Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2029 ตามที่เจ้าต้องการ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2029 ตามที่เจ้าต้องการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”

เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย

เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา

เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้

เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล

เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้

สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย

โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”

เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง

เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก

ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด

เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ

เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ

เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก

แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง

ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ

จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก

“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”

ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่

เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”

ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที

“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง

เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”

“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน

ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์

ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ

ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?

แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน

อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!

ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?

ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต

แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”

เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”

พูดจบเย่หยวนก็เริ่มทำการสาบานทันทีต่อหน้าทุกผู้คน

เรื่องราวนี้มันทำให้หลายคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง!

นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันจะดื้อด้านเกินไปหรือไม่?

ถึงเวลานี้โอกาสชนะของเย่หยวนมันริบหรี่เต็มที แต่เขากลับเลือกจะสาบานในเวลานี้

เท่านี้ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะคิดช่วยใดๆ มันก็ไม่อาจทำได้แล้ว

“เอาล่ะ ตาเจ้า” เย่หยวนหันไปบอกเจิ้งฉีหยวน

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เดิมพันนี้เจ้าต้องแพ้แน่ เทพสวรรค์ผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไปแล้วจะเป็นผลเสียใด?”

พูดจบเจิ้งฉีหยวนก็ได้เริ่มทำการสาบานบ้าง

เทพสวรรค์ซืออี้ได้แต่ส่ายหัวออกมาด้วยความเสียดาย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนผู้นี้ก็คงสนิทกับคนจากหอมหาสมบัติ การที่ต้องเสียโอกาสจะหลอมโอสถไปเพราะเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

“พี่เหลียวหมิง เริ่มเถอะ!” เจิ้งฉีหยวนกล่าวเร่งเทพสวรรค์เหลียวหมิงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจและเริ่มทำการหลอมโอสถ

เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป ภายในหม้อหลอมที่ผ่านๆ มานั้นมันสุดแสนสงบไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ

แต่หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วโมงในที่สุดหม้อหลอมก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเจิ้งฉีหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆ! รับไม่ไหวจริงๆ ด้วย! อย่างที่ข้าว่าไป มีหรือที่ธาตุสายฟ้ามันจะมาผสานโอสถธาตุลมแท้ได้?”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าเสียดายออกมา

ครั้งนี้เย่หยวนคงแพ้แน่แล้ว!

เทพสวรรค์ซืออี้ถอนหายใจยาวพร้อมมองหันไปดูเย่หยวน แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่วิตกกังวลใดๆ

หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นแค่มือใหม่จริงๆ จึงไม่สนใจว่าจะหลอมโอสถต่อไปได้หรือไม่?

แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!

ในพริบตาเวลากว่าร้อยอึดใจก็ได้ผ่านไป จนตอนนี้หม้อหลอมนั้นมันก็ยังสั่นสะท้านไม่หาย

จนผ่านไปอีกสิบห้านาที ตอนนี้หม้อหลอมก็ยังสั่นอยู่

จนเวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง จนตอนนี้หม้อหลอมมันก็ยังสั่น

แต่เจ้าโอสถภายในหม้อนี้มันกลับยังไม่ล้มเหลวลงเสียที!

เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วิตกกังวลอย่างมาก เขานั้นได้แต่ร้องภายในใจหวังให้โอสถนั้นมันพังทลายลงเสียที

แต่การหลอมโอสถนี้มันกลับยังดำเนินต่อไป

จนสุดท้ายหม้อก็ได้สั่นขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งแต่เจิ้งฉีหยวนยังไม่ทันจะได้ดีใจความสั่นสะท้านใดๆ มันก็จางหายลง

เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดเผือด

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ล้มเหลว!”

“หรือว่าความเป็นไปได้ที่สามนี้จะสำเร็จจริง?”

“วิเศษเกินไปแล้ว! ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าธาตุสายฟ้านั้นมันกลับสงบลงเสียอย่างนั้นและดูท่าคงรวมเข้ากับโอสถไปแล้วด้วย!”

เสียงโห่ร้องตื่นเต้นดังขึ้นทั่วทุกทิศ

เพราะสภาพในเวลานี้มันแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก

ธาตุสายฟ้านั้นนับได้ว่ารุนแรงและดุดัน ยากแก่การหลอมที่สุด ใครจะไปคิดว่าหม้อสั่นอยู่สองชั่วโมง สุดท้ายมันกลับหลอมเข้าด้วยกันได้!

ในเวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างมากก่อนที่จะร้องขึ้น “หลอม!”

เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปจนกลับคืนสู่ความสงบ

ทุกผู้คนรู้ได้ทันทีว่าโอสถถูกหลอมขึ้นได้สำเร็จ!

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มัน… เขาทำได้อย่างไร? เหตุใดธาตุสายฟ้าถึงผสานเข้ากับโอสถธาตุลมแท้บริสุทธิ์ได้?”

เจิ้งฉีหยวนนั้นไม่อาจยืนได้มั่นอีกต่อไป

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้มันเหลือเชื่อจนเกินรับ

เขาเคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่รออยู่!

………………………..

“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”

เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย

เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา

เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้

เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล

เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้

สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย

โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”

เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง

เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก

ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด

เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ

เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ

เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก

แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง

ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ

จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก

“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”

ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่

เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”

ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที

“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง

เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”

“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน

ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์

ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ

ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?

แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน

อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!

ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?

ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต

แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”

เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”

พูดจบเย่หยวนก็เริ่มทำการสาบานทันทีต่อหน้าทุกผู้คน

เรื่องราวนี้มันทำให้หลายคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง!

นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันจะดื้อด้านเกินไปหรือไม่?

ถึงเวลานี้โอกาสชนะของเย่หยวนมันริบหรี่เต็มที แต่เขากลับเลือกจะสาบานในเวลานี้

เท่านี้ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะคิดช่วยใดๆ มันก็ไม่อาจทำได้แล้ว

“เอาล่ะ ตาเจ้า” เย่หยวนหันไปบอกเจิ้งฉีหยวน

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เดิมพันนี้เจ้าต้องแพ้แน่ เทพสวรรค์ผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไปแล้วจะเป็นผลเสียใด?”

พูดจบเจิ้งฉีหยวนก็ได้เริ่มทำการสาบานบ้าง

เทพสวรรค์ซืออี้ได้แต่ส่ายหัวออกมาด้วยความเสียดาย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนผู้นี้ก็คงสนิทกับคนจากหอมหาสมบัติ การที่ต้องเสียโอกาสจะหลอมโอสถไปเพราะเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

“พี่เหลียวหมิง เริ่มเถอะ!” เจิ้งฉีหยวนกล่าวเร่งเทพสวรรค์เหลียวหมิงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจและเริ่มทำการหลอมโอสถ

เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป ภายในหม้อหลอมที่ผ่านๆ มานั้นมันสุดแสนสงบไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ

แต่หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วโมงในที่สุดหม้อหลอมก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเจิ้งฉีหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆ! รับไม่ไหวจริงๆ ด้วย! อย่างที่ข้าว่าไป มีหรือที่ธาตุสายฟ้ามันจะมาผสานโอสถธาตุลมแท้ได้?”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าเสียดายออกมา

ครั้งนี้เย่หยวนคงแพ้แน่แล้ว!

เทพสวรรค์ซืออี้ถอนหายใจยาวพร้อมมองหันไปดูเย่หยวน แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่วิตกกังวลใดๆ

หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นแค่มือใหม่จริงๆ จึงไม่สนใจว่าจะหลอมโอสถต่อไปได้หรือไม่?

แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!

ในพริบตาเวลากว่าร้อยอึดใจก็ได้ผ่านไป จนตอนนี้หม้อหลอมนั้นมันก็ยังสั่นสะท้านไม่หาย

จนผ่านไปอีกสิบห้านาที ตอนนี้หม้อหลอมก็ยังสั่นอยู่

จนเวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง จนตอนนี้หม้อหลอมมันก็ยังสั่น

แต่เจ้าโอสถภายในหม้อนี้มันกลับยังไม่ล้มเหลวลงเสียที!

เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วิตกกังวลอย่างมาก เขานั้นได้แต่ร้องภายในใจหวังให้โอสถนั้นมันพังทลายลงเสียที

แต่การหลอมโอสถนี้มันกลับยังดำเนินต่อไป

จนสุดท้ายหม้อก็ได้สั่นขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งแต่เจิ้งฉีหยวนยังไม่ทันจะได้ดีใจความสั่นสะท้านใดๆ มันก็จางหายลง

เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดเผือด

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ล้มเหลว!”

“หรือว่าความเป็นไปได้ที่สามนี้จะสำเร็จจริง?”

“วิเศษเกินไปแล้ว! ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าธาตุสายฟ้านั้นมันกลับสงบลงเสียอย่างนั้นและดูท่าคงรวมเข้ากับโอสถไปแล้วด้วย!”

เสียงโห่ร้องตื่นเต้นดังขึ้นทั่วทุกทิศ

เพราะสภาพในเวลานี้มันแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก

ธาตุสายฟ้านั้นนับได้ว่ารุนแรงและดุดัน ยากแก่การหลอมที่สุด ใครจะไปคิดว่าหม้อสั่นอยู่สองชั่วโมง สุดท้ายมันกลับหลอมเข้าด้วยกันได้!

ในเวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างมากก่อนที่จะร้องขึ้น “หลอม!”

เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปจนกลับคืนสู่ความสงบ

ทุกผู้คนรู้ได้ทันทีว่าโอสถถูกหลอมขึ้นได้สำเร็จ!

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มัน… เขาทำได้อย่างไร? เหตุใดธาตุสายฟ้าถึงผสานเข้ากับโอสถธาตุลมแท้บริสุทธิ์ได้?”

เจิ้งฉีหยวนนั้นไม่อาจยืนได้มั่นอีกต่อไป

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้มันเหลือเชื่อจนเกินรับ

เขาเคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่รออยู่!

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2029 ตามที่เจ้าต้องการ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2029 ตามที่เจ้าต้องการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”

เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย

เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา

เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้

เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล

เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้

สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย

โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”

เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง

เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก

ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด

เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ

เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ

เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก

แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง

ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ

จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก

“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”

ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่

เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”

ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที

“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง

เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”

“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน

ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์

ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ

ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?

แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน

อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!

ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?

ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต

แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”

เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”

พูดจบเย่หยวนก็เริ่มทำการสาบานทันทีต่อหน้าทุกผู้คน

เรื่องราวนี้มันทำให้หลายคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง!

นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันจะดื้อด้านเกินไปหรือไม่?

ถึงเวลานี้โอกาสชนะของเย่หยวนมันริบหรี่เต็มที แต่เขากลับเลือกจะสาบานในเวลานี้

เท่านี้ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะคิดช่วยใดๆ มันก็ไม่อาจทำได้แล้ว

“เอาล่ะ ตาเจ้า” เย่หยวนหันไปบอกเจิ้งฉีหยวน

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เดิมพันนี้เจ้าต้องแพ้แน่ เทพสวรรค์ผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไปแล้วจะเป็นผลเสียใด?”

พูดจบเจิ้งฉีหยวนก็ได้เริ่มทำการสาบานบ้าง

เทพสวรรค์ซืออี้ได้แต่ส่ายหัวออกมาด้วยความเสียดาย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนผู้นี้ก็คงสนิทกับคนจากหอมหาสมบัติ การที่ต้องเสียโอกาสจะหลอมโอสถไปเพราะเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

“พี่เหลียวหมิง เริ่มเถอะ!” เจิ้งฉีหยวนกล่าวเร่งเทพสวรรค์เหลียวหมิงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจและเริ่มทำการหลอมโอสถ

เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป ภายในหม้อหลอมที่ผ่านๆ มานั้นมันสุดแสนสงบไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ

แต่หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วโมงในที่สุดหม้อหลอมก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเจิ้งฉีหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆ! รับไม่ไหวจริงๆ ด้วย! อย่างที่ข้าว่าไป มีหรือที่ธาตุสายฟ้ามันจะมาผสานโอสถธาตุลมแท้ได้?”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าเสียดายออกมา

ครั้งนี้เย่หยวนคงแพ้แน่แล้ว!

เทพสวรรค์ซืออี้ถอนหายใจยาวพร้อมมองหันไปดูเย่หยวน แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่วิตกกังวลใดๆ

หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นแค่มือใหม่จริงๆ จึงไม่สนใจว่าจะหลอมโอสถต่อไปได้หรือไม่?

แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!

ในพริบตาเวลากว่าร้อยอึดใจก็ได้ผ่านไป จนตอนนี้หม้อหลอมนั้นมันก็ยังสั่นสะท้านไม่หาย

จนผ่านไปอีกสิบห้านาที ตอนนี้หม้อหลอมก็ยังสั่นอยู่

จนเวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง จนตอนนี้หม้อหลอมมันก็ยังสั่น

แต่เจ้าโอสถภายในหม้อนี้มันกลับยังไม่ล้มเหลวลงเสียที!

เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วิตกกังวลอย่างมาก เขานั้นได้แต่ร้องภายในใจหวังให้โอสถนั้นมันพังทลายลงเสียที

แต่การหลอมโอสถนี้มันกลับยังดำเนินต่อไป

จนสุดท้ายหม้อก็ได้สั่นขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งแต่เจิ้งฉีหยวนยังไม่ทันจะได้ดีใจความสั่นสะท้านใดๆ มันก็จางหายลง

เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดเผือด

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ล้มเหลว!”

“หรือว่าความเป็นไปได้ที่สามนี้จะสำเร็จจริง?”

“วิเศษเกินไปแล้ว! ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าธาตุสายฟ้านั้นมันกลับสงบลงเสียอย่างนั้นและดูท่าคงรวมเข้ากับโอสถไปแล้วด้วย!”

เสียงโห่ร้องตื่นเต้นดังขึ้นทั่วทุกทิศ

เพราะสภาพในเวลานี้มันแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก

ธาตุสายฟ้านั้นนับได้ว่ารุนแรงและดุดัน ยากแก่การหลอมที่สุด ใครจะไปคิดว่าหม้อสั่นอยู่สองชั่วโมง สุดท้ายมันกลับหลอมเข้าด้วยกันได้!

ในเวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างมากก่อนที่จะร้องขึ้น “หลอม!”

เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปจนกลับคืนสู่ความสงบ

ทุกผู้คนรู้ได้ทันทีว่าโอสถถูกหลอมขึ้นได้สำเร็จ!

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มัน… เขาทำได้อย่างไร? เหตุใดธาตุสายฟ้าถึงผสานเข้ากับโอสถธาตุลมแท้บริสุทธิ์ได้?”

เจิ้งฉีหยวนนั้นไม่อาจยืนได้มั่นอีกต่อไป

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้มันเหลือเชื่อจนเกินรับ

เขาเคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่รออยู่!

………………………..

“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”

เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย

เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา

เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้

เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล

เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้

สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย

โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”

เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง

เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก

ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด

เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ

เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ

เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก

แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง

ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ

จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก

“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”

ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่

เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”

ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที

“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง

เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”

“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน

ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์

ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ

ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?

แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน

อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!

ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?

ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต

แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”

เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”

พูดจบเย่หยวนก็เริ่มทำการสาบานทันทีต่อหน้าทุกผู้คน

เรื่องราวนี้มันทำให้หลายคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง!

นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันจะดื้อด้านเกินไปหรือไม่?

ถึงเวลานี้โอกาสชนะของเย่หยวนมันริบหรี่เต็มที แต่เขากลับเลือกจะสาบานในเวลานี้

เท่านี้ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะคิดช่วยใดๆ มันก็ไม่อาจทำได้แล้ว

“เอาล่ะ ตาเจ้า” เย่หยวนหันไปบอกเจิ้งฉีหยวน

เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เดิมพันนี้เจ้าต้องแพ้แน่ เทพสวรรค์ผู้นี้สาบานต่อเต๋าสวรรค์ไปแล้วจะเป็นผลเสียใด?”

พูดจบเจิ้งฉีหยวนก็ได้เริ่มทำการสาบานบ้าง

เทพสวรรค์ซืออี้ได้แต่ส่ายหัวออกมาด้วยความเสียดาย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนผู้นี้ก็คงสนิทกับคนจากหอมหาสมบัติ การที่ต้องเสียโอกาสจะหลอมโอสถไปเพราะเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

“พี่เหลียวหมิง เริ่มเถอะ!” เจิ้งฉีหยวนกล่าวเร่งเทพสวรรค์เหลียวหมิงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เทพสวรรค์เหลียวหมิงเองก็ได้แต่ถอนหายใจและเริ่มทำการหลอมโอสถ

เวลานั้นค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป ภายในหม้อหลอมที่ผ่านๆ มานั้นมันสุดแสนสงบไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ

แต่หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วโมงในที่สุดหม้อหลอมก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อเจิ้งฉีหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมันด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ฮ่าๆ! รับไม่ไหวจริงๆ ด้วย! อย่างที่ข้าว่าไป มีหรือที่ธาตุสายฟ้ามันจะมาผสานโอสถธาตุลมแท้ได้?”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็แสดงสีหน้าเสียดายออกมา

ครั้งนี้เย่หยวนคงแพ้แน่แล้ว!

เทพสวรรค์ซืออี้ถอนหายใจยาวพร้อมมองหันไปดูเย่หยวน แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่วิตกกังวลใดๆ

หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นแค่มือใหม่จริงๆ จึงไม่สนใจว่าจะหลอมโอสถต่อไปได้หรือไม่?

แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!

ในพริบตาเวลากว่าร้อยอึดใจก็ได้ผ่านไป จนตอนนี้หม้อหลอมนั้นมันก็ยังสั่นสะท้านไม่หาย

จนผ่านไปอีกสิบห้านาที ตอนนี้หม้อหลอมก็ยังสั่นอยู่

จนเวลาผ่านไปถึงสองชั่วโมง จนตอนนี้หม้อหลอมมันก็ยังสั่น

แต่เจ้าโอสถภายในหม้อนี้มันกลับยังไม่ล้มเหลวลงเสียที!

เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็วิตกกังวลอย่างมาก เขานั้นได้แต่ร้องภายในใจหวังให้โอสถนั้นมันพังทลายลงเสียที

แต่การหลอมโอสถนี้มันกลับยังดำเนินต่อไป

จนสุดท้ายหม้อก็ได้สั่นขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งแต่เจิ้งฉีหยวนยังไม่ทันจะได้ดีใจความสั่นสะท้านใดๆ มันก็จางหายลง

เจิ้งฉีหยวนหน้าซีดเผือด

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ล้มเหลว!”

“หรือว่าความเป็นไปได้ที่สามนี้จะสำเร็จจริง?”

“วิเศษเกินไปแล้ว! ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าธาตุสายฟ้านั้นมันกลับสงบลงเสียอย่างนั้นและดูท่าคงรวมเข้ากับโอสถไปแล้วด้วย!”

เสียงโห่ร้องตื่นเต้นดังขึ้นทั่วทุกทิศ

เพราะสภาพในเวลานี้มันแตกต่างจากที่พวกเขาคาดไว้มาก

ธาตุสายฟ้านั้นนับได้ว่ารุนแรงและดุดัน ยากแก่การหลอมที่สุด ใครจะไปคิดว่าหม้อสั่นอยู่สองชั่วโมง สุดท้ายมันกลับหลอมเข้าด้วยกันได้!

ในเวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์เหลียวหมิงได้แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างมากก่อนที่จะร้องขึ้น “หลอม!”

เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปจนกลับคืนสู่ความสงบ

ทุกผู้คนรู้ได้ทันทีว่าโอสถถูกหลอมขึ้นได้สำเร็จ!

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? มัน… เขาทำได้อย่างไร? เหตุใดธาตุสายฟ้าถึงผสานเข้ากับโอสถธาตุลมแท้บริสุทธิ์ได้?”

เจิ้งฉีหยวนนั้นไม่อาจยืนได้มั่นอีกต่อไป

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขานี้มันเหลือเชื่อจนเกินรับ

เขาเคยคิดว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่รออยู่!

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+