Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1972 เจ้าจำไว้ให้ดี!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1972 เจ้าจำไว้ให้ดี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

เย่หยวนต่อยหมัดออกมาทำลายร่างของวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้นั้นลงอย่างง่ายดาย

การปิดล้อม?

เรื่องเช่นนั้นมันไม่มีอยู่จริง!

เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนั้นย่อมไม่อาจต้านทานพลังของเย่หยวนได้ พวกมันไม่มีพลังมากพอที่จะขัดขวางเขาได้เสียด้วยซ้ำ

“เฮ้อ หากข้ารู้มาก่อนข้าคงขอติดตามเขาไปแล้ว ต้องมาเจอกับเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนี้ผู้บ่มเพาะกายมันย่อมได้เปรียบจนมากล้ำ”

“ใช่ไหมเล่า แต่มันก็สายไปแล้ว”

เหล่าคนจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศต่างแสดงสีหน้าท่าทางหมดหมองเสียใจออกมาส่วนซงหยูนั้นกลับมีใบหน้าที่แดงก่ำ

การเดินออกไปของเย่หยวนในครั้งนี้มันราวกับว่าเขานั่งหลังม้าขมดอกไม้ริมทาง ไม่มีท่าทางของความลำบากใดๆ

ไม่นานนักตัวเขาก็ได้เดินนำกลุ่มคนกลุ่มแรกออกไป

ระหว่างที่เหล่าคนทั้งหลายนั้นกำลังถูกวิญญาณต่อสู้ปิดล้อมไม่อาจเดินหน้าได้ ตัวเย่หยวนก็ค่อยๆ เดินผ่านทุกผู้คนไป

“เลิกนั่งโง่เสียที! หากยังไม่รีบออกไปสมบัติคงโดนผู้อื่นแย่งชิงหมดแล้ว!” ซงหยูร้องบอก

คำพูดเดียวนี้มันทำให้คนทั้งหลายได้สติกลับมาในทันทีและเริ่มเดินทางเข้าสู่สนามรบเทพโบราณที่แท้จริง

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นได้จับกลุ่มเดินทางกันไปก่อนหน้าทำลายวิญญาณต่อสู้ไปมากมายทำให้การเดินทางของพวกเขาทั้งหลายนั้นรวดเร็วไม่น้อย

แต่ทางเย่หยวนที่ออกตัวมาช่วงกลางๆ ในตอนนี้เขาได้เดินนำหน้าทุกผู้คนไปเสียแล้ว

และที่ใดที่เขาผ่าน เหล่ากลุ่มยอดฝีมือที่เห็นต่างต้องตกตะลึง

และแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นรู้สึกอิจฉา

แม้ว่าการบ่มเพาะกายนั้นมันจะเป็นสิ่งที่สุดแสนลำบากแต่ในเวลานี้มันย่อมกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

“หืม?”

เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะหันไปมองร่างโครงกระดูกที่นอนอยู่บนเนินดินห่างออกไปไม่น้อย

เมื่อมองดูดีๆ แล้วดูท่าเหล่าโครงกระดูกนี้เองก็คงเป็นเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาจากรอบก่อนๆ

ตัวตนที่สามารถก้าวขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ได้กลับต้องมาตายลงในสถานที่รกร้างเช่นนี้

เย่หยวนหันหน้าเดินเข้าไปยังเนินดินนั้นในทันที

“หืม เจ้าผู้บ่มเพาะกายมันทำอะไรกัน? ทางนั้นมันมีวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้อยู่ไม่น้อยเลยนะ!”

ตอนนี้ตัวตนของเย่หยวนย่อมจะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกผู้คนทำให้พวกเขาทั้งหลายเป็นความเปลี่ยนแปลงของเย่หยวนได้อย่างรวดเร็ว

เหล่าวิญญาณต่อสู้บนเนินดินนั้นมันย่อมดูแข็งแกร่งกว่าจุดอื่นๆ อย่างเด่นชัดด้วยคลื่นพลังของวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้ที่ไปรวมตัวกันอยู่ตรงจุดนั้น

แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะสนใจ เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนี้ส่วนมากเป็นแค่เทพถ่องแท้ ย่อมจะไม่อาจเป็นภัยใดๆ ต่อตัวเย่หยวนได้

เมื่อเขาเดินมาถึงเขาก็สามารถทำลายพวกมันลงได้ด้วยหมัดเดียวอีกเช่นเคย

ไม่นานนักเย่หยวนก็เดินมาถึงโครงกระดูกทั้งหลายนั้น

จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหยิบจับแหวนเก็บของทั้งหลายที่ตกอยู่ตามพื้นรอบๆ โครงกระดูกขึ้นมา

เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนี้ย่อมจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา สิ่งของที่พวกเขาพกติดตัวมันย่อมล้ำค่าเย่หยวนจึงคิดเก็บไปอย่างไม่เกรงใจ

เมื่อกลุ่มอื่นๆ เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางอิจฉาริษยาออกมา

ไม่แปลกใจเลยว่าเขาผู้นี้จะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ

เพราะเขาผู้นี้เดินไปทางใดก็ได้สมบัติติดมือไป!

เมื่อเก็บแหวนทั้งหลายนั้นแล้วเย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นมาต่อยหมัดลงอีกครั้งส่งผลให้เกิดหลุมยักษ์บนเนินดิน

จากนั้นเขาก็สะบัดแขนส่งร่างที่เหลือเพียงโครงกระดูกทั้งหลายลงสู่หลุม

“พวกเจ้าทั้งหลายนั้นอับชะตา ข้าจะให้พวกเจ้าได้พักผ่อนเสียแล้วกัน”

เย่หยวนบอกพร้อมยกมือส่งดินลงฝังกลบร่างทั้งหลายนั้น

แต่จู่ๆ เย่หยวนก็ต้องรู้สึกสะท้านเพราะเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอ่อนๆ ของบางสิ่ง

“เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนั้นย่อมรู้ดีว่าที่แห่งนี้มันอันตรายแต่ก็ยังคิดเดินขึ้นมา มันย่อมต้องมีเหตุ!” เย่หยวนคิด

นั่นทำให้สายตาของเขาจ้องมองขึ้นไปที่สุดยอดของเนินดินแม้ว่าบนนั้นมันจะถูกปกคลุมไปด้วยวิญญาณต่อสู้นับไม่ถ้วนจนไม่อาจเห็นถึงสิ่งที่อยู่บนนั้นได้

“หืม? เขาคิดจะทำอะไรกัน?”

ระหว่างที่ทุกผู้คนยังไม่อาจเข้าใจได้เย่หยวนก็ก้าวเท้าเดินออกไป

ยิ่งขึ้นไปสูง เหล่าวิญญาณต่อสู้ก็ยิ่งจะแข็งแกร่งขึ้น

หากเย่หยวนขึ้นไปมากกว่านี้มันจะมิใช่การรนหาที่ตายเอาหรือ?

เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายบนนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นถึงระดับเทพถ่องแท้สองดาว!

ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างไรเสียสุดท้ายแล้วเขาจะต้านทานพลังของเทพถ่องแท้สองดาวได้หรือ?

แต่เย่หยวนกลับเดินขึ้นไปอย่างไม่สะท้าน

เมื่อเดินขึ้นไปเหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวมันก็ยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจใช้หมัดเดียวเปิดทางจนทำให้เหล่าวิญญาณต่อสู้ต้องร่ำร้อง

เมื่อเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่ด้านล่างทั้งหลายเห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ตื่นตะลึงอย่างไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้

พลังเช่นนี้มันจะเหนือล้ำเกินไปหรือไม่?

จัดการกับวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาว พวกเขาทั้งหลายย่อมสามารถได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่ออีกฝ่ายมิได้มาตัวเดียว เมื่อศัตรูกลายเป็นกลุ่มวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้แล้วมันย่อมที่จะกดดันพวกเขาทั้งหลายได้มาก

แต่ทว่าเย่หยวนกลับเดินผ่านไปอย่างไม่มีท่าทีลำบากใดๆ

แต่ความสนใจของเย่หยวนนั้นมิใช่เหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้นี้เลย สิ่งที่สายตาของขาจ้องมองหาอยู่นั้นมันคืออย่างอื่น

จู่ๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น

ในพื้นดินที่ด้านหน้าเขานี้มีส่วนของเกราะศึกโผล่ขึ้นมาจากผืนดิน

ฟุบ! ฟุบ ฟุบ!

ในเวลานั้นเองที่เกิดปรากฏวิญญาณต่อสู้สามตัวขึ้นมาที่ด้านหน้าขวางทางเขาไว้

เย่หยวนมองดูที่วิญญาณทั้งสามนั้นด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเองก็บ่มเพาะมาอย่างยากลำบาก คิดจะหายไปง่ายๆ เช่นนี้จริงหรือ?”

วิญญาณต่อสู้ทั้งสามนั้นไม่คิดสนใจราวกับว่ามันฟังไม่เข้าใจและพุ่งตัวเข้ามาหาเย่หยวน

และเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งสามนี้แท้จริงแล้วพวกมันมีพลังถึงระดับเทพถ่องแท้สองดาว

พร้อมๆ กันนั้นเหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวอีกจำนวนมากก็เข้ามาโจมตีพร้อมๆ กับพวกมันทั้งสามนี้

ไกลออกไปซงหยูที่เห็นเช่นนั้นจึงร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

“ตาย! ตาย! ใครสั่งสอนให้เจ้าอวดดีนัก! สามวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้สองดาว ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะเอาอะไรไปรอด!”

โฮ่ก!

เสียงมังกรร่ำร้องทะยานทำลายวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้สองดาวทั้งสามตัวนั้นลงอย่างราบคาบ

พร้อมๆ กันนั้นวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายที่รายล้อมพวกมันก็ได้หายสิ้นไปด้วยกัน

จากนั้นเย่หยวนก็ยื่นมือลงไปหยิบเกราะศึกนั้นขึ้นมาจากผืนดิน

“ข-แข็งแกร่ง! ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำเช่นนี้! พวกนั้นมันคือวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้สองดาวถึงสามตัว! แต่กลับถูกทำลายลงสิ้นอย่างง่ายดายเช่นนั้น”

“อ่า นั่นเขาถืออะไรอยู่กัน? ดูสภาพมันแล้วมิน่าใช่ของดีใด”

ในเวลานั้นเองที่เจ้าเกราะนั้นมันกลับสั่นสะท้านปัดฝุ่นของตัวเองออก

คลื่นพลังอันแสนรุนแรงได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน

ตอนนี้เจ้าเกราะศึกนี้มันราวกับกำลังส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ซงหยูที่เห็นเช่นนั้นจึงร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตะลึง “คลื่นพลังเช่นนี้ หรือว่า… จะเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์?”

ฟุบ!

เจ้าเกราะศึกนี้มันเปลี่ยนกลายเป็นแสงเข้าห่อหุ้มร่างของเย่หยวนไว้ทันที

เย่หยวนเบิกตากว้างด้วยรอยยิ้ม “เกราะศึกรุ้งเขียว! ไม่เลวเลย ไม่เลวจริงๆ! ของดีนี่นา! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเด็กแห่งโชคชะตารุ่นก่อนถึงได้กล้าเสี่ยงตายขึ้นมาบนเนินดินนี้”

เพราะนี้มันมีนามว่าเกราะศึกรุ้งเขียว มันเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนด้วยความอิจฉาอย่างสุดใจ

ภายในสนามรบเทพโบราณนี้มันมีสมบัติอยู่มากมายทุกทิศทาง เพียงแค่ว่าผู้เดินทางเข้ามานั้นจะมีโชคไปเจอมันหรือไม่

แต่มันย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถได้รับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาอย่างง่ายดายเช่นนี้!

ในเวลานนั้นเองที่วิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวที่เหลืออยู่บนยอดดินพุ่งตัวเข้ามาต่อยใส่เย่หยวนอย่างไม่สนใจชีวิตอีกครั้ง

แต่ในเวลานี้มันกลับมีคลื่นพลังสีเขียวจ้าส่องออกมาจากต่างของเย่หยวน

ปัง! ปัง! ปัง!

เหล่าวิญญาณต่อสู้นั้นต่างถูกคลื่นแสงนั้นทำลายลงอย่างง่ายดาย

ตอนนี้เย่หยวนยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรแต่กลับสามารถปล่อยพลังที่สุดแสนรุนแรงเช่นนั้นออกมาได้

ตอนนี้เจ้าเกราะศึกรุ้งเขียวนั้นราวกับผู้ได้เห็นแสงสว่างของโลกอีกครั้ง พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะแสดงพลังของตนออกมาให้เย่หยวนเห็นจะได้นำพาตัวมันออกไปด้วย

เมื่อคนอื่นๆ เห็นภาพนั้นพวกเขาต่างตกตะลึงจนลืมที่จะหายใจ

โชคชะตาของเขานี้มันจะเหนือล้ำสวรรค์จนเกินไปหรือไม่?

หากพวกเขาทั้งหลายได้สวมเกราะนี้มันย่อมจะช่วยให้ผ่านอุปสรรคทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย!

น่าเสียดายที่ว่ามันกลับไปตกอยู่ในมือของเย่หยวน

เย่หยวนนั้นยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะค่อยๆ เดินลงจากเนินดินนั้น

ระหว่างทางไปเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เขาอีกต่อไป

ด้วยพลังของเกราะศึกรุ้งเขียวนี้ การเดินทางของเขามันยิ่งสุดแสนที่จะสบายขึ้นกว่าเก่า

แต่พวกเขานั้นย่อมไม่กล้าคิดที่จะทำอะไรออกมา

เมื่อเดินทางต่อไปเย่หยวนก็ค่อยหยิบสมบัติตามรายทางและได้รับสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำติดมือมามากมาย

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเมื่อมีเขาเดินนำ คนทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจจะตามความเร็วของเขาทัน

เหล่าเด็กแห่งโชคชะตานั้นโกรธแค้นกันจนแทบกระอักเลือด แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้แม้แต่น้อย

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1972 เจ้าจำไว้ให้ดี!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1972 เจ้าจำไว้ให้ดี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

เย่หยวนต่อยหมัดออกมาทำลายร่างของวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้นั้นลงอย่างง่ายดาย

การปิดล้อม?

เรื่องเช่นนั้นมันไม่มีอยู่จริง!

เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนั้นย่อมไม่อาจต้านทานพลังของเย่หยวนได้ พวกมันไม่มีพลังมากพอที่จะขัดขวางเขาได้เสียด้วยซ้ำ

“เฮ้อ หากข้ารู้มาก่อนข้าคงขอติดตามเขาไปแล้ว ต้องมาเจอกับเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนี้ผู้บ่มเพาะกายมันย่อมได้เปรียบจนมากล้ำ”

“ใช่ไหมเล่า แต่มันก็สายไปแล้ว”

เหล่าคนจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศต่างแสดงสีหน้าท่าทางหมดหมองเสียใจออกมาส่วนซงหยูนั้นกลับมีใบหน้าที่แดงก่ำ

การเดินออกไปของเย่หยวนในครั้งนี้มันราวกับว่าเขานั่งหลังม้าขมดอกไม้ริมทาง ไม่มีท่าทางของความลำบากใดๆ

ไม่นานนักตัวเขาก็ได้เดินนำกลุ่มคนกลุ่มแรกออกไป

ระหว่างที่เหล่าคนทั้งหลายนั้นกำลังถูกวิญญาณต่อสู้ปิดล้อมไม่อาจเดินหน้าได้ ตัวเย่หยวนก็ค่อยๆ เดินผ่านทุกผู้คนไป

“เลิกนั่งโง่เสียที! หากยังไม่รีบออกไปสมบัติคงโดนผู้อื่นแย่งชิงหมดแล้ว!” ซงหยูร้องบอก

คำพูดเดียวนี้มันทำให้คนทั้งหลายได้สติกลับมาในทันทีและเริ่มเดินทางเข้าสู่สนามรบเทพโบราณที่แท้จริง

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นได้จับกลุ่มเดินทางกันไปก่อนหน้าทำลายวิญญาณต่อสู้ไปมากมายทำให้การเดินทางของพวกเขาทั้งหลายนั้นรวดเร็วไม่น้อย

แต่ทางเย่หยวนที่ออกตัวมาช่วงกลางๆ ในตอนนี้เขาได้เดินนำหน้าทุกผู้คนไปเสียแล้ว

และที่ใดที่เขาผ่าน เหล่ากลุ่มยอดฝีมือที่เห็นต่างต้องตกตะลึง

และแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นรู้สึกอิจฉา

แม้ว่าการบ่มเพาะกายนั้นมันจะเป็นสิ่งที่สุดแสนลำบากแต่ในเวลานี้มันย่อมกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

“หืม?”

เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะหันไปมองร่างโครงกระดูกที่นอนอยู่บนเนินดินห่างออกไปไม่น้อย

เมื่อมองดูดีๆ แล้วดูท่าเหล่าโครงกระดูกนี้เองก็คงเป็นเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาจากรอบก่อนๆ

ตัวตนที่สามารถก้าวขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ได้กลับต้องมาตายลงในสถานที่รกร้างเช่นนี้

เย่หยวนหันหน้าเดินเข้าไปยังเนินดินนั้นในทันที

“หืม เจ้าผู้บ่มเพาะกายมันทำอะไรกัน? ทางนั้นมันมีวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้อยู่ไม่น้อยเลยนะ!”

ตอนนี้ตัวตนของเย่หยวนย่อมจะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกผู้คนทำให้พวกเขาทั้งหลายเป็นความเปลี่ยนแปลงของเย่หยวนได้อย่างรวดเร็ว

เหล่าวิญญาณต่อสู้บนเนินดินนั้นมันย่อมดูแข็งแกร่งกว่าจุดอื่นๆ อย่างเด่นชัดด้วยคลื่นพลังของวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้ที่ไปรวมตัวกันอยู่ตรงจุดนั้น

แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะสนใจ เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนี้ส่วนมากเป็นแค่เทพถ่องแท้ ย่อมจะไม่อาจเป็นภัยใดๆ ต่อตัวเย่หยวนได้

เมื่อเขาเดินมาถึงเขาก็สามารถทำลายพวกมันลงได้ด้วยหมัดเดียวอีกเช่นเคย

ไม่นานนักเย่หยวนก็เดินมาถึงโครงกระดูกทั้งหลายนั้น

จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหยิบจับแหวนเก็บของทั้งหลายที่ตกอยู่ตามพื้นรอบๆ โครงกระดูกขึ้นมา

เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนี้ย่อมจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา สิ่งของที่พวกเขาพกติดตัวมันย่อมล้ำค่าเย่หยวนจึงคิดเก็บไปอย่างไม่เกรงใจ

เมื่อกลุ่มอื่นๆ เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางอิจฉาริษยาออกมา

ไม่แปลกใจเลยว่าเขาผู้นี้จะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ

เพราะเขาผู้นี้เดินไปทางใดก็ได้สมบัติติดมือไป!

เมื่อเก็บแหวนทั้งหลายนั้นแล้วเย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นมาต่อยหมัดลงอีกครั้งส่งผลให้เกิดหลุมยักษ์บนเนินดิน

จากนั้นเขาก็สะบัดแขนส่งร่างที่เหลือเพียงโครงกระดูกทั้งหลายลงสู่หลุม

“พวกเจ้าทั้งหลายนั้นอับชะตา ข้าจะให้พวกเจ้าได้พักผ่อนเสียแล้วกัน”

เย่หยวนบอกพร้อมยกมือส่งดินลงฝังกลบร่างทั้งหลายนั้น

แต่จู่ๆ เย่หยวนก็ต้องรู้สึกสะท้านเพราะเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอ่อนๆ ของบางสิ่ง

“เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนั้นย่อมรู้ดีว่าที่แห่งนี้มันอันตรายแต่ก็ยังคิดเดินขึ้นมา มันย่อมต้องมีเหตุ!” เย่หยวนคิด

นั่นทำให้สายตาของเขาจ้องมองขึ้นไปที่สุดยอดของเนินดินแม้ว่าบนนั้นมันจะถูกปกคลุมไปด้วยวิญญาณต่อสู้นับไม่ถ้วนจนไม่อาจเห็นถึงสิ่งที่อยู่บนนั้นได้

“หืม? เขาคิดจะทำอะไรกัน?”

ระหว่างที่ทุกผู้คนยังไม่อาจเข้าใจได้เย่หยวนก็ก้าวเท้าเดินออกไป

ยิ่งขึ้นไปสูง เหล่าวิญญาณต่อสู้ก็ยิ่งจะแข็งแกร่งขึ้น

หากเย่หยวนขึ้นไปมากกว่านี้มันจะมิใช่การรนหาที่ตายเอาหรือ?

เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายบนนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นถึงระดับเทพถ่องแท้สองดาว!

ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างไรเสียสุดท้ายแล้วเขาจะต้านทานพลังของเทพถ่องแท้สองดาวได้หรือ?

แต่เย่หยวนกลับเดินขึ้นไปอย่างไม่สะท้าน

เมื่อเดินขึ้นไปเหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวมันก็ยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจใช้หมัดเดียวเปิดทางจนทำให้เหล่าวิญญาณต่อสู้ต้องร่ำร้อง

เมื่อเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่ด้านล่างทั้งหลายเห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ตื่นตะลึงอย่างไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้

พลังเช่นนี้มันจะเหนือล้ำเกินไปหรือไม่?

จัดการกับวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาว พวกเขาทั้งหลายย่อมสามารถได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่ออีกฝ่ายมิได้มาตัวเดียว เมื่อศัตรูกลายเป็นกลุ่มวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้แล้วมันย่อมที่จะกดดันพวกเขาทั้งหลายได้มาก

แต่ทว่าเย่หยวนกลับเดินผ่านไปอย่างไม่มีท่าทีลำบากใดๆ

แต่ความสนใจของเย่หยวนนั้นมิใช่เหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้นี้เลย สิ่งที่สายตาของขาจ้องมองหาอยู่นั้นมันคืออย่างอื่น

จู่ๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น

ในพื้นดินที่ด้านหน้าเขานี้มีส่วนของเกราะศึกโผล่ขึ้นมาจากผืนดิน

ฟุบ! ฟุบ ฟุบ!

ในเวลานั้นเองที่เกิดปรากฏวิญญาณต่อสู้สามตัวขึ้นมาที่ด้านหน้าขวางทางเขาไว้

เย่หยวนมองดูที่วิญญาณทั้งสามนั้นด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเองก็บ่มเพาะมาอย่างยากลำบาก คิดจะหายไปง่ายๆ เช่นนี้จริงหรือ?”

วิญญาณต่อสู้ทั้งสามนั้นไม่คิดสนใจราวกับว่ามันฟังไม่เข้าใจและพุ่งตัวเข้ามาหาเย่หยวน

และเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งสามนี้แท้จริงแล้วพวกมันมีพลังถึงระดับเทพถ่องแท้สองดาว

พร้อมๆ กันนั้นเหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวอีกจำนวนมากก็เข้ามาโจมตีพร้อมๆ กับพวกมันทั้งสามนี้

ไกลออกไปซงหยูที่เห็นเช่นนั้นจึงร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

“ตาย! ตาย! ใครสั่งสอนให้เจ้าอวดดีนัก! สามวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้สองดาว ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะเอาอะไรไปรอด!”

โฮ่ก!

เสียงมังกรร่ำร้องทะยานทำลายวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้สองดาวทั้งสามตัวนั้นลงอย่างราบคาบ

พร้อมๆ กันนั้นวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายที่รายล้อมพวกมันก็ได้หายสิ้นไปด้วยกัน

จากนั้นเย่หยวนก็ยื่นมือลงไปหยิบเกราะศึกนั้นขึ้นมาจากผืนดิน

“ข-แข็งแกร่ง! ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำเช่นนี้! พวกนั้นมันคือวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้สองดาวถึงสามตัว! แต่กลับถูกทำลายลงสิ้นอย่างง่ายดายเช่นนั้น”

“อ่า นั่นเขาถืออะไรอยู่กัน? ดูสภาพมันแล้วมิน่าใช่ของดีใด”

ในเวลานั้นเองที่เจ้าเกราะนั้นมันกลับสั่นสะท้านปัดฝุ่นของตัวเองออก

คลื่นพลังอันแสนรุนแรงได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน

ตอนนี้เจ้าเกราะศึกนี้มันราวกับกำลังส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ซงหยูที่เห็นเช่นนั้นจึงร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตะลึง “คลื่นพลังเช่นนี้ หรือว่า… จะเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์?”

ฟุบ!

เจ้าเกราะศึกนี้มันเปลี่ยนกลายเป็นแสงเข้าห่อหุ้มร่างของเย่หยวนไว้ทันที

เย่หยวนเบิกตากว้างด้วยรอยยิ้ม “เกราะศึกรุ้งเขียว! ไม่เลวเลย ไม่เลวจริงๆ! ของดีนี่นา! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเด็กแห่งโชคชะตารุ่นก่อนถึงได้กล้าเสี่ยงตายขึ้นมาบนเนินดินนี้”

เพราะนี้มันมีนามว่าเกราะศึกรุ้งเขียว มันเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนด้วยความอิจฉาอย่างสุดใจ

ภายในสนามรบเทพโบราณนี้มันมีสมบัติอยู่มากมายทุกทิศทาง เพียงแค่ว่าผู้เดินทางเข้ามานั้นจะมีโชคไปเจอมันหรือไม่

แต่มันย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถได้รับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาอย่างง่ายดายเช่นนี้!

ในเวลานนั้นเองที่วิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวที่เหลืออยู่บนยอดดินพุ่งตัวเข้ามาต่อยใส่เย่หยวนอย่างไม่สนใจชีวิตอีกครั้ง

แต่ในเวลานี้มันกลับมีคลื่นพลังสีเขียวจ้าส่องออกมาจากต่างของเย่หยวน

ปัง! ปัง! ปัง!

เหล่าวิญญาณต่อสู้นั้นต่างถูกคลื่นแสงนั้นทำลายลงอย่างง่ายดาย

ตอนนี้เย่หยวนยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรแต่กลับสามารถปล่อยพลังที่สุดแสนรุนแรงเช่นนั้นออกมาได้

ตอนนี้เจ้าเกราะศึกรุ้งเขียวนั้นราวกับผู้ได้เห็นแสงสว่างของโลกอีกครั้ง พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะแสดงพลังของตนออกมาให้เย่หยวนเห็นจะได้นำพาตัวมันออกไปด้วย

เมื่อคนอื่นๆ เห็นภาพนั้นพวกเขาต่างตกตะลึงจนลืมที่จะหายใจ

โชคชะตาของเขานี้มันจะเหนือล้ำสวรรค์จนเกินไปหรือไม่?

หากพวกเขาทั้งหลายได้สวมเกราะนี้มันย่อมจะช่วยให้ผ่านอุปสรรคทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย!

น่าเสียดายที่ว่ามันกลับไปตกอยู่ในมือของเย่หยวน

เย่หยวนนั้นยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะค่อยๆ เดินลงจากเนินดินนั้น

ระหว่างทางไปเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เขาอีกต่อไป

ด้วยพลังของเกราะศึกรุ้งเขียวนี้ การเดินทางของเขามันยิ่งสุดแสนที่จะสบายขึ้นกว่าเก่า

แต่พวกเขานั้นย่อมไม่กล้าคิดที่จะทำอะไรออกมา

เมื่อเดินทางต่อไปเย่หยวนก็ค่อยหยิบสมบัติตามรายทางและได้รับสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำติดมือมามากมาย

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียเมื่อมีเขาเดินนำ คนทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจจะตามความเร็วของเขาทัน

เหล่าเด็กแห่งโชคชะตานั้นโกรธแค้นกันจนแทบกระอักเลือด แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้แม้แต่น้อย

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+