Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1959 ท่านเจ้าเมืองต้องการพบเขา

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1959 ท่านเจ้าเมืองต้องการพบเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขอบคุณเจ้ามากเย่หยวน” เจียนหงเซียวบอกขอบคุณต่อเย่หยวน

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ตระกูลเจียนนั้นนับถือศาลามายาล้ำเป็นใหญ่มิใช่หรือ? แล้ววังดารานี้คือสิ่งใดกัน?”

เพราะตัวเย่หยวนเองก็ไม่เคยจะรับรู้หรือได้ยินนามของวังดาราจนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

เจียนหงเซียวบอกขึ้น “วังดารานั้นเป็นหัวใจของศาลามายาล้ำ ผู้ที่เข้าไปได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น มีความสามารถเก่งกาจในวิชาการทำนายและผู้อาวุโสแห่งวังดารานั้นก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นแปดคน มีเพียงยอดคนผู้เก่งกาจและแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นได้”

เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ

แม้ว่ามหาพิภพถงเทียนมันจะสุดแสนใหญ่โตแต่เหล่ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิที่ตระกูลเจียนได้ไปตั้งรกรากสุดท้ายมันก็มิใช่เมืองของพวกเขา ผู้ที่จะเข้าวังดารานี้มาได้จึงต้องเป็นยอดคนของยอดคนมากความสามารถในเต๋าแห่งการทำนาย

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดในตอนนั้นเย่หยวนถึงรู้สึกว่าตัวตนของเจียนหงเซียวนั้นลึกลับเลื่อนลอย

เพราะต่อให้การบ่มเพาะของเขาจะร่วงตกลงมาอย่างรุนแรงแต่วิชาการทำนายของเขาก็ยังสูงส่ง มันเหนือล้ำอย่างที่คนระดับเดียวกันทั้งหลายไม่อาจเทียบเคียงได้

“วังดารานี้มันจะมีตั้งอยู่เพียงแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ ที่สำคัญในแต่ละวังนั้นจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนามวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงอยู่ และหน้าที่ของวังดาราก็คือการใช้เจ้าวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนี้เพื่อทำนายอ่านเต๋าสวรรค์ ผู้อาวุโสแห่งวังดาราแต่ละคนนั้นก็จะมีหน้าที่ดูแลวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงในส่วนของตน เป็นความรับผิดชอบที่แสนยิ่งใหญ่” เจียนหงเซียวบอกต่อ

เย่หยวนพยักหน้ารับออกมาด้วยท่าทางเข้าใจ “เป็นเช่นนั้นนี่เอง! แล้วเจ้าเจียนหยุนผู้นั้นมันมีความแค้นกับท่านหรือ?”

เจียนหงเซียวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “พ่อของเจียนหยุนนั้นนามว่าเจียนห่าว ก่อนนั้นเขาถูกข้าล้ำหน้ามาตลอดเพราะตำแหน่งของผู้อาวุโสนั้นมันมีได้เพียงแค่แปดที่ทำให้เขาไม่เคยจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส ส่วนเรื่องของเจียนหยุนนั้นข้าเคยทำนายชะตาให้เขาไปครั้งหนึ่งและเห็นว่าเขาคงมีอนาคตที่ไม่ไกลนัก ทำให้พ่อลูกคู่นี้ดูท่าจะมีความแค้นอย่างมากกับข้า”

เย่หยวนยิ้มขึ้นมา “ข้ากลัวว่าความแค้นคงไม่ถูกเสียทีเดียว เจ้าเจียนห่าวนั้นดูท่าจะกลัวท่านกลับมาชิงตำแหน่งผู้อาวุโสคืนเสียมากกว่ามั้ง?”

เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ “ด้วยความสามารถของเจียนหยุนแล้วเขาคงไม่อาจทำนายการกลับมาของข้าได้ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเจียนห่าวแน่นอน แต่ด้วยเรื่องราวในครั้งนี้ดูท่าเจียนหยุนคงต้องพิการไปเสียแล้ว”

ระหว่างที่คนทั้งสองพูดคุยกันไปเจียนเฉินที่ด้านข้างก็คิดอยากจะเปิดปากพูดถามแต่ก็ต้องกลืนคำถามลงคอไป

และจู่ๆ เย่หยวนก็คิดเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้น “ผู้อาวุโส เรื่องราวในตอนนี้สิ่งสำคัญคือเราควรจะรีบหาสูตรโอสถมาให้ได้เสียก่อนดีกว่า”

เจียนหงเซียวกล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง “เจ้ายังคิดอยากหลอมโอสถให้ข้าหรือ?”

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ดูสิท่านพูดอะไรออกมา หากไม่ใช่เพื่อหลอมโอสถนี้แล้วข้าจะเดินทางมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้เพื่อเรื่องใด?”

“ต-แต่เจ้าก็รู้ดีว่าข้าเป็นคนบาปของวังดารา!” เจียนหงเซียวตอบกลับ

เขาคิดไปถึงขั้นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันคงทำให้เย่หยวนเปลี่ยนใจไม่คิดหลอมโอสถใดๆ ให้แก่ตัวเขาแล้ว

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียอดีตอันไม่น่าชื่นชมของเขาก็ถูกผู้อื่นนำมาเปิดเผย

ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับยังบอกว่าคิดจะหลอมโอสถให้แก่ตัวเขา

เย่หยวนหันไปมองหน้าเจียนเฉินน้อยๆ ก่อนจะกลับมายิ้มให้เจียนหงเซียว “แล้วทำไมเล่า? ท่านคือผู้อาวุโสที่ข้าเย่หยวนผู้นี้ยอมรับนับถือ ท่านนั้นเปรียบดั่งสหายของข้า ท่านแสดงความเอ็นดูช่วยเหลือตัวข้า ต่อตัวเย่หยวนผู้นี้ เรื่องราวอื่นใดที่เหลือนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ต่อให้ท่านจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกข้าก็จะหลอมโอสถนี้ให้ท่านอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของทั้งเจียนหงเซียวและเจียนเฉินต่างก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นคนที่ยึดมั่นในสายสัมพันธ์ถึงขั้นนี้

เจียนหงเซียวนั้นยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มในหัวใจจนน้ำตาเริ่มไหลลงนองหน้า

การที่มีคนเลือกจะเข้าข้างตัวแม้จะต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งโลก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ง่ายๆ

เพราะแท้จริงแล้วในเรื่องนี้เย่หยวนก็พอจะมองมันออกได้ไม่ยาก ดูท่าแล้วเรื่องราวของเจียนหงเซียวมันคงเป็นเรื่องที่เจ็บช้ำจนทำให้เขาไม่คิดอยากจะรื้อฟื้นพูดมันออกมา

เมื่อเติบโตมาจนถึงเวลานี้เย่หยวนย่อมมิใช่คนโง่อ่อนแออีกต่อไป ทุกวันนี้เขามั่นใจในสายตาการมองผู้คนของเขามาก

เจียนหงเซียวนั้นไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายไม่สนใจชีวิตผู้คนและไม่ได้มีไอแห่งความชั่วร้ายที่มากมายใดๆ

การใช้วิชาลับนั้นดูท่าแล้วมันคงมีเหตุผลอื่น

ที่สำคัญสุดท้ายแล้วเจ้ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้ก็ยังช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ด้วยโอสถจันทร์สว่างเมฆาม่วง เรื่องนี้มันยืนยันสันนิษฐานของเย่หยวนได้อย่างดี

หากเจียนหงเซียวนั้นเป็นคนร้ายที่ใช้วิชาลับออกมาด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัวแล้วมีหรือที่เทพสวรรค์ผู้นั้นจะมาช่วยเหลือเขาเช่นนั้น?

“เจ้าไม่อยากรู้หรอกหรือว่าความเป็นจริงแล้วตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจียนหงเซียวถามขึ้น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากท่านคิดอยากบอก ท่านก็คงบอกข้าไปนานแล้ว ในเมื่อท่านไม่คิดจะบอก เหตุใดข้าต้องไปเปิดแผลนั้นขึ้นมาด้วยเล่า?”

เจียนหงเซียวได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา “การได้มีสหายเช่นนี้ชีวิตนี้ข้ายังจะต้องการสิ่งใดอีก! เย่หยวนจากวันนี้ไปเจ้าและข้านั้นจะเป็นสหายกันจนวันตาย!”

ในเวลานี้เองความโกรธแค้นของเจียนห่าวก็ปะทุขึ้นอย่างไม่อาจห้าม

เขานั้นใช้ความคิดพลังสมองทั้งหมดที่มีเพื่อดันให้ลูกชายสามารถเข้าวังดารามาได้

แต่สุดท้ายเจียนหยุนกลับต้องมาพิการไป!

กับคนตระกูลเจียนแล้วตาบอดนั้นมันย่อมไม่ต่างไปกับการเป็นง่อย

โอสถหกชีพจรดวงดาว?

เจียนห่าวย่อมไม่อาจจะคิดถึงมันได้!

หากโอสถเช่นนั้นมันมีจริงครานั้นเจียนหงเซียวก็คงไม่ต้องออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศไปอย่างผู้พ่ายแพ้เช่นนั้น

โอสถที่แม้แต่เจ้าเมืองยังไม่อาจหามาได้ แล้วมีหรือที่ตัวเขาจะมีปัญญาไปหามันได้?

“พ่อ ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า! เจ้าเฒ่านั้นรวมไปถึงเจ้าเด็กนั่น มันต้องคิดวางแผนมาทำร้ายข้าเป็นแน่!” เจียนหยุนร้องบอก

เจียนห่าวกัดฟันแน่น “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะทำให้เจ้าเจียนหงเซียวต้องหายไปจากโลกในครานี้! หลี่ซุน เจ้าพาผู้คนไปจับตัวพวกเจียนหงเซียวทั้งสามมาให้ข้า!”

ที่ด้านหลังเจียนห่าวนั้นคือเทพถ่องแท้เจ็ดดาวผู้หนึ่งที่พยักหน้ารับคำสั่งและเดินจากไป

ในฐานะผู้อาวุโสแห่งวังดาราแล้วตำแหน่งของเจียนห่าวมันย่อมเหนือล้ำ คนรับใช้รอบตัวต่างเป็นยอดฝีมือสิ้น

หลี่ซุนคัดเลือกนำคนติดตามออกเดินทางไปยังโรงเตี้ยมที่พวกเย่หยวนทั้งสามคนพัก

“เจียนหงเซียว เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้! เจ้ากล้ามาทำร้ายศิษย์วังดาราเรา เจ้าสมควรรับโทษตายพันครั้ง!”

ที่ด้านนอกโรงเตี้ยมหลี่ซุนร้องเรียกด้วยเสียงดังสนั่น

“นั่นมันผู้พิทักษ์หลี่ซุนที่ติดตามผู้อาวุโสเจียนห่าวมิใช่หรือ? ใครกันที่ไปหาเรื่องพวกเขา?”

“ชิๆ ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็คงจบไม่สวยแล้ว!”

“ข้าได้ยินว่าลูกชายของผู้อาวุโสเจียนห่าว เจียนหยุนนั้นได้กลายเป็นคนตาบอดไปในวันนี้ หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้กัน?”

ที่ด้านนอกทุกผู้คนที่ได้ยินต่างคาดเดาเรื่องราวกันไปต่างๆ นาๆ

แต่สุดท้ายแล้วมันกลับไม่มีใครออกมารับคำเรียก

หลี่ซุนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดขึ้นเสียงดังสนั่นอีกครั้ง “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่คิดยอมจำนนดีๆ ข้าก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป! พวกเจ้าทั้งหลายจงเฝ้าไว้ให้ดีอย่าให้พวกมันหนีไปได้!”

ก่อนที่หลี่ซุนจะมานั้นเขาได้ตรวจสอบเรื่องราวมาจนสิ้น คนทั้งสามนี้สองคนเป็นแค่เทพถ่องแท้หนึ่งดาวเดินทางมากับเฒ่านภาสวรรค์ การที่ส่งตัวเขาออกมาจับเช่นนี้มันย่อมเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน

แต่สภาพของเจียนห่าวในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจนไม่อาจสนใจเรื่องนั้นได้แล้ว

ปัง!

หลี่ซุนบุกเข้ามาภายในด้วยการใช้ฝ่ามือทลายประตูลง

“เจียนหงเซียว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนถึงกล้าคิดมาทำร้ายคนของวังดารา…ผ…ผู้อาวุโสซู่หยาน ท…ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”

ภายในโรงเตี้ยมนั้นเจียนหงเซียวกำลังนั่งคุยอยู่กับชายแก่ผู้หนึ่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์

เมื่อหลี่ซุนเห็นคนผู้นั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงทันที ตอนนี้แม้แต่จะพูดเขายังพูดออกมาได้ติดๆ ขัดๆ

เพราะชายแก่ผู้นี้มีนามว่าเจียนซู่หยาน เป็นผู้อาวุโสแห่งวังดาราเช่นกัน

เพียงแค่ว่าตำแหน่งของเจียนซู่หยานนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าเจียนห่าวนัก

เพราะเจียนซู่หยานผู้นี้เป็นถึงเทพสวรรค์!

เจียนซู่หยานยกชาขึ้นจิบก่อนจะหันหน้ากลับไปบอก “เจ้ากลับไปบอกเจียนห่าวเถิดว่าอย่าได้คิดทำการใดกับพวกหงเซียวอีก เพราะท่านเจ้าเมืองเรียกหาเขา”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1959 ท่านเจ้าเมืองต้องการพบเขา

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1959 ท่านเจ้าเมืองต้องการพบเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขอบคุณเจ้ามากเย่หยวน” เจียนหงเซียวบอกขอบคุณต่อเย่หยวน

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ตระกูลเจียนนั้นนับถือศาลามายาล้ำเป็นใหญ่มิใช่หรือ? แล้ววังดารานี้คือสิ่งใดกัน?”

เพราะตัวเย่หยวนเองก็ไม่เคยจะรับรู้หรือได้ยินนามของวังดาราจนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

เจียนหงเซียวบอกขึ้น “วังดารานั้นเป็นหัวใจของศาลามายาล้ำ ผู้ที่เข้าไปได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น มีความสามารถเก่งกาจในวิชาการทำนายและผู้อาวุโสแห่งวังดารานั้นก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นแปดคน มีเพียงยอดคนผู้เก่งกาจและแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นได้”

เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ

แม้ว่ามหาพิภพถงเทียนมันจะสุดแสนใหญ่โตแต่เหล่ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิที่ตระกูลเจียนได้ไปตั้งรกรากสุดท้ายมันก็มิใช่เมืองของพวกเขา ผู้ที่จะเข้าวังดารานี้มาได้จึงต้องเป็นยอดคนของยอดคนมากความสามารถในเต๋าแห่งการทำนาย

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดในตอนนั้นเย่หยวนถึงรู้สึกว่าตัวตนของเจียนหงเซียวนั้นลึกลับเลื่อนลอย

เพราะต่อให้การบ่มเพาะของเขาจะร่วงตกลงมาอย่างรุนแรงแต่วิชาการทำนายของเขาก็ยังสูงส่ง มันเหนือล้ำอย่างที่คนระดับเดียวกันทั้งหลายไม่อาจเทียบเคียงได้

“วังดารานี้มันจะมีตั้งอยู่เพียงแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ ที่สำคัญในแต่ละวังนั้นจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนามวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงอยู่ และหน้าที่ของวังดาราก็คือการใช้เจ้าวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนี้เพื่อทำนายอ่านเต๋าสวรรค์ ผู้อาวุโสแห่งวังดาราแต่ละคนนั้นก็จะมีหน้าที่ดูแลวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงในส่วนของตน เป็นความรับผิดชอบที่แสนยิ่งใหญ่” เจียนหงเซียวบอกต่อ

เย่หยวนพยักหน้ารับออกมาด้วยท่าทางเข้าใจ “เป็นเช่นนั้นนี่เอง! แล้วเจ้าเจียนหยุนผู้นั้นมันมีความแค้นกับท่านหรือ?”

เจียนหงเซียวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “พ่อของเจียนหยุนนั้นนามว่าเจียนห่าว ก่อนนั้นเขาถูกข้าล้ำหน้ามาตลอดเพราะตำแหน่งของผู้อาวุโสนั้นมันมีได้เพียงแค่แปดที่ทำให้เขาไม่เคยจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส ส่วนเรื่องของเจียนหยุนนั้นข้าเคยทำนายชะตาให้เขาไปครั้งหนึ่งและเห็นว่าเขาคงมีอนาคตที่ไม่ไกลนัก ทำให้พ่อลูกคู่นี้ดูท่าจะมีความแค้นอย่างมากกับข้า”

เย่หยวนยิ้มขึ้นมา “ข้ากลัวว่าความแค้นคงไม่ถูกเสียทีเดียว เจ้าเจียนห่าวนั้นดูท่าจะกลัวท่านกลับมาชิงตำแหน่งผู้อาวุโสคืนเสียมากกว่ามั้ง?”

เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ “ด้วยความสามารถของเจียนหยุนแล้วเขาคงไม่อาจทำนายการกลับมาของข้าได้ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเจียนห่าวแน่นอน แต่ด้วยเรื่องราวในครั้งนี้ดูท่าเจียนหยุนคงต้องพิการไปเสียแล้ว”

ระหว่างที่คนทั้งสองพูดคุยกันไปเจียนเฉินที่ด้านข้างก็คิดอยากจะเปิดปากพูดถามแต่ก็ต้องกลืนคำถามลงคอไป

และจู่ๆ เย่หยวนก็คิดเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้น “ผู้อาวุโส เรื่องราวในตอนนี้สิ่งสำคัญคือเราควรจะรีบหาสูตรโอสถมาให้ได้เสียก่อนดีกว่า”

เจียนหงเซียวกล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง “เจ้ายังคิดอยากหลอมโอสถให้ข้าหรือ?”

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ดูสิท่านพูดอะไรออกมา หากไม่ใช่เพื่อหลอมโอสถนี้แล้วข้าจะเดินทางมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้เพื่อเรื่องใด?”

“ต-แต่เจ้าก็รู้ดีว่าข้าเป็นคนบาปของวังดารา!” เจียนหงเซียวตอบกลับ

เขาคิดไปถึงขั้นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันคงทำให้เย่หยวนเปลี่ยนใจไม่คิดหลอมโอสถใดๆ ให้แก่ตัวเขาแล้ว

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียอดีตอันไม่น่าชื่นชมของเขาก็ถูกผู้อื่นนำมาเปิดเผย

ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับยังบอกว่าคิดจะหลอมโอสถให้แก่ตัวเขา

เย่หยวนหันไปมองหน้าเจียนเฉินน้อยๆ ก่อนจะกลับมายิ้มให้เจียนหงเซียว “แล้วทำไมเล่า? ท่านคือผู้อาวุโสที่ข้าเย่หยวนผู้นี้ยอมรับนับถือ ท่านนั้นเปรียบดั่งสหายของข้า ท่านแสดงความเอ็นดูช่วยเหลือตัวข้า ต่อตัวเย่หยวนผู้นี้ เรื่องราวอื่นใดที่เหลือนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับข้า! ต่อให้ท่านจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกข้าก็จะหลอมโอสถนี้ให้ท่านอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของทั้งเจียนหงเซียวและเจียนเฉินต่างก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นคนที่ยึดมั่นในสายสัมพันธ์ถึงขั้นนี้

เจียนหงเซียวนั้นยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มในหัวใจจนน้ำตาเริ่มไหลลงนองหน้า

การที่มีคนเลือกจะเข้าข้างตัวแม้จะต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งโลก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ง่ายๆ

เพราะแท้จริงแล้วในเรื่องนี้เย่หยวนก็พอจะมองมันออกได้ไม่ยาก ดูท่าแล้วเรื่องราวของเจียนหงเซียวมันคงเป็นเรื่องที่เจ็บช้ำจนทำให้เขาไม่คิดอยากจะรื้อฟื้นพูดมันออกมา

เมื่อเติบโตมาจนถึงเวลานี้เย่หยวนย่อมมิใช่คนโง่อ่อนแออีกต่อไป ทุกวันนี้เขามั่นใจในสายตาการมองผู้คนของเขามาก

เจียนหงเซียวนั้นไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายไม่สนใจชีวิตผู้คนและไม่ได้มีไอแห่งความชั่วร้ายที่มากมายใดๆ

การใช้วิชาลับนั้นดูท่าแล้วมันคงมีเหตุผลอื่น

ที่สำคัญสุดท้ายแล้วเจ้ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้ก็ยังช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ด้วยโอสถจันทร์สว่างเมฆาม่วง เรื่องนี้มันยืนยันสันนิษฐานของเย่หยวนได้อย่างดี

หากเจียนหงเซียวนั้นเป็นคนร้ายที่ใช้วิชาลับออกมาด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัวแล้วมีหรือที่เทพสวรรค์ผู้นั้นจะมาช่วยเหลือเขาเช่นนั้น?

“เจ้าไม่อยากรู้หรอกหรือว่าความเป็นจริงแล้วตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจียนหงเซียวถามขึ้น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากท่านคิดอยากบอก ท่านก็คงบอกข้าไปนานแล้ว ในเมื่อท่านไม่คิดจะบอก เหตุใดข้าต้องไปเปิดแผลนั้นขึ้นมาด้วยเล่า?”

เจียนหงเซียวได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา “การได้มีสหายเช่นนี้ชีวิตนี้ข้ายังจะต้องการสิ่งใดอีก! เย่หยวนจากวันนี้ไปเจ้าและข้านั้นจะเป็นสหายกันจนวันตาย!”

ในเวลานี้เองความโกรธแค้นของเจียนห่าวก็ปะทุขึ้นอย่างไม่อาจห้าม

เขานั้นใช้ความคิดพลังสมองทั้งหมดที่มีเพื่อดันให้ลูกชายสามารถเข้าวังดารามาได้

แต่สุดท้ายเจียนหยุนกลับต้องมาพิการไป!

กับคนตระกูลเจียนแล้วตาบอดนั้นมันย่อมไม่ต่างไปกับการเป็นง่อย

โอสถหกชีพจรดวงดาว?

เจียนห่าวย่อมไม่อาจจะคิดถึงมันได้!

หากโอสถเช่นนั้นมันมีจริงครานั้นเจียนหงเซียวก็คงไม่ต้องออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศไปอย่างผู้พ่ายแพ้เช่นนั้น

โอสถที่แม้แต่เจ้าเมืองยังไม่อาจหามาได้ แล้วมีหรือที่ตัวเขาจะมีปัญญาไปหามันได้?

“พ่อ ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า! เจ้าเฒ่านั้นรวมไปถึงเจ้าเด็กนั่น มันต้องคิดวางแผนมาทำร้ายข้าเป็นแน่!” เจียนหยุนร้องบอก

เจียนห่าวกัดฟันแน่น “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะทำให้เจ้าเจียนหงเซียวต้องหายไปจากโลกในครานี้! หลี่ซุน เจ้าพาผู้คนไปจับตัวพวกเจียนหงเซียวทั้งสามมาให้ข้า!”

ที่ด้านหลังเจียนห่าวนั้นคือเทพถ่องแท้เจ็ดดาวผู้หนึ่งที่พยักหน้ารับคำสั่งและเดินจากไป

ในฐานะผู้อาวุโสแห่งวังดาราแล้วตำแหน่งของเจียนห่าวมันย่อมเหนือล้ำ คนรับใช้รอบตัวต่างเป็นยอดฝีมือสิ้น

หลี่ซุนคัดเลือกนำคนติดตามออกเดินทางไปยังโรงเตี้ยมที่พวกเย่หยวนทั้งสามคนพัก

“เจียนหงเซียว เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้! เจ้ากล้ามาทำร้ายศิษย์วังดาราเรา เจ้าสมควรรับโทษตายพันครั้ง!”

ที่ด้านนอกโรงเตี้ยมหลี่ซุนร้องเรียกด้วยเสียงดังสนั่น

“นั่นมันผู้พิทักษ์หลี่ซุนที่ติดตามผู้อาวุโสเจียนห่าวมิใช่หรือ? ใครกันที่ไปหาเรื่องพวกเขา?”

“ชิๆ ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็คงจบไม่สวยแล้ว!”

“ข้าได้ยินว่าลูกชายของผู้อาวุโสเจียนห่าว เจียนหยุนนั้นได้กลายเป็นคนตาบอดไปในวันนี้ หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้กัน?”

ที่ด้านนอกทุกผู้คนที่ได้ยินต่างคาดเดาเรื่องราวกันไปต่างๆ นาๆ

แต่สุดท้ายแล้วมันกลับไม่มีใครออกมารับคำเรียก

หลี่ซุนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดขึ้นเสียงดังสนั่นอีกครั้ง “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่คิดยอมจำนนดีๆ ข้าก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป! พวกเจ้าทั้งหลายจงเฝ้าไว้ให้ดีอย่าให้พวกมันหนีไปได้!”

ก่อนที่หลี่ซุนจะมานั้นเขาได้ตรวจสอบเรื่องราวมาจนสิ้น คนทั้งสามนี้สองคนเป็นแค่เทพถ่องแท้หนึ่งดาวเดินทางมากับเฒ่านภาสวรรค์ การที่ส่งตัวเขาออกมาจับเช่นนี้มันย่อมเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน

แต่สภาพของเจียนห่าวในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจนไม่อาจสนใจเรื่องนั้นได้แล้ว

ปัง!

หลี่ซุนบุกเข้ามาภายในด้วยการใช้ฝ่ามือทลายประตูลง

“เจียนหงเซียว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากที่ไหนถึงกล้าคิดมาทำร้ายคนของวังดารา…ผ…ผู้อาวุโสซู่หยาน ท…ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”

ภายในโรงเตี้ยมนั้นเจียนหงเซียวกำลังนั่งคุยอยู่กับชายแก่ผู้หนึ่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์

เมื่อหลี่ซุนเห็นคนผู้นั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงทันที ตอนนี้แม้แต่จะพูดเขายังพูดออกมาได้ติดๆ ขัดๆ

เพราะชายแก่ผู้นี้มีนามว่าเจียนซู่หยาน เป็นผู้อาวุโสแห่งวังดาราเช่นกัน

เพียงแค่ว่าตำแหน่งของเจียนซู่หยานนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าเจียนห่าวนัก

เพราะเจียนซู่หยานผู้นี้เป็นถึงเทพสวรรค์!

เจียนซู่หยานยกชาขึ้นจิบก่อนจะหันหน้ากลับไปบอก “เจ้ากลับไปบอกเจียนห่าวเถิดว่าอย่าได้คิดทำการใดกับพวกหงเซียวอีก เพราะท่านเจ้าเมืองเรียกหาเขา”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+