Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2024 ทางออกอันร้ายกาจ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2024 ทางออกอันร้ายกาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่าน ข้าชนะแล้ว! ข้าชนะแล้วจริงๆ! ที่แท้ฝีมือของข้ามันกลับแข็งแกร่งได้ปานนี้แล้ว!”

ตอนนี้ข้างกายเย่หยวน หนิงซืออวี๋กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงแตกต่างจากนางผู้นั้นเหนือล้ำเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง

ความรู้สึกในใจของนางเวลานี้มันเหมือนกับเป็ดน้อยที่ได้เกิดใหม่เป็นหงส์

สำหรับตัวหนิงซืออวี๋แล้วยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนใหญ่โต

ในแดนใต้นี้มันมียอดอัจฉริยะอยู่มากมายเพียงใด?

ระดับการต่อสู้ของคนทั้งหลายนั้นมันย่อมจะมิใช่สิ่งที่เด็กสาวบ้านนอกอย่างนางจะมาเข้าร่วมได้

แต่หลังจากได้ประลองกับพวกลั่วเยว่ทั้งหลายแล้วนางก็ได้รู้ว่าตอนนี้นางได้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในแนวหน้าของวงการโอสถแห่งแดนใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการชี้แนะจากเย่หยวน

ไม่สิ! คงต้องบอกว่านางนั้นก้าวขึ้นมาเหนือล้ำแนวหน้าไปเสียแล้วด้วยซ้ำ!

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลใหญ่โตแต่พวกเขากลับพ่ายแพ้ลงต่อหน้านางสิ้น

แม้แต่แค่คิดย้อนกลับไปหนิงซืออวี๋ก็ยังรู้สึกมึนงง

เย่หยวนกล่าวขึ้น “เหล่าคนทั้งหลายนี้แค่ถูกผู้อื่นใช้งานมา แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขามันย่อมจะไม่เก่งกาจมากมาย ในงานชุมนุมโอสถเมฆานี้เหล่ายอดอัจฉริยะที่แท้คงก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าได้แล้ว”

หนิงซืออวี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงร้องขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “เก่งปานนั้น?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แต่เจ้าเองก็มิต้องไปกังวลให้มากนัก เพราะเหล่าคนที่ก้าวขึ้นอาณาจักรเต๋าได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นจอมเทพโอสถหกดาวขึ้นไปสิ้น ในหมู่จอมเทพโอสถห้าดาวนั้นมันคงไม่มีใครเทียบเคียงเจ้าได้แน่”

หนิงซืออวี๋ยิ้มรับ “ซืออวี๋จะไม่ทำให้นายท่านต้องขายหน้าแน่!”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำพาหนิงซืออวี๋เดินจากไปทิ้งผู้คนที่มึนงงไว้ด้านหลัง

“นายน้อยหยุน หนิงซืออวี๋และลั่วเยว่ได้ต่อสู้กันอย่างยาวนานถึงสี่ชั่วโมงจนที่สุดหนิงซืออวี๋สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรต้นขั้นสุดได้ ชนะลั่วเยว่ไปอย่างขาดลอยทำให้เวลานี้ยอดอัจฉริยะจากทั้งยี่สิบสามตระกูลพ่ายแพ้ลงสิ้น!”

หลังจากได้ยินคำของคนรับใช้นั้นภายในห้องมันก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน

เดิมทีแล้วพวกเขาย่อมคิดจะล้มเย่หยวนลงทำให้เขาต้องเผยธาตุแท้ออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะกลายเป็นการช่วยคนรับใช้ของเย่หยวนบรรลุแทน

งานชุมนุมโอสถเมฆายังไม่ทันเริ่มแต่ชื่อเสียงของหนิงซืออวี๋กลับลือลั่นไปทั่วทั้งเมืองเสียแล้ว

ชายหนุ่มทายาทอีกตระกูลใหญ่กล่าวขึ้น “หนิงซืออวี๋ผู้นี้นับได้ว่ามีฝีมือติดอันดับหนึ่งในสิบของจอมเทพโอสถหกดาวได้เลย!”

“การที่สามารถจะมีคนรับใช้ที่เก่งกาจปานนี้ได้ หรือว่า…”

ฝีมือของหนิงซืออวี๋นั้นมันทำให้คนทั้งหลายเริ่มไม่มั่นใจ

แต่หยุนยี่ยังคงยืนกราน “ไม่มีทาง! อืม… ข้ารู้แล้ว! นางผู้นี้มันจะต้องเป็นเครื่องป้องกันที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบให้แก่เย่หยวนมาแน่ หนิงซืออวี๋นั้นคงเป็นศิษย์รักของเทพสวรรค์เปียวหยู! พวกเจ้าลองคิดดูเถิด ตอนเจ้าอายุแค่พันกว่าปีนั้นพวกเจ้าทั้งหลายทำอะไรกันอยู่? ต่อให้เขาจะเก่งกาจสามารถปานใดมันก็ไม่มีวันขึ้นถึงระดับปรมาจารย์หรอกใช่หรือไม่?”

เมื่อเจิ้งปู้ฉุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็เบิกตากว้างขึ้นทันที “ที่พี่หยุนยี่ว่ามามันก็ไม่ผิด เราเกือบถูกหลอกเข้าเสียแล้ว! เพียงแค่ว่าข้าเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านเทพสวรรค์เปียวหยูจะเลี้ยงดูศิษย์ที่เก่งกาจปานนี้ขึ้นมาได้ หากปล่อยไปอีกหน่อยนางผู้นี้คงก้าวขึ้นมาเป็นยอดอัจฉริยะโอสถอันดับต้นๆ ของแดนใต้แน่!”

พวกเขาทั้งหลายที่ได้ยินต่างพยักหน้ารับไม่มีใครคิดค้านใดๆ

“พี่หยุนยี่ เด็กคนนี้มันช่างหลบซ่อนตัวเองเก่งกาจนัก เราจะทำอย่างไรดี?” ชายหนุ่มอีกคนถามขึ้น

หยุนยี่นั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าของคนที่มีแผนสำรองไว้ “ใจเย็น ตอนนี้มันหลบรอดได้ แต่มันย่อมจะไม่อาจหลบรอดไปได้ทั้งชีวิต สถานะของพวกเรานั้นมันต่ำต้อยไปหน่อย แต่พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่ามันยังมีเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายอยู่! ที่สำคัญ… พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่ามันยังมีเทพสวรรค์ซืออี้! พี่ปู้ฉุน เรื่องนี้คงต้องขอพึ่งเจ้าแล้ว!”

เจิ้งปู้ฉุนที่ได้เห็นสีหน้านั้นของหยุนยี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

ภายในเรือนหรูหราของเมืองชั้นในตอนนี้มีคลื่นพลังรุนแรงกำลังพุ่งทะยานออกมา

แต่หลังจากมันปะทะเข้ากับค่ายกลของเรือนนั้นคลื่นพลังที่หลุดรอดออกไปก็หายวับลงสิ้น

“หลอม!”

ตามมาด้วยเสียงร้องหนึ่งดังสนั่น

หลอมโอสถ!

“ฝีมือดีจริงๆ! พี่ซืออี้นั้นเก่งกาจเสียยิ่งกว่าตอนงานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งก่อนเสียอีก!”

“เก่งกาจจริงๆ! เก่งกาจมาก! โอสถหยกฟ้านี้เทพสวรรค์ผู้นี้ก็ได้ลองหลอมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่ก็ยังพลาดเสียทุกที ไม่นึกว่าพี่ซืออี้จะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้ในคราเดียว!”

ที่ด้านข้างหม้อหลอมเวลานี้เทพสวรรค์ซืออี้ในชุดสีม่วงสดกำลังยืนอยู่ด้วยใบหน้าสุดภาคภูมิ

“หึ เดิมทีแล้วเทพสวรรค์ผู้นี้ก็ไม่ได้คิดจะมาหรอก แต่จะไม่รับน้ำใจอันเหนือล้นของพี่ดันหยู่ก็คงไม่ได้ จึงจำใจต้องฝันมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย” เทพสวรรค์ซืออี้บอกขึ้นด้วยท่าทางอึดอัดไม่น้อย

เพราะหลังจากเขาได้รู้ว่าเทพสวรรค์เปียวหยูได้เอาเหรียญปรมาจารย์ไปมองให้แก่เด็กน้อยผู้หนึ่ง เขาก็แทบจะคลั่งตายเสียให้ได้ในวันนั้น

แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นนับได้ว่ามีศักดิ์สูงกว่าตัวเขา เขาจึงไม่อาจจะไปถามหาเรื่องราวใดๆ ได้และต้องกลืนความโกรธแค้นนั้นลงท้องไป

เดิมทีเขานั้นย่อมจะไม่คิดมาร่วมงานแต่สุดท้ายเทพสวรรค์ดันหยู่ก็ได้เชิญเขามาร่วมด้วย

เมื่อเทพสวรรค์ดันหยู่ออกปากมาเช่นนี้ตัวเขาก็จำใจต้องไว้หน้าอีกฝ่าย

เขานั้นมา แต่มาด้วยจิตใจที่สุดแสนขุ่นหมอง

ภายในเรือนเวลานี้มันเต็มไปด้วยเหล่าเทพสวรรค์และพวกเขาล้วนเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวสิ้น

งานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันมิใช่เพียงแค่เวทีให้เหล่ายอดอัจฉริยะได้ออกมาแสดงฝีมือ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ของงานนี้มันคือการที่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน

เต๋าโอสถนั้นเมื่อขึ้นมาถึงระดับเจ็ดแล้วมันย่อมจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งอย่างที่ไม่อาจทำได้ในเวลาสั้นๆ

แต่ด้วยการแลกเปลี่ยนเช่นนี้มันจะทำให้คนทั้งหลายได้แสดงความรู้ที่ถนัดออกมาช่วยเหลือพัฒนากันและกัน

จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “เฮ้อ! ข้าก็ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพี่เปียวหยูถึงได้คิดไปมอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนั้น ตำแหน่งของเขานั้นเหนือล้ำกว่าพวกเราเหล่าคนเฒ่าแก่ทั้งหลาย แล้วเช่นนี้เราจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”

เทพสวรรค์ซืออี้นั้นหัวเราะขึ้น “บางทีเจ้าเด็กคนนั้นมันอาจจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำชนะพวกเราได้ตั้งแต่อายุยังน้อย? พี่เปียวหยูอาจจะมีเหตุผลเช่นนั้นก็ได้”

โดยพื้นผิวแล้วเทพสวรรค์เปียวหยูกับตัวเขานั้นย่อมจะอยู่ใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่ขัดอีกฝ่ายออกมาตรงๆ

แต่น้ำเสียงของเขานั้นมันไม่อาจปิดบังความไม่พอใจที่มีได้จนแม้แต่เด็กสามขวบยังเข้าใจว่าเขาประชด

การถูกจอมเทพโอสถหกดาวผู้หนึ่งมาขี่หัวมันย่อมจะมิใช่เรื่องสบายใจนัก

ในเวลานั้นก็มีเทพสวรรค์อีกผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “พี่ซืออี้ช่างมีจิตใจกว้างขวาง! ฝีมือของท่านนั้นพวกเราทั้งหลายย่อมจะเข้าใจและไม่ต้องให้เหรียญใดๆ มากำหนด นอกจากเหล่าเจ็ดยอดผู้ครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วฝีมือของพี่ซืออี้ก็นับเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า”

เทพสวรรค์ซืออี้จึงหัวเราะขึ้น “พี่เจิ้งก็ว่าเกินไป! เหนือฟ้ามันย่อมมีฟ้า! เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็ยังต้องมาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกท่านทั้งหลายเลย”

เทพสวรรค์ที่กำลังพูดอยู่นั้นย่อมจะเป็นบรรพบุรุษตระกูลเจิ้ง จอมเทพโอสถเจ็ดดาว เจิ้งฉีหยวน

ไม่กี่วันก่อนเขานั้นได้รับรายงานจากเจิ้งปู้ฉุนว่าเย่หยวนนั้นอวดดีเหนือใครไม่ไว้หน้าตระกูลเจิ้งแม้แต่น้อย

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินย่อมจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน จอมเทพโอสถหกดาวผู้หนึ่งกลับกล้ามาท้าทายเขา?

แค่มีเหรียญปรมาจารย์อยู่กับตัวก็จะนับถือว่าตัวเป็นปรมาจารย์แล้ว?

เด็กน้อยที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นี้มันจะอวดดีจนเกินไปแล้ว

เจิ้งฉีหยวนนั้นยังคงยิ้ม “ตอนนี้ในเมืองมันมีข่าวลือว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นเป็นศิษย์ยอดอัจฉริยะที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา ที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบเหรียญปรมาจารย์ให้เขาก็เพราะว่าแรงกดดันจากทางท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา พี่ซืออี้เองก็อยู่ใต้การปกครองของท่านวันเปา ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันมีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่?”

“ศิษย์บ้าบอไร้สาระใดของเจ้า! มันไม่มีคนเช่นนั้นในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาแม้สักคน!” เทพสวรรค์ซืออี้อดไม่ได้ที่จะตะโกนด่า

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็ผงะไปทันที เพราะเขานั้นก็คิดไม่ได้ต่างจากเจิ้งปู้ฉุน ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนจะไม่ได้มาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาใดๆ

“เช่นนั้นเองหรือ! เช่นนั้นข้าก็คงเข้าใจผิดไปแล้ว พี่ซืออี้! เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? เราไปเชิญมันมาสนทนาแลกเปลี่ยนดีหรือไม่? แล้วให้ทุกผู้คนในที่นี้ช่วยจัดการสั่งสอนมัน!” เจิ้งฉีหยวนบอก

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2024 ทางออกอันร้ายกาจ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2024 ทางออกอันร้ายกาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่าน ข้าชนะแล้ว! ข้าชนะแล้วจริงๆ! ที่แท้ฝีมือของข้ามันกลับแข็งแกร่งได้ปานนี้แล้ว!”

ตอนนี้ข้างกายเย่หยวน หนิงซืออวี๋กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงแตกต่างจากนางผู้นั้นเหนือล้ำเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง

ความรู้สึกในใจของนางเวลานี้มันเหมือนกับเป็ดน้อยที่ได้เกิดใหม่เป็นหงส์

สำหรับตัวหนิงซืออวี๋แล้วยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนใหญ่โต

ในแดนใต้นี้มันมียอดอัจฉริยะอยู่มากมายเพียงใด?

ระดับการต่อสู้ของคนทั้งหลายนั้นมันย่อมจะมิใช่สิ่งที่เด็กสาวบ้านนอกอย่างนางจะมาเข้าร่วมได้

แต่หลังจากได้ประลองกับพวกลั่วเยว่ทั้งหลายแล้วนางก็ได้รู้ว่าตอนนี้นางได้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในแนวหน้าของวงการโอสถแห่งแดนใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการชี้แนะจากเย่หยวน

ไม่สิ! คงต้องบอกว่านางนั้นก้าวขึ้นมาเหนือล้ำแนวหน้าไปเสียแล้วด้วยซ้ำ!

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลใหญ่โตแต่พวกเขากลับพ่ายแพ้ลงต่อหน้านางสิ้น

แม้แต่แค่คิดย้อนกลับไปหนิงซืออวี๋ก็ยังรู้สึกมึนงง

เย่หยวนกล่าวขึ้น “เหล่าคนทั้งหลายนี้แค่ถูกผู้อื่นใช้งานมา แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขามันย่อมจะไม่เก่งกาจมากมาย ในงานชุมนุมโอสถเมฆานี้เหล่ายอดอัจฉริยะที่แท้คงก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าได้แล้ว”

หนิงซืออวี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงร้องขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “เก่งปานนั้น?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แต่เจ้าเองก็มิต้องไปกังวลให้มากนัก เพราะเหล่าคนที่ก้าวขึ้นอาณาจักรเต๋าได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นจอมเทพโอสถหกดาวขึ้นไปสิ้น ในหมู่จอมเทพโอสถห้าดาวนั้นมันคงไม่มีใครเทียบเคียงเจ้าได้แน่”

หนิงซืออวี๋ยิ้มรับ “ซืออวี๋จะไม่ทำให้นายท่านต้องขายหน้าแน่!”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำพาหนิงซืออวี๋เดินจากไปทิ้งผู้คนที่มึนงงไว้ด้านหลัง

“นายน้อยหยุน หนิงซืออวี๋และลั่วเยว่ได้ต่อสู้กันอย่างยาวนานถึงสี่ชั่วโมงจนที่สุดหนิงซืออวี๋สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรต้นขั้นสุดได้ ชนะลั่วเยว่ไปอย่างขาดลอยทำให้เวลานี้ยอดอัจฉริยะจากทั้งยี่สิบสามตระกูลพ่ายแพ้ลงสิ้น!”

หลังจากได้ยินคำของคนรับใช้นั้นภายในห้องมันก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน

เดิมทีแล้วพวกเขาย่อมคิดจะล้มเย่หยวนลงทำให้เขาต้องเผยธาตุแท้ออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะกลายเป็นการช่วยคนรับใช้ของเย่หยวนบรรลุแทน

งานชุมนุมโอสถเมฆายังไม่ทันเริ่มแต่ชื่อเสียงของหนิงซืออวี๋กลับลือลั่นไปทั่วทั้งเมืองเสียแล้ว

ชายหนุ่มทายาทอีกตระกูลใหญ่กล่าวขึ้น “หนิงซืออวี๋ผู้นี้นับได้ว่ามีฝีมือติดอันดับหนึ่งในสิบของจอมเทพโอสถหกดาวได้เลย!”

“การที่สามารถจะมีคนรับใช้ที่เก่งกาจปานนี้ได้ หรือว่า…”

ฝีมือของหนิงซืออวี๋นั้นมันทำให้คนทั้งหลายเริ่มไม่มั่นใจ

แต่หยุนยี่ยังคงยืนกราน “ไม่มีทาง! อืม… ข้ารู้แล้ว! นางผู้นี้มันจะต้องเป็นเครื่องป้องกันที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบให้แก่เย่หยวนมาแน่ หนิงซืออวี๋นั้นคงเป็นศิษย์รักของเทพสวรรค์เปียวหยู! พวกเจ้าลองคิดดูเถิด ตอนเจ้าอายุแค่พันกว่าปีนั้นพวกเจ้าทั้งหลายทำอะไรกันอยู่? ต่อให้เขาจะเก่งกาจสามารถปานใดมันก็ไม่มีวันขึ้นถึงระดับปรมาจารย์หรอกใช่หรือไม่?”

เมื่อเจิ้งปู้ฉุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็เบิกตากว้างขึ้นทันที “ที่พี่หยุนยี่ว่ามามันก็ไม่ผิด เราเกือบถูกหลอกเข้าเสียแล้ว! เพียงแค่ว่าข้าเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านเทพสวรรค์เปียวหยูจะเลี้ยงดูศิษย์ที่เก่งกาจปานนี้ขึ้นมาได้ หากปล่อยไปอีกหน่อยนางผู้นี้คงก้าวขึ้นมาเป็นยอดอัจฉริยะโอสถอันดับต้นๆ ของแดนใต้แน่!”

พวกเขาทั้งหลายที่ได้ยินต่างพยักหน้ารับไม่มีใครคิดค้านใดๆ

“พี่หยุนยี่ เด็กคนนี้มันช่างหลบซ่อนตัวเองเก่งกาจนัก เราจะทำอย่างไรดี?” ชายหนุ่มอีกคนถามขึ้น

หยุนยี่นั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าของคนที่มีแผนสำรองไว้ “ใจเย็น ตอนนี้มันหลบรอดได้ แต่มันย่อมจะไม่อาจหลบรอดไปได้ทั้งชีวิต สถานะของพวกเรานั้นมันต่ำต้อยไปหน่อย แต่พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่ามันยังมีเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายอยู่! ที่สำคัญ… พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่ามันยังมีเทพสวรรค์ซืออี้! พี่ปู้ฉุน เรื่องนี้คงต้องขอพึ่งเจ้าแล้ว!”

เจิ้งปู้ฉุนที่ได้เห็นสีหน้านั้นของหยุนยี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

ภายในเรือนหรูหราของเมืองชั้นในตอนนี้มีคลื่นพลังรุนแรงกำลังพุ่งทะยานออกมา

แต่หลังจากมันปะทะเข้ากับค่ายกลของเรือนนั้นคลื่นพลังที่หลุดรอดออกไปก็หายวับลงสิ้น

“หลอม!”

ตามมาด้วยเสียงร้องหนึ่งดังสนั่น

หลอมโอสถ!

“ฝีมือดีจริงๆ! พี่ซืออี้นั้นเก่งกาจเสียยิ่งกว่าตอนงานชุมนุมโอสถเมฆาครั้งก่อนเสียอีก!”

“เก่งกาจจริงๆ! เก่งกาจมาก! โอสถหยกฟ้านี้เทพสวรรค์ผู้นี้ก็ได้ลองหลอมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่ก็ยังพลาดเสียทุกที ไม่นึกว่าพี่ซืออี้จะสามารถหลอมมันขึ้นมาได้ในคราเดียว!”

ที่ด้านข้างหม้อหลอมเวลานี้เทพสวรรค์ซืออี้ในชุดสีม่วงสดกำลังยืนอยู่ด้วยใบหน้าสุดภาคภูมิ

“หึ เดิมทีแล้วเทพสวรรค์ผู้นี้ก็ไม่ได้คิดจะมาหรอก แต่จะไม่รับน้ำใจอันเหนือล้นของพี่ดันหยู่ก็คงไม่ได้ จึงจำใจต้องฝันมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย” เทพสวรรค์ซืออี้บอกขึ้นด้วยท่าทางอึดอัดไม่น้อย

เพราะหลังจากเขาได้รู้ว่าเทพสวรรค์เปียวหยูได้เอาเหรียญปรมาจารย์ไปมองให้แก่เด็กน้อยผู้หนึ่ง เขาก็แทบจะคลั่งตายเสียให้ได้ในวันนั้น

แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นนับได้ว่ามีศักดิ์สูงกว่าตัวเขา เขาจึงไม่อาจจะไปถามหาเรื่องราวใดๆ ได้และต้องกลืนความโกรธแค้นนั้นลงท้องไป

เดิมทีเขานั้นย่อมจะไม่คิดมาร่วมงานแต่สุดท้ายเทพสวรรค์ดันหยู่ก็ได้เชิญเขามาร่วมด้วย

เมื่อเทพสวรรค์ดันหยู่ออกปากมาเช่นนี้ตัวเขาก็จำใจต้องไว้หน้าอีกฝ่าย

เขานั้นมา แต่มาด้วยจิตใจที่สุดแสนขุ่นหมอง

ภายในเรือนเวลานี้มันเต็มไปด้วยเหล่าเทพสวรรค์และพวกเขาล้วนเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวสิ้น

งานชุมนุมโอสถเมฆานั้นมันมิใช่เพียงแค่เวทีให้เหล่ายอดอัจฉริยะได้ออกมาแสดงฝีมือ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ของงานนี้มันคือการที่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน

เต๋าโอสถนั้นเมื่อขึ้นมาถึงระดับเจ็ดแล้วมันย่อมจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งอย่างที่ไม่อาจทำได้ในเวลาสั้นๆ

แต่ด้วยการแลกเปลี่ยนเช่นนี้มันจะทำให้คนทั้งหลายได้แสดงความรู้ที่ถนัดออกมาช่วยเหลือพัฒนากันและกัน

จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “เฮ้อ! ข้าก็ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพี่เปียวหยูถึงได้คิดไปมอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนั้น ตำแหน่งของเขานั้นเหนือล้ำกว่าพวกเราเหล่าคนเฒ่าแก่ทั้งหลาย แล้วเช่นนี้เราจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”

เทพสวรรค์ซืออี้นั้นหัวเราะขึ้น “บางทีเจ้าเด็กคนนั้นมันอาจจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำชนะพวกเราได้ตั้งแต่อายุยังน้อย? พี่เปียวหยูอาจจะมีเหตุผลเช่นนั้นก็ได้”

โดยพื้นผิวแล้วเทพสวรรค์เปียวหยูกับตัวเขานั้นย่อมจะอยู่ใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่ขัดอีกฝ่ายออกมาตรงๆ

แต่น้ำเสียงของเขานั้นมันไม่อาจปิดบังความไม่พอใจที่มีได้จนแม้แต่เด็กสามขวบยังเข้าใจว่าเขาประชด

การถูกจอมเทพโอสถหกดาวผู้หนึ่งมาขี่หัวมันย่อมจะมิใช่เรื่องสบายใจนัก

ในเวลานั้นก็มีเทพสวรรค์อีกผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “พี่ซืออี้ช่างมีจิตใจกว้างขวาง! ฝีมือของท่านนั้นพวกเราทั้งหลายย่อมจะเข้าใจและไม่ต้องให้เหรียญใดๆ มากำหนด นอกจากเหล่าเจ็ดยอดผู้ครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วฝีมือของพี่ซืออี้ก็นับเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า”

เทพสวรรค์ซืออี้จึงหัวเราะขึ้น “พี่เจิ้งก็ว่าเกินไป! เหนือฟ้ามันย่อมมีฟ้า! เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็ยังต้องมาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกท่านทั้งหลายเลย”

เทพสวรรค์ที่กำลังพูดอยู่นั้นย่อมจะเป็นบรรพบุรุษตระกูลเจิ้ง จอมเทพโอสถเจ็ดดาว เจิ้งฉีหยวน

ไม่กี่วันก่อนเขานั้นได้รับรายงานจากเจิ้งปู้ฉุนว่าเย่หยวนนั้นอวดดีเหนือใครไม่ไว้หน้าตระกูลเจิ้งแม้แต่น้อย

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินย่อมจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน จอมเทพโอสถหกดาวผู้หนึ่งกลับกล้ามาท้าทายเขา?

แค่มีเหรียญปรมาจารย์อยู่กับตัวก็จะนับถือว่าตัวเป็นปรมาจารย์แล้ว?

เด็กน้อยที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้นี้มันจะอวดดีจนเกินไปแล้ว

เจิ้งฉีหยวนนั้นยังคงยิ้ม “ตอนนี้ในเมืองมันมีข่าวลือว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นเป็นศิษย์ยอดอัจฉริยะที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา ที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบเหรียญปรมาจารย์ให้เขาก็เพราะว่าแรงกดดันจากทางท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา พี่ซืออี้เองก็อยู่ใต้การปกครองของท่านวันเปา ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันมีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่?”

“ศิษย์บ้าบอไร้สาระใดของเจ้า! มันไม่มีคนเช่นนั้นในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาแม้สักคน!” เทพสวรรค์ซืออี้อดไม่ได้ที่จะตะโกนด่า

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็ผงะไปทันที เพราะเขานั้นก็คิดไม่ได้ต่างจากเจิ้งปู้ฉุน ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนจะไม่ได้มาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาใดๆ

“เช่นนั้นเองหรือ! เช่นนั้นข้าก็คงเข้าใจผิดไปแล้ว พี่ซืออี้! เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? เราไปเชิญมันมาสนทนาแลกเปลี่ยนดีหรือไม่? แล้วให้ทุกผู้คนในที่นี้ช่วยจัดการสั่งสอนมัน!” เจิ้งฉีหยวนบอก

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+