Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2009 เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2009 เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลู่เหยียนนั้นโกรธแค้นจนหน้าแดงก่ำ ตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์มันยังไม่เคยมีใครกล้าดูถูกว่ากล่าวเขาถึงขั้นนี้

แต่คำพูดที่ออกมาจากปากเย่หยวนนี้มันกลับเรียกเขาว่าผู้สมองมีปัญหา

การขัดขืนเทพสวรรค์นั้นมันเป็นโทษทัณฑ์อันสูงสุด!

ดวงตาทั้งสองของเขานั้นหรี่เล็กลงมองพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “โอหัง! คำพูดของเทพสวรรค์นั้นคือความศักดิ์สิทธิ์! บอกให้เข้าไปตาย เจ้าก็ต้องตาย! คิดกล้าขัดขืนเทพสวรรค์ผู้นี้ต่อให้วันนี้เจ้าคิดอยากตาย ข้าก็จะมิให้เจ้าได้ตาย!”

ที่ด้านข้างเติ้งหยุนไซก็กล่าวเสริมขึ้น “พี่หลู่เหยียน จะยังไปพูดคุยกับมันเพื่อการใด? รีบจัดการจับมันมาบดกระดูกหลอมวิญญาณเสียเถอะ ดูว่ามันจะยังมีหน้ามาโอหังอีกหรือไม่!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินใบหน้าของเขาก็แสดงท่าทางเย้ยหยันออกมาอย่างเต็มที่ “บดกระดูก? หลอมวิญญาณ? แผนการของเจ้าคนหลงตัวเองนี่มันช่างโหดเหี้ยมดีจริงๆ!”

เติ้งหยุนไซหัวเราะตอบกลับ “ทำไมเล่า? กลัวก็เป็นหรือ? เปล่าประโยชน์! ต่อหน้าเทพสวรรค์อย่างเราเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวก! ที่สำคัญตอนนี้ยังมีเทพสวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าถึงสามคน! ไม่ว่าเจ้าจะมีลูกไม้ใดมันก็ไร้ค่า! แต่… การที่ทำให้พวกเราทั้งสามต้องลงมาจัดการเรื่องราวด้วยตัวเองเช่นนี้ เจ้าควรจะภูมิใจในจุดนั้นไว้เสียเถอะ!”

ในสายตาของเติ้งหยุนไซแล้วการที่เทพถ่องแท้สามดาวตัวน้อยผู้หนึ่งก่อเรื่องราวจนทำให้พวกเขาทั้งสามต้องลงมาจัดการเองเช่นนี้มันเป็นอะไรที่สมควรยึดถือไว้ภูมิใจแล้ว

ตำแหน่งของเทพสวรรค์นั้นมันยิ่งใหญ่ปานใด?

ปกติเวลาแล้วพวกเขาทั้งหลายไม่คิดจะหันมาสนใจเรื่องราวของเทพถ่องแท้ตัวน้อยเช่นนี้แน่

แต่วันนี้พวกเขากลับต้องเดินทางลงมาเอง

เมื่อเหล่านักยุทธในเมืองได้เห็นเย่หยวนยืนปะทะคารมกับเทพสวรรค์อย่างไม่หวาดหวั่น พวกเขาแต่ละคนต่างแทบวิญญาณหลุดออกจากร่าง

“นั่นมันคือเทพสวรรค์เลยนะ! ท่านเย่หยวนไม่กลัวจะไปทำให้พวกเขาไม่พอใจเลยหรือ?”

“ท่านเย่หยวนนั้นยอมหักไม่ยอมงอเราก็รู้กันดี! หากตัวข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์เช่นนั้นบ้างแล้วขาข้าคงไม่อาจมีแรงมากพอจะยืนได้ไหว”

“ข้าล่ะกลัวแทนท่านเย่หยวนจริงๆ! แม้ว่าข้าจะรู้ดีว่าท่านนั้นมีแผนลับไว้เสมอแต่ข้าก็ยังไม่อาจนึกได้จริงๆ ว่ามันคือแผนการใดถึงจะสามารถรับมือกับเทพสวรรค์ได้”

หากจะบอกว่าพวกเขาทั้งหลายไม่กังวลมันก็คงเป็นการโกหก

แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเย่หยวนจะได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้น สังหารล้างบางกองทัพเทพถ่องแท้นับพันๆ ไปด้วยตัวคนเดียว แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้มันคือเทพสวรรค์!

เทพถ่องแท้นับพันๆ มันอาจจะฟังดูน่าหวาดกลัวแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์แล้วพวกเขาก็เป็นได้แค่กระดาษเปล่า

ต่อให้จะเป็นแค่เติ้งหยุนไซคนเดียวเขาก็คงสามารถจัดการเทพถ่องแท้นับพันๆ นั้นลงได้อย่างไม่ยากลำบากใดๆ แม้แต่น้อย

นั่นมันคือความแตกต่างของเทพสวรรค์และเทพถ่องแท้!

ความแตกต่างในระดับที่ไม่อาจใช้จำนวนมาแทนที่ได้

แต่เย่หยวนนั้นสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เหล่าชาวเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเชื่อมั่นในตัวของเขา

และความมั่นใจนั้นมันทำให้พวกเขาทั้งหลายเกิดห่วงความปลอดภัยของเย่หยวนขึ้นมา พร้อมๆ กันนั้นมันก็ยังทำให้เกิดความตื่นเต้นว่าเบื้องหน้ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อเย่หยวนได้ยินคำของเติ้งหยุนไซเขาก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา

“เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ? แผนการของข้านั้นมันเหนือล้ำกว่าที่สมองน้อยๆ ของพวกเจ้าจะคิดตามได้”

หลู่เหยียนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือก “มันจะเก่งกาจปานใดอีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้! เจ้าแผนการโง่ๆ ของเจ้านั้นมันไม่มีค่าใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง”

ตอนนี้ความอดทนใดๆ ที่ตัวเขามีนั้นมันถูกเย่หยวนทำลายลงสิ้น

เขานั้นคิดว่าการที่ตัวเขาลงมาจัดการเรื่องราวเองมันจะทำให้เย่หยวนต้องหวาดกลัว ทำให้เย่หยวนสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวเต็มหัวใจ ทำให้เขาต้องก้มหัวลงแทบพื้นร้องขอชีวิต

แต่เรื่องใดๆ เช่นนั้นมันไม่เกิดขึ้นเลย!

ไม่เพียงเท่านั้นแต่คำพูดของเย่หยวนแต่ละคำยังทำให้ตัวเขาแทบกระอักเลือด

ตอนนี้คลื่นพลังเทพสวรรค์จากร่างของหลู่เหยียนจึงได้พุ่งเข้ามาหมายจับเย่หยวนไว้ด้วยฝ่ามือ

เย่หยวนนั้นยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยและไม่มีท่าทีจะลงมือทำสิ่งใด

หลู่เหยียนที่เห็นเช่นนั้นจึงได้หัวเราะลั่นออกมา “ปากเก่งเสียจริง แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังยอมงอมืองอเท้ารับความพ่ายแพ้มิใช่หรือ?”

แต่ในเวลานั้นเองที่มิติเบื้องหน้าระหว่างตัวเย่หยวนและหลู่เหยียนกลับเกิดรอยแตกขึ้น

คลื่นพลังเทพสวรรค์ที่มิใช่พลังของเขาปะทุออกมาจากภายในพร้อมด้วยฝ่ามือหนึ่งที่ซัดออกมาปะทะเข้ากับฝ่ามือของเขา

‘ปัง!’

หลู่เหยียนต้องถอยไปไกลก่อนจะเงยหน้ามามองชายหนุ่มชุดขาวนั้นด้วยใบหน้าสุดแสนตื่นตกใจ

“เทพสวรรค์… สองดาว!” หลู่เหยียนร้องขึ้นอย่างตกตะลึง

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็เบิกตากว้างไม่แพ้กันด้วยความตื่นตกใจกับการปรากฏกายของชายหนุ่มผู้นี้

เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันไปมีเทพสวรรค์ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

หลู่เหยียนร้องบอกขึ้นแก่ไป๋ตงด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “เจ้าผู้นี้ เทพสวรรค์ผู้นี้เป็นผู้นำแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ วันนี้ข้าเดินทางมาเพื่อจัดการเรื่องราวในเขตแดนตนเอง โปรดอย่าได้มายุ่ง!”

ไป๋ตงมองดูหลู่เหยียนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “เย่หยวนนั้นเป็นน้องชายของข้า เจ้ากลับบอกว่าจะไม่ให้ข้ายุ่ง? เจ้า… สมองมีปัญหาหรือ?”

ใบหน้าของหลู่เหยียนดำมืดลงทันทีที่ได้ยิน

ทำไมปากของเจ้าหมอนี่มันถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้?

คำพูดที่ออกมานั้นมันแทบจะเป็นคำเดียวกับเย่หยวน!

แต่มันยังมีสิ่งที่ทำให้จิตใจของเขาตื่นตะลึงมากกว่า

เพราะเทพสวรรค์สองดาวนั้นกลับเรียกเย่หยวน เทพถ่องแท้สามดาวผู้นี้ว่าเป็นน้อง?

หลู่เหยียนนั้นยังคงไม่อาจตั้งสติขึ้นมาจากความตกตะลึงที่เขามีในเวลานี้ได้

“น-นั่นมันท่านไป๋ตงมิใช่หรือ?”

“เอ๋ จริงด้วย! ท่านไป๋ตงนั้นเป็นเพียงเทพถ่องแท้สี่ดาวมิใช่หรือ? เหตุใดเขาจึงสามารถบรรลุขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์สองดาวได้เช่นนี้? นี่มัน… จะรวดเร็วเกินไปหรือไม่?”

“ฮ่าๆ! ท่านเย่หยวนนั้นช่างสมเป็นท่านเย่หยวน มีแผนการที่เหนือล้ำรอรับไว้จริงๆ!”

“ท่านเย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำไม่เป็นรองผู้ใดอย่างแท้จริง ท่านอาจจะทำการหลอมโอสถวิเศษใดขึ้นมาช่วยให้ท่านไป๋ตงได้บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ก็เป็นได้!”

ไป๋ตงนั้นได้ลงมืออยู่หลายต่อหลายครั้งทำให้เรื่องราวของเขานั้นไม่ได้เป็นความลับแก่คนในเมืองอีกต่อไป

แต่การปรากฏตัวในครั้งนี้เขากลับทะยานขึ้นจากเทพถ่องแท้สี่ดาวกลายเป็นเทพสวรรค์สองดาวในพริบตา มันย่อมจะทำให้ผู้คนทั้งหลายโห่ร้องด้วยความชื่นชมแล้ว

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้ว่าเดิมทีไป๋ตงนั้นเป็นเทพสวรรค์มาก่อน ทำให้ในสายตาของพวกเขาการทะยานขึ้นฟ้าเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่สุดแสนเหนือล้ำจินตนาการ!

ตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันน่าตกตะลึงถึงระดับใด?

คำพูดของนักยุทธทั้งหลายในเมืองนั้นมันทำให้พวกหลู่เหยียนทั้งสามคนแทบตาถลนออกจากเบ้า

เทพถ่องแท้สี่ดาว?

ผู้อยู่ตรงหน้าของพวกเขานี้คือเทพถ่องแท้สี่ดาวแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์?

มันเป็นเวลาสักเท่าไหร่กัน เหตุใดตัวเขาผู้นี้จึงสามารถบรรลุจากอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์สองดาวได้?

ความเป็นไปได้นับล้านๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมองของหลู่เหยียน

อย่าได้ไปกลัว!

แต่ไม่ว่าอย่างไรเสีย… เจ้าบ้านี่มันหลอมโอสถประเภทใดขึ้นมากัน?

หลู่เหยียนกัดฟันแน่นร้องบอก “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่เอาเทพสวรรค์สองดาวออกมาผู้หนึ่งแล้วจะรอดหรือ? อย่าลืมว่าพวกเรานั้นมีเทพสวรรค์กันถึงสามคน!”

พูดไปเขาก็หันไปสั่งพวกเติ้งหยุนไซ “ข้าจะจัดการเจ้านี่เอง พวกเจ้ารีบไปจัดการเจ้าเด็กคนนั้นเสีย! จับมันให้ได้รวดเร็วที่สุดอย่าได้เสียเวลาอีก!”

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวพยักหน้ารับทำให้หลู่เหยียนพุ่งตัวเข้ามาปะทะถ่วงไป๋ตงไว้ทันที

ไป๋ตงเองก็สะบัดแขนส่งพัดนั้นออกมาและเจ้าพัดนี้มันกลับเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

แต่ตัวเขานั้นกลับพุ่งตัวออกมาด้านหน้าอย่างไม่คิดสนใจจะปกป้องเย่หยวนใดๆ

คลื่นพลังอันรุนแรงนั้นจึงเข้าปะทะกับหลู่เหยียนอย่างรุนแรงจนเขาหน้าถอดสี

เพราะตัวเขานั้นไม่มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

ตัวเขาจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นได้อย่างไร? มีหรือที่เทพสวรรค์ทุกผู้คนจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์พกติดตัวไว้?

ด้วยการปะทะในครั้งนี้ เขาจึงถูกไป๋ตงกดดันในทันที

“รีบจัดการมันเสีย เจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา!” หลู่เหยียนร้องบอก

เมื่อเหล่านักยุทธทั้งหลายในเมืองเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็อดไม่ที่จะร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

“ไม่ดีแล้ว ท่านเย่หยวนประมาทเกินไป! อีกฝ่ายนั้นมีเทพสวรรค์ถึงสามคน!”

“ท่านเย่หยวน หนีเร็ว!”

เหล่านักยุทธในเมืองต่างร่ำร้องบอกขึ้นอย่างตกตะลึง

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวหันหน้าส่งสัญญาณให้กันก่อนจะยิ้มเย้ยเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้ายอมรับชะตาเสียเถอะ! ครั้งนี้ข้าอยากรู้เสียจริงว่าจะมีใครมาช่วยเหลือเจ้าอีก!”

พูดจบคนทั้งสองก็ก้าวเท้าออกมาคิดจับตัวเย่หยวนไว้ในทันที

แต่ในเวลานั้นเองที่ห้วงมิติด้านหน้ามันกลับเกิดรอยแยกเผยให้เห็นสองเงาร่างค่อยๆ ก้าวออกมา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2009 เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2009 เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลู่เหยียนนั้นโกรธแค้นจนหน้าแดงก่ำ ตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์มันยังไม่เคยมีใครกล้าดูถูกว่ากล่าวเขาถึงขั้นนี้

แต่คำพูดที่ออกมาจากปากเย่หยวนนี้มันกลับเรียกเขาว่าผู้สมองมีปัญหา

การขัดขืนเทพสวรรค์นั้นมันเป็นโทษทัณฑ์อันสูงสุด!

ดวงตาทั้งสองของเขานั้นหรี่เล็กลงมองพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “โอหัง! คำพูดของเทพสวรรค์นั้นคือความศักดิ์สิทธิ์! บอกให้เข้าไปตาย เจ้าก็ต้องตาย! คิดกล้าขัดขืนเทพสวรรค์ผู้นี้ต่อให้วันนี้เจ้าคิดอยากตาย ข้าก็จะมิให้เจ้าได้ตาย!”

ที่ด้านข้างเติ้งหยุนไซก็กล่าวเสริมขึ้น “พี่หลู่เหยียน จะยังไปพูดคุยกับมันเพื่อการใด? รีบจัดการจับมันมาบดกระดูกหลอมวิญญาณเสียเถอะ ดูว่ามันจะยังมีหน้ามาโอหังอีกหรือไม่!”

เมื่อเย่หยวนได้ยินใบหน้าของเขาก็แสดงท่าทางเย้ยหยันออกมาอย่างเต็มที่ “บดกระดูก? หลอมวิญญาณ? แผนการของเจ้าคนหลงตัวเองนี่มันช่างโหดเหี้ยมดีจริงๆ!”

เติ้งหยุนไซหัวเราะตอบกลับ “ทำไมเล่า? กลัวก็เป็นหรือ? เปล่าประโยชน์! ต่อหน้าเทพสวรรค์อย่างเราเจ้ามันก็เป็นได้แค่มดปลวก! ที่สำคัญตอนนี้ยังมีเทพสวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าถึงสามคน! ไม่ว่าเจ้าจะมีลูกไม้ใดมันก็ไร้ค่า! แต่… การที่ทำให้พวกเราทั้งสามต้องลงมาจัดการเรื่องราวด้วยตัวเองเช่นนี้ เจ้าควรจะภูมิใจในจุดนั้นไว้เสียเถอะ!”

ในสายตาของเติ้งหยุนไซแล้วการที่เทพถ่องแท้สามดาวตัวน้อยผู้หนึ่งก่อเรื่องราวจนทำให้พวกเขาทั้งสามต้องลงมาจัดการเองเช่นนี้มันเป็นอะไรที่สมควรยึดถือไว้ภูมิใจแล้ว

ตำแหน่งของเทพสวรรค์นั้นมันยิ่งใหญ่ปานใด?

ปกติเวลาแล้วพวกเขาทั้งหลายไม่คิดจะหันมาสนใจเรื่องราวของเทพถ่องแท้ตัวน้อยเช่นนี้แน่

แต่วันนี้พวกเขากลับต้องเดินทางลงมาเอง

เมื่อเหล่านักยุทธในเมืองได้เห็นเย่หยวนยืนปะทะคารมกับเทพสวรรค์อย่างไม่หวาดหวั่น พวกเขาแต่ละคนต่างแทบวิญญาณหลุดออกจากร่าง

“นั่นมันคือเทพสวรรค์เลยนะ! ท่านเย่หยวนไม่กลัวจะไปทำให้พวกเขาไม่พอใจเลยหรือ?”

“ท่านเย่หยวนนั้นยอมหักไม่ยอมงอเราก็รู้กันดี! หากตัวข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์เช่นนั้นบ้างแล้วขาข้าคงไม่อาจมีแรงมากพอจะยืนได้ไหว”

“ข้าล่ะกลัวแทนท่านเย่หยวนจริงๆ! แม้ว่าข้าจะรู้ดีว่าท่านนั้นมีแผนลับไว้เสมอแต่ข้าก็ยังไม่อาจนึกได้จริงๆ ว่ามันคือแผนการใดถึงจะสามารถรับมือกับเทพสวรรค์ได้”

หากจะบอกว่าพวกเขาทั้งหลายไม่กังวลมันก็คงเป็นการโกหก

แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเย่หยวนจะได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้น สังหารล้างบางกองทัพเทพถ่องแท้นับพันๆ ไปด้วยตัวคนเดียว แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้มันคือเทพสวรรค์!

เทพถ่องแท้นับพันๆ มันอาจจะฟังดูน่าหวาดกลัวแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์แล้วพวกเขาก็เป็นได้แค่กระดาษเปล่า

ต่อให้จะเป็นแค่เติ้งหยุนไซคนเดียวเขาก็คงสามารถจัดการเทพถ่องแท้นับพันๆ นั้นลงได้อย่างไม่ยากลำบากใดๆ แม้แต่น้อย

นั่นมันคือความแตกต่างของเทพสวรรค์และเทพถ่องแท้!

ความแตกต่างในระดับที่ไม่อาจใช้จำนวนมาแทนที่ได้

แต่เย่หยวนนั้นสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เหล่าชาวเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเชื่อมั่นในตัวของเขา

และความมั่นใจนั้นมันทำให้พวกเขาทั้งหลายเกิดห่วงความปลอดภัยของเย่หยวนขึ้นมา พร้อมๆ กันนั้นมันก็ยังทำให้เกิดความตื่นเต้นว่าเบื้องหน้ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อเย่หยวนได้ยินคำของเติ้งหยุนไซเขาก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา

“เทพสวรรค์นั้นเก่งกาจมากหรือ? แผนการของข้านั้นมันเหนือล้ำกว่าที่สมองน้อยๆ ของพวกเจ้าจะคิดตามได้”

หลู่เหยียนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือก “มันจะเก่งกาจปานใดอีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้! เจ้าแผนการโง่ๆ ของเจ้านั้นมันไม่มีค่าใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง”

ตอนนี้ความอดทนใดๆ ที่ตัวเขามีนั้นมันถูกเย่หยวนทำลายลงสิ้น

เขานั้นคิดว่าการที่ตัวเขาลงมาจัดการเรื่องราวเองมันจะทำให้เย่หยวนต้องหวาดกลัว ทำให้เย่หยวนสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวเต็มหัวใจ ทำให้เขาต้องก้มหัวลงแทบพื้นร้องขอชีวิต

แต่เรื่องใดๆ เช่นนั้นมันไม่เกิดขึ้นเลย!

ไม่เพียงเท่านั้นแต่คำพูดของเย่หยวนแต่ละคำยังทำให้ตัวเขาแทบกระอักเลือด

ตอนนี้คลื่นพลังเทพสวรรค์จากร่างของหลู่เหยียนจึงได้พุ่งเข้ามาหมายจับเย่หยวนไว้ด้วยฝ่ามือ

เย่หยวนนั้นยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยและไม่มีท่าทีจะลงมือทำสิ่งใด

หลู่เหยียนที่เห็นเช่นนั้นจึงได้หัวเราะลั่นออกมา “ปากเก่งเสียจริง แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังยอมงอมืองอเท้ารับความพ่ายแพ้มิใช่หรือ?”

แต่ในเวลานั้นเองที่มิติเบื้องหน้าระหว่างตัวเย่หยวนและหลู่เหยียนกลับเกิดรอยแตกขึ้น

คลื่นพลังเทพสวรรค์ที่มิใช่พลังของเขาปะทุออกมาจากภายในพร้อมด้วยฝ่ามือหนึ่งที่ซัดออกมาปะทะเข้ากับฝ่ามือของเขา

‘ปัง!’

หลู่เหยียนต้องถอยไปไกลก่อนจะเงยหน้ามามองชายหนุ่มชุดขาวนั้นด้วยใบหน้าสุดแสนตื่นตกใจ

“เทพสวรรค์… สองดาว!” หลู่เหยียนร้องขึ้นอย่างตกตะลึง

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวเองก็เบิกตากว้างไม่แพ้กันด้วยความตื่นตกใจกับการปรากฏกายของชายหนุ่มผู้นี้

เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันไปมีเทพสวรรค์ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

หลู่เหยียนร้องบอกขึ้นแก่ไป๋ตงด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “เจ้าผู้นี้ เทพสวรรค์ผู้นี้เป็นผู้นำแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ วันนี้ข้าเดินทางมาเพื่อจัดการเรื่องราวในเขตแดนตนเอง โปรดอย่าได้มายุ่ง!”

ไป๋ตงมองดูหลู่เหยียนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “เย่หยวนนั้นเป็นน้องชายของข้า เจ้ากลับบอกว่าจะไม่ให้ข้ายุ่ง? เจ้า… สมองมีปัญหาหรือ?”

ใบหน้าของหลู่เหยียนดำมืดลงทันทีที่ได้ยิน

ทำไมปากของเจ้าหมอนี่มันถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้?

คำพูดที่ออกมานั้นมันแทบจะเป็นคำเดียวกับเย่หยวน!

แต่มันยังมีสิ่งที่ทำให้จิตใจของเขาตื่นตะลึงมากกว่า

เพราะเทพสวรรค์สองดาวนั้นกลับเรียกเย่หยวน เทพถ่องแท้สามดาวผู้นี้ว่าเป็นน้อง?

หลู่เหยียนนั้นยังคงไม่อาจตั้งสติขึ้นมาจากความตกตะลึงที่เขามีในเวลานี้ได้

“น-นั่นมันท่านไป๋ตงมิใช่หรือ?”

“เอ๋ จริงด้วย! ท่านไป๋ตงนั้นเป็นเพียงเทพถ่องแท้สี่ดาวมิใช่หรือ? เหตุใดเขาจึงสามารถบรรลุขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์สองดาวได้เช่นนี้? นี่มัน… จะรวดเร็วเกินไปหรือไม่?”

“ฮ่าๆ! ท่านเย่หยวนนั้นช่างสมเป็นท่านเย่หยวน มีแผนการที่เหนือล้ำรอรับไว้จริงๆ!”

“ท่านเย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำไม่เป็นรองผู้ใดอย่างแท้จริง ท่านอาจจะทำการหลอมโอสถวิเศษใดขึ้นมาช่วยให้ท่านไป๋ตงได้บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์ก็เป็นได้!”

ไป๋ตงนั้นได้ลงมืออยู่หลายต่อหลายครั้งทำให้เรื่องราวของเขานั้นไม่ได้เป็นความลับแก่คนในเมืองอีกต่อไป

แต่การปรากฏตัวในครั้งนี้เขากลับทะยานขึ้นจากเทพถ่องแท้สี่ดาวกลายเป็นเทพสวรรค์สองดาวในพริบตา มันย่อมจะทำให้ผู้คนทั้งหลายโห่ร้องด้วยความชื่นชมแล้ว

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้ว่าเดิมทีไป๋ตงนั้นเป็นเทพสวรรค์มาก่อน ทำให้ในสายตาของพวกเขาการทะยานขึ้นฟ้าเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่สุดแสนเหนือล้ำจินตนาการ!

ตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันน่าตกตะลึงถึงระดับใด?

คำพูดของนักยุทธทั้งหลายในเมืองนั้นมันทำให้พวกหลู่เหยียนทั้งสามคนแทบตาถลนออกจากเบ้า

เทพถ่องแท้สี่ดาว?

ผู้อยู่ตรงหน้าของพวกเขานี้คือเทพถ่องแท้สี่ดาวแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์?

มันเป็นเวลาสักเท่าไหร่กัน เหตุใดตัวเขาผู้นี้จึงสามารถบรรลุจากอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์สองดาวได้?

ความเป็นไปได้นับล้านๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมองของหลู่เหยียน

อย่าได้ไปกลัว!

แต่ไม่ว่าอย่างไรเสีย… เจ้าบ้านี่มันหลอมโอสถประเภทใดขึ้นมากัน?

หลู่เหยียนกัดฟันแน่นร้องบอก “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่เอาเทพสวรรค์สองดาวออกมาผู้หนึ่งแล้วจะรอดหรือ? อย่าลืมว่าพวกเรานั้นมีเทพสวรรค์กันถึงสามคน!”

พูดไปเขาก็หันไปสั่งพวกเติ้งหยุนไซ “ข้าจะจัดการเจ้านี่เอง พวกเจ้ารีบไปจัดการเจ้าเด็กคนนั้นเสีย! จับมันให้ได้รวดเร็วที่สุดอย่าได้เสียเวลาอีก!”

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวพยักหน้ารับทำให้หลู่เหยียนพุ่งตัวเข้ามาปะทะถ่วงไป๋ตงไว้ทันที

ไป๋ตงเองก็สะบัดแขนส่งพัดนั้นออกมาและเจ้าพัดนี้มันกลับเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

แต่ตัวเขานั้นกลับพุ่งตัวออกมาด้านหน้าอย่างไม่คิดสนใจจะปกป้องเย่หยวนใดๆ

คลื่นพลังอันรุนแรงนั้นจึงเข้าปะทะกับหลู่เหยียนอย่างรุนแรงจนเขาหน้าถอดสี

เพราะตัวเขานั้นไม่มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

ตัวเขาจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นได้อย่างไร? มีหรือที่เทพสวรรค์ทุกผู้คนจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์พกติดตัวไว้?

ด้วยการปะทะในครั้งนี้ เขาจึงถูกไป๋ตงกดดันในทันที

“รีบจัดการมันเสีย เจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดา!” หลู่เหยียนร้องบอก

เมื่อเหล่านักยุทธทั้งหลายในเมืองเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็อดไม่ที่จะร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

“ไม่ดีแล้ว ท่านเย่หยวนประมาทเกินไป! อีกฝ่ายนั้นมีเทพสวรรค์ถึงสามคน!”

“ท่านเย่หยวน หนีเร็ว!”

เหล่านักยุทธในเมืองต่างร่ำร้องบอกขึ้นอย่างตกตะลึง

เติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวหันหน้าส่งสัญญาณให้กันก่อนจะยิ้มเย้ยเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้ายอมรับชะตาเสียเถอะ! ครั้งนี้ข้าอยากรู้เสียจริงว่าจะมีใครมาช่วยเหลือเจ้าอีก!”

พูดจบคนทั้งสองก็ก้าวเท้าออกมาคิดจับตัวเย่หยวนไว้ในทันที

แต่ในเวลานั้นเองที่ห้วงมิติด้านหน้ามันกลับเกิดรอยแยกเผยให้เห็นสองเงาร่างค่อยๆ ก้าวออกมา

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+