Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1952 มัดรวม!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1952 มัดรวม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่าน มันเป็นเรื่องใดกันถึงเรียกพวกเรามา?”

“ใช่แล้ว การเรียกรวมพลมากมายขนาดนี้ในสาขาเก้ามั่นมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”

ทุกผู้คนต่างพยายามพูดแสดงความคิดเห็นของตนออกมาแต่การกระทำครั้งนี้ของหยิงเฟิง

แม้ว่าสาขาเก้ามั่นนี้มันจะดูเหมือนมิใช่สาขาที่ใหญ่โตนักแต่พลังของพวกเขามันก็มากพอที่จะทำลายเมืองหลวงจักรพรรดิลงได้ง่ายๆ

โดยปกติแล้วคนทั้งหลายนี้ย่อมจะแยกย้ายกันไปประจำการในที่ต่างๆ

การที่เรียกระดมพวกเขามาพร้อมๆ กันเช่นนี้มันย่อมทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องประหลาดใจ

หยิงเฟิงยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้ทุกคนสงบก่อนจะกล่าวขึ้น “ที่เรียกพวกเจ้าทั้งหลายมาในวันนี้ก็ย่อมเพราะว่ามันมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการ…”

หยิงเฟิงได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ออกมาทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสีไปทันที

“แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ นั้นกลับมียอดฝีมือมากมายเช่นนั้น?”

“นี่มันจริงหรือ? แค่เพราะเด็กน้อยนภาสวรรค์ผู้หนึ่งทางหอมหาสมบัติกลับจะส่งผู้คนมากมายขนาดนี้มาเพื่อปกป้องเขา?”

“เจ้าจะไปรู้อะไร! เย่หยวนผู้นี้นี่แหละที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสาหลักทำเงินของหอมหาสมบัติ การส่งผู้คนมาปกป้องเขาในระดับนี้มันย่อมมิใช่เรื่องแปลกใดๆ เลย”

ในห้องลับใต้ดินน้อยๆ นี่มันถูกใช้เป็นสถานที่วางแผนการบุกเข้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ส่วนอีกด้านที่จวนเจ้าเมืองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้น หยูเหวินเฟิงก็กำลังนั่งพูดคุยกับชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยท่าทางสุดแสนจะระมัดระวังเกรงใจ

ชายคนนี้มีนามว่าต้วนยี่ เป็นเจ้าหอมหาสมบัติแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์และเป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาว

“นี่มัน…ท่านต้วนยี่ เจ้าโรงเตี้ยมน้อยๆ นั้นมันมีเรื่องราวใดเกิดขึ้นกันแน่?” หยูเหวินเฟิงไม่อาจทนความสงสัยได้อีกต่อไปจึงถามขึ้น

ต้วนยี่นั้นนั่งหลังตรงยกชาขึ้นมาจิบพร้อมด้วยท่าทางสุดจะชื่นชมในรสชานี้

“ท่านเจ้าเมืองหยูทนไม่ถามมาได้นานถึงขนาดนี้มันทำให้ข้าประทับใจจริงๆ แต่มิใช่ว่าต้วนผู้นี้ไม่คิดจะบอกท่าน แต่ข้าแค่กลัวว่าท่านจะกังวลกลัวเรื่องที่เกิดขึ้นจนเกินไป ท่านอยากจะรู้จริงๆ หรือ?” ต้วนยี่ถามด้วยรอยยิ้มบางๆ

หยูเหวินเฟิงหรี่ตาลงไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขานั้นคาดเดาได้แล้วว่าโรงเตี้ยมน้อยๆ แห่งนั้นมันต้องมีเรื่องไม่ธรรมดาเกิดขึ้นอย่างแน่นอนถึงได้ทำให้เทพถ่องแท้เก้าดาวได้เดินทางมายังจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ มีหรือที่มันจะเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปได้?

ที่สำคัญในตอนนี้ภายในจวนเจ้าเมืองเองก็ยังมีเทพถ่องแท้ขั้นปลายพักอยู่มากถึงยี่สิบกว่าคน

กองกำลังเช่นนี้มันย่อมทำให้หยูเหวินเฟิงไม่อาจนอนหลับได้สนิทในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

เขานั้นตื่นตกใจเป็นอย่างมากเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายนี้ หลายต่อหลายคนไม่ได้มาจากค่ายสำนักเดียวกัน

อย่างเช่นต้วนยี่ที่เป็นเจ้าหอมหาสมบัติแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ ส่วนยอดฝีมือท่านอื่นนั้นบ้างก็มาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ บ้างก็มาจากเมืองหลวงจักรพรรดิระดับสูง

และมันยังมีอีกหลายคนที่เป็นยอดฝีมือมาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์

เพียงแค่ว่าเหตุใดคนทั้งหลายจึงได้มารวมตัวกันที่นี่?

เทพสวรรค์?

แต่แม้จะเป็นยอดฝีมือเทพสวรรค์เองก็คงไม่อาจบัญชาเทพถ่องแท้จากหลายค่ายสำนักเช่นนี้ออกมาได้!

แล้วใครกันที่สามารถสั่งการกองกำลังผสมเช่นนี้?

หยูเหวินเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เปี่ยมหัวใจมาในหลายวันนี้

คนทั้งหลายนี้ได้ลอบเข้ามาในเมืองและมาถึงจวนเจ้าเมืองอย่างที่ไม่มีใครรับรู้

ตอนนี้ภายในจวนเจ้าเมืองมันมีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องราว

เมื่อได้ยินคำถามนั้นของต้วนยี่ หยูเหวินเฟิงจึงพยักหน้ารับออกมา “ท่านต้วนโปรดชี้แนะด้วย!”

ต้วนยี่ยกชาขึ้นมาดื่มอีกครั้งก่อนจะยิ้มตอบ “แท้จริงแล้วเจ้าโรงเตี้ยมน้อยนั้นมันเป็นที่ตั้งสาขาของประตูวิญญาณมรณา! หากให้ข้าเดาแล้วมันคงมียอดฝีมือเทพถ่องแท้ขั้นกลางหลบซ่อนอยู่ภายในนั้นไม่น้อยกว่าสิบคน!”

‘เคร้ง!’

หยูเหวินเฟิงตัวสั่นเทาปล่อยให้แก้วชาในมือร่วงลงสู่พื้นจนแตกออก

ตอนนี้ใบหน้าของเขาขาวซีดเสียยิ่งกว่ากระดาษ สองมือนั้นสั่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ประตูวิญญาณมรณานั้นมันคือชื่อที่ผู้คนได้ยินแล้วต้องขวัญผวา

และกองกำลังในระดับนั้นมันกลับมาตั้งสาขาอยู่ใต้จมูกของเขา!

พวกนี้มาอยู่ได้กี่ปีแล้ว?

และมียอดฝีมือมากมายแค่ไหนแล้วที่ต้องถูกคนทั้งหลายนี้กำจัดลง?

หยูเหวินเฟิงนั้นมีความคิดต่างๆ นานาอยู่เต็มสมอง หวาดกลัวอย่างสุดขีด

“แต่ท่านต้วน หอมหาสมบัติของท่านเองก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับประตูวิญญาณมรณามิใช่หรือ?” หยูเหวินเฟิงถามขึ้น

ต้วนยี่ยิ้มตอบ “หอมหาสมบัติของข้านั้นทำธุรกิจ ตราบเท่าที่มันมีผลประโยชน์มากพอข้าย่อมลงมือได้ ที่สำคัญเจ้ากองกำลังนี้มันได้สร้างชื่อเสียไว้มากมาย เป็นหน้าที่ของทุกผู้คนอยู่แล้วที่ต้องจัดการมันลง!”

หยูเหวินเฟิงตื่นตกใจอย่างมากและเขายิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าใครกันแน่ที่เป็นคนสั่งการคนทั้งหลายอยู่ด้านหลัง

ในตอนนั้นเองที่ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นในโถง

ผู้มาถึงนั้นก้มลงคารวะต้วนยี่และกล่าวรายงาน “ท่านต้วน พวกประตูวิญญาณมรณาได้ออกเดินทางแล้ว!”

นั่นทำให้หยูเหวินเฟิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าการปะทะกันของยอดเทพถ่องแท้ทั้งหลายกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า

ต้วนยี่ยกชาขึ้นมาดื่มอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น “ไปเรียกรวมพล เจ้าประตูวิญญาณมรณาสาขาเก้ามั่นนี้มันได้สร้างความฉิบหายมามากพอแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะถูกกำจัดเสียที”

คนของประตูวิญญาณมรณาทั้งหลายนั้นได้พรางตัวเดินทางออกจากเมืองไป

หยิงเฟิงสั่ง “ระหว่างทางไปพยายามอย่างทำตัวเด่นมากนัก อย่าได้ไปแหวกหญ้าให้งูตื่น เมื่อเราไปถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้วก็จงลอบเข้าไปก่อนแล้วหาโอกาสลงมือภายหลัง เข้าใจหรือไม่?”

“ครับท่านหยิงเฟิง!”

ทุกผู้คนรับทราบคำสั่งพร้อมมุ่งหน้าเดินทางไปบนอากาศ

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนี้ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนได้ถูกสายตามากมายจับจ้องอยู่

และที่ด้านหน้านั้นสิ่งที่รอพวกเขาทั้งหลายอยู่ก็คือการลอบโจมตีอันแสนสะท้าน

ระหว่างที่ผู้คนทั้งหลายนั้นกำลังเดินทางไปจู่ๆ ก็เกิดคลื่นพลังอันรุนแรงผ่าทะลุห้วงมิติออกมาโจมตีใส่พวกเขาคนหนึ่ง

‘ตูม!’

ด้านบนฟ้านั้นมันเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

เหล่าผู้อ่อนแอนั้นถึงขั้นตายลงด้วยคลื่นพลังอันบ้าคลั่งนี้

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้มันทำให้ไม่อาจมีใครตั้งรับได้ทัน

นั่นทำให้บนท้องฟ้าเกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไปทั่ว

หยิงเฟิงหน้าถอดสีทันที เขาได้รู้แล้วว่าพวกตนถูกลอบโจมตี!

เป็นไปได้อย่างไร?

พวกเขาเหล่าประตูวิญญาณมรณานั้นล้วนเป็นฝ่ายที่ลอบโจมตีผู้อื่น ไม่เคยมีวันใดที่พวกเขาจะนึกฝันว่าตนจะกลับเป็นฝ่ายถูกลอบโจมตี

“ใครกัน ออกมาหาข้าบัดเดี๋ยวนี้! ลอบทำร้ายผู้คนด้วยวิธีการเลวทราม เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นผู้คนอยู่หรือไม่?” หยิงเฟิงร้องบอก

‘ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!’

ด้วยเสียงร้องนั้นของเขามันจึงทำให้เกิดเงาร่างปรากฏขึ้นมารอบทิศโดยล้อมพวกเขาทั้งหลายไว้ภายใน

เมื่อพวกหยิงเฟิงเห็นกองกำลังเช่นนี้พวกเขาก็หน้าถอดสีขาวซีดลงทันที

ตอนนี้มีเทพถ่องแท้ขั้นปลายกว่ายี่สิบคนลอบรอบพวกเขาไว้ กำลังเช่นนี้มันย่อมเหนือล้ำอย่างไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในหมู่คนทั้งหลายนี้กลับเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวเสียด้วยซ้ำ!

“จัดการกับเหล่าคนเถื่อนเลวทรามที่ทำเรื่องชั่วช้าอย่างหน้าไม่อาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการสกปรกเพียงใดมันก็นับว่าเป็นวีรบุรุษมิใช่หรือ?”

หยิงเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปก่อนจะยกมือขึ้นมาคารวะต้วนยี่ “พี่ชายท่านนี้ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าท่านพูดกล่าวเรื่องใด! เรานั้นเป็นแค่คนที่รีบเดินทางผ่านมา เหตุใดกันที่พี่ท่านถึงได้มาตั้งกองกำลังลอบโจมตีเราเช่นนี้?”

ต้วนยี่มองดูหยิงเฟิงด้วยรอยยิ้ม “หยิงเฟิง ในฐานะหัวหน้าประตูวิญญาณมรณาสาขาเก้ามั่นเจ้าเองก็น่าจะพอรู้จักหน้าข้าบ้างมิใช่หรือ?”

หยิงเฟิงใจหายวาบทันทีที่ได้ยิน เหตุใดตัวเขาจึงถูกเปิดโปงเช่นนี้?

เขานั้นย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายคือเจ้าหอมหาสมบัติแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ ยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาว ในฐานะหัวหน้าสาขาของประตูวิญญาณมรณา มีหรือที่เขาจะไม่รู้จัก?

เมื่อเห็นว่าหยิงเฟิงไม่ตอบต้วนยี่ก็พูดขึ้นต่อ “เจ้าสงสัยหรือว่าเหตุใดตัวตนของเจ้าจึงถูกเปิดเผย? หึๆ ให้ข้าแนะนำคนผู้นี้ให้เจ้ารู้จักแล้วเจ้าก็จะได้รู้เอง”

ระหว่างที่เขาพูดไปมันก็ปรากฏเงาร่างอีกเงาหนึ่งเดินออกมาจากห้วงมิติ

หนิงเฟิงมองดูคนผู้นั้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “เย่หยวน!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1952 มัดรวม!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1952 มัดรวม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่าน มันเป็นเรื่องใดกันถึงเรียกพวกเรามา?”

“ใช่แล้ว การเรียกรวมพลมากมายขนาดนี้ในสาขาเก้ามั่นมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”

ทุกผู้คนต่างพยายามพูดแสดงความคิดเห็นของตนออกมาแต่การกระทำครั้งนี้ของหยิงเฟิง

แม้ว่าสาขาเก้ามั่นนี้มันจะดูเหมือนมิใช่สาขาที่ใหญ่โตนักแต่พลังของพวกเขามันก็มากพอที่จะทำลายเมืองหลวงจักรพรรดิลงได้ง่ายๆ

โดยปกติแล้วคนทั้งหลายนี้ย่อมจะแยกย้ายกันไปประจำการในที่ต่างๆ

การที่เรียกระดมพวกเขามาพร้อมๆ กันเช่นนี้มันย่อมทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องประหลาดใจ

หยิงเฟิงยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้ทุกคนสงบก่อนจะกล่าวขึ้น “ที่เรียกพวกเจ้าทั้งหลายมาในวันนี้ก็ย่อมเพราะว่ามันมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการ…”

หยิงเฟิงได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ออกมาทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสีไปทันที

“แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ นั้นกลับมียอดฝีมือมากมายเช่นนั้น?”

“นี่มันจริงหรือ? แค่เพราะเด็กน้อยนภาสวรรค์ผู้หนึ่งทางหอมหาสมบัติกลับจะส่งผู้คนมากมายขนาดนี้มาเพื่อปกป้องเขา?”

“เจ้าจะไปรู้อะไร! เย่หยวนผู้นี้นี่แหละที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสาหลักทำเงินของหอมหาสมบัติ การส่งผู้คนมาปกป้องเขาในระดับนี้มันย่อมมิใช่เรื่องแปลกใดๆ เลย”

ในห้องลับใต้ดินน้อยๆ นี่มันถูกใช้เป็นสถานที่วางแผนการบุกเข้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ส่วนอีกด้านที่จวนเจ้าเมืองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้น หยูเหวินเฟิงก็กำลังนั่งพูดคุยกับชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยท่าทางสุดแสนจะระมัดระวังเกรงใจ

ชายคนนี้มีนามว่าต้วนยี่ เป็นเจ้าหอมหาสมบัติแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์และเป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาว

“นี่มัน…ท่านต้วนยี่ เจ้าโรงเตี้ยมน้อยๆ นั้นมันมีเรื่องราวใดเกิดขึ้นกันแน่?” หยูเหวินเฟิงไม่อาจทนความสงสัยได้อีกต่อไปจึงถามขึ้น

ต้วนยี่นั้นนั่งหลังตรงยกชาขึ้นมาจิบพร้อมด้วยท่าทางสุดจะชื่นชมในรสชานี้

“ท่านเจ้าเมืองหยูทนไม่ถามมาได้นานถึงขนาดนี้มันทำให้ข้าประทับใจจริงๆ แต่มิใช่ว่าต้วนผู้นี้ไม่คิดจะบอกท่าน แต่ข้าแค่กลัวว่าท่านจะกังวลกลัวเรื่องที่เกิดขึ้นจนเกินไป ท่านอยากจะรู้จริงๆ หรือ?” ต้วนยี่ถามด้วยรอยยิ้มบางๆ

หยูเหวินเฟิงหรี่ตาลงไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขานั้นคาดเดาได้แล้วว่าโรงเตี้ยมน้อยๆ แห่งนั้นมันต้องมีเรื่องไม่ธรรมดาเกิดขึ้นอย่างแน่นอนถึงได้ทำให้เทพถ่องแท้เก้าดาวได้เดินทางมายังจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ มีหรือที่มันจะเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปได้?

ที่สำคัญในตอนนี้ภายในจวนเจ้าเมืองเองก็ยังมีเทพถ่องแท้ขั้นปลายพักอยู่มากถึงยี่สิบกว่าคน

กองกำลังเช่นนี้มันย่อมทำให้หยูเหวินเฟิงไม่อาจนอนหลับได้สนิทในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

เขานั้นตื่นตกใจเป็นอย่างมากเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายนี้ หลายต่อหลายคนไม่ได้มาจากค่ายสำนักเดียวกัน

อย่างเช่นต้วนยี่ที่เป็นเจ้าหอมหาสมบัติแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ ส่วนยอดฝีมือท่านอื่นนั้นบ้างก็มาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ บ้างก็มาจากเมืองหลวงจักรพรรดิระดับสูง

และมันยังมีอีกหลายคนที่เป็นยอดฝีมือมาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์

เพียงแค่ว่าเหตุใดคนทั้งหลายจึงได้มารวมตัวกันที่นี่?

เทพสวรรค์?

แต่แม้จะเป็นยอดฝีมือเทพสวรรค์เองก็คงไม่อาจบัญชาเทพถ่องแท้จากหลายค่ายสำนักเช่นนี้ออกมาได้!

แล้วใครกันที่สามารถสั่งการกองกำลังผสมเช่นนี้?

หยูเหวินเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เปี่ยมหัวใจมาในหลายวันนี้

คนทั้งหลายนี้ได้ลอบเข้ามาในเมืองและมาถึงจวนเจ้าเมืองอย่างที่ไม่มีใครรับรู้

ตอนนี้ภายในจวนเจ้าเมืองมันมีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องราว

เมื่อได้ยินคำถามนั้นของต้วนยี่ หยูเหวินเฟิงจึงพยักหน้ารับออกมา “ท่านต้วนโปรดชี้แนะด้วย!”

ต้วนยี่ยกชาขึ้นมาดื่มอีกครั้งก่อนจะยิ้มตอบ “แท้จริงแล้วเจ้าโรงเตี้ยมน้อยนั้นมันเป็นที่ตั้งสาขาของประตูวิญญาณมรณา! หากให้ข้าเดาแล้วมันคงมียอดฝีมือเทพถ่องแท้ขั้นกลางหลบซ่อนอยู่ภายในนั้นไม่น้อยกว่าสิบคน!”

‘เคร้ง!’

หยูเหวินเฟิงตัวสั่นเทาปล่อยให้แก้วชาในมือร่วงลงสู่พื้นจนแตกออก

ตอนนี้ใบหน้าของเขาขาวซีดเสียยิ่งกว่ากระดาษ สองมือนั้นสั่นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ประตูวิญญาณมรณานั้นมันคือชื่อที่ผู้คนได้ยินแล้วต้องขวัญผวา

และกองกำลังในระดับนั้นมันกลับมาตั้งสาขาอยู่ใต้จมูกของเขา!

พวกนี้มาอยู่ได้กี่ปีแล้ว?

และมียอดฝีมือมากมายแค่ไหนแล้วที่ต้องถูกคนทั้งหลายนี้กำจัดลง?

หยูเหวินเฟิงนั้นมีความคิดต่างๆ นานาอยู่เต็มสมอง หวาดกลัวอย่างสุดขีด

“แต่ท่านต้วน หอมหาสมบัติของท่านเองก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับประตูวิญญาณมรณามิใช่หรือ?” หยูเหวินเฟิงถามขึ้น

ต้วนยี่ยิ้มตอบ “หอมหาสมบัติของข้านั้นทำธุรกิจ ตราบเท่าที่มันมีผลประโยชน์มากพอข้าย่อมลงมือได้ ที่สำคัญเจ้ากองกำลังนี้มันได้สร้างชื่อเสียไว้มากมาย เป็นหน้าที่ของทุกผู้คนอยู่แล้วที่ต้องจัดการมันลง!”

หยูเหวินเฟิงตื่นตกใจอย่างมากและเขายิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าใครกันแน่ที่เป็นคนสั่งการคนทั้งหลายอยู่ด้านหลัง

ในตอนนั้นเองที่ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นในโถง

ผู้มาถึงนั้นก้มลงคารวะต้วนยี่และกล่าวรายงาน “ท่านต้วน พวกประตูวิญญาณมรณาได้ออกเดินทางแล้ว!”

นั่นทำให้หยูเหวินเฟิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าการปะทะกันของยอดเทพถ่องแท้ทั้งหลายกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า

ต้วนยี่ยกชาขึ้นมาดื่มอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น “ไปเรียกรวมพล เจ้าประตูวิญญาณมรณาสาขาเก้ามั่นนี้มันได้สร้างความฉิบหายมามากพอแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะถูกกำจัดเสียที”

คนของประตูวิญญาณมรณาทั้งหลายนั้นได้พรางตัวเดินทางออกจากเมืองไป

หยิงเฟิงสั่ง “ระหว่างทางไปพยายามอย่างทำตัวเด่นมากนัก อย่าได้ไปแหวกหญ้าให้งูตื่น เมื่อเราไปถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้วก็จงลอบเข้าไปก่อนแล้วหาโอกาสลงมือภายหลัง เข้าใจหรือไม่?”

“ครับท่านหยิงเฟิง!”

ทุกผู้คนรับทราบคำสั่งพร้อมมุ่งหน้าเดินทางไปบนอากาศ

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนี้ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนได้ถูกสายตามากมายจับจ้องอยู่

และที่ด้านหน้านั้นสิ่งที่รอพวกเขาทั้งหลายอยู่ก็คือการลอบโจมตีอันแสนสะท้าน

ระหว่างที่ผู้คนทั้งหลายนั้นกำลังเดินทางไปจู่ๆ ก็เกิดคลื่นพลังอันรุนแรงผ่าทะลุห้วงมิติออกมาโจมตีใส่พวกเขาคนหนึ่ง

‘ตูม!’

ด้านบนฟ้านั้นมันเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

เหล่าผู้อ่อนแอนั้นถึงขั้นตายลงด้วยคลื่นพลังอันบ้าคลั่งนี้

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้มันทำให้ไม่อาจมีใครตั้งรับได้ทัน

นั่นทำให้บนท้องฟ้าเกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไปทั่ว

หยิงเฟิงหน้าถอดสีทันที เขาได้รู้แล้วว่าพวกตนถูกลอบโจมตี!

เป็นไปได้อย่างไร?

พวกเขาเหล่าประตูวิญญาณมรณานั้นล้วนเป็นฝ่ายที่ลอบโจมตีผู้อื่น ไม่เคยมีวันใดที่พวกเขาจะนึกฝันว่าตนจะกลับเป็นฝ่ายถูกลอบโจมตี

“ใครกัน ออกมาหาข้าบัดเดี๋ยวนี้! ลอบทำร้ายผู้คนด้วยวิธีการเลวทราม เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นผู้คนอยู่หรือไม่?” หยิงเฟิงร้องบอก

‘ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!’

ด้วยเสียงร้องนั้นของเขามันจึงทำให้เกิดเงาร่างปรากฏขึ้นมารอบทิศโดยล้อมพวกเขาทั้งหลายไว้ภายใน

เมื่อพวกหยิงเฟิงเห็นกองกำลังเช่นนี้พวกเขาก็หน้าถอดสีขาวซีดลงทันที

ตอนนี้มีเทพถ่องแท้ขั้นปลายกว่ายี่สิบคนลอบรอบพวกเขาไว้ กำลังเช่นนี้มันย่อมเหนือล้ำอย่างไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในหมู่คนทั้งหลายนี้กลับเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวเสียด้วยซ้ำ!

“จัดการกับเหล่าคนเถื่อนเลวทรามที่ทำเรื่องชั่วช้าอย่างหน้าไม่อาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการสกปรกเพียงใดมันก็นับว่าเป็นวีรบุรุษมิใช่หรือ?”

หยิงเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปก่อนจะยกมือขึ้นมาคารวะต้วนยี่ “พี่ชายท่านนี้ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าท่านพูดกล่าวเรื่องใด! เรานั้นเป็นแค่คนที่รีบเดินทางผ่านมา เหตุใดกันที่พี่ท่านถึงได้มาตั้งกองกำลังลอบโจมตีเราเช่นนี้?”

ต้วนยี่มองดูหยิงเฟิงด้วยรอยยิ้ม “หยิงเฟิง ในฐานะหัวหน้าประตูวิญญาณมรณาสาขาเก้ามั่นเจ้าเองก็น่าจะพอรู้จักหน้าข้าบ้างมิใช่หรือ?”

หยิงเฟิงใจหายวาบทันทีที่ได้ยิน เหตุใดตัวเขาจึงถูกเปิดโปงเช่นนี้?

เขานั้นย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายคือเจ้าหอมหาสมบัติแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ ยอดฝีมือเทพถ่องแท้เก้าดาว ในฐานะหัวหน้าสาขาของประตูวิญญาณมรณา มีหรือที่เขาจะไม่รู้จัก?

เมื่อเห็นว่าหยิงเฟิงไม่ตอบต้วนยี่ก็พูดขึ้นต่อ “เจ้าสงสัยหรือว่าเหตุใดตัวตนของเจ้าจึงถูกเปิดเผย? หึๆ ให้ข้าแนะนำคนผู้นี้ให้เจ้ารู้จักแล้วเจ้าก็จะได้รู้เอง”

ระหว่างที่เขาพูดไปมันก็ปรากฏเงาร่างอีกเงาหนึ่งเดินออกมาจากห้วงมิติ

หนิงเฟิงมองดูคนผู้นั้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “เย่หยวน!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+