Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2007 ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2007 ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หอมร้อยลี้…”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินถึงกับนั่งเงียบไปทันที ชื่อที่สวยงามเช่นนั้นมันกลับฆ่าสังหารผู้คนเป็นผักปลา!

นี่มัน… คือพลังของผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์อย่างนั้นหรือ?

ผู้คนนั้นยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ!

คำพูดนี้มันโผล่ขึ้นมาในสมองของหยูเหวินเฟิงทันที

คำกล่าวนี้มันเป็นคำสอนที่แพร่หลายในมหาพิภพถงเทียน แต่ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่มีมานานจนไม่อาจจะตามสืบหาต้นตอของมันได้เสียแล้ว

ความหมายของมันนั้นก็แสนจะเรียบง่าย ก็คือผู้คนนั้นยอมที่จะสร้างเป็นศัตรูกับยอดฝีมือสามพันคน ดีกว่าต้องไปท้าทายยอดผู้ใช้พิษคนหนึ่ง!

แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความน่าหวาดกลัวของผู้ใช้พิษแล้ว!

เต๋าพิษนั้นมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในเต๋าโอสถ

และจอมเทพโอสถที่เก่งกาจนั้นไม่ค่อยคิดจะเสียเวลาไปกับการศึกษามันมากมายนัก

ผู้ใช้พิษนั้นมันเป็นนามที่สุดแสนน่าหวาดกลัวจนทำให้ไม่มีใครกล้าหาญพอจะไปท้าทายพวกเขา

ยอดคนที่ศึกษาวิชาพิษนั้นมักจะเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจิตใจเย็นชา ทำการใดๆ ไม่คิดมีเมตตา

ว่ากันว่าครั้งหนึ่งมันเคยมีผู้ใช้พิษระดับเจ็ดดาววางยาทั้งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิจนทำให้ผู้คนทั้งหลายตายสิ้นไม่มีใครหลุดรอดออกมา

ในสายตาของหลู่เหยียนนั้นเย่หยวนคงเป็นแค่ยอดอัจฉริยะที่ฆ่าสังหารหลู่ซือยีลงได้

แต่เขานั้นไม่ได้นึกถึงเลยว่าเย่หยวนนั้นเป็นถึงยอดนักหลอมโอสถที่เก่งกาจจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว!

เต๋าโอสถของเย่หยวนนั้นมันลึกซึ้งจนเกินต้นกำเนิดไปแล้ว แน่นอนว่าความเข้าใจในเต๋าพิษของเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเต๋าโอสถของเขาเลย

เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่ชอบการใช้พิษสักเท่าไหร่ ชาวโลกจึงไม่ได้รับรู้

แต่วันนี้โลกทั้งใบต้องตกตะลึง!

หอมร้อยลี้นี้เป็นพิษที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาเอง ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เก้าดาวแต่หากโดนเข้าไปมันก็มีโอกาสจะรอดเพียงหนึ่งในสิบ

แต่ว่าการจะวางยาพิษเทพถ่องแท้เก้าดาวนั้นมันพูดง่ายแต่ทำยาก

เพราะตราบเท่าที่ยอดฝีมือเทพถ่องแท้คิดปล่อยพลังปราณเทวะป้องกันพร้อมพลังโลกของตนออกมาแล้วพวกเขาก็ย่อมจะสามารถป้องกันพิษใดๆ ทั้งหลายได้

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติช่วยในการวางค่ายกลพิษไว้ในช่องว่างมิติ

ภายในค่ายกลพิษนี้มันผสานไปด้วยวารีกำเนิดกัดเซาะ

ตราบเท่าที่คนทั้งหลายเข้ามาในขอบเขตของค่ายกลนี้พิษหอมร้อยลี้ก็จะสามารถแทรกผ่านพลังโลกใดๆ ของพวกเขาไปได้ด้วยวารีกำเนิดกัดเซาะจนทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องถูกกับพิษเข้า

และมหาค่ายกลนี้มันเป็นสิ่งที่เย่หยวนตั้งใจวางไว้เพื่อจะจัดการกับเทพถ่องแท้โดยเฉพาะ

เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายนั้นเป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาติดกับด้วย

พื้นที่ของค่ายกลที่เย่หยวนวางไว้นั้นมันไม่นับว่ากว้างใหญ่มากมายทำให้เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายพอที่จะหลบรอดออกไปได้

เพียงแค่ว่าในตอนนี้แม้พวกเขาจะรอดออกมาความหวาดกลัวที่มีในหัวใจมันก็ไม่ได้เบาบางกว่าผู้ที่ติดอยู่ภายในเลย

“น่า… น่ากลัวยิ่ง! เทพถ่องแท้นับพันๆ นั้นตอนนี้กว่าเจ็ดในสิบต้องตายลงไปในพริบตา! เจ็ดในสิบเลยนะ!”

“เทพสวรรค์หลู่เหยียนไปท้าทายตัวตนระดับใดไว้กันแน่?!”

“อาจารย์เย่นั้นมีชื่อเสียงด้านโอสถเหนือล้ำคอยช่วยเหลือผู้คนไว้อย่างนับไม่ถ้วน ไม่มีใครนึกใครฝันว่าแท้จริงแล้วตัวเขาจะเป็นผู้ใช้พิษที่เหนือล้ำไม่แพ้กัน!”

เมื่อได้เห็นเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายที่ยังคงดิ้นทุรนทุรายคนทั้งหลายก็ได้แต่มองด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม

ภาพนี้มันจะติดตาพวกเขาไปทั้งชีวิต

เพราะมันน่าหวาดกลัวจนเกินไป!

“อ-อาจารย์เย่นั้นจำใจต้องทำ! เดิมทีตัวท่านก็ได้มาเตือนเราแล้ว เพียงแค่ว่า… เพียงแค่ว่าพวกเราไม่มีใครคิดจะฟัง!” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งร้องขึ้น

ตามมาด้วยความเงียบที่ทำให้ใจหาย!

พวกเขาทั้งหลายนั้นได้หวนกลับไปนึกถึงการถอนหายใจพร้อมสีหน้าลำบากใจครั้งนั้นของเย่หยวน

ที่แท้จนถึงตอนนี้เย่หยวนก็ยังไม่ได้คิดอยากจะใช้ค่ายกลพิษนี้

แต่เขานั้นไม่มีทางเลือก เมื่อต้องมาเจอทัพที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้หากเขาไม่ทำจิตใจให้โหดเหี้ยมแล้วก็คงไม่อาจหลบรอดจากหายนะได้

ไม่นานเหล่าเทพถ่องแท้เจ็ดดาวทั้งหลายก็ค่อยๆ ร่วงลงตายไปทีละคนๆ

เมื่อหยูเหวินเฟิงเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งกาย

เขานั้นอยู่มานับล้านปีแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้องขนาดนี้มาก่อน

“หอมร้อยลี้นั้นมีพิษอย่างรุนแรง ข้าจึงมีแต่จำใจต้องลงมือ ข้าก็มอบโอกาสให้ไปแล้วแต่พวกเขาทั้งหลายกลับไม่มีใครคิดคว้ามันไว้” เย่หยวนกล่าวขึ้นข้างๆ หยูเหวินเฟิง

หยูเหวินเฟิงนั้นยังคงไม่อาจสงบจิตสงบใจลงได้

หลังจากผ่านไปนานแสนนานเขาก็เริ่มตั้งสติขึ้นมาได้ “อาจารย์เย่นั้นแสดงความปรานีแล้ว! หากท่านเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจริงคนทั้งหลายนับหมื่นๆ แสนๆ นี้คงไม่มีใครจะรอดออกไปได้!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นคำนวณพื้นที่วางค่ายกลในช่องว่างมิติเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว หากทำให้มันเล็กลงกว่านี้มันคงทำให้กองกำลังอีกมากหลุดรอดออกไปเป็นภัยต่อไป!”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เพราะฝีมือของเย่หยวนในครั้งนี้มันทำให้ตัวเขาสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

การจะวางค่ายกลพิษอันน่ากลัวเช่นนี้ไว้ได้มันคงมีเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้นที่จะมีปัญญาทำ

เหล่านักยุทธ์ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน

สายตาของพวกเขานั้นเงยมองขึ้นสูงจนลืมที่จะโห่ร้องแสดงความยินดีใดๆ

“เราชนะ?” ในกลุ่มคนนั้นเกิดเสียงถามขึ้นมาเสียงหนึ่ง

“ท่านเย่หยวนช่างแข็งแกร่งเสียจริง! ข้าก็นึกเสมอมาว่าท่านนั้นเป็นจอมเทพโอสถผู้เก่งกาจ ไม่นึกไม่ฝันว่าวิชาเต๋าพิษของเขาเองก็จะเหนือล้ำได้ถึงขนาดที่ไม่น้อยหน้าวิชาเต๋าโอสถของเขา!”

“หมายความว่าเหล่าเทพถ่องแท้ขั้นปลายทั้งหลายนี้… ตายลงง่ายๆ เช่นนั้น?”

“หึ สมควรตาย! คนทั้งหลายนั้นมันคิดมาทำลายเมืองเรา ถึงอย่างนั้นท่านเย่หยวนก็ยังคงเมตตาให้โอกาสพวกมัน แต่กลับเป็นตัวพวกมันเองที่รนหาที่ตาย!”

“ฮ่าๆ! เราติดตามคนได้ถูกจริงๆ! วันหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอาจจะได้กลายเป็นสุดยอดวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็เป็นได้!”

คนทั้งเมืองต่างเฉลิมฉลอง!

ตั้งแต่ที่หลู่เหยียนสั่งคำสั่งเทพสวรรค์ออกมาพวกเขานั้นได้แต่ก้มหน้าก้มตาอย่างสิ้นหวัง

จนมาถึงวันนี้ วันที่เย่หยวนตบหน้าหลู่เหยียนจนหันกลับ!

การตบครั้งนี้มันสั่นสะท้านไปทั้งโลกาอย่างแท้จริง!

ภายในจวนเจ้าเมืองยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

“พี่หลู่ เวลานี้ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันคงแบนราบเป็นหน้ากลองแน่แล้วใช่หรือไม่?” เติ้งหยุนไซคำนวนเวลาและกล่าวขึ้นอย่างสะใจ

หลู่เหยียนพยักหน้ารับ “เวลานี้มันน่าจะเริ่มกันแล้ว! เจ้าเด็กเย่หยวนนั้นมันคงได้แต่จมอยู่กับสิ้นหวัง รอให้คนของเราจับมันกลับมายังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ก่อนเถิด เทพสวรรค์ผู้นี้จะทำให้มันได้ทรมานจนอยากตาย”

ไต้ชุนห่าวกัดฟันร้องขึ้นด้วยความแค้นใจ “กองทัพกว่าแสนไปพังทลายทุกสิ่งอย่างของมัน มันคงกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วใช่หรือไม่?”

หลู่เหยียนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “สิ่งที่เทพสวรรค์ผู้นี้ต้องการก็คือความสิ้นหวังของมัน! ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีทางระบายความคับแค้นที่อยู่ในจิตใจของเทพสวรรค์ผู้นี้ไปได้”

ระหว่างที่คนทั้งสามกำลังพูดคุยกันไปก็มีทหารเกราะดำวิ่งพุ่งตัวเข้ามาภายในโถง

“ท่านเจ้าเมือง! ท่านเจ้าเมือง! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ทหารเกราะดำนั้นร้องบอกด้วยสีหน้าสุดตกตะลึง

หลู่เหยียนได้แต่ขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้น? ข้าบอกให้เจ้าคอยจับตาดูข่าวไว้มิใช่หรือ? เหตุใดจึงรีบร้อนเข้ามาเช่นนี้? หรือว่าฟ้าจะถล่มลงมา?”

ทหารเกราะดำนั้นร้องตอบกลับไป “ท่านเจ้าเมือง ท่านเทพสวรรค์ทั้งสอง ฟ้ามันถล่มลงมาจริง! ภายใต้คำสั่งเทพสวรรค์นั้นเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเมืองภายใต้การดูแลของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เราได้ส่งกำลังเทพถ่องแท้กว่าสี่พันสามร้อยยี่สิบเอ็ดคนไป แต่พวกเขานั้น พวกเขา…”

พูดมาถึงตรงนี้ทหารเกราะดำก็ดูท่าทางหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดต่อไป

หลู่เหยียนลั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตอนนี้คลื่นพลังอันน่าขนลุกถูกปล่อยออกมาพร้อมร้องตะโกนถาม “พวกเขาทำไม?”

ทหารเกราะดำนั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ตายสิ้นแล้ว!”

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2007 ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2007 ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หอมร้อยลี้…”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินถึงกับนั่งเงียบไปทันที ชื่อที่สวยงามเช่นนั้นมันกลับฆ่าสังหารผู้คนเป็นผักปลา!

นี่มัน… คือพลังของผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์อย่างนั้นหรือ?

ผู้คนนั้นยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ!

คำพูดนี้มันโผล่ขึ้นมาในสมองของหยูเหวินเฟิงทันที

คำกล่าวนี้มันเป็นคำสอนที่แพร่หลายในมหาพิภพถงเทียน แต่ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่มีมานานจนไม่อาจจะตามสืบหาต้นตอของมันได้เสียแล้ว

ความหมายของมันนั้นก็แสนจะเรียบง่าย ก็คือผู้คนนั้นยอมที่จะสร้างเป็นศัตรูกับยอดฝีมือสามพันคน ดีกว่าต้องไปท้าทายยอดผู้ใช้พิษคนหนึ่ง!

แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความน่าหวาดกลัวของผู้ใช้พิษแล้ว!

เต๋าพิษนั้นมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในเต๋าโอสถ

และจอมเทพโอสถที่เก่งกาจนั้นไม่ค่อยคิดจะเสียเวลาไปกับการศึกษามันมากมายนัก

ผู้ใช้พิษนั้นมันเป็นนามที่สุดแสนน่าหวาดกลัวจนทำให้ไม่มีใครกล้าหาญพอจะไปท้าทายพวกเขา

ยอดคนที่ศึกษาวิชาพิษนั้นมักจะเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจิตใจเย็นชา ทำการใดๆ ไม่คิดมีเมตตา

ว่ากันว่าครั้งหนึ่งมันเคยมีผู้ใช้พิษระดับเจ็ดดาววางยาทั้งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิจนทำให้ผู้คนทั้งหลายตายสิ้นไม่มีใครหลุดรอดออกมา

ในสายตาของหลู่เหยียนนั้นเย่หยวนคงเป็นแค่ยอดอัจฉริยะที่ฆ่าสังหารหลู่ซือยีลงได้

แต่เขานั้นไม่ได้นึกถึงเลยว่าเย่หยวนนั้นเป็นถึงยอดนักหลอมโอสถที่เก่งกาจจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว!

เต๋าโอสถของเย่หยวนนั้นมันลึกซึ้งจนเกินต้นกำเนิดไปแล้ว แน่นอนว่าความเข้าใจในเต๋าพิษของเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเต๋าโอสถของเขาเลย

เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่ชอบการใช้พิษสักเท่าไหร่ ชาวโลกจึงไม่ได้รับรู้

แต่วันนี้โลกทั้งใบต้องตกตะลึง!

หอมร้อยลี้นี้เป็นพิษที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาเอง ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เก้าดาวแต่หากโดนเข้าไปมันก็มีโอกาสจะรอดเพียงหนึ่งในสิบ

แต่ว่าการจะวางยาพิษเทพถ่องแท้เก้าดาวนั้นมันพูดง่ายแต่ทำยาก

เพราะตราบเท่าที่ยอดฝีมือเทพถ่องแท้คิดปล่อยพลังปราณเทวะป้องกันพร้อมพลังโลกของตนออกมาแล้วพวกเขาก็ย่อมจะสามารถป้องกันพิษใดๆ ทั้งหลายได้

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติช่วยในการวางค่ายกลพิษไว้ในช่องว่างมิติ

ภายในค่ายกลพิษนี้มันผสานไปด้วยวารีกำเนิดกัดเซาะ

ตราบเท่าที่คนทั้งหลายเข้ามาในขอบเขตของค่ายกลนี้พิษหอมร้อยลี้ก็จะสามารถแทรกผ่านพลังโลกใดๆ ของพวกเขาไปได้ด้วยวารีกำเนิดกัดเซาะจนทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องถูกกับพิษเข้า

และมหาค่ายกลนี้มันเป็นสิ่งที่เย่หยวนตั้งใจวางไว้เพื่อจะจัดการกับเทพถ่องแท้โดยเฉพาะ

เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายนั้นเป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาติดกับด้วย

พื้นที่ของค่ายกลที่เย่หยวนวางไว้นั้นมันไม่นับว่ากว้างใหญ่มากมายทำให้เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายพอที่จะหลบรอดออกไปได้

เพียงแค่ว่าในตอนนี้แม้พวกเขาจะรอดออกมาความหวาดกลัวที่มีในหัวใจมันก็ไม่ได้เบาบางกว่าผู้ที่ติดอยู่ภายในเลย

“น่า… น่ากลัวยิ่ง! เทพถ่องแท้นับพันๆ นั้นตอนนี้กว่าเจ็ดในสิบต้องตายลงไปในพริบตา! เจ็ดในสิบเลยนะ!”

“เทพสวรรค์หลู่เหยียนไปท้าทายตัวตนระดับใดไว้กันแน่?!”

“อาจารย์เย่นั้นมีชื่อเสียงด้านโอสถเหนือล้ำคอยช่วยเหลือผู้คนไว้อย่างนับไม่ถ้วน ไม่มีใครนึกใครฝันว่าแท้จริงแล้วตัวเขาจะเป็นผู้ใช้พิษที่เหนือล้ำไม่แพ้กัน!”

เมื่อได้เห็นเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายที่ยังคงดิ้นทุรนทุรายคนทั้งหลายก็ได้แต่มองด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม

ภาพนี้มันจะติดตาพวกเขาไปทั้งชีวิต

เพราะมันน่าหวาดกลัวจนเกินไป!

“อ-อาจารย์เย่นั้นจำใจต้องทำ! เดิมทีตัวท่านก็ได้มาเตือนเราแล้ว เพียงแค่ว่า… เพียงแค่ว่าพวกเราไม่มีใครคิดจะฟัง!” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งร้องขึ้น

ตามมาด้วยความเงียบที่ทำให้ใจหาย!

พวกเขาทั้งหลายนั้นได้หวนกลับไปนึกถึงการถอนหายใจพร้อมสีหน้าลำบากใจครั้งนั้นของเย่หยวน

ที่แท้จนถึงตอนนี้เย่หยวนก็ยังไม่ได้คิดอยากจะใช้ค่ายกลพิษนี้

แต่เขานั้นไม่มีทางเลือก เมื่อต้องมาเจอทัพที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้หากเขาไม่ทำจิตใจให้โหดเหี้ยมแล้วก็คงไม่อาจหลบรอดจากหายนะได้

ไม่นานเหล่าเทพถ่องแท้เจ็ดดาวทั้งหลายก็ค่อยๆ ร่วงลงตายไปทีละคนๆ

เมื่อหยูเหวินเฟิงเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งกาย

เขานั้นอยู่มานับล้านปีแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้องขนาดนี้มาก่อน

“หอมร้อยลี้นั้นมีพิษอย่างรุนแรง ข้าจึงมีแต่จำใจต้องลงมือ ข้าก็มอบโอกาสให้ไปแล้วแต่พวกเขาทั้งหลายกลับไม่มีใครคิดคว้ามันไว้” เย่หยวนกล่าวขึ้นข้างๆ หยูเหวินเฟิง

หยูเหวินเฟิงนั้นยังคงไม่อาจสงบจิตสงบใจลงได้

หลังจากผ่านไปนานแสนนานเขาก็เริ่มตั้งสติขึ้นมาได้ “อาจารย์เย่นั้นแสดงความปรานีแล้ว! หากท่านเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจริงคนทั้งหลายนับหมื่นๆ แสนๆ นี้คงไม่มีใครจะรอดออกไปได้!”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นคำนวณพื้นที่วางค่ายกลในช่องว่างมิติเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว หากทำให้มันเล็กลงกว่านี้มันคงทำให้กองกำลังอีกมากหลุดรอดออกไปเป็นภัยต่อไป!”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เพราะฝีมือของเย่หยวนในครั้งนี้มันทำให้ตัวเขาสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ

การจะวางค่ายกลพิษอันน่ากลัวเช่นนี้ไว้ได้มันคงมีเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้นที่จะมีปัญญาทำ

เหล่านักยุทธ์ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน

สายตาของพวกเขานั้นเงยมองขึ้นสูงจนลืมที่จะโห่ร้องแสดงความยินดีใดๆ

“เราชนะ?” ในกลุ่มคนนั้นเกิดเสียงถามขึ้นมาเสียงหนึ่ง

“ท่านเย่หยวนช่างแข็งแกร่งเสียจริง! ข้าก็นึกเสมอมาว่าท่านนั้นเป็นจอมเทพโอสถผู้เก่งกาจ ไม่นึกไม่ฝันว่าวิชาเต๋าพิษของเขาเองก็จะเหนือล้ำได้ถึงขนาดที่ไม่น้อยหน้าวิชาเต๋าโอสถของเขา!”

“หมายความว่าเหล่าเทพถ่องแท้ขั้นปลายทั้งหลายนี้… ตายลงง่ายๆ เช่นนั้น?”

“หึ สมควรตาย! คนทั้งหลายนั้นมันคิดมาทำลายเมืองเรา ถึงอย่างนั้นท่านเย่หยวนก็ยังคงเมตตาให้โอกาสพวกมัน แต่กลับเป็นตัวพวกมันเองที่รนหาที่ตาย!”

“ฮ่าๆ! เราติดตามคนได้ถูกจริงๆ! วันหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอาจจะได้กลายเป็นสุดยอดวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็เป็นได้!”

คนทั้งเมืองต่างเฉลิมฉลอง!

ตั้งแต่ที่หลู่เหยียนสั่งคำสั่งเทพสวรรค์ออกมาพวกเขานั้นได้แต่ก้มหน้าก้มตาอย่างสิ้นหวัง

จนมาถึงวันนี้ วันที่เย่หยวนตบหน้าหลู่เหยียนจนหันกลับ!

การตบครั้งนี้มันสั่นสะท้านไปทั้งโลกาอย่างแท้จริง!

ภายในจวนเจ้าเมืองยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์

“พี่หลู่ เวลานี้ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันคงแบนราบเป็นหน้ากลองแน่แล้วใช่หรือไม่?” เติ้งหยุนไซคำนวนเวลาและกล่าวขึ้นอย่างสะใจ

หลู่เหยียนพยักหน้ารับ “เวลานี้มันน่าจะเริ่มกันแล้ว! เจ้าเด็กเย่หยวนนั้นมันคงได้แต่จมอยู่กับสิ้นหวัง รอให้คนของเราจับมันกลับมายังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ก่อนเถิด เทพสวรรค์ผู้นี้จะทำให้มันได้ทรมานจนอยากตาย”

ไต้ชุนห่าวกัดฟันร้องขึ้นด้วยความแค้นใจ “กองทัพกว่าแสนไปพังทลายทุกสิ่งอย่างของมัน มันคงกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วใช่หรือไม่?”

หลู่เหยียนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “สิ่งที่เทพสวรรค์ผู้นี้ต้องการก็คือความสิ้นหวังของมัน! ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีทางระบายความคับแค้นที่อยู่ในจิตใจของเทพสวรรค์ผู้นี้ไปได้”

ระหว่างที่คนทั้งสามกำลังพูดคุยกันไปก็มีทหารเกราะดำวิ่งพุ่งตัวเข้ามาภายในโถง

“ท่านเจ้าเมือง! ท่านเจ้าเมือง! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ทหารเกราะดำนั้นร้องบอกด้วยสีหน้าสุดตกตะลึง

หลู่เหยียนได้แต่ขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้น? ข้าบอกให้เจ้าคอยจับตาดูข่าวไว้มิใช่หรือ? เหตุใดจึงรีบร้อนเข้ามาเช่นนี้? หรือว่าฟ้าจะถล่มลงมา?”

ทหารเกราะดำนั้นร้องตอบกลับไป “ท่านเจ้าเมือง ท่านเทพสวรรค์ทั้งสอง ฟ้ามันถล่มลงมาจริง! ภายใต้คำสั่งเทพสวรรค์นั้นเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเมืองภายใต้การดูแลของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เราได้ส่งกำลังเทพถ่องแท้กว่าสี่พันสามร้อยยี่สิบเอ็ดคนไป แต่พวกเขานั้น พวกเขา…”

พูดมาถึงตรงนี้ทหารเกราะดำก็ดูท่าทางหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดต่อไป

หลู่เหยียนลั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตอนนี้คลื่นพลังอันน่าขนลุกถูกปล่อยออกมาพร้อมร้องตะโกนถาม “พวกเขาทำไม?”

ทหารเกราะดำนั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ตายสิ้นแล้ว!”

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+