังออกจากร่างทำให้พลังโลกของเทพถ่องแท้ถูกปลดปล่อยพร้อมด้วยหมอกหนาสีดำสนิทเป็นคลื่นพลังที่ทำให้ผู้สัมผัสต้องขนลุกซ่าไปทั้งกาย

“เทพถ่องแท้หนึ่งดาวขั้นสุด!” ไป๋เฉินหน้าถอดสีทันทีที่สัมผัสได้

เขานั้นเพิ่งจะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มาได้ยังไม่ถึงสิบปีและตอนนี้ยังทำได้เพียงแค่เริ่มจัดกำลังให้เข้าที่เข้าทางเท่านั้น

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ไม่มีทางจะรับมือโม่ชิงผู้นี้ได้

ความแตกต่างของระดับขั้นในอาณาจักรเทพถ่องแท้นั้นมันย่อมจะยิ่งใหญ่กว่าของอาณาจักรนภาสวรรค์อย่างมาก

ต่อให้พวกเขานั้นจะอยู่ในอาณาจักรและดาวเดียวกันมันก็ยังมีความแตกต่างที่ราวฟ้าดินเกิดขึ้นได้

“หึๆ แค่คนอย่างเจ้า เด็กน้อยที่เพิ่งขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มานี้ก็กล้าจะต่อต้านข้าแล้ว? ห้าผีเบิกทวาร!”

โม่ชิงยกมือสองข้างออกมาพร้อมปล่อยหัวกะโหลกห้าหัวให้พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของตนเป็นลำแสงพุ่งตรงใส่ไป๋เฉินทันที

ไป๋เฉินได้แต่กัดฟันแน่นพร้อมชักหอกยาวสีดำทมิฬออกมา

หอกยาวนี้เป็นสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำขั้นกลางที่เย่หยวนยอมจ่ายไปมากมายเพื่อซื้อมันมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว

ด้วยหอกนี้ในมือไป๋เฉินก็ปล่อยคลื่นพลังโต้กลับมาบ้าง

เจ้าหัวกะโหลกทั้งห้านั้นส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาดังก้องกังวานอยู่ในหูของไป๋เฉิน

ไป๋เฉินนั้นตื่นตกใจอย่างมากและพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด ใช้พลังจิตศักดิ์สิทธิ์เพื่อขับไล่เสียงของหัวกะโหลกเหล่านั้น

แต่เสียงร้องโหยหวนของเจ้าหัวกะโหลกทั้งห้านั้นมันราวกับมีเวทมนตร์ทำให้ไป๋เฉินไม่อาจตั้งสติได้เลย

ไป๋เฉินนั้นไม่คิดยอมแพ้รอความตาย ยกหอกยาวขึ้นมาโบกสะบัดปล่อยคลื่นพลังอันมหาศาลออกมาสู่โลกภายนอก

พลังปะทะนี้ทำให้เสียงกัดกินวิญญาณนั้นเงียบหายไปทันที

‘เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!’

วิชาหอกนี้ถูกใช้ออกราวกับฝนพิรุณที่ตำกระหน่ำ ไม่เปิดโอกาสให้หัวกะโหลกทั้งห้านั้นได้มีโอกาสใดๆ

โม่ชิงที่เห็นเช่นนั้นจึงได้แต่เยาะเย้ยขึ้น “เจ้าหนู แค่ลำพังพลังของอาวุธเจ้าไม่อาจเก่งกาจได้หรอก! ในเมื่อเจ้าคิดรนหาที่ตายแล้วข้าก็จะส่งเจ้าไปเอง!”

พูดจบวิชาที่เขาใช้ออกมาก็เปลี่ยนไป ตอนนี้หัวกะโหลกทั้งห้านั้นเริ่มเปิดปากออกมาพ่นควันหมอกสีดำเข้าหาไป๋เฉิน

นั่นทำให้สีหน้าของไป๋เฉินซีดเผือดลงทันที รู้สึกราวกับว่าวิชาหอกของเขานั้นกำลังถูกเจ้าหมอกนี้ดูดกลืนเข้าไป

‘ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!’

กะโหลกทั้งห้านั้นมีจิตรวมเป็นหนึ่ง ภายใต้การควบคุมของโม่ชิงนี้มันจึงไม่มีช่องว่างให้ตอบกลับใดๆ ได้เลย

“ห้าผีทลายยมโลก!”

ความเร็วของกะโหลกทั้งห้านั้นจู่ๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้ดวงตาของไป๋เฉินแทบมองตามมันไม่ทัน

‘ปึก!’

เสียงดังก้องสนั่นขึ้นเพราะหัวกะโหลกนั้นได้พุ่งทะลุผ่านพลังโลกของไป๋เฉินเข้ามา ชนเข้ากับม่านป้องกันปราณเทวะของเขาส่งร่างของเขาให้ลอยลิ่วปลิวไป

ไป๋เฉินรู้สึกได้ถึงรสชาติในลำคอก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต

เว้นเสียแต่ว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้

กะโหลกทั้งห้านี้ตามติดกันมาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หายใจแม้แต่น้อย พวกมันนั้นคิดจะตามเข้ามาปิดบัญชีชีวิตของเขา!

‘ปัง!’

การโจมตีสำเร็จอีกครั้งทำให้ตอนนี้ไป๋เฉินรู้สึกราวกับหน้าอกของตัวจะฉีกขาดลง

ต่อให้เขาจะมีความได้เปรียบด้านอาวุธแต่เขาก็ยังมิใช่คู่มือของโม่ชิง!

ภายในเมืองตอนนี้ ณ หอยุทธ์ ไป๋ตงที่มองดูเรื่องราวมาตลอดได้แต่ถอนหายใจยาวและคิดจะพุ่งตัวออกไปช่วยเหลือ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเขาก็ไม่อาจทนดูไป๋เฉินถูกผู้อื่นฆ่าตายลงไปเช่นนี้

แต่ในเวลานั้นเองที่มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นจากด้านหลังเขา

“ไม่ต้อง ข้าไปเอง!”

ไป๋ตงหรี่ตาลงหันกลับไปมองด้วยความตื่นตะลึง

ภายในเมืองตอนนี้ทุกผู้คนต่างเงยหน้ามองดูการต่อสู้บนท้องฟ้าด้วยความกังวลอย่างสุดขีด

เพราะเทพถ่องแท้จากประตูวิญญาณมรณาผู้นี้มันช่างแข็งแกร่ง ไป๋เฉินที่เพิ่งขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มาไม่นานย่อมไม่อาจจะเทียบเคียงเขาได้เลย

แต่ในเวลานั้นเองที่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าไป๋เฉิน

‘ปัง!’

เย่หยวนต่อยหมัดออกไปทำลายเจ้าหัวกะโหลกจนแหลกไม่มีชิ้นดี

เมื่อไป๋เฉินเห็นเย่หยวนเขาก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “อาจารย์ ท่านออกมาจากการเก็บตัวแล้ว!”

เย่หยวนหันหน้ากลับมาตอบรับ “เปลี่ยนตัวกัน เจ้าไปพักเถอะ”

เมื่อไป๋เฉินเห็นใบหน้าของเย่หยวนนั้นดวงตาทั้งสองของเขาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

“อาจารย์ ท่าน…ท่าน..”

เพราะสภาพของเย่หยวนในตอนนี้เขาดูสูงขึ้น มีใบหน้าที่คมกริบ ผิวขาวราวหิมะเป็นรูปลักษณ์ที่ทั้งดุดันและสวยงามราวกับว่าเขาได้กลับไปมีอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีอีกครั้ง

สภาพของเย่หยวนในตอนนี้คงเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเด็กหนุ่มรูปงาม

หากไม่ใช่เพราะบนใบหน้านั้นยังมีร่องรอยเย่หยวนคนเดิมให้เห็น ไป๋เฉินอาจจะจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่านี่คือใคร

ที่ด้านล่างเมื่อทุกผู้คนเห็นใบหน้าของเย่หยวนในตอนนี้พวกเขาทั้งหลายก็ตื่นตะลึงขึ้นทันที

“เอ๋…นายท่านนั้นใช้วรยุทธ์บ่มเพาะของผู้อาวุโสไป๋ตงหรือจึงกลับมาเป็นเด็กหนุ่มได้เช่นนี้?”

“ชิๆ ใบหน้าของท่านเย่หยวนในตอนนี้มันหล่อเหลาจนทำให้ผู้คนสิ้นหวัง!”

“เจ้าดูนักยุทธ์หญิงเหล่านั้นสิ พวกนางแทบคลั่งตายกันหมดแล้ว!”

พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหตุใดการเก็บตัวในครั้งนี้มันถึงได้มีผลเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น

พวกเขานั้นยิ่งไม่อาจทราบได้เลยว่าภายใต้การเปลี่ยนแปลงนี้เย่หยวนต้องพบเจอกับความยากลำบากทุกข์ทรมานมากเพียงใด

มีเพียงไป๋ตงในหอยุทธ์เท่านั้นที่แสดงใบหน้าชื่นชมออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนจำต้องทำได้!

สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่ประสีประสาเรื่องโลกหล้า ดูไร้พิษภัยใดๆ อย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรเย่หยวนนั้นก็ดูเหมือนนักเรียนอ่อนแอที่ไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่สักตัว

แต่ไป๋ตงนั้นรู้ดีว่านี่คือการที่เย่หยวนกลับสู่จุดสมบูรณ์ที่สุด!

ตอนนี้ร่างกายของเขานั้นได้พัฒนาขึ้นไปจนถึงขั้นสัมบูรณ์พลังทั้งหมดของเขานั้นถูกเก็บไว้ในกระดูกและกล้ามเนื้อ

หากไม่ได้ปล่อยใช้มันออกมาผู้คนภายนอกย่อมไม่อาจรู้ได้!

“เจ้าคือเย่หยวน? ดูอ่อนแอเสียจริง! เด็กน้อย เจ้ามากับข้า!” โม่ชิงมองดูเย่หยวนและร้องสั่ง

เพราะพลังที่เย่หยวนแสดงออกมาในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่อาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาว

ในสายตาของโม่ชิงแล้วมันย่อมอ่อนแอเสียจนเกินไป

‘ฟุบ!’

ร่างของเย่หยวนหายไปในทันทีทำให้ดวงตาทั้งสองของโม่ชิงต้องเบิกกว้าง ขนลุกชันไปทั้งตัวเพราะรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้

เขานั้นรีบเรียกห้าผีออกมาพร้อมใช้พลังโลกจนถึงขีดสุดที่ทำได้

‘ปัง!’

ร่างของโม่ชิงปลิวลอยไปหลายกิโลเมตร

เจ้าห้าผีกะโหลกนั้นเองก็แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นแค่ผุยผง

โม่ชิงนั้นแทบไม่อาจลุกขึ้นยืนไหวได้แต่มองดูเย่หยวนราวกับเห็นผีร้ายอยู่ตรงหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ชางเป็นกายที่แข็งแกร่ง! เจ้า…เจ้ามีกายทองคำระดับหก? ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ต่อให้จะเป็นกายทองคำระดับหกมันก็คงไม่อาจทำลายห้าผีเบิกทวารของข้าลงด้วยหมัดเดียวแน่!”

“เจ้าทำร้ายศิษย์ข้า เจ้า…รนหาที่ตายแล้ว!” เย่หยวนย่อมไม่คิดสนใจตอบอีกฝ่ายและร้องประกาศออกมา

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+