Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1960 ข้ามิอาจให้เจ้าได้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1960 ข้ามิอาจให้เจ้าได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงคิดอยากพบเจอมัน? ที่สำคัญยังต้องส่งท่านซู่หยานไปเชิญเองด้วย? หรือว่า…เขาคิดจะแต่งตั้งตำแหน่งในวังดาราให้มันอีก?”

ได้ยินข่าวที่หลี่ซุนนำกลับมาเจียนห่าวก็ได้แต่คิดจินตนาการไปอย่างไม่อาจหักห้าม

เพราะในตอนที่เจียนหงเซียวยังคงดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสวังดารานั้นท่านเจ้าเมืองได้ประเมินตัวเขาไว้สูงส่งอย่างมาก

การคิดเจอกับเจียนหงเซียวอีกครั้งนี้หรือว่าเขาต้องการที่จะเรียกเจียนหงเซียวกลับเข้าตำแหน่ง?

หากเป็นเช่นนั้นแล้วคงเป็นปัญหาแน่!

“นี่มัน…เป็นเรื่องที่ข้าน้อยมิทราบ” หลี่ซุนตอบกลับมา

เจียนห่าวหรี่ตาลงพร้อมถามอย่างดุดัน “แล้วเจ้าเด็กที่ทำให้หยุนเอ๋อต้องกลายเป็นเช่นนี้เล่า? มันเป็นตัวร้ายที่แท้จริง! ไปจับตัวมันมาให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้!”

เจียนหงเซียวนั้นมีเจียนซู่หยานปกป้อง และตัวตนอย่างเจียนซู่หยานนั้นก็มิใช่คนที่คนอย่างเจียนห่าวนั้นจะไปท้าทายอำนาจได้ แต่เย่หยวนนั้นมิใช่

หลี่ซุนตอบกลับมาด้วยใบหน้าหมดหมอง “ข้าน้อยเองก็คิดอยากพามันมาเช่นกัน แต่…ท่านผู้อาวุโสซู่หยานกลับบอกว่าท่านเจ้าเมืองอยากเจอตัวมันด้วย!”

“หา?! ท่านเจ้าเมืองจะคิดอยากเจอเจ้าเด็กคนนี้ไปเพื่อการณ์ใด? หรือว่า… เจ้าเด็กคนนี้มันจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง?” เมื่อเจียนห่าวได้ยินเขาก็เริ่มคิดขึ้นมาได้ด้วยความตกตะลึง

หลี่ซุนเองจึงตอบกลับมา “ผู้อาวุโส นายน้อยหยุนนั้นเพียงแค่มองเจ้าเด็กคนนี้ครั้งเดียวแต่กลับต้องรับผลสะท้อนอย่างรุนแรงถึงปานนี้ เป็นไปได้ว่า…ไอ้เด็กคนนี้มันอาจจะมีบางสิ่งที่เหนือล้ำผู้คนหรือไม่?”

เจียนห่าวนั้นได้แต่ขมวดคิ้วแน่นพยายามคิดดูอย่างรอบคอบและยิ่งคิดไปมากเท่าใด เขาก็ยิ่งสั่นกลัวมากขึ้นเท่านั้น

“แม้ว่าหยุนเอ๋อนั้นจะมีศาสตร์การดูรัศมีที่ไม่เก่งกาจนักแต่สุดท้ายเขาก็เป็นถึงเทพถ่องแท้ผู้หนึ่ง ต่อให้มันจะเป็นรัศมีจักรพรรดิมันก็คงไม่มีทางจะสร้างแรงสะท้อนที่รุนแรงเช่นนี้ให้ได้ หรือว่า…เจ้าเด็กคนนั้นมันจะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ? ที่สำคัญมันยังเป็นยอดคนในหมู่ผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิเสียด้วย? แต่…มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”

เดิมทีแล้วเพราะอาการบาดเจ็บของเจียนหยุนทำให้เจียนห่าวนั้นขาดสติและไม่ได้คิดถึงเรื่องราวเบื้องหลัง

แต่ตอนนี้เมื่อลองคิดดูอย่างใจเย็นแล้วเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันมีอะไรแปลกประหลาดอย่างมาก

เขานั้นเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งวังดาราแน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจศาสตร์แห่งการดูรัศมีอย่างดี

การที่จะทำให้เจียนหยุนถูกแรงสะท้อนขนาดนี้ได้หากเย่หยวนไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าบางอย่างติดตัวเขาก็ต้องมีดวงชะตาที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่

และไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไหนเบื้องหลังของเย่หยวนนี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

แต่ปัญหานั้นคือเจียนหงเซียวไปเจอเด็กคนนี้จากที่ใดและเหตุใดที่ทำให้เขาคิดพาเด็กคนนี้มายังบอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศ?

ที่สำคัญทางเจ้าเมืองยังคิดอยากเจอเด็กคนนี้ด้วย!

เรื่องราวในครั้งนี้ดูท่ามันจะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว

เมื่อเดินเข้าในโถงกว้างนี้มาเย่หยวนก็รู้สึกราวกับว่าได้เดินเข้ามาท่ามกลางทะเลดวงดาว

ภายในศูนย์กลางของทะเลดวงดาวนี้มันมีอุปกรณ์อันใหญ่โตมหาศาลดูทรงค่าทรงพลังตั้งวางหมุนวนอยู่ช้าๆ

เย่หยวนมองดูที่อุปกรณ์ชิ้นนี้และรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังลึกลับที่มันส่งออกมาทำให้เขาคาดเดาว่านี่คงเป็นวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงแน่แล้ว

และที่ตรงหน้ามันนั้นก็มีชายชุดเทาผู้หนึ่งนั่งลงด้วยเส้นดาบสีเหลืองทองที่ปล่อยออกมารอบกายค่อยๆ เสีบผสานมันเข้าไปในวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนั้น

ชายชราคนนี้มันทำให้เย่หยวนรู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่าตัวเขานั้นคือท้องฟ้าแห่งดวงดาว

อีกฝ่ายนั้นยังไม่ได้หันมามองเขา แต่เย่หยวนกลับรู้สึกเหมือนถูกมองผ่านไปอย่างทะลุปรุโปร่ง

หลังจากเจียนหงเซียวเข้ามาถึงโถงใหญ่นี้สีหน้าของเขาก็มีแต่ความเคารพและมันยิ่งทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อขึ้น

ดูท่าเขาคงเคารพชายตรงหน้านี้อย่างมาก

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแต่ในที่สุดเส้นด้ายสีเหลืองทองทั้งหลายนั้นก็ค่อยๆ หดกลับเข้าไปในร่างของชายชรา

เจียนหงเซียวที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบก้มหัวลง “คนบาปเจียนหงเซียวขอคารวะท่านซู่เทา!”

“อ่า หงเซียว ไม่ได้เจอกันเสียนาน” ชายชราคนนั้นตอบกลับมา

“ขอรับ ในพริบตามันก็ผ่านไปได้นับแสนปีแล้ว!”

ตอนนี้ใบหน้าของเจียนหงเซียวนั้นมีน้ำตาน้อยๆ ไหลหลั่งลงมา

ชายชราคนนั้นหันสายตามามองยังเย่หยวน

“เจ้าคือเย่หยวน?”

เย้หยวนพยักหน้ารับพร้อมยกมือขึ้นคารวะ “ขอคารวะท่านเทพสวรรค์”

ชายชราตอบกลับมาด้วยสายตาตกตะลึง “แม้แต่เฒ่าคนนี้ก็ยังไม่อาจมองเจ้าได้ออก สมชื่อรัศมีผ่าจักรพรรดิ ดูท่าแล้วในวันหน้าเจ้าคงไม่ได้จบแค่เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปแน่!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว”

ชายชราคนนี้มีใบหน้าที่นิ่งเรียบแต่ในหัวใจของเขานั้นกลับสั่นสะท้าน

เพราะเมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขานี้เขาย่อมสามารถตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของเต๋าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ประสาทสัมผัสถึงอันตรายของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าเจียนหยุนน้อยคนนั้นอย่างไม่อาจเอามาเทียบกันได้

เขานั้นคิดอยากใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวนแต่สัญชาตญาณของเขากลับร้องบอกว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นอันตรายอย่างไม่อาจหวนคืน

เขานั้นย่อมรับรู้เรื่องที่เจียนหยุนตาบอดไปและคิดกับตัวเองว่าจะยอมเป็นเช่นนั้นหรือ?

แต่ต่อให้มันจะเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิจริงด้วยความสามารถของเขาแล้วมันก็คงไม่หนักหนาถึงขั้นนั้นหรอกใช่หรือไม่?

ตอนนี้เจียนซู่เทานั้นกำลังสับสนอยู่ในจิตใจเขานั้นอยากจะใช้ศาสตร์แห่งการดูรัศมีกับเย่หยวนอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องราวของเจียนหยุนแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะทำมัน

เพราะในฐานะเจ้าเมืองและเทพสวรรค์ผู้หนึ่ง เขานั้นไม่อาจจะยอมทนตาบอดลงได้

ความสงสัยฆ่าแมว เรื่องราวเช่นนี้แม้จะเป็นเทพสวรรค์ก็ยังหนีมันไม่พ้น

เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้สุดท้ายเจียนซู่เทาก็ยอมแพ้ไป

เพราะเมื่อใดที่เขาลงมือและถูกผลสะท้อนเข้า เขาในฐานะยอดฝีมือระดับเจ็ด มันย่อมไม่อาจจะใช้โอสถหกชีพจรดวงดาวมาช่วยได้

ถึงตอนนั้นเขาคงได้ตาบอดอย่างแท้จริง

ผลลัพธ์เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้

เจียนซู่เทามองดูเจียนหงเซียวและเปิดปากพูดบอก “ตอนนั้นที่เจ้าจากไป เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ทำนายและคาดเดาว่าเส้นทางของเจ้านั้นมันยังไม่ปิดตันลง แต่ไม่นึกว่า…คำตอบมันจะมาอยู่ตรงนี้”

เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านทันทีที่ได้ยิน การทำนายในระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าคำว่าน่ากลัว

การทำนายเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนนั้นมันกลับถูกต้องราวตาเห็น

หนึ่งแสนปีก่อน มันเป็นเวลาที่เขายังไม่ทันได้ถือกำเนิดขึ้นเลย!

เรื่องราวเช่นนี้มันลึกลับและเหนือเกินกว่าจะทำนายได้แต่สุดท้ายหนึ่งแสนปีต่อมาคำทำนายของเจียนซู่เทากลับเป็นจริงขึ้น

เจียนหงเซียวเองก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางตื่นตะลึง “ที่แท้ท่านกลับทำนายไว้ให้ข้ามาก่อนแล้ว! ข้าเองก็พึ่งจะเห็นว่าดวงชะตาของตนดีขึ้นมาในช่วงหลังนี้เอง”

“หงเซียว เรื่องราวในตอนนั้นมันช่างยากลำบากต่อเจ้า! เจ้านั้น… ยังแค้นเทพสวรรค์ผู้นี้อยู่ไหม?”

เจียนหงเซียวรีบคุกเข่าลงทันที “นายท่านกล่าวอะไรออกมา? การใช้วิชาลับเพื่อเฟิงฉีนั้นเป็นสิ่งที่หงเซียวลงมือทำด้วยตนเองจนทำให้เกิดหายนะตามมาทั้งยังส่งผลเสียต่อวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงอีกด้วย ข้านี่แหละคือคนบาปแห่งวังดาราอย่างแท้จริง!”

เจียนซู่เทาถอนหายใจยาว “มันเป็นเพราะเทพสวรรค์ผู้นี้เองที่ไร้ปัญญา! ยิ่งเราเป็นคนตระกูลเจียนมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งจะไร้ปัญญามากเท่านั้น รู้อยู่แก่ใจว่าจะเกิดหายนะแต่ข้าก็ได้เพียงปล่อยให้มันเกิดขึ้น ข้าเกรงว่า…มีเพียงแต่ต้องขึ้นไปให้ถึงอาณาจักรบรรพกาลเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงร้ายให้กลายเป็นดีได้”

เจียนหงเซียวเองก็ถอนหายใจยาวตามออกมา “ที่ข้าเจ็บแค้นในใจที่สุดก็คือแม้จะสร้างเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นไปสุดท้ายก็ไม่อาจช่วยเฟิงฉีไว้ได้ เฮ้อ…เป็นหงเซียวผู้นี้เองที่ไร้พลังใด!”

เย่หยวนที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างเริ่มเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้าง

มันเป็นอย่างที่เขาคาด เรื่องราวในครั้งนั้นดูท่าคงไม่ใช่เรื่องราวธรรมดาๆ

เจียนหงเซียวนั้นคิดใช้วิชาลับท้าทายสวรรค์เพื่อเปลี่ยนชะตาของคนผู้หนึ่งนามเฟิงฉี คิดอยากหลบเลี่ยงหายนะ

เพียงแค่ว่าสุดท้ายแล้วมันกลับสร้างความเสียหายที่มากมายทั้งอย่างนั้นเจียนหงเซียวกลับไม่อาจช่วยรักษาชีวิตเฟิงฉีผู้นั้นไว้ได้

เจียนซู่เทาหันกลับมามองที่เย่หยวนอีกครั้ง “เจ้าหนุ่ม ที่เจ้ามาคงเพราะสูตรโอสถหกชีพจรดวงดาว?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ขอรับ ผู้อาวุโสโปรดมอบสูตรโอสถนั้นให้ข้าดูชมด้วย”

“สูตรโอสถหกชีพจรดวงดาวนี้ ข้ามิอาจให้เจ้าได้!” เจียนซู่เทาส่ายหัวออกมา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1960 ข้ามิอาจให้เจ้าได้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1960 ข้ามิอาจให้เจ้าได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงคิดอยากพบเจอมัน? ที่สำคัญยังต้องส่งท่านซู่หยานไปเชิญเองด้วย? หรือว่า…เขาคิดจะแต่งตั้งตำแหน่งในวังดาราให้มันอีก?”

ได้ยินข่าวที่หลี่ซุนนำกลับมาเจียนห่าวก็ได้แต่คิดจินตนาการไปอย่างไม่อาจหักห้าม

เพราะในตอนที่เจียนหงเซียวยังคงดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสวังดารานั้นท่านเจ้าเมืองได้ประเมินตัวเขาไว้สูงส่งอย่างมาก

การคิดเจอกับเจียนหงเซียวอีกครั้งนี้หรือว่าเขาต้องการที่จะเรียกเจียนหงเซียวกลับเข้าตำแหน่ง?

หากเป็นเช่นนั้นแล้วคงเป็นปัญหาแน่!

“นี่มัน…เป็นเรื่องที่ข้าน้อยมิทราบ” หลี่ซุนตอบกลับมา

เจียนห่าวหรี่ตาลงพร้อมถามอย่างดุดัน “แล้วเจ้าเด็กที่ทำให้หยุนเอ๋อต้องกลายเป็นเช่นนี้เล่า? มันเป็นตัวร้ายที่แท้จริง! ไปจับตัวมันมาให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้!”

เจียนหงเซียวนั้นมีเจียนซู่หยานปกป้อง และตัวตนอย่างเจียนซู่หยานนั้นก็มิใช่คนที่คนอย่างเจียนห่าวนั้นจะไปท้าทายอำนาจได้ แต่เย่หยวนนั้นมิใช่

หลี่ซุนตอบกลับมาด้วยใบหน้าหมดหมอง “ข้าน้อยเองก็คิดอยากพามันมาเช่นกัน แต่…ท่านผู้อาวุโสซู่หยานกลับบอกว่าท่านเจ้าเมืองอยากเจอตัวมันด้วย!”

“หา?! ท่านเจ้าเมืองจะคิดอยากเจอเจ้าเด็กคนนี้ไปเพื่อการณ์ใด? หรือว่า… เจ้าเด็กคนนี้มันจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง?” เมื่อเจียนห่าวได้ยินเขาก็เริ่มคิดขึ้นมาได้ด้วยความตกตะลึง

หลี่ซุนเองจึงตอบกลับมา “ผู้อาวุโส นายน้อยหยุนนั้นเพียงแค่มองเจ้าเด็กคนนี้ครั้งเดียวแต่กลับต้องรับผลสะท้อนอย่างรุนแรงถึงปานนี้ เป็นไปได้ว่า…ไอ้เด็กคนนี้มันอาจจะมีบางสิ่งที่เหนือล้ำผู้คนหรือไม่?”

เจียนห่าวนั้นได้แต่ขมวดคิ้วแน่นพยายามคิดดูอย่างรอบคอบและยิ่งคิดไปมากเท่าใด เขาก็ยิ่งสั่นกลัวมากขึ้นเท่านั้น

“แม้ว่าหยุนเอ๋อนั้นจะมีศาสตร์การดูรัศมีที่ไม่เก่งกาจนักแต่สุดท้ายเขาก็เป็นถึงเทพถ่องแท้ผู้หนึ่ง ต่อให้มันจะเป็นรัศมีจักรพรรดิมันก็คงไม่มีทางจะสร้างแรงสะท้อนที่รุนแรงเช่นนี้ให้ได้ หรือว่า…เจ้าเด็กคนนั้นมันจะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ? ที่สำคัญมันยังเป็นยอดคนในหมู่ผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิเสียด้วย? แต่…มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”

เดิมทีแล้วเพราะอาการบาดเจ็บของเจียนหยุนทำให้เจียนห่าวนั้นขาดสติและไม่ได้คิดถึงเรื่องราวเบื้องหลัง

แต่ตอนนี้เมื่อลองคิดดูอย่างใจเย็นแล้วเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันมีอะไรแปลกประหลาดอย่างมาก

เขานั้นเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งวังดาราแน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจศาสตร์แห่งการดูรัศมีอย่างดี

การที่จะทำให้เจียนหยุนถูกแรงสะท้อนขนาดนี้ได้หากเย่หยวนไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าบางอย่างติดตัวเขาก็ต้องมีดวงชะตาที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่

และไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไหนเบื้องหลังของเย่หยวนนี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

แต่ปัญหานั้นคือเจียนหงเซียวไปเจอเด็กคนนี้จากที่ใดและเหตุใดที่ทำให้เขาคิดพาเด็กคนนี้มายังบอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศ?

ที่สำคัญทางเจ้าเมืองยังคิดอยากเจอเด็กคนนี้ด้วย!

เรื่องราวในครั้งนี้ดูท่ามันจะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว

เมื่อเดินเข้าในโถงกว้างนี้มาเย่หยวนก็รู้สึกราวกับว่าได้เดินเข้ามาท่ามกลางทะเลดวงดาว

ภายในศูนย์กลางของทะเลดวงดาวนี้มันมีอุปกรณ์อันใหญ่โตมหาศาลดูทรงค่าทรงพลังตั้งวางหมุนวนอยู่ช้าๆ

เย่หยวนมองดูที่อุปกรณ์ชิ้นนี้และรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังลึกลับที่มันส่งออกมาทำให้เขาคาดเดาว่านี่คงเป็นวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงแน่แล้ว

และที่ตรงหน้ามันนั้นก็มีชายชุดเทาผู้หนึ่งนั่งลงด้วยเส้นดาบสีเหลืองทองที่ปล่อยออกมารอบกายค่อยๆ เสีบผสานมันเข้าไปในวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงนั้น

ชายชราคนนี้มันทำให้เย่หยวนรู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่าตัวเขานั้นคือท้องฟ้าแห่งดวงดาว

อีกฝ่ายนั้นยังไม่ได้หันมามองเขา แต่เย่หยวนกลับรู้สึกเหมือนถูกมองผ่านไปอย่างทะลุปรุโปร่ง

หลังจากเจียนหงเซียวเข้ามาถึงโถงใหญ่นี้สีหน้าของเขาก็มีแต่ความเคารพและมันยิ่งทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อขึ้น

ดูท่าเขาคงเคารพชายตรงหน้านี้อย่างมาก

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแต่ในที่สุดเส้นด้ายสีเหลืองทองทั้งหลายนั้นก็ค่อยๆ หดกลับเข้าไปในร่างของชายชรา

เจียนหงเซียวที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบก้มหัวลง “คนบาปเจียนหงเซียวขอคารวะท่านซู่เทา!”

“อ่า หงเซียว ไม่ได้เจอกันเสียนาน” ชายชราคนนั้นตอบกลับมา

“ขอรับ ในพริบตามันก็ผ่านไปได้นับแสนปีแล้ว!”

ตอนนี้ใบหน้าของเจียนหงเซียวนั้นมีน้ำตาน้อยๆ ไหลหลั่งลงมา

ชายชราคนนั้นหันสายตามามองยังเย่หยวน

“เจ้าคือเย่หยวน?”

เย้หยวนพยักหน้ารับพร้อมยกมือขึ้นคารวะ “ขอคารวะท่านเทพสวรรค์”

ชายชราตอบกลับมาด้วยสายตาตกตะลึง “แม้แต่เฒ่าคนนี้ก็ยังไม่อาจมองเจ้าได้ออก สมชื่อรัศมีผ่าจักรพรรดิ ดูท่าแล้วในวันหน้าเจ้าคงไม่ได้จบแค่เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปแน่!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว”

ชายชราคนนี้มีใบหน้าที่นิ่งเรียบแต่ในหัวใจของเขานั้นกลับสั่นสะท้าน

เพราะเมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขานี้เขาย่อมสามารถตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของเต๋าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ประสาทสัมผัสถึงอันตรายของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าเจียนหยุนน้อยคนนั้นอย่างไม่อาจเอามาเทียบกันได้

เขานั้นคิดอยากใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวนแต่สัญชาตญาณของเขากลับร้องบอกว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นอันตรายอย่างไม่อาจหวนคืน

เขานั้นย่อมรับรู้เรื่องที่เจียนหยุนตาบอดไปและคิดกับตัวเองว่าจะยอมเป็นเช่นนั้นหรือ?

แต่ต่อให้มันจะเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิจริงด้วยความสามารถของเขาแล้วมันก็คงไม่หนักหนาถึงขั้นนั้นหรอกใช่หรือไม่?

ตอนนี้เจียนซู่เทานั้นกำลังสับสนอยู่ในจิตใจเขานั้นอยากจะใช้ศาสตร์แห่งการดูรัศมีกับเย่หยวนอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องราวของเจียนหยุนแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะทำมัน

เพราะในฐานะเจ้าเมืองและเทพสวรรค์ผู้หนึ่ง เขานั้นไม่อาจจะยอมทนตาบอดลงได้

ความสงสัยฆ่าแมว เรื่องราวเช่นนี้แม้จะเป็นเทพสวรรค์ก็ยังหนีมันไม่พ้น

เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้สุดท้ายเจียนซู่เทาก็ยอมแพ้ไป

เพราะเมื่อใดที่เขาลงมือและถูกผลสะท้อนเข้า เขาในฐานะยอดฝีมือระดับเจ็ด มันย่อมไม่อาจจะใช้โอสถหกชีพจรดวงดาวมาช่วยได้

ถึงตอนนั้นเขาคงได้ตาบอดอย่างแท้จริง

ผลลัพธ์เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้

เจียนซู่เทามองดูเจียนหงเซียวและเปิดปากพูดบอก “ตอนนั้นที่เจ้าจากไป เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ทำนายและคาดเดาว่าเส้นทางของเจ้านั้นมันยังไม่ปิดตันลง แต่ไม่นึกว่า…คำตอบมันจะมาอยู่ตรงนี้”

เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านทันทีที่ได้ยิน การทำนายในระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าคำว่าน่ากลัว

การทำนายเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนนั้นมันกลับถูกต้องราวตาเห็น

หนึ่งแสนปีก่อน มันเป็นเวลาที่เขายังไม่ทันได้ถือกำเนิดขึ้นเลย!

เรื่องราวเช่นนี้มันลึกลับและเหนือเกินกว่าจะทำนายได้แต่สุดท้ายหนึ่งแสนปีต่อมาคำทำนายของเจียนซู่เทากลับเป็นจริงขึ้น

เจียนหงเซียวเองก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางตื่นตะลึง “ที่แท้ท่านกลับทำนายไว้ให้ข้ามาก่อนแล้ว! ข้าเองก็พึ่งจะเห็นว่าดวงชะตาของตนดีขึ้นมาในช่วงหลังนี้เอง”

“หงเซียว เรื่องราวในตอนนั้นมันช่างยากลำบากต่อเจ้า! เจ้านั้น… ยังแค้นเทพสวรรค์ผู้นี้อยู่ไหม?”

เจียนหงเซียวรีบคุกเข่าลงทันที “นายท่านกล่าวอะไรออกมา? การใช้วิชาลับเพื่อเฟิงฉีนั้นเป็นสิ่งที่หงเซียวลงมือทำด้วยตนเองจนทำให้เกิดหายนะตามมาทั้งยังส่งผลเสียต่อวงแหวนจำลองดวงดาวครบวงอีกด้วย ข้านี่แหละคือคนบาปแห่งวังดาราอย่างแท้จริง!”

เจียนซู่เทาถอนหายใจยาว “มันเป็นเพราะเทพสวรรค์ผู้นี้เองที่ไร้ปัญญา! ยิ่งเราเป็นคนตระกูลเจียนมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งจะไร้ปัญญามากเท่านั้น รู้อยู่แก่ใจว่าจะเกิดหายนะแต่ข้าก็ได้เพียงปล่อยให้มันเกิดขึ้น ข้าเกรงว่า…มีเพียงแต่ต้องขึ้นไปให้ถึงอาณาจักรบรรพกาลเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงร้ายให้กลายเป็นดีได้”

เจียนหงเซียวเองก็ถอนหายใจยาวตามออกมา “ที่ข้าเจ็บแค้นในใจที่สุดก็คือแม้จะสร้างเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นไปสุดท้ายก็ไม่อาจช่วยเฟิงฉีไว้ได้ เฮ้อ…เป็นหงเซียวผู้นี้เองที่ไร้พลังใด!”

เย่หยวนที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างเริ่มเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาบ้าง

มันเป็นอย่างที่เขาคาด เรื่องราวในครั้งนั้นดูท่าคงไม่ใช่เรื่องราวธรรมดาๆ

เจียนหงเซียวนั้นคิดใช้วิชาลับท้าทายสวรรค์เพื่อเปลี่ยนชะตาของคนผู้หนึ่งนามเฟิงฉี คิดอยากหลบเลี่ยงหายนะ

เพียงแค่ว่าสุดท้ายแล้วมันกลับสร้างความเสียหายที่มากมายทั้งอย่างนั้นเจียนหงเซียวกลับไม่อาจช่วยรักษาชีวิตเฟิงฉีผู้นั้นไว้ได้

เจียนซู่เทาหันกลับมามองที่เย่หยวนอีกครั้ง “เจ้าหนุ่ม ที่เจ้ามาคงเพราะสูตรโอสถหกชีพจรดวงดาว?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ขอรับ ผู้อาวุโสโปรดมอบสูตรโอสถนั้นให้ข้าดูชมด้วย”

“สูตรโอสถหกชีพจรดวงดาวนี้ ข้ามิอาจให้เจ้าได้!” เจียนซู่เทาส่ายหัวออกมา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+