Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2000 แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้า!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2000 แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

“ไม่เป็นอะไรเลย! ท่านเย่หยวนนั้น… ทำได้อย่างไรกัน?”

“นี่มันเป็นพลังป้องกันที่เหนือล้ำฟ้าดิน!”

ตอนนี้เสียงโห่ร้องยินดีดังไปทั่วทั้งเมือง

ไม่ได้เจอกันไม่กี่สิบปีเย่หยวนกลับพัฒนาจนทำให้คนทั้งหลายต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย

แน่นอนว่าผู้ที่สั่นสะท้านที่สุดก็คือศัตรู

เติ้งเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

เย่หยวนนั้นยืนมั่นอยู่ตรงนั้นอย่างไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ แม้แต่น้อย

มันต้องเป็นพลังป้องกันที่เหนือล้ำขนาดไหน?!

หลู่ซือยีนั้นเบิกตากว้าง ท่าทางจะตื่นตกใจกับภาพตรงหน้าไม่น้อย

“เมื่อสักครู่นี้มันมี… คลื่นพลังจากสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์! ตัวเขานี้มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทเครื่องป้องกัน!” หลู่ซือยีร้องบอก

“สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์?” เติ้งเหว่ยที่ได้ยินจึงหันหน้าไปหาเย่หยวนอย่างทันท่วงที

ตอนนี้ใบหน้าของเขามีแต่ความตื่นเต้นดีใจ

เย่หยวนนั้นมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์อยู่กับตัวมันย่อมหมายความว่าหากเขาฆ่าสังหารเย่หยวนลงได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้ก็คงเป็นของเขาแล้ว?

มีหรือที่ความคิดตื้นๆ ของเติ้งเหว่ยนี้จะหลบรอดจากสายตาเย่หยวนไปได้?

เย่หยวนจึงได้เปิดปากพูดขึ้น “อยากได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์?”

เติ้งเหว่ยเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังใดๆ “ไม่นึกเลยว่าเดินทางมาครั้งนี้มันจะได้โชคลาภเช่นนี้ สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นข้าย่อมจะต้องการ!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ได้ ตราบเท่าที่เจ้ารับการโจมตีจากข้าได้”

เติ้งเหว่ยหัวเราะลั่นออกมาทันที “เจ้าโง่หลงตัวเอง! เจ้าคิดว่าแค่มีพลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทเครื่องป้องกันก็จะสามารถมีพลังเหนือล้ำกว่าข้าได้หรือ? หากนายน้อยผู้นี้ไม่อาจรับพลังโจมตีของเจ้าได้แล้วชีวิตที่ข้าบ่มเพาะมานานแสนนานนี้มันจะไม่เสียเปล่าหรือ?”

เย่หยวนนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาแต่ความโกรธแค้นของเขามันยังปะทุอยู่ภายใน

“ได้ เช่นนั้นก็รับให้ดี!”

เย่หยวนขยับร่างกายพุ่งทะยานเข้าหาเติ้งเหว่ยราวสายฟ้า

“เร็ว!”

เติ้งเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างพยายามปล่อยพลังโลกและปราณเทวะออกมาป้องกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่ทว่าพลังโลกหรือปราณเทวะของเขานั้นไม่อาจป้องกันพลังของเย่หยวนได้เลยแม้แต่น้อย

เย่หยวนนั้นเป็นดั่งมีดที่แหลมคมฝ่าเข้ามากลางพลังโลกของเติ้งเหว่ยพร้อมใช้มือทั้งสองจับไหล่ของเขาไว้

เติ้งเหว่ยที่สัมผัสได้ถึงมือทั้งสองนี้ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายพยายามจะใช้พลังที่มีสะบัดตัวเย่หยวนออกไป

แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หนักหนาราวกับว่าร่างกายจะฉีกขาดออกจากกัน

‘เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดข้าจึงไม่อาจสัมผัสถึงร่างกายตนได้?’

นี่คือความคิดสุดท้ายในหัวของเติ้งเหว่ยเพราะตอนนี้ร่างกายของเขามันได้ถูกเย่หยวนฉีกจนขาดออกจากกันไปแล้ว

เมืองทั้งเมืองถูกความเงียบเข้ากลืนกิน!

ทุกผู้คนต่างมองภาพตรงหน้านี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา

การฉีกร่างของเทพถ่องแท้ห้าดาวออกมาด้วยมือข้างเดียวมันย่อมเป็นภาที่สุดแสนน่าสยดสยอง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเรื่องราวเช่นนี้ในชีวิต

สุดแสนตื่นตะลึง สุดแสนโหดร้าย!

สุดแสน… จะสะใจ!

คนทั้งหลายนี้วางท่าทำตัวเหนือท่านเอาแต่พูดว่าคนชั้นต่ำอย่างนั้นอย่างนี้

ในสายตาของคนเหล่านี้เหล่านักยุทธ์ทั่วๆ ไปนั้นมันเป็นอะไรไปไม่ได้มากกว่าแค่ปศุสัตว์

แต่เติ้งเหว่ยกลับถูกเย่หยวนฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ

“กายทองคำสัมบูรณ์ระดับหก… ขั้นกลาง!”

หลู่ซือยีและไต้หยางต้องเบิกตากว้างมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง

พลังกายของเย่หยวนนี้มันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาคาดคิดไปหนักหนามาก

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขานั้นได้รู้ว่าตอนที่เย่หยวนรับการโจมตีของเติ้งเหว่ย สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ใดๆ นั้นมันเป็นได้เพียงแค่ไม้ประดับ

สิ่งที่เป็นกำลังหลักให้เย่หยวนนั้นมันคือกายเนื้อของเขา!

การที่เย่หยวนสามารถบ่มเพาะกายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกขึ้นมาถึงขั้นกลางได้นี้มันล้วนแล้วแต่เป็นเพราะการเดินทางไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งนั้นของเขา

ตอนนี้เย่หยวนที่พยายามกดความโกรธแค้นของตนไว้จึงได้พยายามหาที่ปลดปล่อยออกมา

และร่างของเติ้งเหว่ยนี้มันก็ช่างเหมาะมือนัก

เย่หยวนยืนมือไขว้หลังอยู่ตรงนั้นก่อนจะมองดูพวกหลู่ซือยี “นี่หรือคืออัจฉริยะที่เจ้าว่า? มันก็แค่เท่านี้! ไม่รู้เสียจริงๆ ว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจผิดๆ ของตนนั้นมาจากที่ใด! ปากเจ้าเอาแต่พูดว่าชั้นต่ำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในสายตาของข้าแล้วพวกเจ้าต่างหากที่เป็นได้แค่เศษขี้ดิน”

“พวกเขาทั้งหลายนี้พยายามต่อสู้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากทุกวี่วันเดินอยู่บนเส้นความเป็นความตายและมอบทรัพยากรทั้งหลายให้พวกเจ้าไปใช้ พวกเจ้าที่เรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งหลายกลับเป็นได้แค่คนชั้นต่ำในสายตาของเจ้า”

“พวกเจ้านั้นไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเสื้อผ้าเครื่องใช้ใดๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรการบ่มเพาะ ไม่ขาดแคลนวรยุทธ์บ่มเพาะ มีสมบัติวิเศษมากมายให้ได้เลือกใช้ ให้พูดแล้วพวกเจ้ามันก็แค่เกิดมาดี แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันผู้นี้ก็ยังไม่อาจป้องกันข้าได้แม้กระบวนท่า ช่างน่าขัน! พวกเจ้าจำไว้เถิดว่าวันนี้ที่พวกเจ้าตายลงนั้นมันเป็นเพราะเจ้าได้ล่วงเกินชีวิตของเด็กหนุ่มนามเจียงหมิง!”

คำพูดของเย่หยวนแต่ละคำนี้มันแสนหนักแน่นและดุดัน ว่ากล่าวว่าทั้งหลู่ซือยีและไต้หยางนั้นต่างได้ดีเพราะคนอื่น ไม่มีค่าใดๆ ของตนเอง

และแน่นอนว่าเขาย่อมจะมีคุณสมบัติพอจะว่ากล่าวเช่นนี้

เดิมทีเติ้งเหว่ยนั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่คิดสนใจมองเย่หยวนในสายตา

แต่สุดท้ายเขากลับไม่อาจสร้างรอยแผลใดๆ ให้เย่หยวนได้และถูกฉีกร่างด้วยกระบวนท่าเดียว

แต่หลู่ซือยีนั้นยังคงรักษาใบหน้านิ่งเฉยนั้นไว้ได้ “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้ามั่นใจ? เจ้าคิดว่าแค่สังหารเติ้งเหว่ยลงได้ก็จะกดดันเราได้แล้ว? ที่สำคัญการที่เจ้าสังหารเติ้งเหว่ยลงเช่นนี้มันย่อมเป็นความผิดมหัน เจ้าและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องตาย!”

เย่หยวนตอบกลับไป “เรอะ?”

‘ฟุบ!’

เสียงนั้นยังไม่ทันขาดหายเย่หยวนก็ขยับเคลื่อนร่างอีกครั้ง

ไต้หยางที่อยู่ด้านข้างนั้นรู้สึกได้ถึงความตายที่มาเยือน เป็นความรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน

เขานั้นใช้ปราณเทวะทั้งหมดออกมาปัดป้องไว้แต่มันก็ไร้ผล!

‘ปัง!’

หมัดของเย่หยวนถูกต่อยออกมาปะทะเข้ากับร่างของไต้หยางจนทำให้ร่างกายนั้นมันกลายเป็นห่าฝนเลือดไปทันทีอย่างไม่อาจป้องกันใดๆ ได้

และตั้งแต่ต้นจนจบตัวหลู่ซือยีก็ทำเพียงแค่มองดูจากด้านข้างไม่คิดช่วยเหลือแม้แต่น้อย

“ท่านเย่หยวนนั้นช่างแข็งแกร่งอะไรปานนี้!”

“ฮ่าๆ! ฆ่าสังหารพวกมันให้สิ้นเลย! ท่านเย่หยวน เรารักท่าน!”

“ท่านเย่หยวน ฆ่านังนั่นเลย! แก้แค้นให้เจียงหมิงด้วย!”

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างร้องบอกออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น

พวกเขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนเริ่มเดินทางจากจุดที่ไม่มีอะไรแม้สักอย่าง ใช้เพียงแค่ความพยายามของตนก้าวเดินขึ้นมาถึงจุดที่เขายืนทุกวันนี้

ตอนนี้เมื่อเย่หยวนเป็นตัวแทนพวกเขากระทืบเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมีหรือที่คนทั้งหลายจะอดห้ามไม่ให้ตื่นเต้นดีใจได้?

หลู่ซือยียังคงมองดูเย่หยวนอย่างเย็นชา “ข้ายอมรับว่าข้าประมาทเจ้าไปจริงๆ แต่เจ้าเองก็มาได้เท่านี้! แม้ว่ากายทองคำสัมบูรณ์มันจะเก่งกาจ… แต่เจ้าก็ไม่มีทางรอดไปได้!”

เย่หยวนหัวเราะตอบกลับไป “ข้าล่ะไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเจ้าเหล่าอัจฉริยะนั้นไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน”

ทางหลู่ซือยีจึงได้หยิบดาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับใช้เวทมนตร์ “ไม่รู้หรือ? เช่นนั้น… ข้าก็จะบอกให้ว่าข้าเอาความมั่นใจทั้งหลายนั้นมาจากที่ใด”

หลู่ซือยียกดาบขึ้นก่อนที่อากาศรอบๆ จะเปียกชุ่มขึ้น

แนวคิดแห่งน้ำ!

จากนั้นนางก็สะบัดข้อมือจนเกิดเพลิงขึ้นมาหมุนวน

แนวคิดแห่งไฟ!

วินาทีต่อมาดาบของนางก็ตั้งตรงก่อนจะส่องแสงสว่างจ้าสีเหลืองทอง

แนวคิดแห่งดิน!

ภายในเมืองเหล่าผู้คนทั้งหลายที่เห็นต่างหน้าซีดเผือดลง

แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้า ตอนนี้มันได้ปรากฏออกมาถึงสามแนวคิดแล้ว

ที่สำคัญดูท่ามันจะยังไม่หยุดลงง่ายๆ ด้วย

หลู่ซือยีชี้ดาบออกก่อนจะเกิดแสงสีเขียวเปล่งชีวิตให้อากาศโดยรอบ

ทุกผู้คนที่เห็นต่างร้องขึ้นพร้อมๆ กัน “แนวคิดแห่งไม้!”

“มัน… มันคงไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่?” สีหน้าของเหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างซีดเผือดไปตามๆ กัน

แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับไม่เป็นไปดั่งหวังเมื่อหลู่ซือยีร้องขึ้นมามันกลับเกิดแสงอีกแสงส่องสาดออกมา!

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2000 แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้า!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2000 แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

“ไม่เป็นอะไรเลย! ท่านเย่หยวนนั้น… ทำได้อย่างไรกัน?”

“นี่มันเป็นพลังป้องกันที่เหนือล้ำฟ้าดิน!”

ตอนนี้เสียงโห่ร้องยินดีดังไปทั่วทั้งเมือง

ไม่ได้เจอกันไม่กี่สิบปีเย่หยวนกลับพัฒนาจนทำให้คนทั้งหลายต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย

แน่นอนว่าผู้ที่สั่นสะท้านที่สุดก็คือศัตรู

เติ้งเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

เย่หยวนนั้นยืนมั่นอยู่ตรงนั้นอย่างไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ แม้แต่น้อย

มันต้องเป็นพลังป้องกันที่เหนือล้ำขนาดไหน?!

หลู่ซือยีนั้นเบิกตากว้าง ท่าทางจะตื่นตกใจกับภาพตรงหน้าไม่น้อย

“เมื่อสักครู่นี้มันมี… คลื่นพลังจากสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์! ตัวเขานี้มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทเครื่องป้องกัน!” หลู่ซือยีร้องบอก

“สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์?” เติ้งเหว่ยที่ได้ยินจึงหันหน้าไปหาเย่หยวนอย่างทันท่วงที

ตอนนี้ใบหน้าของเขามีแต่ความตื่นเต้นดีใจ

เย่หยวนนั้นมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์อยู่กับตัวมันย่อมหมายความว่าหากเขาฆ่าสังหารเย่หยวนลงได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้ก็คงเป็นของเขาแล้ว?

มีหรือที่ความคิดตื้นๆ ของเติ้งเหว่ยนี้จะหลบรอดจากสายตาเย่หยวนไปได้?

เย่หยวนจึงได้เปิดปากพูดขึ้น “อยากได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์?”

เติ้งเหว่ยเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังใดๆ “ไม่นึกเลยว่าเดินทางมาครั้งนี้มันจะได้โชคลาภเช่นนี้ สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นข้าย่อมจะต้องการ!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ได้ ตราบเท่าที่เจ้ารับการโจมตีจากข้าได้”

เติ้งเหว่ยหัวเราะลั่นออกมาทันที “เจ้าโง่หลงตัวเอง! เจ้าคิดว่าแค่มีพลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทเครื่องป้องกันก็จะสามารถมีพลังเหนือล้ำกว่าข้าได้หรือ? หากนายน้อยผู้นี้ไม่อาจรับพลังโจมตีของเจ้าได้แล้วชีวิตที่ข้าบ่มเพาะมานานแสนนานนี้มันจะไม่เสียเปล่าหรือ?”

เย่หยวนนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาแต่ความโกรธแค้นของเขามันยังปะทุอยู่ภายใน

“ได้ เช่นนั้นก็รับให้ดี!”

เย่หยวนขยับร่างกายพุ่งทะยานเข้าหาเติ้งเหว่ยราวสายฟ้า

“เร็ว!”

เติ้งเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างพยายามปล่อยพลังโลกและปราณเทวะออกมาป้องกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่ทว่าพลังโลกหรือปราณเทวะของเขานั้นไม่อาจป้องกันพลังของเย่หยวนได้เลยแม้แต่น้อย

เย่หยวนนั้นเป็นดั่งมีดที่แหลมคมฝ่าเข้ามากลางพลังโลกของเติ้งเหว่ยพร้อมใช้มือทั้งสองจับไหล่ของเขาไว้

เติ้งเหว่ยที่สัมผัสได้ถึงมือทั้งสองนี้ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายพยายามจะใช้พลังที่มีสะบัดตัวเย่หยวนออกไป

แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หนักหนาราวกับว่าร่างกายจะฉีกขาดออกจากกัน

‘เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดข้าจึงไม่อาจสัมผัสถึงร่างกายตนได้?’

นี่คือความคิดสุดท้ายในหัวของเติ้งเหว่ยเพราะตอนนี้ร่างกายของเขามันได้ถูกเย่หยวนฉีกจนขาดออกจากกันไปแล้ว

เมืองทั้งเมืองถูกความเงียบเข้ากลืนกิน!

ทุกผู้คนต่างมองภาพตรงหน้านี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา

การฉีกร่างของเทพถ่องแท้ห้าดาวออกมาด้วยมือข้างเดียวมันย่อมเป็นภาที่สุดแสนน่าสยดสยอง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเรื่องราวเช่นนี้ในชีวิต

สุดแสนตื่นตะลึง สุดแสนโหดร้าย!

สุดแสน… จะสะใจ!

คนทั้งหลายนี้วางท่าทำตัวเหนือท่านเอาแต่พูดว่าคนชั้นต่ำอย่างนั้นอย่างนี้

ในสายตาของคนเหล่านี้เหล่านักยุทธ์ทั่วๆ ไปนั้นมันเป็นอะไรไปไม่ได้มากกว่าแค่ปศุสัตว์

แต่เติ้งเหว่ยกลับถูกเย่หยวนฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ

“กายทองคำสัมบูรณ์ระดับหก… ขั้นกลาง!”

หลู่ซือยีและไต้หยางต้องเบิกตากว้างมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง

พลังกายของเย่หยวนนี้มันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาคาดคิดไปหนักหนามาก

เป็นตอนนี้เองที่พวกเขานั้นได้รู้ว่าตอนที่เย่หยวนรับการโจมตีของเติ้งเหว่ย สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ใดๆ นั้นมันเป็นได้เพียงแค่ไม้ประดับ

สิ่งที่เป็นกำลังหลักให้เย่หยวนนั้นมันคือกายเนื้อของเขา!

การที่เย่หยวนสามารถบ่มเพาะกายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกขึ้นมาถึงขั้นกลางได้นี้มันล้วนแล้วแต่เป็นเพราะการเดินทางไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งนั้นของเขา

ตอนนี้เย่หยวนที่พยายามกดความโกรธแค้นของตนไว้จึงได้พยายามหาที่ปลดปล่อยออกมา

และร่างของเติ้งเหว่ยนี้มันก็ช่างเหมาะมือนัก

เย่หยวนยืนมือไขว้หลังอยู่ตรงนั้นก่อนจะมองดูพวกหลู่ซือยี “นี่หรือคืออัจฉริยะที่เจ้าว่า? มันก็แค่เท่านี้! ไม่รู้เสียจริงๆ ว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจผิดๆ ของตนนั้นมาจากที่ใด! ปากเจ้าเอาแต่พูดว่าชั้นต่ำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในสายตาของข้าแล้วพวกเจ้าต่างหากที่เป็นได้แค่เศษขี้ดิน”

“พวกเขาทั้งหลายนี้พยายามต่อสู้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากทุกวี่วันเดินอยู่บนเส้นความเป็นความตายและมอบทรัพยากรทั้งหลายให้พวกเจ้าไปใช้ พวกเจ้าที่เรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งหลายกลับเป็นได้แค่คนชั้นต่ำในสายตาของเจ้า”

“พวกเจ้านั้นไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเสื้อผ้าเครื่องใช้ใดๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรการบ่มเพาะ ไม่ขาดแคลนวรยุทธ์บ่มเพาะ มีสมบัติวิเศษมากมายให้ได้เลือกใช้ ให้พูดแล้วพวกเจ้ามันก็แค่เกิดมาดี แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันผู้นี้ก็ยังไม่อาจป้องกันข้าได้แม้กระบวนท่า ช่างน่าขัน! พวกเจ้าจำไว้เถิดว่าวันนี้ที่พวกเจ้าตายลงนั้นมันเป็นเพราะเจ้าได้ล่วงเกินชีวิตของเด็กหนุ่มนามเจียงหมิง!”

คำพูดของเย่หยวนแต่ละคำนี้มันแสนหนักแน่นและดุดัน ว่ากล่าวว่าทั้งหลู่ซือยีและไต้หยางนั้นต่างได้ดีเพราะคนอื่น ไม่มีค่าใดๆ ของตนเอง

และแน่นอนว่าเขาย่อมจะมีคุณสมบัติพอจะว่ากล่าวเช่นนี้

เดิมทีเติ้งเหว่ยนั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่คิดสนใจมองเย่หยวนในสายตา

แต่สุดท้ายเขากลับไม่อาจสร้างรอยแผลใดๆ ให้เย่หยวนได้และถูกฉีกร่างด้วยกระบวนท่าเดียว

แต่หลู่ซือยีนั้นยังคงรักษาใบหน้านิ่งเฉยนั้นไว้ได้ “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้ามั่นใจ? เจ้าคิดว่าแค่สังหารเติ้งเหว่ยลงได้ก็จะกดดันเราได้แล้ว? ที่สำคัญการที่เจ้าสังหารเติ้งเหว่ยลงเช่นนี้มันย่อมเป็นความผิดมหัน เจ้าและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องตาย!”

เย่หยวนตอบกลับไป “เรอะ?”

‘ฟุบ!’

เสียงนั้นยังไม่ทันขาดหายเย่หยวนก็ขยับเคลื่อนร่างอีกครั้ง

ไต้หยางที่อยู่ด้านข้างนั้นรู้สึกได้ถึงความตายที่มาเยือน เป็นความรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน

เขานั้นใช้ปราณเทวะทั้งหมดออกมาปัดป้องไว้แต่มันก็ไร้ผล!

‘ปัง!’

หมัดของเย่หยวนถูกต่อยออกมาปะทะเข้ากับร่างของไต้หยางจนทำให้ร่างกายนั้นมันกลายเป็นห่าฝนเลือดไปทันทีอย่างไม่อาจป้องกันใดๆ ได้

และตั้งแต่ต้นจนจบตัวหลู่ซือยีก็ทำเพียงแค่มองดูจากด้านข้างไม่คิดช่วยเหลือแม้แต่น้อย

“ท่านเย่หยวนนั้นช่างแข็งแกร่งอะไรปานนี้!”

“ฮ่าๆ! ฆ่าสังหารพวกมันให้สิ้นเลย! ท่านเย่หยวน เรารักท่าน!”

“ท่านเย่หยวน ฆ่านังนั่นเลย! แก้แค้นให้เจียงหมิงด้วย!”

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างร้องบอกออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น

พวกเขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนเริ่มเดินทางจากจุดที่ไม่มีอะไรแม้สักอย่าง ใช้เพียงแค่ความพยายามของตนก้าวเดินขึ้นมาถึงจุดที่เขายืนทุกวันนี้

ตอนนี้เมื่อเย่หยวนเป็นตัวแทนพวกเขากระทืบเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมีหรือที่คนทั้งหลายจะอดห้ามไม่ให้ตื่นเต้นดีใจได้?

หลู่ซือยียังคงมองดูเย่หยวนอย่างเย็นชา “ข้ายอมรับว่าข้าประมาทเจ้าไปจริงๆ แต่เจ้าเองก็มาได้เท่านี้! แม้ว่ากายทองคำสัมบูรณ์มันจะเก่งกาจ… แต่เจ้าก็ไม่มีทางรอดไปได้!”

เย่หยวนหัวเราะตอบกลับไป “ข้าล่ะไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเจ้าเหล่าอัจฉริยะนั้นไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน”

ทางหลู่ซือยีจึงได้หยิบดาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับใช้เวทมนตร์ “ไม่รู้หรือ? เช่นนั้น… ข้าก็จะบอกให้ว่าข้าเอาความมั่นใจทั้งหลายนั้นมาจากที่ใด”

หลู่ซือยียกดาบขึ้นก่อนที่อากาศรอบๆ จะเปียกชุ่มขึ้น

แนวคิดแห่งน้ำ!

จากนั้นนางก็สะบัดข้อมือจนเกิดเพลิงขึ้นมาหมุนวน

แนวคิดแห่งไฟ!

วินาทีต่อมาดาบของนางก็ตั้งตรงก่อนจะส่องแสงสว่างจ้าสีเหลืองทอง

แนวคิดแห่งดิน!

ภายในเมืองเหล่าผู้คนทั้งหลายที่เห็นต่างหน้าซีดเผือดลง

แนวคิดแห่งธาตุทั้งห้า ตอนนี้มันได้ปรากฏออกมาถึงสามแนวคิดแล้ว

ที่สำคัญดูท่ามันจะยังไม่หยุดลงง่ายๆ ด้วย

หลู่ซือยีชี้ดาบออกก่อนจะเกิดแสงสีเขียวเปล่งชีวิตให้อากาศโดยรอบ

ทุกผู้คนที่เห็นต่างร้องขึ้นพร้อมๆ กัน “แนวคิดแห่งไม้!”

“มัน… มันคงไม่มีอีกแล้วใช่หรือไม่?” สีหน้าของเหล่านักยุทธ์ทั้งหลายต่างซีดเผือดไปตามๆ กัน

แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับไม่เป็นไปดั่งหวังเมื่อหลู่ซือยีร้องขึ้นมามันกลับเกิดแสงอีกแสงส่องสาดออกมา!

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+