Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2008 สมองเจ้ามีปัญหา?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2008 สมองเจ้ามีปัญหา? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พูดจาเหลวไหล!”

คำกล่าวนี้หลู่เหยียนได้แต่กัดฟันพูดออกมา

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกสายฟ้าฝ่าลงกลางหัวจนไม่อาจตอบสนองใดๆ ได้

ข่าวที่พวกเขาได้ยินนี้มันช่างเหนือล้ำจินตนาการจนเกินไป

หลู่เหยียนนั้นตะโกนร้องใส่ทหารเกราะดำผู้นั้นอย่างรุนแรง “แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่ง ยอดฝีมือสูงสุดยังเป็นแค่เทพถ่องแท้สี่ดาว เทพสวรรค์ผู้นี้ส่งกำลังไปนับแสนและในหมู่คนทั้งหลายนั้นก็มีเทพถ่องแท้เก้าดาวอยู่นับไม่ถ้วน มีหรือที่พวกเขาทั้งหลายนั้นจะถูกกวาดล้างลงได้? เจ้าไม่ได้เอาสมองเข้ามาด้วยหรือ?”

หลู่เหยียนนั้นร้องตะโกนด้วยเสียงสนั่นจนตัวตึกสั่นสะท้าน

ทหารเกราะดำนั้นได้แต่ก้มหัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนเมื่อถูกเสียงร้องตะโกนของหลู่เหยียนตะคอกใส่เช่นนี้ แม้แต่จะพูดยังไม่สามารถทำได้

มีหรือที่ทหารตัวน้อยๆ จะทนทานแรงกดดันจากเทพสวรรค์ที่พิโรธได้?

แต่ในเวลานั้นเองที่เติ้งหยุนไซก็กลับมาตั้งสติได้และรีบกล่าวขึ้นมาห้ามหลู่เหยียน “พี่หลู่โปรดระงับอารมณ์ก่อน ให้มันได้พูดให้จบก่อน”

จากนั้นเขาก็ได้หันหน้ากลับไปหาทหารเกราะดำผู้นั้น “รีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ มา!”

ตอนนี้มีหรือที่ทหารคนนั้นจะยังกล้าลีลาใดๆ เขารีบเล่าเรื่องราวที่เย่หยวนใช้พิษล้างบางสังหารเทพถ่องแท้ทั้งหลายไปให้ฟังทันที

พวกหลู่เหยียนที่ได้ยินนั้นต่างผงะถอยหลังกันไปคนละหลายก้าว ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวมันจะกลับตาลปัตรไปได้มากมายถึงขนาดนี้

“นี่มัน… นี่มัน จะเป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” หลู่เหยียนได้แต่ก้าวถอยหลังกลับไปอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ทหารเกราะดำนั้นย่อมไม่มีทางจะโกหกต่อตัวเขา แต่เพียงแค่ว่าตัวหลู่เหยียนไม่คิดอยากเชื่อความเป็นจริงตรงหน้า

ข่าวนี้มันทำให้ผู้คนไม่คิดอยากเชื่อ ตัวเขาเองก็ย่อมไม่คิดอยากเชื่อเช่นกัน

เท่านี้ตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์จะไม่กลายเป็นแม้ทัพผู้เดียวดายไปหรือ?

การลงมือนี้ของเย่หยวนมันโหดร้ายอย่างมาก!

ตอนนี้เมืองหลวงจักรพรรดิภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นได้กลายเป็นเมืองเปล่าไปแล้ว

เมื่อไม่มีเทพถ่องแท้คอยอยู่ดูแล มีหรือที่เมืองหลวงจักรพรรดิจะยังคงเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิได้?

มันตกกลับลงไปกลายเป็นเมืองจักรพรรดิในพริบตา!

นั่นทำให้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิของเขาจะกลายเป็นแค่เมืองหลวงจักรพรรดิ แล้วตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้จะไม่กลายเป็นตัวตลกของผู้คนไปหรือ?

หลู่เหยียนนั้นแทบสิ้นสติ!

ดาบนี้ของเย่หยวนมันช่างเฉียบคมตัดทำลายตัวตนของเขาทิ้งลงสิ้น

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็มีสีหน้ามึนงงไม่แพ้กัน คนทั้งสองหันไปมองหน้ากันและก็พบว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดอยากเชื่อในข่าวนี้

“ค่ายกลหลอมพิษมิติ นี่มันช่างเป็นวิชาที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน! เจ้าเด็กผู้นี้มันเป็นสัตว์ประหลาดมาจากทิศใดกัน?” เติ้งหยุนไซร้องลั่น

“ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ! ใครจะไปคิดไปฝันว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชาพิษที่เก่งกาจปานนี้?” ไต้ชุนห่าวได้แต่กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าขื่นขม

การปกครองของเทพสวรรค์นั้นมันหนักแน่นแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า

เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพสวรรค์ด้วยกัน มันย่อมจะไม่มีใครมาท้าทายได้

แต่เรื่องราวเช่นนั้นมันดูท่าจะไม่นับคนอย่างเย่หยวนเข้าไปด้วย

จู่ๆ หลู่เหยียนก็เปลี่ยนสีหน้าไปพร้อมกัดฟันพูด “ดูท่ามันจะทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ต้องลงมือเองเสียแล้ว! ครานี้เทพสวรรค์ผู้นี้จะไปถลกหนังหลอมวิญญาณไม่ให้มันได้ผุดได้เกิดอีกไปตลอดกาล!”

ตอนนี้ทางด้านเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ

“หึ พี่ใหญ่ตั้งแต่ที่ข้ารู้จักท่านมาข้าล่ะแทบไม่เคยจะเห็นท่านใช้พิษเลย! สงครามในวันนี้มันช่างทำให้รู้สึกสาแก่ใจนัก!” อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

“วิธีการของอาจารย์นั้นช่างเหนือล้ำ เราไม่ควรคิดสงสัยตัวท่านเลย!” ไป๋เฉินร้องบอกขึ้นตาม

แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “นักหลอมโอสถอย่างเรานั้นไม่ควรพูดจาเรื่องฟ้าดินหรือชะตากรรมของชาวโลก แต่มันก็ไม่ควรจะฆ่าทำลายล้างเช่นนี้ หากมิใช่เพราะเจ้าหลู่เหยียนนั้นมันกดดันผู้คนจนเกินไป ข้าเองก็คงไม่ต้องใช้ค่ายกลพิษเช่นนี้ออกมา”

ในฐานะนักหลอมโอสถแล้วเย่หยวนย่อมจะเห็นค่าของชีวิต

แต่การได้มีชีวิตถึงสองครั้งนี้มันย่อมทำให้เขาไม่ยอมเป็นคนโง่

คนอื่นคิดมาฆ่าสังหารถึงหน้าประตู มีหรือที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายฆ่าสังหารลงง่ายๆ

ไป๋ตงนั้นยังไม่ออกจากการเก็บตัวทำให้ตอนนี้เขามีวิธีจัดการศัตรูเพียงเท่านี้

ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ต้องตายจะเป็นตัวเขา

หลายปีมานี้หยูเหวินเฟิงนั้นรู้สึกตื่นตะลึงกับตัวตนของเย่หยวนมาตลอด

เรื่องที่ว่าเย่หยวนมีไม้ตายลับเก็บซ่อนไว้มากมายนั้น ตัวหยูเหวินเฟิงย่อมจะเข้าใจดี

แต่ในครั้งนี้เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นออกมา “อาจารย์เย่ หยูผู้นี้ก็ไม่ได้อยากจะทำลายบรรยากาศใดๆ แต่เท่านี้… เทพสวรรค์หลู่เหยียนคงจะออกมาจัดการเรื่องราวเองเสียแล้ว! เทพสวรรค์หลู่เหยียนนั้นเป็นถึงยอดฝีมือเทพสวรรค์สองดาว! ที่สำคัญเติ้งเหว่ยและไต้หยางที่ท่านสังหารไปเองก็มีบรรพบุรุษเป็นเทพสวรรค์เช่นกัน!”

เย่หยวนที่ได้ยินกลับยิ้มออกมา “ขอบคุณพี่หยูที่เตือน แต่… มันก็แค่สามเทพสวรรค์ ไม่เป็นปัญหาหรอก”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นั้นถึงกับแทบสำลัก

แค่… สามเทพสวรรค์

เทพสวรรค์นั้น… ใช้คำว่า ‘แค่’ ได้?

คำพูดเช่นนี้… เกิดมาทั้งชีวิตเขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินมัน!

ตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันคือเหนือล้ำของเหนือล้ำเป็นสุดยอดตัวตนในหมู่นักยุทธ

นอกจากเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่อยู่เกินเอื้อมผู้คนแล้ว มันย่อมจะไม่มีใครกล้าดูถูกเทพสวรรค์!

เทพสวรรค์นั้นต่อให้จะเป็นแค่เทพสวรรค์หนึ่งดาวมันก็ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น

ตอนนี้สามเทพสวรรค์อาจจะกำลังมาแต่เย่หยวนกลับบอกว่า ‘แค่’

ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังอันรุนแรงเข้าปะทะทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เข้า

“เจ้าเด็กนรกเย่หยวน ข้าให้เวลาเจ้าสามอึดใจ! หากไม่รีบโผล่หัวออกมาข้าจะบดทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ทิ้งแล้ว!”

เสียงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

คลื่นพลังอันรุนแรงนี้มันทำให้นักยุทธที่มีพลังบ่มเพาะต่ำหลายต่อหลายคนต้องกระอักเลือดล้มลงไปตามๆ กัน

“เทพสวรรค์! นี่มัน… ยอดฝีมือเทพสวรรค์!”

“พระเจ้า ยอดฝีมือเทพสวรรค์ออกโรงเองแล้ว!”

“นี่… เราจะทำอย่างไรดี?”

เมืองทั้งเมืองกำลังวุ่นวายกันยกใหญ่เพราะคลื่นพลังกดดันนี้มันทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก

หยูเหวินเฟิงที่สัมผัสได้ถึงพลังนี้ก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา

เย่หยวนกล่าวขึ้น “เจ้าหลู่เหยียนผู้นี้มันช่างไร้เหตุผลเสียจริง คิดกล่าวคำพูดแรกออกมาก็จะทำลายเมืองทิ้งอีกแล้ว ข้าจะไปเจอหน้ามันหน่อย!”

พูดจบร่างของเย่หยวนก็จางหายไปจากจวนเจ้าเมืองในทันที

คนทั้งหลายที่อยู่ภายในได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องรีบวิ่งออกมาจากจวนและเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าทันที

ด้านบนอากาศนั้นมันมีสามเงาร่างกำลังยืนตระหง่านอยู่พร้อมด้วยพลังกดดันที่ทำให้โลกาสะท้าน

ร่างของเย่หยวนปรากฏออกมาต่อสายตาของคนทั้งสามนั้นในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล

หลู่เหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็ต้องเบิกตาออกกว้าง ดูท่าคงตะลึงกับแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนไม่น้อย

แต่ไม่นานเขาก็กลับมาตั้งสติได้และร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น

“เจ้าคือเย่หยวน?”

เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยสีหน้าสุดแสนเรียบเฉยไร้ความกลัวใดๆ “ใช่แล้ว”

หลู่เหยียนหรี่ตาทั้งสองลงและถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำผิดอะไรไว้?”

เย่หยวนยักคิ้วขึ้นสูงก่อนจะตอบออกมา “ไม่รู้”

“เจ้า! โอหังนัก! เจ้าสังหารลูกสาวข้า ซือยี วางยาพิษใส่กองทัพเทพถ่องแท้ข้า ความผิดที่เจ้าก่อนั้นมันมากมายเหลือเกินจะนับ! แต่เจ้ากลับมีหน้ามาบอกว่าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?” หลู่เหยียนร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นต่อท่าทีไม่แยแสของเย่หยวนนั้น

เย่หยวนนั้นยังคงตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น “หลู่ซือยีนั้นฆ่าสังหารคนในเมืองข้าอย่างไม่เลือกหน้า จับคนรักของข้าไปขังและยังคิดจะจับข้ากลับไปประหารที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ เจ้าจะบอกว่าข้าต้องปล่อยให้นางฆ่าสังหารตามที่ต้องการ? เจ้าส่งทัพนับแสนมาที่นี่คิดหวังล้างเมืองข้าไม่เว้นชีวิตใคร เจ้าจะบอกว่าข้าต้องปล่อยให้พวกมันเข้ามาสังหารผู้คนหรือ? สมองเจ้ามีปัญหาหรือ?”

คำพูดของเย่หยวนนี้มันดังก้องไปทั้งเมืองทำให้ทุกผู้คนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ท่านเย่หยวนนั้นยังสมชื่อท่านเย่หยวนจริงๆ คำพูดทั้งหลายนั้นมัน… ช่างเฉียบคม!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2008 สมองเจ้ามีปัญหา?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2008 สมองเจ้ามีปัญหา? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พูดจาเหลวไหล!”

คำกล่าวนี้หลู่เหยียนได้แต่กัดฟันพูดออกมา

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็ได้แต่เบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อ ตอนนี้พวกเขาทั้งสองรู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกสายฟ้าฝ่าลงกลางหัวจนไม่อาจตอบสนองใดๆ ได้

ข่าวที่พวกเขาได้ยินนี้มันช่างเหนือล้ำจินตนาการจนเกินไป

หลู่เหยียนนั้นตะโกนร้องใส่ทหารเกราะดำผู้นั้นอย่างรุนแรง “แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่ง ยอดฝีมือสูงสุดยังเป็นแค่เทพถ่องแท้สี่ดาว เทพสวรรค์ผู้นี้ส่งกำลังไปนับแสนและในหมู่คนทั้งหลายนั้นก็มีเทพถ่องแท้เก้าดาวอยู่นับไม่ถ้วน มีหรือที่พวกเขาทั้งหลายนั้นจะถูกกวาดล้างลงได้? เจ้าไม่ได้เอาสมองเข้ามาด้วยหรือ?”

หลู่เหยียนนั้นร้องตะโกนด้วยเสียงสนั่นจนตัวตึกสั่นสะท้าน

ทหารเกราะดำนั้นได้แต่ก้มหัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนเมื่อถูกเสียงร้องตะโกนของหลู่เหยียนตะคอกใส่เช่นนี้ แม้แต่จะพูดยังไม่สามารถทำได้

มีหรือที่ทหารตัวน้อยๆ จะทนทานแรงกดดันจากเทพสวรรค์ที่พิโรธได้?

แต่ในเวลานั้นเองที่เติ้งหยุนไซก็กลับมาตั้งสติได้และรีบกล่าวขึ้นมาห้ามหลู่เหยียน “พี่หลู่โปรดระงับอารมณ์ก่อน ให้มันได้พูดให้จบก่อน”

จากนั้นเขาก็ได้หันหน้ากลับไปหาทหารเกราะดำผู้นั้น “รีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ มา!”

ตอนนี้มีหรือที่ทหารคนนั้นจะยังกล้าลีลาใดๆ เขารีบเล่าเรื่องราวที่เย่หยวนใช้พิษล้างบางสังหารเทพถ่องแท้ทั้งหลายไปให้ฟังทันที

พวกหลู่เหยียนที่ได้ยินนั้นต่างผงะถอยหลังกันไปคนละหลายก้าว ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวมันจะกลับตาลปัตรไปได้มากมายถึงขนาดนี้

“นี่มัน… นี่มัน จะเป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” หลู่เหยียนได้แต่ก้าวถอยหลังกลับไปอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ทหารเกราะดำนั้นย่อมไม่มีทางจะโกหกต่อตัวเขา แต่เพียงแค่ว่าตัวหลู่เหยียนไม่คิดอยากเชื่อความเป็นจริงตรงหน้า

ข่าวนี้มันทำให้ผู้คนไม่คิดอยากเชื่อ ตัวเขาเองก็ย่อมไม่คิดอยากเชื่อเช่นกัน

เท่านี้ตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์จะไม่กลายเป็นแม้ทัพผู้เดียวดายไปหรือ?

การลงมือนี้ของเย่หยวนมันโหดร้ายอย่างมาก!

ตอนนี้เมืองหลวงจักรพรรดิภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นได้กลายเป็นเมืองเปล่าไปแล้ว

เมื่อไม่มีเทพถ่องแท้คอยอยู่ดูแล มีหรือที่เมืองหลวงจักรพรรดิจะยังคงเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิได้?

มันตกกลับลงไปกลายเป็นเมืองจักรพรรดิในพริบตา!

นั่นทำให้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิของเขาจะกลายเป็นแค่เมืองหลวงจักรพรรดิ แล้วตัวเขาที่เป็นเจ้าเมืองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้จะไม่กลายเป็นตัวตลกของผู้คนไปหรือ?

หลู่เหยียนนั้นแทบสิ้นสติ!

ดาบนี้ของเย่หยวนมันช่างเฉียบคมตัดทำลายตัวตนของเขาทิ้งลงสิ้น

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็มีสีหน้ามึนงงไม่แพ้กัน คนทั้งสองหันไปมองหน้ากันและก็พบว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดอยากเชื่อในข่าวนี้

“ค่ายกลหลอมพิษมิติ นี่มันช่างเป็นวิชาที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน! เจ้าเด็กผู้นี้มันเป็นสัตว์ประหลาดมาจากทิศใดกัน?” เติ้งหยุนไซร้องลั่น

“ยอมท้าทายสามพันยอดฝีมือดีกว่าจะลบหลู่ผู้ใช้พิษ! ใครจะไปคิดไปฝันว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชาพิษที่เก่งกาจปานนี้?” ไต้ชุนห่าวได้แต่กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าขื่นขม

การปกครองของเทพสวรรค์นั้นมันหนักแน่นแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า

เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพสวรรค์ด้วยกัน มันย่อมจะไม่มีใครมาท้าทายได้

แต่เรื่องราวเช่นนั้นมันดูท่าจะไม่นับคนอย่างเย่หยวนเข้าไปด้วย

จู่ๆ หลู่เหยียนก็เปลี่ยนสีหน้าไปพร้อมกัดฟันพูด “ดูท่ามันจะทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ต้องลงมือเองเสียแล้ว! ครานี้เทพสวรรค์ผู้นี้จะไปถลกหนังหลอมวิญญาณไม่ให้มันได้ผุดได้เกิดอีกไปตลอดกาล!”

ตอนนี้ทางด้านเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ

“หึ พี่ใหญ่ตั้งแต่ที่ข้ารู้จักท่านมาข้าล่ะแทบไม่เคยจะเห็นท่านใช้พิษเลย! สงครามในวันนี้มันช่างทำให้รู้สึกสาแก่ใจนัก!” อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

“วิธีการของอาจารย์นั้นช่างเหนือล้ำ เราไม่ควรคิดสงสัยตัวท่านเลย!” ไป๋เฉินร้องบอกขึ้นตาม

แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “นักหลอมโอสถอย่างเรานั้นไม่ควรพูดจาเรื่องฟ้าดินหรือชะตากรรมของชาวโลก แต่มันก็ไม่ควรจะฆ่าทำลายล้างเช่นนี้ หากมิใช่เพราะเจ้าหลู่เหยียนนั้นมันกดดันผู้คนจนเกินไป ข้าเองก็คงไม่ต้องใช้ค่ายกลพิษเช่นนี้ออกมา”

ในฐานะนักหลอมโอสถแล้วเย่หยวนย่อมจะเห็นค่าของชีวิต

แต่การได้มีชีวิตถึงสองครั้งนี้มันย่อมทำให้เขาไม่ยอมเป็นคนโง่

คนอื่นคิดมาฆ่าสังหารถึงหน้าประตู มีหรือที่เขาจะยอมให้อีกฝ่ายฆ่าสังหารลงง่ายๆ

ไป๋ตงนั้นยังไม่ออกจากการเก็บตัวทำให้ตอนนี้เขามีวิธีจัดการศัตรูเพียงเท่านี้

ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ต้องตายจะเป็นตัวเขา

หลายปีมานี้หยูเหวินเฟิงนั้นรู้สึกตื่นตะลึงกับตัวตนของเย่หยวนมาตลอด

เรื่องที่ว่าเย่หยวนมีไม้ตายลับเก็บซ่อนไว้มากมายนั้น ตัวหยูเหวินเฟิงย่อมจะเข้าใจดี

แต่ในครั้งนี้เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นออกมา “อาจารย์เย่ หยูผู้นี้ก็ไม่ได้อยากจะทำลายบรรยากาศใดๆ แต่เท่านี้… เทพสวรรค์หลู่เหยียนคงจะออกมาจัดการเรื่องราวเองเสียแล้ว! เทพสวรรค์หลู่เหยียนนั้นเป็นถึงยอดฝีมือเทพสวรรค์สองดาว! ที่สำคัญเติ้งเหว่ยและไต้หยางที่ท่านสังหารไปเองก็มีบรรพบุรุษเป็นเทพสวรรค์เช่นกัน!”

เย่หยวนที่ได้ยินกลับยิ้มออกมา “ขอบคุณพี่หยูที่เตือน แต่… มันก็แค่สามเทพสวรรค์ ไม่เป็นปัญหาหรอก”

หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นั้นถึงกับแทบสำลัก

แค่… สามเทพสวรรค์

เทพสวรรค์นั้น… ใช้คำว่า ‘แค่’ ได้?

คำพูดเช่นนี้… เกิดมาทั้งชีวิตเขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินมัน!

ตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันคือเหนือล้ำของเหนือล้ำเป็นสุดยอดตัวตนในหมู่นักยุทธ

นอกจากเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่อยู่เกินเอื้อมผู้คนแล้ว มันย่อมจะไม่มีใครกล้าดูถูกเทพสวรรค์!

เทพสวรรค์นั้นต่อให้จะเป็นแค่เทพสวรรค์หนึ่งดาวมันก็ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น

ตอนนี้สามเทพสวรรค์อาจจะกำลังมาแต่เย่หยวนกลับบอกว่า ‘แค่’

ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังอันรุนแรงเข้าปะทะทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เข้า

“เจ้าเด็กนรกเย่หยวน ข้าให้เวลาเจ้าสามอึดใจ! หากไม่รีบโผล่หัวออกมาข้าจะบดทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ทิ้งแล้ว!”

เสียงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

คลื่นพลังอันรุนแรงนี้มันทำให้นักยุทธที่มีพลังบ่มเพาะต่ำหลายต่อหลายคนต้องกระอักเลือดล้มลงไปตามๆ กัน

“เทพสวรรค์! นี่มัน… ยอดฝีมือเทพสวรรค์!”

“พระเจ้า ยอดฝีมือเทพสวรรค์ออกโรงเองแล้ว!”

“นี่… เราจะทำอย่างไรดี?”

เมืองทั้งเมืองกำลังวุ่นวายกันยกใหญ่เพราะคลื่นพลังกดดันนี้มันทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก

หยูเหวินเฟิงที่สัมผัสได้ถึงพลังนี้ก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา

เย่หยวนกล่าวขึ้น “เจ้าหลู่เหยียนผู้นี้มันช่างไร้เหตุผลเสียจริง คิดกล่าวคำพูดแรกออกมาก็จะทำลายเมืองทิ้งอีกแล้ว ข้าจะไปเจอหน้ามันหน่อย!”

พูดจบร่างของเย่หยวนก็จางหายไปจากจวนเจ้าเมืองในทันที

คนทั้งหลายที่อยู่ภายในได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องรีบวิ่งออกมาจากจวนและเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าทันที

ด้านบนอากาศนั้นมันมีสามเงาร่างกำลังยืนตระหง่านอยู่พร้อมด้วยพลังกดดันที่ทำให้โลกาสะท้าน

ร่างของเย่หยวนปรากฏออกมาต่อสายตาของคนทั้งสามนั้นในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล

หลู่เหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็ต้องเบิกตาออกกว้าง ดูท่าคงตะลึงกับแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนไม่น้อย

แต่ไม่นานเขาก็กลับมาตั้งสติได้และร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น

“เจ้าคือเย่หยวน?”

เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยสีหน้าสุดแสนเรียบเฉยไร้ความกลัวใดๆ “ใช่แล้ว”

หลู่เหยียนหรี่ตาทั้งสองลงและถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำผิดอะไรไว้?”

เย่หยวนยักคิ้วขึ้นสูงก่อนจะตอบออกมา “ไม่รู้”

“เจ้า! โอหังนัก! เจ้าสังหารลูกสาวข้า ซือยี วางยาพิษใส่กองทัพเทพถ่องแท้ข้า ความผิดที่เจ้าก่อนั้นมันมากมายเหลือเกินจะนับ! แต่เจ้ากลับมีหน้ามาบอกว่าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?” หลู่เหยียนร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นต่อท่าทีไม่แยแสของเย่หยวนนั้น

เย่หยวนนั้นยังคงตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น “หลู่ซือยีนั้นฆ่าสังหารคนในเมืองข้าอย่างไม่เลือกหน้า จับคนรักของข้าไปขังและยังคิดจะจับข้ากลับไปประหารที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ เจ้าจะบอกว่าข้าต้องปล่อยให้นางฆ่าสังหารตามที่ต้องการ? เจ้าส่งทัพนับแสนมาที่นี่คิดหวังล้างเมืองข้าไม่เว้นชีวิตใคร เจ้าจะบอกว่าข้าต้องปล่อยให้พวกมันเข้ามาสังหารผู้คนหรือ? สมองเจ้ามีปัญหาหรือ?”

คำพูดของเย่หยวนนี้มันดังก้องไปทั้งเมืองทำให้ทุกผู้คนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ท่านเย่หยวนนั้นยังสมชื่อท่านเย่หยวนจริงๆ คำพูดทั้งหลายนั้นมัน… ช่างเฉียบคม!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+