Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1995 ร้อนเป็นไฟ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1995 ร้อนเป็นไฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้? ว่ามาสิ!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ตอบกลับไป

“ตอนที่เย่หยวนผู้นั้นรับดาบของเทพสวรรค์ห่าวหยูไปตัวเย่หยวนกลับทำให้เทพสวรรค์ห่าวหยูต้องเร่งพลังของตนขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาวจึงจะหยุดพ้นจากมือของเย่หยวนได้ หลังจากนั้นตัวเย่หยวนนั้นยังดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและมุ่งหน้าไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งด้วยตัวคนเดียว”

เจียนหยุนซินนั้นรู้เรื่องราวของเย่หยวนอย่างละเอียด

เมื่อทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา

“พลังของเทพถ่องแท้เก้าดาว? ช่างเหนือล้ำอะไรเช่นนี้! ต่อให้เป็นจักรพรรดิผู้นี้เองตอนที่อยู่ในระดับนั้นข้าก็ยังไม่เก่งกาจเท่าเขา เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นจอมเทพมาจากที่ไหนกัน? แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงของนิสัยเช่นนั้นมันย่อมจะหมายความถึงจุดอ่อนของวรยุทธ์บ่มเพาะแล้ว ที่สำคัญมันยังมิใช่ปัญหาเล็กน้อย เรื่องที่ว่าวันหน้าตัวเขาจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นมันล้วนแล้วไม่มีสิ่งใดแน่นอน” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวขึ้นด้วยความชื่นชม

เจียนหยุนซินพยักหน้ารับ “เด็กคนนี้ช่างลึกลับแต่หากท่านพ่อคิดสนใจตัวเขาจริงๆ เหตุใดไม่ลองทำนายดวงชะตาเขาดูเล่า?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่นออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้ลองทำนายดูหรือ? เด็กคนนี้มันไม่สามารถอ่านชะตาใดๆ ได้เลย!”

เจียนหยุนซินนั้นเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

“เอาล่ะ เรื่องราววันนี้ให้จบลงเท่านี้ อีกไม่นานโลกคงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หวังว่าตระกูลเจียนเราจะสามารถรอดพ้นมันไปได้อย่างปลอดภัย” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ถอนหายใจยาวพร้อมยกมือขึ้นไขว้หลัง

ภายในตึกวาโยบริสุทธิ์ตอนนี้เจียนซู่เทากำลังจ้องมองดูพวกเย่หยวนทั้งห้าอย่างตกตะลึง

เพราะการเดินทางจากสนามรบเทพโบราณในครั้งนี้ เด็กแห่งโชคชะตาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศของเขากลับสามารถรอดกลับมาได้กว่าครึ่ง!

ในครั้งที่ผ่านๆ มานั้นหากรอดมาได้สองถึงสามคนมันก็นับว่าดีมากแล้ว

การที่จะถูกล้างบางจนสิ้นเองก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

เพราะการเปิดขึ้นของสนามรบเทพโบราณในครั้งนี้เองหลายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิก็ไม่ได้มีเด็กแห่งโชคชะตารอดกลับไปแม้สักคน

แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้แค่กลับมาได้ถึงห้าคน แต่ว่าในคนทั้งห้านี้แต่ละคนยังมีการพัฒนาที่เหนือล้ำเลิศอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซงหยูที่ตอนนี้ได้ขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นสุดแล้ว

คนอื่นๆ เองก็บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวกันสิ้น!

แม้แต่เย่หยวนที่เดิมทีมีพลังต่ำสุดก็ยังพัฒนาขึ้นมาได้ถึงสองดาว

จะบอกว่าเป็นสุดยอดของฉากจบที่สมบูรณ์แบบก็ยังได้

“ดูท่าพวกเจ้าทั้งหลายคงได้โชคลาภจากสนามรบเทพโบราณกันมามากทีเดียว!” เขียนซู่เทาทักขึ้น

ซงหยูยิ้มรับทันที “ทั้งหลายทั้งสิ้นมันล้วนต้องขอบคุณพี่เย่ หากไม่ใช่เพราะเขาแล้วพวกเราทั้งหลายคงได้ตายอย่างไม่มีหลุมกลบฝัง อ่า…จริงด้วย ก่อนที่เราจะกลับมานั้นท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ท่านได้บอกมาว่าให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเราดูชะตาว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ท่านเจ้าเมืองจะรังเกียจหรือไม่?”

เจียนซู่เทาพยักหน้ารับทันที “ย่อมได้สิ”

พูดไปเขาก็เดินปราณขึ้นมาใช้ศาสตร์การดูรัศมีแก่พวกซงหยูทั้งหลาย

แน่นอนว่าเขาต้องเว้นตัวเย่หยวนไว้

เพราะเขานั้นไม่กล้าจะมอง

ตอนที่ยังไม่มองก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอได้เห็นรัศมีตรงหน้าแล้วเขาถึงกับต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย

เมื่อพวกซงหยูได้เห็นสีหน้าของเจียนซู่เทาเขาก็ถามขึ้นทันที “มีอะไรหรือท่านเจ้าเมือง?”

เจียนซู่เทาได้แต่เดาะลิ้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “แปลก! แปลกจริง! เดินทางไปสนามรบเทพโบราณครั้งนี้พวกเจ้าทั้งหลายกลับเลื่อนขึ้นมาเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิสิ้น? ขอข้าดูอีกทีเถอะ”

พูดไปเขาก็เดินปราณขึ้นมาใช้ศาสตร์การดูรัศมีอีกครั้ง

แต่ไม่ว่าจะดูมุมไหนคนทั้งสี่นี้ก็ได้บรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาแล้วจริงๆ

มันเหนือล้ำคำว่าสุดยอดไปมาก! เพราะในยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้กลับเกิดรัศมีผ่าจักรพรรดิขึ้นมาถึงสี่คน มันเป็นอะไรที่สุดแสนจะแปลกประหลาด

ส่วนทางพวกซงหยูนั้นพวกเขาต่างตกตะลึงและตื่นเต้นดีใจ

ซงหยูนั้นเดิมทีมีรัศมีจักรพรรดิขั้นสุดอยู่แล้ว เป็นตัวตนที่อยู่ห่างจากรัศมีผ่าจักรพรรดิเพียงเอื้อม

การจะบรรลุขึ้นมานั้นมันย่อมมิใช่เรื่องแปลกประหลาด

แต่คนอื่นๆ ที่เหลือนั้นมันทำให้เจียนซู่เทาตกตะลึงมาก

และแน่นอนว่าเหล่าเจ้าตัวเองก็ตกตะลึงไม่น้อย

เพราะในหมู่คนทั้งสาม กั๋วจิงหยางและหม่าฉางนั้นมีรัศมีจักรพรรดิขั้นปลาย ส่วนหูเฟยนั้นมีเพียงรัศมีจักรพรรดิขั้นกลาง

ใครจะไปคิดไปฝันว่าหูเฟยคนนี้จะสามารถบรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาได้?

‘แม้ว่าสนามรบเทพโบราณนี้มันจะเปลี่ยนโชคชะตาผู้คนไปได้มากมายเพียงใดแต่รัศมีผ่าจักรพรรดินั้นก็ไม่ใช้ก้อนกรวดก้อนดิน แม้จะเป็นยอดเมืองหลวงจักรพรรดินับร้อยๆ เมืองมันก็ยังไม่แน่ว่าจะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิเกิดขึ้นมาได้สักคน แต่ตอนนี้กลับปรากฏคนเช่นนั้นออกมาถึงสี่คนในคราเดียว นับรวมเย่หยวนไปแล้วก็เป็นห้า! ไม่สิ… ไม่ใช่ หรือว่าแท้จริงแล้วตัวปัญหามันจะคือเย่หยวน?’ เจียนซู่เทาได้แต่คิดอยู่ในใจ

คิดได้เช่นนั้นเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลขึ้นมา

เจียนซู่เทานั้นได้รู้และเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้คนที่ได้ใกล้ชิดกับเย่หยวนนั้นจะมีดวงชะตาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหัน

อย่างตัวเจียนหงเซียวเองก็ดี เดิมทีตัวเขานั้นไม่น่าจะมีปัญญากลับมายืนในวังดาราได้อีก

แต่ใครจะไปคิดไปฝันว่านอกจากจะกลับมาได้แล้วเขายังถึงขั้นบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์!

มันช่างเป็นโชคชะตาที่เหนือสวรรค์

ยิ่งเจียนซู่เทาคิด เขาก็ยิ่งเชื่อมั่นในความเป็นไปได้นี้มากขึ้น

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียพวกเขาทั้งหลายนั้นก็มีจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ผู้มีดวงชะตาเหนือล้ำเป็นบรรพบุรุษ

ทำให้ตระกูลเจียนของพวกเขาทั้งหลายกลายเป็นยอดขุมกำลังตระกูลใหญ่ของมหาพิภพถงเทียน

ต่อให้จะเป็นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายหากคิดทำการใดก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลเจียน

หรือว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นตัวตนระดับเดียวกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้?

ยิ่งเจียนซู่เทาคิด ตัวเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกและยิ่งสงสัยอยู่ในใจ เย่หยวนคนนี้มันมีอะไรดีอยู่กับตัวนัก ถึงได้มีอิทธิพลที่เหนือล้ำเช่นนั้น?

เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่กล้าจะมอง!

เพราะเมื่อใดที่ความอยากมองดูโชคชะตาของเย่หยวนปรากฏขึ้นมา ความรู้สึกถึงอันตรายก็ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้น

“ท่านเจ้าเมือง ข้า… ข้าบรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิจริงหรือ?” หูเฟยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น

เจียนซู่เทาตอบกลับไป “ทำไม? เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะล้อเจ้าเล่น?”

หูเฟยรีบตอบกลับมา “มิกล้าๆ! เพียงแค่ว่า… ข้าไม่ค่อยจะอยากเชื่อมันสักเท่าใด ขอบคุณท่านเจ้าเมืองมาก!”

เจียนซู่เทาพยักหน้ารับ “พวกเจ้าทั้งหลายออกไปได้ เย่หยวน เจ้าอยู่ก่อน”

ซงหยูและพวกนั้นรู้ได้ทันทีว่าเหตุผลที่เจียนซู่เทารั้งเย่หยวนไว้คงเป็นเพราะกระดูกจักรพรรดินั้นแล้วจึงได้รีบเดินกันออกไปทันที

หลังคนทั้งหลายจากไปเย่หยวนก็นำเอากระดูกจักรพรรดิออกมาทำให้คลื่นพลังรุนแรงสาดซัดไปทั่วทั้งตึกวาโยบริสุทธิ์นี้

เจียนซู่เทาที่เห็นเช่นนั้นได้แต่หรี่ตามองร้องขึ้น “เป็นกระดูกจักรพรรดิกิเลนจริง! เจ้า… เจ้านำมันออกมาได้จริงๆ!”

เย่หยวนนั้นมองดูเจียนซู่เทาและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าเมืองเองก็รู้วิธีวางแผนเสียจริง! ท่านคงไม่ได้คิดจะบอกว่าตนไม่รู้ว่ามีอะไรเฝ้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้อยู่ใช่หรือไม่?”

การเดินทางครั้งนี้จะบอกว่าเย่หยวนรอดมาได้อย่างเฉียดฉิวก็คงไม่ผิด

กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันมิใช่สิ่งที่เทพถ่องแท้ใดๆ จะไปเอามาได้เลย

นี่มันคือหลุมพรางที่เจียนซู่เทาวางไว้ชัดๆ

และมันมิใช่แค่ตัวเขา เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายที่เดินทางไปยังเขากระดูกอสูรเองก็ตกเป็นเหยื่อของหลุมพรางนี้

หากพวกเขารู้ว่ามีมารกระดูกเทพสวรรค์เฝ้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้ไว้ต่อให้ตายพวกเขาก็คงไม่กล้าย่างเท้าเข้าไป

เพราะฉะนั้นในตอนนี้เย่หยวนจึงไม่พอใจอย่างมาก

การที่เขาได้กระดูกจักรพรรดิกิเลนมานี้มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่โกรธเคือง

เจียนซู่เทาเองก็หน้าด้านตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย “อะไร? เจ้าคิดจะกลับคำหรือ?”

เย่หยวนมองดูเจียนซู่เทาอย่างเรียบเฉยเช่นกันและตอบกลับไป “ไม่ได้คิดจะกลับคำ เย่หยวนผู้นี้ให้คำไหนไว้มันก็คือคำนั้น กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้ย่อมเป็นของท่าน เพียงแค่ว่าข้าสงสัยว่าท่านจะมีปัญญาเอามันไปหรือไม่”

เจียนซู่เทาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น แค่กระดูกจักรพรรดิ มีหรือที่เทพสวรรค์ผู้นี้จะรับพลังมันไม่ไหว?”

เย่หยวนยิ้มและโยนกระดูกจักรพรรดินั้นให้อีกฝ่ายไป

เจียนซู่เทาจึงยื่นมือออกมารับอย่างลืมตัว

แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสี

“โอ้ย!”

เจียนซู่เทาร้องออกมาก่อนจะรีบโยนกระดูกจักรพรรดินั้นลงพื้นไป

กลิ่นไหม้ๆ ลอยไปทั่วบริเวณเพราะตอนนี้ฝ่ามือของเขาถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก

เจ้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันร้อนเป็นไฟ!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1995 ร้อนเป็นไฟ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1995 ร้อนเป็นไฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้? ว่ามาสิ!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ตอบกลับไป

“ตอนที่เย่หยวนผู้นั้นรับดาบของเทพสวรรค์ห่าวหยูไปตัวเย่หยวนกลับทำให้เทพสวรรค์ห่าวหยูต้องเร่งพลังของตนขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาวจึงจะหยุดพ้นจากมือของเย่หยวนได้ หลังจากนั้นตัวเย่หยวนนั้นยังดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและมุ่งหน้าไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งด้วยตัวคนเดียว”

เจียนหยุนซินนั้นรู้เรื่องราวของเย่หยวนอย่างละเอียด

เมื่อทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา

“พลังของเทพถ่องแท้เก้าดาว? ช่างเหนือล้ำอะไรเช่นนี้! ต่อให้เป็นจักรพรรดิผู้นี้เองตอนที่อยู่ในระดับนั้นข้าก็ยังไม่เก่งกาจเท่าเขา เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นจอมเทพมาจากที่ไหนกัน? แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงของนิสัยเช่นนั้นมันย่อมจะหมายความถึงจุดอ่อนของวรยุทธ์บ่มเพาะแล้ว ที่สำคัญมันยังมิใช่ปัญหาเล็กน้อย เรื่องที่ว่าวันหน้าตัวเขาจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นมันล้วนแล้วไม่มีสิ่งใดแน่นอน” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวขึ้นด้วยความชื่นชม

เจียนหยุนซินพยักหน้ารับ “เด็กคนนี้ช่างลึกลับแต่หากท่านพ่อคิดสนใจตัวเขาจริงๆ เหตุใดไม่ลองทำนายดวงชะตาเขาดูเล่า?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่นออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้ลองทำนายดูหรือ? เด็กคนนี้มันไม่สามารถอ่านชะตาใดๆ ได้เลย!”

เจียนหยุนซินนั้นเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

“เอาล่ะ เรื่องราววันนี้ให้จบลงเท่านี้ อีกไม่นานโลกคงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หวังว่าตระกูลเจียนเราจะสามารถรอดพ้นมันไปได้อย่างปลอดภัย” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ถอนหายใจยาวพร้อมยกมือขึ้นไขว้หลัง

ภายในตึกวาโยบริสุทธิ์ตอนนี้เจียนซู่เทากำลังจ้องมองดูพวกเย่หยวนทั้งห้าอย่างตกตะลึง

เพราะการเดินทางจากสนามรบเทพโบราณในครั้งนี้ เด็กแห่งโชคชะตาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศของเขากลับสามารถรอดกลับมาได้กว่าครึ่ง!

ในครั้งที่ผ่านๆ มานั้นหากรอดมาได้สองถึงสามคนมันก็นับว่าดีมากแล้ว

การที่จะถูกล้างบางจนสิ้นเองก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

เพราะการเปิดขึ้นของสนามรบเทพโบราณในครั้งนี้เองหลายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิก็ไม่ได้มีเด็กแห่งโชคชะตารอดกลับไปแม้สักคน

แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้แค่กลับมาได้ถึงห้าคน แต่ว่าในคนทั้งห้านี้แต่ละคนยังมีการพัฒนาที่เหนือล้ำเลิศอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซงหยูที่ตอนนี้ได้ขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นสุดแล้ว

คนอื่นๆ เองก็บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวกันสิ้น!

แม้แต่เย่หยวนที่เดิมทีมีพลังต่ำสุดก็ยังพัฒนาขึ้นมาได้ถึงสองดาว

จะบอกว่าเป็นสุดยอดของฉากจบที่สมบูรณ์แบบก็ยังได้

“ดูท่าพวกเจ้าทั้งหลายคงได้โชคลาภจากสนามรบเทพโบราณกันมามากทีเดียว!” เขียนซู่เทาทักขึ้น

ซงหยูยิ้มรับทันที “ทั้งหลายทั้งสิ้นมันล้วนต้องขอบคุณพี่เย่ หากไม่ใช่เพราะเขาแล้วพวกเราทั้งหลายคงได้ตายอย่างไม่มีหลุมกลบฝัง อ่า…จริงด้วย ก่อนที่เราจะกลับมานั้นท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ท่านได้บอกมาว่าให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเราดูชะตาว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ท่านเจ้าเมืองจะรังเกียจหรือไม่?”

เจียนซู่เทาพยักหน้ารับทันที “ย่อมได้สิ”

พูดไปเขาก็เดินปราณขึ้นมาใช้ศาสตร์การดูรัศมีแก่พวกซงหยูทั้งหลาย

แน่นอนว่าเขาต้องเว้นตัวเย่หยวนไว้

เพราะเขานั้นไม่กล้าจะมอง

ตอนที่ยังไม่มองก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอได้เห็นรัศมีตรงหน้าแล้วเขาถึงกับต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย

เมื่อพวกซงหยูได้เห็นสีหน้าของเจียนซู่เทาเขาก็ถามขึ้นทันที “มีอะไรหรือท่านเจ้าเมือง?”

เจียนซู่เทาได้แต่เดาะลิ้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “แปลก! แปลกจริง! เดินทางไปสนามรบเทพโบราณครั้งนี้พวกเจ้าทั้งหลายกลับเลื่อนขึ้นมาเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิสิ้น? ขอข้าดูอีกทีเถอะ”

พูดไปเขาก็เดินปราณขึ้นมาใช้ศาสตร์การดูรัศมีอีกครั้ง

แต่ไม่ว่าจะดูมุมไหนคนทั้งสี่นี้ก็ได้บรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาแล้วจริงๆ

มันเหนือล้ำคำว่าสุดยอดไปมาก! เพราะในยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้กลับเกิดรัศมีผ่าจักรพรรดิขึ้นมาถึงสี่คน มันเป็นอะไรที่สุดแสนจะแปลกประหลาด

ส่วนทางพวกซงหยูนั้นพวกเขาต่างตกตะลึงและตื่นเต้นดีใจ

ซงหยูนั้นเดิมทีมีรัศมีจักรพรรดิขั้นสุดอยู่แล้ว เป็นตัวตนที่อยู่ห่างจากรัศมีผ่าจักรพรรดิเพียงเอื้อม

การจะบรรลุขึ้นมานั้นมันย่อมมิใช่เรื่องแปลกประหลาด

แต่คนอื่นๆ ที่เหลือนั้นมันทำให้เจียนซู่เทาตกตะลึงมาก

และแน่นอนว่าเหล่าเจ้าตัวเองก็ตกตะลึงไม่น้อย

เพราะในหมู่คนทั้งสาม กั๋วจิงหยางและหม่าฉางนั้นมีรัศมีจักรพรรดิขั้นปลาย ส่วนหูเฟยนั้นมีเพียงรัศมีจักรพรรดิขั้นกลาง

ใครจะไปคิดไปฝันว่าหูเฟยคนนี้จะสามารถบรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาได้?

‘แม้ว่าสนามรบเทพโบราณนี้มันจะเปลี่ยนโชคชะตาผู้คนไปได้มากมายเพียงใดแต่รัศมีผ่าจักรพรรดินั้นก็ไม่ใช้ก้อนกรวดก้อนดิน แม้จะเป็นยอดเมืองหลวงจักรพรรดินับร้อยๆ เมืองมันก็ยังไม่แน่ว่าจะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิเกิดขึ้นมาได้สักคน แต่ตอนนี้กลับปรากฏคนเช่นนั้นออกมาถึงสี่คนในคราเดียว นับรวมเย่หยวนไปแล้วก็เป็นห้า! ไม่สิ… ไม่ใช่ หรือว่าแท้จริงแล้วตัวปัญหามันจะคือเย่หยวน?’ เจียนซู่เทาได้แต่คิดอยู่ในใจ

คิดได้เช่นนั้นเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลขึ้นมา

เจียนซู่เทานั้นได้รู้และเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้คนที่ได้ใกล้ชิดกับเย่หยวนนั้นจะมีดวงชะตาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหัน

อย่างตัวเจียนหงเซียวเองก็ดี เดิมทีตัวเขานั้นไม่น่าจะมีปัญญากลับมายืนในวังดาราได้อีก

แต่ใครจะไปคิดไปฝันว่านอกจากจะกลับมาได้แล้วเขายังถึงขั้นบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์!

มันช่างเป็นโชคชะตาที่เหนือสวรรค์

ยิ่งเจียนซู่เทาคิด เขาก็ยิ่งเชื่อมั่นในความเป็นไปได้นี้มากขึ้น

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียพวกเขาทั้งหลายนั้นก็มีจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ผู้มีดวงชะตาเหนือล้ำเป็นบรรพบุรุษ

ทำให้ตระกูลเจียนของพวกเขาทั้งหลายกลายเป็นยอดขุมกำลังตระกูลใหญ่ของมหาพิภพถงเทียน

ต่อให้จะเป็นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายหากคิดทำการใดก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลเจียน

หรือว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นตัวตนระดับเดียวกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้?

ยิ่งเจียนซู่เทาคิด ตัวเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกและยิ่งสงสัยอยู่ในใจ เย่หยวนคนนี้มันมีอะไรดีอยู่กับตัวนัก ถึงได้มีอิทธิพลที่เหนือล้ำเช่นนั้น?

เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่กล้าจะมอง!

เพราะเมื่อใดที่ความอยากมองดูโชคชะตาของเย่หยวนปรากฏขึ้นมา ความรู้สึกถึงอันตรายก็ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้น

“ท่านเจ้าเมือง ข้า… ข้าบรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิจริงหรือ?” หูเฟยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น

เจียนซู่เทาตอบกลับไป “ทำไม? เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะล้อเจ้าเล่น?”

หูเฟยรีบตอบกลับมา “มิกล้าๆ! เพียงแค่ว่า… ข้าไม่ค่อยจะอยากเชื่อมันสักเท่าใด ขอบคุณท่านเจ้าเมืองมาก!”

เจียนซู่เทาพยักหน้ารับ “พวกเจ้าทั้งหลายออกไปได้ เย่หยวน เจ้าอยู่ก่อน”

ซงหยูและพวกนั้นรู้ได้ทันทีว่าเหตุผลที่เจียนซู่เทารั้งเย่หยวนไว้คงเป็นเพราะกระดูกจักรพรรดินั้นแล้วจึงได้รีบเดินกันออกไปทันที

หลังคนทั้งหลายจากไปเย่หยวนก็นำเอากระดูกจักรพรรดิออกมาทำให้คลื่นพลังรุนแรงสาดซัดไปทั่วทั้งตึกวาโยบริสุทธิ์นี้

เจียนซู่เทาที่เห็นเช่นนั้นได้แต่หรี่ตามองร้องขึ้น “เป็นกระดูกจักรพรรดิกิเลนจริง! เจ้า… เจ้านำมันออกมาได้จริงๆ!”

เย่หยวนนั้นมองดูเจียนซู่เทาและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าเมืองเองก็รู้วิธีวางแผนเสียจริง! ท่านคงไม่ได้คิดจะบอกว่าตนไม่รู้ว่ามีอะไรเฝ้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้อยู่ใช่หรือไม่?”

การเดินทางครั้งนี้จะบอกว่าเย่หยวนรอดมาได้อย่างเฉียดฉิวก็คงไม่ผิด

กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันมิใช่สิ่งที่เทพถ่องแท้ใดๆ จะไปเอามาได้เลย

นี่มันคือหลุมพรางที่เจียนซู่เทาวางไว้ชัดๆ

และมันมิใช่แค่ตัวเขา เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายที่เดินทางไปยังเขากระดูกอสูรเองก็ตกเป็นเหยื่อของหลุมพรางนี้

หากพวกเขารู้ว่ามีมารกระดูกเทพสวรรค์เฝ้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้ไว้ต่อให้ตายพวกเขาก็คงไม่กล้าย่างเท้าเข้าไป

เพราะฉะนั้นในตอนนี้เย่หยวนจึงไม่พอใจอย่างมาก

การที่เขาได้กระดูกจักรพรรดิกิเลนมานี้มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่โกรธเคือง

เจียนซู่เทาเองก็หน้าด้านตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย “อะไร? เจ้าคิดจะกลับคำหรือ?”

เย่หยวนมองดูเจียนซู่เทาอย่างเรียบเฉยเช่นกันและตอบกลับไป “ไม่ได้คิดจะกลับคำ เย่หยวนผู้นี้ให้คำไหนไว้มันก็คือคำนั้น กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้ย่อมเป็นของท่าน เพียงแค่ว่าข้าสงสัยว่าท่านจะมีปัญญาเอามันไปหรือไม่”

เจียนซู่เทาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น แค่กระดูกจักรพรรดิ มีหรือที่เทพสวรรค์ผู้นี้จะรับพลังมันไม่ไหว?”

เย่หยวนยิ้มและโยนกระดูกจักรพรรดินั้นให้อีกฝ่ายไป

เจียนซู่เทาจึงยื่นมือออกมารับอย่างลืมตัว

แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสี

“โอ้ย!”

เจียนซู่เทาร้องออกมาก่อนจะรีบโยนกระดูกจักรพรรดินั้นลงพื้นไป

กลิ่นไหม้ๆ ลอยไปทั่วบริเวณเพราะตอนนี้ฝ่ามือของเขาถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก

เจ้ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันร้อนเป็นไฟ!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+