Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1981 ยังคิดจะสู้หรือไม่?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1981 ยังคิดจะสู้หรือไม่? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้า… ขอยอมติดตามเจ้าไป!”

แม้ว่าเย่หยวนจะพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ แต่อู๋เต้าย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ล้อเล่นอย่างแน่นอน

เย่หยวนพยักหน้า “ข้าจะดึงเจ้าเข้าไปแล้ว อย่าได้ขัดขืนไม่เช่นนั้นจะได้เจ็บตัวเปล่า”

นั่นทำให้ริมฝีปากของอู๋เต้าต้องสั่นกระตุก เขานั้นสุดท้ายถึงอย่างไรก็ไม่เต็มใจ

เขานั้นเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ถึงเทพสวรรค์แต่วันนี้กลับต้องมากลายเป็นทาสของเจ้าหนูคนนี้ มีหรือที่ตัวเขาจะยอมรับมันได้ง่ายๆ?

เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เมื่อชีวิตอยู่ในกำมือของผู้คนแล้วตัวเขาก็ย่อมจะไม่มีทางเลือกอื่น

ในตอนนี้เรื่องราวทั้งหลายมันมิใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินใจได้เอง

กว่าจะได้ออกมาจากการผนึกที่ยาวนานแต่วันนี้กลับต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้

เขานั้นย่อมเจ็บแค้นอยู่ในหัวใจ!

ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังอันรุนแรงหนึ่งดึงดูดตัวอู๋เต้าจนหายวับไป

ภายในไข่มุกสยบวิญญาณมันมีหวู่เฉินคอยจัดการอยู่เย่หยวนย่อมจะไม่ต้องกังวลใดๆ

เดิมทีเขานั้นคิดที่จะทำลายอู๋เต้าทิ้งไปเสียแต่เมื่อลองนึกดูอย่างรอบคอบแล้วไม่ว่าจะอย่างไรแม้ตัวอู๋เต้าจะสูญเสียความทรงจำไป แต่สุดท้ายเขาก็เป็นถึงยอดฝีมือในอดีตกาล

บางทีในสักวันเย่หยวนอาจจะใช้งานใดๆ ตัวเขาได้สักอย่าง

“พี่เย่ รีบไปกันเถอะ เจ้าพวกมารกระดูกทั้งหลายนั้นเองก็ไม่ได้อ่อนแอนัก หากพวกมันกลับมาแล้วเราคงเลี่ยงการต่อสู้มิได้แน่” ซงหยูรีบบอก

เย่หยวนพยักหน้าและพาทุกผู้คนเดินกลับออกมา

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าระหว่างที่เดินออกมาจนถึงหน้าถ้ำพวกเขาก็ได้พบเข้ากับพวกซัวโม่และเฟิงเสี่ยวเถียนทั้งหลายเข้าเสียก่อน

แต่ตอนนี้เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่มีฝีมือค่อนข้างอ่อนแอนั้นได้หายหน้าหายตาไปหลายคน ดูท่าคงจะตายลงไปเพราะการต่อสู้กับมารกระดูก

เมื่อพวกซัวโม่และเฟิงเสี่ยวเถียนได้เห็นพวกเย่หยวนสีหน้าของพวกเขาทั้งหลายก็เปลี่ยนไปทันที

เมื่อมองดูที่ถ้ำด้านหลังของเย่หยวน ซัวโม่ก็ถามขึ้น “ทำไมพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่? หรือว่า… ซากร่างเทพสวรรค์นั้นพวกเจ้าจะเก็บไปสิ้นแล้ว?”

เฟิงเสี่ยวเถียนเองก็เบิกตากว้างไม่แพ้กันแต่สิ่งที่เขากำลังจ้องมองและสนใจนั้นมันแตกต่างจากซัวโม่นิดหน่อย

“ซงหยู เจ้ากลับบรรลุขึ้นมาได้! ไม่สิ พวกเจ้า… บรรลุขึ้นมาได้ทุกผู้คนอย่างนั้นหรือ?”

เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นได้เห็นว่ามิใช่เพียงแค่ซงหยูที่บรรลุขึ้นมาเป็นเทพถ่องแท้สี่ดาว แต่ผู้คนทั้งหลายในกลุ่มเองก็ได้พัฒนาพลังบ่มเพาะขึ้นไปอย่างมาก บรรลุขึ้นมากกว่าหนึ่งดาวธรรมดาๆ ยกเว้นเสียแต่เย่หยวน

พวกเขาทุกคนในตอนนี้แทบจะขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวอยู่แล้ว

มันต้องเป็นโชคลาภเช่นใดที่จะสามารถทำให้ผู้คนทั้งหลายพัฒนาตัวไปได้ถึงขนาดนั้น? ถึงกับสามารถบรรลุขึ้นมาได้ง่ายๆ?

เมื่อเฟิงเสี่ยวเถียนพูดขึ้นซัวโม่เองก็ได้หันไปเห็นเช่นกันทำให้ความตื่นตกใจของเขานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เลย

ตัวเฟิงเสี่ยวเถียนและซัวโม่นั้นมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยังต้องไปเจอสมบัติอันล้ำค่าจึงสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวมา

ส่วนคนอื่นๆ ที่ตามพวกเขามานั้นย่อมจะไม่โชคดีปานนั้นแน่

แต่พวกซงหยูทั้งหลายนี้กลับบรรลุขึ้นมาได้พร้อมๆ กัน โชคลาภใดๆ ที่พวกเขาไปพบเจอนั้นมันย่อมจะต้องเหนือล้ำมหาศาลอย่างแน่นอน!

ซงหยูนั้นมีเพียงรัศมีจักรพรรดิ แน่นอนว่าทั้งเฟิงเสี่ยวเถียนและซัวโม่ย่อมจะดูถูกตัวเขาอยู่ไม่น้อย

แต่ใครจะไปคาดคิดว่าซงหยูและพวกนั้นกลับก้าวเดินขึ้นมาพร้อมๆ กับพวกเขาทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย

“หึ พวกเจ้าคงตกใจมากล่ะสิ? ข้าที่มีเพียงรัศมีจักรพรรดิกลับสามารถตามความเร็วการบ่มเพาะของพวกเจ้าทั้งหลายผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิได้ทัน!” ซงหยูตอบกลับไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน

เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นแสดงสีหน้าดำมืดออกมาก่อนจะจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม “ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง พวกเจ้าเอาซากร่างเทพสวรรค์นั้นไปหมดแล้วใช่หรือไม่?”

ซงหยูตอบด้วยรอยยิ้ม “หากใช่แล้วจะทำไม?”

ซัวโม่มองดูซงหยูด้วยสายตาเย็นเยือก “ส่งมันมาแล้วข้าจะละเว้นเจ้าจากความตาย!”

ตอนนี้ตัวเขาได้บรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวทำให้ความมั่นใจใดๆ ของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

ด้วยความช่วยเหลือจากเฟิงเสี่ยวเถียนแล้วตัวเขาย่อมไม่คิดว่าซงหยูจะต้านทานใดๆ ได้

ส่วนพลังของเย่หยวนนั้นแม้ว่ามันจะน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ตัวเขาที่บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางมาได้แล้วมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายอย่างไม่อาจเทียบเคียง

ต่อให้เย่หยวนจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ แต่มันก็ย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงเขาได้อีกต่อไป!

“หึๆ ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีเสียจริง! หากเจ้ามีปัญญาก็มาเอามันไปเองสิ!” ซงหยูกล่าวท้า

“หึ! ไอ้เจ้าโง่! คลื่นจันทร์ตะวันตก!”

พูดจบซัวโม่ก็ยกมือขึ้นเข้าโจมตีอย่างรุนแรงและฉุนเฉียวไม่คิดจะเจรจาใดๆ อีก

ซงหยูเองก็ไม่คิดประมาทอีกฝ่ายแม้แต่น้อยรีบชักดาบเข้าปะทะทันที

เมื่อขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางได้แล้วคนทั้งสองย่อมจะต่อสู้กันได้ดุดันมากกว่าก่อนหน้าอย่างมากมาย

ที่ด้านข้างนั้นเฟิงเสี่ยวเถียนก็คิดขยับร่างเข้าไปร่วมวงต่อสู้ คิดจะทำการรุมสองต่อหนึ่ง

แต่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางทางเขาไว้ “คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

เฟิงเสี่ยวเถียนหัวเราะใส่หน้าเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่ตัวเองมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์สองชิ้นก็จะเก่งกาจเหนือฟ้าหรือ?”

เย่หยวนไม่คิดแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาก่อนจะตอบไป “เจ้าลองสิ”

เฟิงเสี่ยวเถียนหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ได้ เช่นนั้นเจ้าจะได้เห็นว่าพลังที่แท้จริงของเทพถ่องแท้ขั้นกลางมันแข็งแกร่งปานใด!”

‘ปัง!’

เมื่อเขาปล่อยพลังโลกออกมานั้นผู้คนทั้งหลายที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้า

พลังของเฟิงเสี่ยวเถียนในตอนนี้มันเหนือล้ำกว่าตอนที่เขาสู้กับเย่หยวนอย่างมากมาย

เพราะช่องว่างระหว่างเทพถ่องแท้สามดาวและเทพถ่องแท้สี่ดาวนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่

แม้จะเป็นวิชาเดียวกันแต่พลังของมันนั้นย่อมไม่อาจจะเอามาเทียบเคียงกันได้เลย

“หึ ตราบเท่าที่ข้าสังหารเจ้าได้ ข้าก็ย่อมจะได้โชคลาภอย่างมหาศาลแล้ว สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ของเจ้านั้นต้องเป็นของข้า! รับนี่ไปแล้วตายเสีย ดาบมังกรหยกเก้าดาว!”

เฟิงเสี่ยวเถียนหัวเราะร่าพร้อมยกดาบขึ้นมาฟันเข้าใส่เย่หยวนอย่างรุนแรง

แต่ในเวลานี้เย่หยวนกลับไม่คิดหยิบธงศึกดาวฤกษ์ออกมา

เขานั้นค่อยๆ หลับตาลงปล่อยให้ร่างกายหยุดนิ่งอยู่กับที่

ตอนนี้เขานั้นดูไม่แตกต่างอะไรไปจากคนตาย

และก่อนที่ดาบของเฟิงเสี่ยวเถียนจะฟันมาถึง ดวงตาทั้งสองของเย่หยวนก็พลันเบิกโพลงขึ้น

“ตราประทับความเป็นความตาย!”

ความเป็นและความตาย สองสิ่งที่อยู่ต่างกันคนละขั้วกลัวถูกรวมผสานเข้ากลายเป็นตราประทับที่สุดแสนรุนแรงรับดาบนั้นของเฟิงเสี่ยวเถียนไว้

‘ปัง!’

ร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนปลิวลอยกลับไปไกลหลายร้อยเมตรก่อนที่จะค่อยๆ หยุดยั้งพลังยืนกลับมาได้

เขานั้นมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึงดวงตามีแต่ความตกใจ

เจ้าหมอนี่มันไปรู้วิชาตราประทับที่รุนแรงเช่นนี้มาจากไหน?

แม้จะใช้ตราประทับนี้ออกมาด้วยพลังของเทพถ่องแท้สองดาว แต่มันกลับรุนแรงจนสามารถซัดร่างของเขากระเด็นได้?

“เป็นวิชาตราประทับใดกัน? มันกลับทำให้ข้ารู้สึกเข้าใจในเส้นทางของโลกขึ้นมา!”

“เจ้าตรานี้มันกลับทำให้ข้ารู้สึกราวกับได้มองผ่านชีวิตและความตาย ที่แท้วิชาวรยุทธของเจ้าเด็กคนนี้เองมันก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลย!”

“พี่เย่ช่างเก็บลับฝีมือไว้ดีจริงๆ ข้าไม่นึกเลยว่าตัวเขาจะยังสามารถทำอะไรเช่นนี้ออกมาได้อีก!”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นทางคนของซัวโม่หรือคนของทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเอง พวกเขาต่างก็มองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมาก

พวกเขานั้นเคยคิดว่าเย่หยวนอาศัยพลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เพื่อจะยืนเหนือผู้คน

แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้รู้แล้วว่าตนคิดผิด

ผิดไปอย่างมหัน!

ต่อให้ไม่ต้องใช้พลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เย่หยวนก็ยังมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำพอจะต้านทานพลังของเทพถ่องแท้สี่ดาวได้

เจ้าตราประทับความเป็นความตายนี้แท้จริงแล้วมันคือหนึ่งในตราประทับชีวาสามนิพพาน

การได้ใช้ชีวิตที่สองเช่นนี้เย่หยวนย่อมจะเข้าใจวิชาแห่งตรานี้ได้ลึกล้ำกว่าผู้คน

ความเข้าใจชีวิตพลังความตายและได้กลับมาเกิดใหม่เช่นนี้เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจเข้าใจมันได้

หลังจากบรรลุขึ้นอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดมาเย่หยวนก็มีพลังปราณเทวะที่เหนือล้ำพอจะปล่อยตราประทับชีวาสามนิพพานที่สองออกมา

และเมื่อได้ลองใช้เขาก็ได้รู้ว่ามันมีพลังที่ล้นเหลือจริงๆ

แม้ต้องปะทะกับเทพถ่องแท้สี่ดาวอย่างเฟิงเสี่ยวเถียนตัวเย่หยวนก็ยังสามารถกดดันอีกฝ่ายได้!

“ยังคิดจะสู้หรือไม่?” เย่หยวนหันไปมองเฟิงเสี่ยวเถียนและถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1981 ยังคิดจะสู้หรือไม่?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1981 ยังคิดจะสู้หรือไม่? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้า… ขอยอมติดตามเจ้าไป!”

แม้ว่าเย่หยวนจะพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ แต่อู๋เต้าย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ล้อเล่นอย่างแน่นอน

เย่หยวนพยักหน้า “ข้าจะดึงเจ้าเข้าไปแล้ว อย่าได้ขัดขืนไม่เช่นนั้นจะได้เจ็บตัวเปล่า”

นั่นทำให้ริมฝีปากของอู๋เต้าต้องสั่นกระตุก เขานั้นสุดท้ายถึงอย่างไรก็ไม่เต็มใจ

เขานั้นเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ถึงเทพสวรรค์แต่วันนี้กลับต้องมากลายเป็นทาสของเจ้าหนูคนนี้ มีหรือที่ตัวเขาจะยอมรับมันได้ง่ายๆ?

เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เมื่อชีวิตอยู่ในกำมือของผู้คนแล้วตัวเขาก็ย่อมจะไม่มีทางเลือกอื่น

ในตอนนี้เรื่องราวทั้งหลายมันมิใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินใจได้เอง

กว่าจะได้ออกมาจากการผนึกที่ยาวนานแต่วันนี้กลับต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้

เขานั้นย่อมเจ็บแค้นอยู่ในหัวใจ!

ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังอันรุนแรงหนึ่งดึงดูดตัวอู๋เต้าจนหายวับไป

ภายในไข่มุกสยบวิญญาณมันมีหวู่เฉินคอยจัดการอยู่เย่หยวนย่อมจะไม่ต้องกังวลใดๆ

เดิมทีเขานั้นคิดที่จะทำลายอู๋เต้าทิ้งไปเสียแต่เมื่อลองนึกดูอย่างรอบคอบแล้วไม่ว่าจะอย่างไรแม้ตัวอู๋เต้าจะสูญเสียความทรงจำไป แต่สุดท้ายเขาก็เป็นถึงยอดฝีมือในอดีตกาล

บางทีในสักวันเย่หยวนอาจจะใช้งานใดๆ ตัวเขาได้สักอย่าง

“พี่เย่ รีบไปกันเถอะ เจ้าพวกมารกระดูกทั้งหลายนั้นเองก็ไม่ได้อ่อนแอนัก หากพวกมันกลับมาแล้วเราคงเลี่ยงการต่อสู้มิได้แน่” ซงหยูรีบบอก

เย่หยวนพยักหน้าและพาทุกผู้คนเดินกลับออกมา

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าระหว่างที่เดินออกมาจนถึงหน้าถ้ำพวกเขาก็ได้พบเข้ากับพวกซัวโม่และเฟิงเสี่ยวเถียนทั้งหลายเข้าเสียก่อน

แต่ตอนนี้เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่มีฝีมือค่อนข้างอ่อนแอนั้นได้หายหน้าหายตาไปหลายคน ดูท่าคงจะตายลงไปเพราะการต่อสู้กับมารกระดูก

เมื่อพวกซัวโม่และเฟิงเสี่ยวเถียนได้เห็นพวกเย่หยวนสีหน้าของพวกเขาทั้งหลายก็เปลี่ยนไปทันที

เมื่อมองดูที่ถ้ำด้านหลังของเย่หยวน ซัวโม่ก็ถามขึ้น “ทำไมพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่? หรือว่า… ซากร่างเทพสวรรค์นั้นพวกเจ้าจะเก็บไปสิ้นแล้ว?”

เฟิงเสี่ยวเถียนเองก็เบิกตากว้างไม่แพ้กันแต่สิ่งที่เขากำลังจ้องมองและสนใจนั้นมันแตกต่างจากซัวโม่นิดหน่อย

“ซงหยู เจ้ากลับบรรลุขึ้นมาได้! ไม่สิ พวกเจ้า… บรรลุขึ้นมาได้ทุกผู้คนอย่างนั้นหรือ?”

เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นได้เห็นว่ามิใช่เพียงแค่ซงหยูที่บรรลุขึ้นมาเป็นเทพถ่องแท้สี่ดาว แต่ผู้คนทั้งหลายในกลุ่มเองก็ได้พัฒนาพลังบ่มเพาะขึ้นไปอย่างมาก บรรลุขึ้นมากกว่าหนึ่งดาวธรรมดาๆ ยกเว้นเสียแต่เย่หยวน

พวกเขาทุกคนในตอนนี้แทบจะขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวอยู่แล้ว

มันต้องเป็นโชคลาภเช่นใดที่จะสามารถทำให้ผู้คนทั้งหลายพัฒนาตัวไปได้ถึงขนาดนั้น? ถึงกับสามารถบรรลุขึ้นมาได้ง่ายๆ?

เมื่อเฟิงเสี่ยวเถียนพูดขึ้นซัวโม่เองก็ได้หันไปเห็นเช่นกันทำให้ความตื่นตกใจของเขานั้นไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เลย

ตัวเฟิงเสี่ยวเถียนและซัวโม่นั้นมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยังต้องไปเจอสมบัติอันล้ำค่าจึงสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวมา

ส่วนคนอื่นๆ ที่ตามพวกเขามานั้นย่อมจะไม่โชคดีปานนั้นแน่

แต่พวกซงหยูทั้งหลายนี้กลับบรรลุขึ้นมาได้พร้อมๆ กัน โชคลาภใดๆ ที่พวกเขาไปพบเจอนั้นมันย่อมจะต้องเหนือล้ำมหาศาลอย่างแน่นอน!

ซงหยูนั้นมีเพียงรัศมีจักรพรรดิ แน่นอนว่าทั้งเฟิงเสี่ยวเถียนและซัวโม่ย่อมจะดูถูกตัวเขาอยู่ไม่น้อย

แต่ใครจะไปคาดคิดว่าซงหยูและพวกนั้นกลับก้าวเดินขึ้นมาพร้อมๆ กับพวกเขาทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย

“หึ พวกเจ้าคงตกใจมากล่ะสิ? ข้าที่มีเพียงรัศมีจักรพรรดิกลับสามารถตามความเร็วการบ่มเพาะของพวกเจ้าทั้งหลายผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิได้ทัน!” ซงหยูตอบกลับไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน

เฟิงเสี่ยวเถียนนั้นแสดงสีหน้าดำมืดออกมาก่อนจะจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม “ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง พวกเจ้าเอาซากร่างเทพสวรรค์นั้นไปหมดแล้วใช่หรือไม่?”

ซงหยูตอบด้วยรอยยิ้ม “หากใช่แล้วจะทำไม?”

ซัวโม่มองดูซงหยูด้วยสายตาเย็นเยือก “ส่งมันมาแล้วข้าจะละเว้นเจ้าจากความตาย!”

ตอนนี้ตัวเขาได้บรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวทำให้ความมั่นใจใดๆ ของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

ด้วยความช่วยเหลือจากเฟิงเสี่ยวเถียนแล้วตัวเขาย่อมไม่คิดว่าซงหยูจะต้านทานใดๆ ได้

ส่วนพลังของเย่หยวนนั้นแม้ว่ามันจะน่ารำคาญอยู่บ้างแต่ตัวเขาที่บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางมาได้แล้วมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายอย่างไม่อาจเทียบเคียง

ต่อให้เย่หยวนจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ แต่มันก็ย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงเขาได้อีกต่อไป!

“หึๆ ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีเสียจริง! หากเจ้ามีปัญญาก็มาเอามันไปเองสิ!” ซงหยูกล่าวท้า

“หึ! ไอ้เจ้าโง่! คลื่นจันทร์ตะวันตก!”

พูดจบซัวโม่ก็ยกมือขึ้นเข้าโจมตีอย่างรุนแรงและฉุนเฉียวไม่คิดจะเจรจาใดๆ อีก

ซงหยูเองก็ไม่คิดประมาทอีกฝ่ายแม้แต่น้อยรีบชักดาบเข้าปะทะทันที

เมื่อขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางได้แล้วคนทั้งสองย่อมจะต่อสู้กันได้ดุดันมากกว่าก่อนหน้าอย่างมากมาย

ที่ด้านข้างนั้นเฟิงเสี่ยวเถียนก็คิดขยับร่างเข้าไปร่วมวงต่อสู้ คิดจะทำการรุมสองต่อหนึ่ง

แต่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางทางเขาไว้ “คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

เฟิงเสี่ยวเถียนหัวเราะใส่หน้าเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่ตัวเองมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์สองชิ้นก็จะเก่งกาจเหนือฟ้าหรือ?”

เย่หยวนไม่คิดแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาก่อนจะตอบไป “เจ้าลองสิ”

เฟิงเสี่ยวเถียนหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ได้ เช่นนั้นเจ้าจะได้เห็นว่าพลังที่แท้จริงของเทพถ่องแท้ขั้นกลางมันแข็งแกร่งปานใด!”

‘ปัง!’

เมื่อเขาปล่อยพลังโลกออกมานั้นผู้คนทั้งหลายที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้า

พลังของเฟิงเสี่ยวเถียนในตอนนี้มันเหนือล้ำกว่าตอนที่เขาสู้กับเย่หยวนอย่างมากมาย

เพราะช่องว่างระหว่างเทพถ่องแท้สามดาวและเทพถ่องแท้สี่ดาวนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่

แม้จะเป็นวิชาเดียวกันแต่พลังของมันนั้นย่อมไม่อาจจะเอามาเทียบเคียงกันได้เลย

“หึ ตราบเท่าที่ข้าสังหารเจ้าได้ ข้าก็ย่อมจะได้โชคลาภอย่างมหาศาลแล้ว สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ของเจ้านั้นต้องเป็นของข้า! รับนี่ไปแล้วตายเสีย ดาบมังกรหยกเก้าดาว!”

เฟิงเสี่ยวเถียนหัวเราะร่าพร้อมยกดาบขึ้นมาฟันเข้าใส่เย่หยวนอย่างรุนแรง

แต่ในเวลานี้เย่หยวนกลับไม่คิดหยิบธงศึกดาวฤกษ์ออกมา

เขานั้นค่อยๆ หลับตาลงปล่อยให้ร่างกายหยุดนิ่งอยู่กับที่

ตอนนี้เขานั้นดูไม่แตกต่างอะไรไปจากคนตาย

และก่อนที่ดาบของเฟิงเสี่ยวเถียนจะฟันมาถึง ดวงตาทั้งสองของเย่หยวนก็พลันเบิกโพลงขึ้น

“ตราประทับความเป็นความตาย!”

ความเป็นและความตาย สองสิ่งที่อยู่ต่างกันคนละขั้วกลัวถูกรวมผสานเข้ากลายเป็นตราประทับที่สุดแสนรุนแรงรับดาบนั้นของเฟิงเสี่ยวเถียนไว้

‘ปัง!’

ร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนปลิวลอยกลับไปไกลหลายร้อยเมตรก่อนที่จะค่อยๆ หยุดยั้งพลังยืนกลับมาได้

เขานั้นมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึงดวงตามีแต่ความตกใจ

เจ้าหมอนี่มันไปรู้วิชาตราประทับที่รุนแรงเช่นนี้มาจากไหน?

แม้จะใช้ตราประทับนี้ออกมาด้วยพลังของเทพถ่องแท้สองดาว แต่มันกลับรุนแรงจนสามารถซัดร่างของเขากระเด็นได้?

“เป็นวิชาตราประทับใดกัน? มันกลับทำให้ข้ารู้สึกเข้าใจในเส้นทางของโลกขึ้นมา!”

“เจ้าตรานี้มันกลับทำให้ข้ารู้สึกราวกับได้มองผ่านชีวิตและความตาย ที่แท้วิชาวรยุทธของเจ้าเด็กคนนี้เองมันก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลย!”

“พี่เย่ช่างเก็บลับฝีมือไว้ดีจริงๆ ข้าไม่นึกเลยว่าตัวเขาจะยังสามารถทำอะไรเช่นนี้ออกมาได้อีก!”

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นทางคนของซัวโม่หรือคนของทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเอง พวกเขาต่างก็มองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่ตกตะลึงอย่างมาก

พวกเขานั้นเคยคิดว่าเย่หยวนอาศัยพลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เพื่อจะยืนเหนือผู้คน

แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้รู้แล้วว่าตนคิดผิด

ผิดไปอย่างมหัน!

ต่อให้ไม่ต้องใช้พลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เย่หยวนก็ยังมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำพอจะต้านทานพลังของเทพถ่องแท้สี่ดาวได้

เจ้าตราประทับความเป็นความตายนี้แท้จริงแล้วมันคือหนึ่งในตราประทับชีวาสามนิพพาน

การได้ใช้ชีวิตที่สองเช่นนี้เย่หยวนย่อมจะเข้าใจวิชาแห่งตรานี้ได้ลึกล้ำกว่าผู้คน

ความเข้าใจชีวิตพลังความตายและได้กลับมาเกิดใหม่เช่นนี้เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจเข้าใจมันได้

หลังจากบรรลุขึ้นอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดมาเย่หยวนก็มีพลังปราณเทวะที่เหนือล้ำพอจะปล่อยตราประทับชีวาสามนิพพานที่สองออกมา

และเมื่อได้ลองใช้เขาก็ได้รู้ว่ามันมีพลังที่ล้นเหลือจริงๆ

แม้ต้องปะทะกับเทพถ่องแท้สี่ดาวอย่างเฟิงเสี่ยวเถียนตัวเย่หยวนก็ยังสามารถกดดันอีกฝ่ายได้!

“ยังคิดจะสู้หรือไม่?” เย่หยวนหันไปมองเฟิงเสี่ยวเถียนและถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+