Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1949 ฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1949 ฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่ได้การแล้ว ให้ถูกกดดันเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเราคนใดจะหนีไปได้!”

ลู่ซินรู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่สามารถทำการได้สำเร็จแน่

ไม่ว่าจะเป็นทางเย่หยวนหรือเทพถ่องแท้สี่ดาวตรงหน้าเขานี้ต่างก็มิใช่คนอ่อนแอที่จะกดดันได้เลย

เขานั้นต้องหนี นำข่าวกลับไป แล้วให้ท่านหยิงเฟิงส่งยอดฝีมือที่เหนือล้ำกว่านี้มาแทน

คิดมาได้ถึงตรงนี้ลู่ซินก็ได้แต่กัดฟันแน่นตัดสินใจปลดขวางมิติไร้รอยออกอย่างเงียบงัน

‘ฟุบ!’

ร่างของลู่ซินจางหายหลบหนีเข้าไปในความว่างเปล่า

เทพถ่องแท้สี่ดาวนั้นสามารถเดินทางนับหมื่นๆ กิโลเมตรได้ในพริบตา การหนีออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปนี้มันย่อมต้องใช้เวลาเพียงแค่พริบตา

เมื่อไป๋ตงเห็นเช่นนั้นเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะก้าวเท้าออกส่งร่างของตนให้หายลับไปเช่นกัน

ที่ด้านข้างเย่หยวนที่มีสัมผัสด้านมิติอันเฉียบคมก็รู้ได้ทันทีในวินาทีที่ขวางมิติไร้รอยถูกปลดออก

เมื่อเห็นว่าไป๋ตงตามศัตรูไปแล้วเย่หยวนจึงได้ตะโกนไล่หลังไป “อย่าให้มันตาย!”

“วางใจเถอะ!”

ในห้วงมิตินั้นมีเสียงของไป๋ตงตอบกลับมาก่อนจะเงียบหายไป

ตอนนี้ภายในจวนเจ้าเมืองมันจึงมีแต่เสียงของเย่หยวนและพวกซูเหมาทั้งสี่ที่เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

“ลู่ซิน เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”

“เจ้าคนชั่วร้ายคิดหนีเอาตัวรอด ชีวิตเจ้าไม่ได้ตายดีแน่นอน!”

ลู่ซินนั้นหนีออกไปอย่างไม่คิดส่งสัญญาณบอกพวกเขาทั้งหลายและมันทำให้พวกเขาทั้งสี่ตกลงสู่สถานการณ์ที่เสียเปรียบมากกว่าเก่า

เมื่อมิติถูกปลดปล่อยการเคลื่อนไหวของเย่หยวนก็ยิ่งรุนแรงรวดเร็วอย่างไม่อาจคาดเดา

การใช้ห้วงมิติผสานเข้ากับกรงเล็บมังกรเอกภพมันทำให้ความได้เปรียบของเขาเพิ่มพูนอย่างมาก

ต่อให้จะเป็นคนทั้งสี่ร่วมมือกันมันก็ยังถูกเย่หยวนกดดันจนไม่อาจจะต้านทานได้แม้แต่น้อย

‘ปัง! ปัง! ปัง!’

หลังจากขวางมิติไร้รอยถูกยกเลิกมันจึงทำให้ภายในจวนเจ้าเมืองเกิดเสียงดังขึ้นสนั่นไปถึงภายนอก

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันแสนน่ากลัวจากภายในหนิงเทียนปิงก็ได้แต่ยืนหน้าซีด

ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกตะขิดตะขวงนั้นมันคืออะไร!

การที่เย่หยวนสั่งให้เขาออกมาเตรียมงานนั้นมันเพื่อจะปกป้องตัวเขา

เทพถ่องแท้นั้นมิใช่ตัวตนที่เขาจะต้านทานได้เลย

คนทั้งห้านั้นปะทะกันอย่างรุนแรงรวดเร็วจนค่อยๆ ลอยตัวกันขึ้นมาจากจวนเจ้าเมือง

เย่หยวนนั้นดูราวกับเป็นเทพแห่งสงครามแม้จะถูกยอดฝีมือทั้งสี่เข้ารุมโจมตีเขาก็ยังคงปัดป้องต่อสู้ได้อย่างไม่เสียเปรียบ

ภาพตรงหน้านี้ย่อมถูกเหล่านักยุทธ์ทั้งหลายในเมืองจ้องมองดูด้วยความตะลึง

“นี่ตาข้าฝาดไปหรือ? เทพถ่องแท้สองดาวทั้งสี่คนนั้นกลับไม่สามารถต่อสู้กับท่านเย่หยวนคนเดียวได้?”

“ท่านเย่หยวนนั้นดูเหมือนจะบรรลุกายทองคำระดับหกไปแล้ว แต่กายทองคำระดับหกมันจะแข็งแกร่งได้ปานนี้หรือ?”

“กายทองคำระดับหกนั้นมันเพียงแค่จะทำให้ร่างกายของผู้ใช้แข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ในระดับเดียวกันไปไม่มาก มีหรือที่จะแข็งแกร่งได้ปานนี้? ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้”

“ข้าได้ยินว่าในหมู่ผู้บ่มเพาะกายนั้นมีวิชาอีกรูปแบบหนึ่งที่เหนือกว่ากายทองคำนามกายทองคำสัมบูรณ์ นี่มันคือจุดสุดยอดของร่างกายที่ผู้บ่มเพาะกายจะมีได้ หรือว่า… ท่านเย่หยวนนั้นจะขึ้นไปถึงกายทองคำสัมบูรณ์ได้?”

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างเฝ้ามองดูและคาดเดาไปต่างๆ นานา จนในที่สุดก็เริ่มมีคนพูดถึงกายทองคำสัมบูรณ์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนทั้งหลายแตกตื่นกันไปทันที

แน่นอนว่าการบ่มเพาะด้านวรยุทธ์ของเย่หยวนนั้นยังขึ้นไม่ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ เพราะฉะนั้นเหตุผลเดียวที่จะอธิบายภาพตรงหน้านี้ได้ก็คือเรื่องนี้

กายทองคำสัมบูรณ์ในตำนานนี้ ท่านเย่หยวนกลับสามารถบ่มเพาะมันได้สำเร็จ!

ทุกผู้คนต่างเงยหน้าขึ้นไปมองดูร่างนั้นอย่างชื่นชม

เว้นเสียแต่ว่าพวกเขายังติดสงสัยเรื่องของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนี้ว่าเป็นใครมาจากไหน

อีกด้านที่มีการปะทะอันดุเดือดนั้นซูเหยาร้องบอกพวกทั้งสามคน “เลิกโจมตี! เราแยกกันไปสังหารผู้คนในเมืองนี้ มาดูกันหน่อยว่ามันจะสามารถฆ่าสังหารพวกเราทั้งสี่คนพร้อมกันได้หรือไม่!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ดำมืดลงทันที

เพราะสิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือคนทั้งหลายนี้จะไปก่อความวุ่นวายในเมืองและเขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่าคนพวกนี้จะทำการอย่างไม่มีความเป็นคน ขอแค่เพื่อเป้าหมายแล้วจะทำการใดก็ไม่คิดสนใจ

เมื่ออีกสามคนได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออกทันที

พวกเขานั้นถูกเย่หยวนเล่นงานจนแทบไม่มีโอกาสหายใจ ต่างคิดว่าจะหนีกันไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ในวินาทีนี้สมองของซูเหมากลับเฉียบคมคิดวิธีการที่จะต้อนเย่หยวนให้จนมุมได้

‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ’

คนทั้งสี่เองก็ย่อมไม่คิดจะลังเลใจใดๆ รีบพุ่งตัวลงไปยังสี่ทิศทางทันที

แม้ว่าเย่หยวนจะมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เก่งกาจปานใดเขาก็ย่อมไม่มีทางจะไปปรากฏในสี่ทิศพร้อมๆ กันได้

ด้วยความโกรธแค้นนี้เย่หยวนจึงได้ต่อยหมัดออกมา

ไกลออกไปหนึ่งในนักฆ่าที่ถูกพลังหมัดนั้นได้ร่วงลงกระแทกพื้น!

เพียงแค่ว่าแม้ร่างนั้นจะบาดเจ็บหนักหนาจนมีสภาพดูไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่ตายลง

เทพถ่องแท้สองดาวนั้นมันแข็งแกร่งจนเกินไป!

ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้การจะรับมือแบบตัวต่อตัวมันคงไม่ยากนักแต่การคิดจะฆ่าสังหารในกระบวนท่าเดียวมันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้

ในเวลาที่หนึ่งคนถูกหมัดนี้ร่วงลงอีกสี่คนที่เหนือก็ได้แยกตัวออกไปจากเย่หยวนแล้ว

พวกเขานั้นย่อมไม่ได้คิดที่จะปัดป้องใดๆ มาแต่แรกและเพียงแค่หวังว่าจะโชคดีรอดไป

เย่หยวนทำร้ายหนึ่งผู้คน แต่ย่อมไม่อาจจะหยุดอีกสามคนได้ในเวลาเดียวกัน

“ฮ่าๆ เย่หยวน ข้าอยากรู้เสียจริงๆ ว่าเจ้าจะสังหารพวกเราทั้งสี่ทันหรือไม่! เอาสิ!” ซูเหมาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ฟุบ ฟุบ ฟุบ!

ดาบสามเล่มอันรุนแรงฝ่าทะลุฟ้าลงมายังเขตชุมชนในทันที

นั่นทำให้ใบหน้าของเย่หยวนซีดเผือด เขาใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาอย่างไม่รีรอ

‘ปัง!’

ดาบหนึ่งนั้นฟาดเข้าถูกกายเย่หยวนจนทำให้เย่หยวนร่วงตกลงมากลางถนน

แต่ดาบแสงอีกสองเล่มนั้นมันยังคงร่วงตกลงมาอย่างที่เย่หยวนไม่อาจห้ามได้

‘ตูม! ตูม!’

ดาบทั้งสองนี้ได้ทำลายล้างฆ่าสังหารนักยุทธ์ไปนับร้อยนับพัน

เทพถ่องแท้สองดาวนั้นมันสุดแสนที่จะแข็งแกร่ง สำหรับนักยุทธ์ทั้งหลายแล้วพวกเขานั้นเปรียบเหมือนกับเทพเจ้าอย่างแท้จริง

เมืองจักรพรรดิเช่นนี้นักยุทธ์ทั้งหลายส่วนมากจะยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและอาณาจักรราชันพระเจ้า มีหรือที่จะต่อต้านพลังโจมตีอันรุนแรงเช่นนี้ได้?

ส่วนที่ถูกดาบแสงนี้ตัดผ่านมันได้กลายเป็นนรกบนดิน!

“ฮ่าๆ เยี่ยม!” ซูเหมาร้องบอกพร้อมเสียงหัวเราะ

นักฆ่าอีกผู้นี้เองก็หัวเราะขึ้นตาม “หากข้ารู้ว่าเจ้าเด็กนี้มันโง่เง่าเช่นนี้แค่เราจับผู้คนมาเป็นตัวประกันเสียหน่อยมันก็คงยอมจำนนแต่โดยดีแล้วใช่หรือไม่? มีหรือต้องลำบากยากเย็นขนาดนี้?”

ในวินาทีนั้นเย่หยวนก็พุ่งทะยานร่างขึ้นสู่ฟ้าอีกครั้งดาวตาทั้งสองของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น

การโจมตีก่อนหน้านี้มันไม่ได้สร้างความเสียหายบาดเจ็บใดๆ ให้แก่เย่หยวน แต่มีหรือที่ชาวเมืองจะรับพลังโจมตีที่รุนแรงเช่นนั้นได้?

“เอาอีก เอาอีกครั้ง!”

ซูเหมาหัวเราะลั่นก่อนจะฟาดดาบลง

“หยุด!”

เย่หยวนตะโกนร้องพร้อมขยับร่างอีกคราพร้อมถูกพลังดาบนั้นฟาดจนร่วงตกลงพื้นดิน

แต่ทว่าอีกสองแห่งนี้เขาไม่อาจป้องกันได้นั้นมันก็มีนักยุทธ์มากมายถูกฆ่าสังหารลง ไม่มีเวลาให้แม้แต่จะหนี

ภายในเมืองตอนนี้มันได้กลายเป็นความวุ่นวายโกลาหลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ใดที่ถูกดาบแสงนี้ฟาดลงมันได้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง

“หยุด! ข้าจะไปกับพวกเจ้า!” เย่หยวนร้องตะโกนบอก

ซูเหมานั้นยกมือขึ้นมาโบกห้ามคนทั้งสองให้หยุดมือลงได้

เย่หยวนบินขึ้นมาอยู่ต่อหน้าซูเหมาอีกครั้ง

ซูเหมานั้นถูกเย่หยวนอัดจนน่วมเมื่อเห็นว่าเย่หยวนพุ่งตัวกลับขึ้นมาเขาก็ถอยหลังกลับอย่างไม่รู้ตัวและร้องบอกขึ้น “หยุด!”

เย่หยวนเองก็ไม่อาจทำอะไรได้จึงได้แต่ตัวลงพร้อมด้วยสายตาที่เย็นเยือก

เมื่อซูเหมาเห็นว่าเย่หยวนหยุดลงจริงเขาก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ “หึๆ ท่านเย่นั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำ อย่าได้เข้ามาใกล้ข้า ข้ากลัว!”

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ข้าจะไปกับพวกเจ้า อย่าได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีก!”

ซูเหมายิ้มเย้ยขึ้น “หากเจ้ายอมเสียแต่แรกมันก็คงไม่มีใครต้องตายหรอก หึๆ แต่…เราไม่มีทางเชื่อเจ้าได้ เจ้ามันแข็งแกร่งเกินไป! เมื่อใดที่เจ้าคิดกลับคำแล้วพวกเราก็คงไม่อาจทำอะไรเจ้าได้”

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ข้าจะปิดพลังกาย เส้นเลือดและทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตน! แต่พวกเจ้าต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์ว่าพวกเจ้าจะไม่ทำร้ายผู้คนในเมืองอีก!”

เมื่อซูเหมาได้ยินเขาก็ยิ่งยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจ

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1949 ฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1949 ฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่ได้การแล้ว ให้ถูกกดดันเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเราคนใดจะหนีไปได้!”

ลู่ซินรู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่สามารถทำการได้สำเร็จแน่

ไม่ว่าจะเป็นทางเย่หยวนหรือเทพถ่องแท้สี่ดาวตรงหน้าเขานี้ต่างก็มิใช่คนอ่อนแอที่จะกดดันได้เลย

เขานั้นต้องหนี นำข่าวกลับไป แล้วให้ท่านหยิงเฟิงส่งยอดฝีมือที่เหนือล้ำกว่านี้มาแทน

คิดมาได้ถึงตรงนี้ลู่ซินก็ได้แต่กัดฟันแน่นตัดสินใจปลดขวางมิติไร้รอยออกอย่างเงียบงัน

‘ฟุบ!’

ร่างของลู่ซินจางหายหลบหนีเข้าไปในความว่างเปล่า

เทพถ่องแท้สี่ดาวนั้นสามารถเดินทางนับหมื่นๆ กิโลเมตรได้ในพริบตา การหนีออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปนี้มันย่อมต้องใช้เวลาเพียงแค่พริบตา

เมื่อไป๋ตงเห็นเช่นนั้นเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะก้าวเท้าออกส่งร่างของตนให้หายลับไปเช่นกัน

ที่ด้านข้างเย่หยวนที่มีสัมผัสด้านมิติอันเฉียบคมก็รู้ได้ทันทีในวินาทีที่ขวางมิติไร้รอยถูกปลดออก

เมื่อเห็นว่าไป๋ตงตามศัตรูไปแล้วเย่หยวนจึงได้ตะโกนไล่หลังไป “อย่าให้มันตาย!”

“วางใจเถอะ!”

ในห้วงมิตินั้นมีเสียงของไป๋ตงตอบกลับมาก่อนจะเงียบหายไป

ตอนนี้ภายในจวนเจ้าเมืองมันจึงมีแต่เสียงของเย่หยวนและพวกซูเหมาทั้งสี่ที่เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

“ลู่ซิน เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”

“เจ้าคนชั่วร้ายคิดหนีเอาตัวรอด ชีวิตเจ้าไม่ได้ตายดีแน่นอน!”

ลู่ซินนั้นหนีออกไปอย่างไม่คิดส่งสัญญาณบอกพวกเขาทั้งหลายและมันทำให้พวกเขาทั้งสี่ตกลงสู่สถานการณ์ที่เสียเปรียบมากกว่าเก่า

เมื่อมิติถูกปลดปล่อยการเคลื่อนไหวของเย่หยวนก็ยิ่งรุนแรงรวดเร็วอย่างไม่อาจคาดเดา

การใช้ห้วงมิติผสานเข้ากับกรงเล็บมังกรเอกภพมันทำให้ความได้เปรียบของเขาเพิ่มพูนอย่างมาก

ต่อให้จะเป็นคนทั้งสี่ร่วมมือกันมันก็ยังถูกเย่หยวนกดดันจนไม่อาจจะต้านทานได้แม้แต่น้อย

‘ปัง! ปัง! ปัง!’

หลังจากขวางมิติไร้รอยถูกยกเลิกมันจึงทำให้ภายในจวนเจ้าเมืองเกิดเสียงดังขึ้นสนั่นไปถึงภายนอก

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันแสนน่ากลัวจากภายในหนิงเทียนปิงก็ได้แต่ยืนหน้าซีด

ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกตะขิดตะขวงนั้นมันคืออะไร!

การที่เย่หยวนสั่งให้เขาออกมาเตรียมงานนั้นมันเพื่อจะปกป้องตัวเขา

เทพถ่องแท้นั้นมิใช่ตัวตนที่เขาจะต้านทานได้เลย

คนทั้งห้านั้นปะทะกันอย่างรุนแรงรวดเร็วจนค่อยๆ ลอยตัวกันขึ้นมาจากจวนเจ้าเมือง

เย่หยวนนั้นดูราวกับเป็นเทพแห่งสงครามแม้จะถูกยอดฝีมือทั้งสี่เข้ารุมโจมตีเขาก็ยังคงปัดป้องต่อสู้ได้อย่างไม่เสียเปรียบ

ภาพตรงหน้านี้ย่อมถูกเหล่านักยุทธ์ทั้งหลายในเมืองจ้องมองดูด้วยความตะลึง

“นี่ตาข้าฝาดไปหรือ? เทพถ่องแท้สองดาวทั้งสี่คนนั้นกลับไม่สามารถต่อสู้กับท่านเย่หยวนคนเดียวได้?”

“ท่านเย่หยวนนั้นดูเหมือนจะบรรลุกายทองคำระดับหกไปแล้ว แต่กายทองคำระดับหกมันจะแข็งแกร่งได้ปานนี้หรือ?”

“กายทองคำระดับหกนั้นมันเพียงแค่จะทำให้ร่างกายของผู้ใช้แข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ในระดับเดียวกันไปไม่มาก มีหรือที่จะแข็งแกร่งได้ปานนี้? ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้”

“ข้าได้ยินว่าในหมู่ผู้บ่มเพาะกายนั้นมีวิชาอีกรูปแบบหนึ่งที่เหนือกว่ากายทองคำนามกายทองคำสัมบูรณ์ นี่มันคือจุดสุดยอดของร่างกายที่ผู้บ่มเพาะกายจะมีได้ หรือว่า… ท่านเย่หยวนนั้นจะขึ้นไปถึงกายทองคำสัมบูรณ์ได้?”

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างเฝ้ามองดูและคาดเดาไปต่างๆ นานา จนในที่สุดก็เริ่มมีคนพูดถึงกายทองคำสัมบูรณ์ขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้ผู้คนทั้งหลายแตกตื่นกันไปทันที

แน่นอนว่าการบ่มเพาะด้านวรยุทธ์ของเย่หยวนนั้นยังขึ้นไม่ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ เพราะฉะนั้นเหตุผลเดียวที่จะอธิบายภาพตรงหน้านี้ได้ก็คือเรื่องนี้

กายทองคำสัมบูรณ์ในตำนานนี้ ท่านเย่หยวนกลับสามารถบ่มเพาะมันได้สำเร็จ!

ทุกผู้คนต่างเงยหน้าขึ้นไปมองดูร่างนั้นอย่างชื่นชม

เว้นเสียแต่ว่าพวกเขายังติดสงสัยเรื่องของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนี้ว่าเป็นใครมาจากไหน

อีกด้านที่มีการปะทะอันดุเดือดนั้นซูเหยาร้องบอกพวกทั้งสามคน “เลิกโจมตี! เราแยกกันไปสังหารผู้คนในเมืองนี้ มาดูกันหน่อยว่ามันจะสามารถฆ่าสังหารพวกเราทั้งสี่คนพร้อมกันได้หรือไม่!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ดำมืดลงทันที

เพราะสิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือคนทั้งหลายนี้จะไปก่อความวุ่นวายในเมืองและเขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่าคนพวกนี้จะทำการอย่างไม่มีความเป็นคน ขอแค่เพื่อเป้าหมายแล้วจะทำการใดก็ไม่คิดสนใจ

เมื่ออีกสามคนได้ยินเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออกทันที

พวกเขานั้นถูกเย่หยวนเล่นงานจนแทบไม่มีโอกาสหายใจ ต่างคิดว่าจะหนีกันไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ในวินาทีนี้สมองของซูเหมากลับเฉียบคมคิดวิธีการที่จะต้อนเย่หยวนให้จนมุมได้

‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ’

คนทั้งสี่เองก็ย่อมไม่คิดจะลังเลใจใดๆ รีบพุ่งตัวลงไปยังสี่ทิศทางทันที

แม้ว่าเย่หยวนจะมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เก่งกาจปานใดเขาก็ย่อมไม่มีทางจะไปปรากฏในสี่ทิศพร้อมๆ กันได้

ด้วยความโกรธแค้นนี้เย่หยวนจึงได้ต่อยหมัดออกมา

ไกลออกไปหนึ่งในนักฆ่าที่ถูกพลังหมัดนั้นได้ร่วงลงกระแทกพื้น!

เพียงแค่ว่าแม้ร่างนั้นจะบาดเจ็บหนักหนาจนมีสภาพดูไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่ตายลง

เทพถ่องแท้สองดาวนั้นมันแข็งแกร่งจนเกินไป!

ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้การจะรับมือแบบตัวต่อตัวมันคงไม่ยากนักแต่การคิดจะฆ่าสังหารในกระบวนท่าเดียวมันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้

ในเวลาที่หนึ่งคนถูกหมัดนี้ร่วงลงอีกสี่คนที่เหนือก็ได้แยกตัวออกไปจากเย่หยวนแล้ว

พวกเขานั้นย่อมไม่ได้คิดที่จะปัดป้องใดๆ มาแต่แรกและเพียงแค่หวังว่าจะโชคดีรอดไป

เย่หยวนทำร้ายหนึ่งผู้คน แต่ย่อมไม่อาจจะหยุดอีกสามคนได้ในเวลาเดียวกัน

“ฮ่าๆ เย่หยวน ข้าอยากรู้เสียจริงๆ ว่าเจ้าจะสังหารพวกเราทั้งสี่ทันหรือไม่! เอาสิ!” ซูเหมาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ฟุบ ฟุบ ฟุบ!

ดาบสามเล่มอันรุนแรงฝ่าทะลุฟ้าลงมายังเขตชุมชนในทันที

นั่นทำให้ใบหน้าของเย่หยวนซีดเผือด เขาใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาอย่างไม่รีรอ

‘ปัง!’

ดาบหนึ่งนั้นฟาดเข้าถูกกายเย่หยวนจนทำให้เย่หยวนร่วงตกลงมากลางถนน

แต่ดาบแสงอีกสองเล่มนั้นมันยังคงร่วงตกลงมาอย่างที่เย่หยวนไม่อาจห้ามได้

‘ตูม! ตูม!’

ดาบทั้งสองนี้ได้ทำลายล้างฆ่าสังหารนักยุทธ์ไปนับร้อยนับพัน

เทพถ่องแท้สองดาวนั้นมันสุดแสนที่จะแข็งแกร่ง สำหรับนักยุทธ์ทั้งหลายแล้วพวกเขานั้นเปรียบเหมือนกับเทพเจ้าอย่างแท้จริง

เมืองจักรพรรดิเช่นนี้นักยุทธ์ทั้งหลายส่วนมากจะยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและอาณาจักรราชันพระเจ้า มีหรือที่จะต่อต้านพลังโจมตีอันรุนแรงเช่นนี้ได้?

ส่วนที่ถูกดาบแสงนี้ตัดผ่านมันได้กลายเป็นนรกบนดิน!

“ฮ่าๆ เยี่ยม!” ซูเหมาร้องบอกพร้อมเสียงหัวเราะ

นักฆ่าอีกผู้นี้เองก็หัวเราะขึ้นตาม “หากข้ารู้ว่าเจ้าเด็กนี้มันโง่เง่าเช่นนี้แค่เราจับผู้คนมาเป็นตัวประกันเสียหน่อยมันก็คงยอมจำนนแต่โดยดีแล้วใช่หรือไม่? มีหรือต้องลำบากยากเย็นขนาดนี้?”

ในวินาทีนั้นเย่หยวนก็พุ่งทะยานร่างขึ้นสู่ฟ้าอีกครั้งดาวตาทั้งสองของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น

การโจมตีก่อนหน้านี้มันไม่ได้สร้างความเสียหายบาดเจ็บใดๆ ให้แก่เย่หยวน แต่มีหรือที่ชาวเมืองจะรับพลังโจมตีที่รุนแรงเช่นนั้นได้?

“เอาอีก เอาอีกครั้ง!”

ซูเหมาหัวเราะลั่นก่อนจะฟาดดาบลง

“หยุด!”

เย่หยวนตะโกนร้องพร้อมขยับร่างอีกคราพร้อมถูกพลังดาบนั้นฟาดจนร่วงตกลงพื้นดิน

แต่ทว่าอีกสองแห่งนี้เขาไม่อาจป้องกันได้นั้นมันก็มีนักยุทธ์มากมายถูกฆ่าสังหารลง ไม่มีเวลาให้แม้แต่จะหนี

ภายในเมืองตอนนี้มันได้กลายเป็นความวุ่นวายโกลาหลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ใดที่ถูกดาบแสงนี้ฟาดลงมันได้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง

“หยุด! ข้าจะไปกับพวกเจ้า!” เย่หยวนร้องตะโกนบอก

ซูเหมานั้นยกมือขึ้นมาโบกห้ามคนทั้งสองให้หยุดมือลงได้

เย่หยวนบินขึ้นมาอยู่ต่อหน้าซูเหมาอีกครั้ง

ซูเหมานั้นถูกเย่หยวนอัดจนน่วมเมื่อเห็นว่าเย่หยวนพุ่งตัวกลับขึ้นมาเขาก็ถอยหลังกลับอย่างไม่รู้ตัวและร้องบอกขึ้น “หยุด!”

เย่หยวนเองก็ไม่อาจทำอะไรได้จึงได้แต่ตัวลงพร้อมด้วยสายตาที่เย็นเยือก

เมื่อซูเหมาเห็นว่าเย่หยวนหยุดลงจริงเขาก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ “หึๆ ท่านเย่นั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำ อย่าได้เข้ามาใกล้ข้า ข้ากลัว!”

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ข้าจะไปกับพวกเจ้า อย่าได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีก!”

ซูเหมายิ้มเย้ยขึ้น “หากเจ้ายอมเสียแต่แรกมันก็คงไม่มีใครต้องตายหรอก หึๆ แต่…เราไม่มีทางเชื่อเจ้าได้ เจ้ามันแข็งแกร่งเกินไป! เมื่อใดที่เจ้าคิดกลับคำแล้วพวกเราก็คงไม่อาจทำอะไรเจ้าได้”

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ข้าจะปิดพลังกาย เส้นเลือดและทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตน! แต่พวกเจ้าต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์ว่าพวกเจ้าจะไม่ทำร้ายผู้คนในเมืองอีก!”

เมื่อซูเหมาได้ยินเขาก็ยิ่งยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจ

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+