Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2039 อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2039 อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนสังเวียนในเวลานี้มันเกิดหมอกหนาลอยตัวขึ้นอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน

แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูรุนแรงอย่างเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก่อนหน้าแต่คลื่นพลังนี้มันกลับทำให้ทุกผู้คนหน้าซีดเผือด

แข็งแกร่ง!

มันแข็งแกร่งจนเหนือคาด!

เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นมีเต๋าโอสถที่ยิ่งใหญ่ราวขุนเขาระฟ้า มั่นคงหนักแน่น

ต่อให้เย่หยวนจะสามารถขยี้เทพสวรรค์ออหยุนลงได้อย่างเด็ดขาดแต่พลังที่เขาใช้ออกมานั้นมันก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับคลื่นพลังอันหนักแน่นนี้ได้

“หึๆ พี่เจาหยุนช่างมีเต๋าโอสถที่สูงส่งเพิ่มขึ้นมากนัก! ดูท่าเขาคงเป็นคนผู้เดียวในแดนใต้ที่จะก้าวขึ้นอาณาจักรบรรพกาลต่อจากข้าเสียแล้ว! แม้ว่าเย่หยวนผู้นี้จะเก่งกาจจนน่ากลัว แต่อุปสรรคนี้มันก็คงยากเกินข้าม!”

เมื่อเทพสวรรค์ดันหยู่ได้เห็นภาพตรงหน้านั้นเขาก็อมยิ้มออกมาด้วยท่าทางชื่นชม

ดูท่าแล้วเขาคงมั่นใจในพลังฝีมือของเทพสวรรค์เจาหยวนมาก

ตอนนี้มันเกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นตะลึงขึ้นทั่วลาน ดูท่าทุกผู้คนคงไม่มีใครคิดฝันว่าเทพสวรรค์เจาหยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำได้ปานนี้

“เท่านี้ปรมาจารย์เย่ก็คงตกที่นั่งลำบากแล้ว! ศัตรูคนนี้มันแข็งแกร่งเกินไป!”

“ข้าไม่นึกเลยว่าเทพสวรรค์เจาหยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำได้ปานนี้ แข็งแกร่งกว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ”

“มันจบแล้วๆ! ปรมาจารย์เย่อุตส่าห์พิสูจน์ฝีมือมาได้ ไม่นึกว่าสุดท้ายกลับยังต้องถูกไล่ออกจากงานชุมนุมโอสถเมฆาไป!”

หากเทพสวรรค์เจาหยวนจะไม่ใช้หม้อหลอมตะวันขาว บางทีเย่หยวนอาจจะยังพอมีพลังเหลือพอต้านทาน แต่เย่หยวนกลับไปบอกให้อีกฝ่ายใช้หม้อหลอมตะวันขาวออกมา

ด้วยสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์คอยหนุนส่งพลังของเทพสวรรค์เจาหยวนย่อมจะเพิ่มพูนขึ้นไปได้อีกราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์

และความแตกต่างในระดับนั้นมันย่อมจะส่งผลใหญ่หลวงต่อการประลองของยอดฝีมือ

ตอนนี้แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังตื่นตะลึงไม่น้อยเพราะเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นจะมีฝีมือที่เหนือล้ำปานนี้

หากดูจากพลังที่เทพสวรรค์เจาหยวนปล่อยออกมานี้เขาย่อมจะเทียบเคียงกับเทพสวรรค์เปียวหยูเมื่อครานั้นได้

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงท่าทีกังวลใดๆ ออกมาและยิ้มรับพร้อมสู้แทน

ต้องเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้การเดินทางไกลมันถึงจะนับได้ว่าคุ้มค่า!

“ฮ่าๆ เข้ามา!”

เย่หยวนหัวเราะลั่นพร้อมใช้เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศปล่อยคลื่นพลังที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าเทพสวรรค์เจาหยวนออกมา

‘ตูม!’

สองคลื่นพลังอันยิ่งใหญ่เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงราวกับขุนเขาที่พุ่งเข้าหากันจนทำให้เกิดลมฟ้าแปรปรวนโดยรอบ

ภาพในเวลานี้มันแทบไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนที่เย่หยวนประลองโอสถกับเทพสวรรค์เปียวหยูในครานั้นเลย!

เทพสวรรค์ดันหยู่เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “เสมอกัน! นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นก็มีความได้เปรียบทั้งในด้านพลังของจิตศักดิ์สิทธิ์ ปราณเทวะ และด้านอื่นๆ อีกมากมายทั้งยังมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์อยู่ในมือ

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังปะทะกับเขาได้อย่างสูสี

นี่มันเท่ากับว่าหากคนทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกันแล้วเทพสวรรค์เจาหยวนย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้เลย

เทพสวรรค์เปียวหยูเองก็หรี่ตาลงด้วยความไม่อยากเชื่อเช่นกัน

เพราะตัวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจขึ้นมากกว่าครั้งก่อนที่ได้ประลองกับตัวเขาอย่างมหาศาล

หากตัวเย่หยวนในเวลานี้ไปประลองกับตัวเขาในเวลานั้นแล้ว ชัยชนะมันจะเป็นของฝ่ายไหนก็คงไม่แน่นอน!

“หึๆ มันแค่สูสีจริงๆ หรือ?” เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก

ได้ยินเช่นนั้นทุกผู้คนก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย

เมื่อลองจ้องมองลงไปอีกครั้งอย่างถี่ถ้วนพวกเขาก็ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วตอนนี้พลังของเย่หยวนยังคงพุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบที่จะเอาชนะพลังของเทพสวรรค์เจาหยวนได้

แต่ทว่ามันเป็นความได้เปรียบที่ไม่เด่นชัดนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรเทพสวรรค์เจาหยวนก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกเทพสวรรค์ออหยุนทั้งหลาย

ในเวลานี้เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเขากลับจะต้องเผชิญหน้าแรงกดดันในระดับนี้จากจอมเทพโอสถหกดาวผู้หนึ่ง

เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นเป็นนักยุทธจร เขานั้นเคยได้ไปพบเจอกับสมบัติสืบทอดจากจอมเทพโอสถแปดดาวผู้หนึ่งเข้า

เคล็ดแท้พันลวงมหาสวรรค์เมฆาฝันนี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตัวเขาก็ไม่คิดหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

ใครจะไปนึกไปฝันว่าวันนี้เขากลับจะถูกเด็กหนุ่มอย่างเย่หยวนกดดันปานนี้?

คลื่นพลังราวขุนเขาทั้งสองลูกนั้นปะทะกันจนเกิดเป็นภาพที่สวยงามขึ้นพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า มันเป็นภาพที่ดูคล้ายกับการประลองระหว่างเย่หยวนและตัวเทพสวรรค์เปียวหยูเมื่อครานั้น

แต่น่าเสียดายที่เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นยังไม่เก่งกาจได้เท่าเทพสวรรค์เปียวหยูในตอนนั้นจึงไม่อาจจะปรับพลังให้สมานเข้ากับเย่หยวนได้

เย่หยวนได้ปลดปล่อยพลังของตนออกมาจนหมดสิ้นทำลายภาพการสูสีเสมอใดๆ ทิ้ง เวลานี้ตัวเขาได้กดดันเทพสวรรค์เจาหยวนอย่างอยู่หมัด

แต่ทว่าเทพสวรรค์เจาหยวนเองก็ไม่ได้คิดจะอ่อนข้อให้และยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อพลังกดดันของเย่หยวน

เทพสวรรค์ดันหยู่ที่เห็นเช่นนั้นยิ่งเบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ “หรือว่า… เขาเหยียบขึ้นมาถึงฐานของอาณาจักรบรรพกาลแล้วจนเป็นอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวไปแล้ว?”

เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้ยินจึงยิ้มออกมาคิดในใจว่าในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้ถึงความเป็นจริงเสียที

ตั้งแต่วินาทีแรกที่เย่หยวนลงมือเทพสวรรค์เปียวหยูย่อมจะมองออกได้ทันทีว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้มีพลังฝีมือในระดับเดียวกับก่อนหน้าแล้ว

นั่นมันย่อมจะหมายความว่าเย่หยวนจับถึงฐานของอาณาจักรบรรพกาลได้แล้ว ตราบเท่ามีโอกาสงามๆ เขาย่อมจะสามารถก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลได้

อาณาจักรเต๋าสู่อาณาจักรบรรพกาล มันเป็นก้าวย่างที่ยากเย็นที่สุด

อาณาจักรบรรพกาลนั้นมันเป็นสิ่งที่เหนือล้ำเลื่อนลอย การที่เหล่าผู้อยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นสุดคิดจะแตะฐานหาอาณาจักรบรรพกาลนี้มันย่อมต้องใช้ทั้งเวลาความสามารถและโชค

ตอนนี้แม้แต่ตัวเทพสวรรค์เปียวหยูก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะพบเจอเส้นทางได้รวดเร็วปานนี้

เวลาตั้งแต่ที่เขาประลองกันในศาลาโอสถสวรรค์มาจนถึงวันนี้มันผ่านไปแค่กี่ปีกัน?

เด็กคนนี้มันช่างมีความสามารถในการเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างที่เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายต้องร่ำร้อง

คำพูดของเทพสวรรค์ดันหยู่นี้มันเหมือนเป็นการโยนหินลงสระน้ำ ทำให้ผิวน้ำทั้งหลายเริ่มขยับเคลื่อนแตกตื่นขึ้นทันที

“หะ? อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว? มันหมายความว่าตัวเขานี้สามารถก้าวขึ้นอาณาจักรบรรพกาลได้ทุกเมื่อหากมีโอกาสหรือ?”

“บ้าไปแล้ว! บ้าที่สุด! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นร่างจุติของโอสถบรรพกาลกัน?”

“เขานั้นเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้! หากวันหนึ่งเขาก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์หรืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ ตัวเขาจะเก่งกาจถึงปานใดกัน?”

เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้นพร้อมๆ กัน!

อาณาจักรบรรพกาลนั้นมันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต แต่มันเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะก้าวถึง

อย่าว่าแต่พวกเทพสวรรค์ออหยุนเหล่าอาณาจักรเต๋าขั้นปลายทั้งหลาย แม้แต่เหล่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเองก็ยังได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าก้าวนี้อย่างที่ไม่อาจผ่านไปได้แม้จะใช้เวลาไปแล้วนับแสนๆ ปี

แต่เย่หยวนนั้นมีอายุเท่าใด?

ตัวตนที่บ้าบอเช่นนี้มันย่อมทำให้พวกเขาทั้งหลายอิจฉาจนแทบอยากฆ่าคนทิ้ง

ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็ได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเทพสวรรค์เปียวหยูจึงได้มอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เย่หยวน!

เพราะตอนนี้เย่หยวนนั้นแทบจะเหนือกว่าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทุกผู้คนไปแล้ว เท้าก้าวหนึ่งของเขาก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรที่พวกเขาทั้งหลายได้แต่แหงนหน้ามอง

ต่อให้เป็นเหล่าเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเองนอกจากตัวเทพสวรรค์ดันหยู่แล้วมันก็คงแค่เพียงเทพสวรรค์เปียวหยูเท่านั้นที่จะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวเช่นนี้

ส่วนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ นั้นยังคงได้แต่เดินย่ำอยู่กับอาณาจักรเต๋าขั้นสุด เรื่องของอาณาจักรบรรพกาลนั้นพวกเขาทั้งหลายไม่อาจจะหาทางบรรลุได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

นั่นมันหมายความว่าเย่หยวนนั้นคือตัวตนระดับเดียวกับเทพสวรรค์เปียวหยู!

หากคนเช่นนี้ยังไม่มีค่าพอจะถือเหรียญปรมาจารย์แล้ว ใครกันเล่าจะยังมีค่าพอ?

“หลอม!”

“หลอม!”

เสียงร้องขึ้นพร้อมๆ กันจากปากของเย่หยวนและเทพสวรรค์เจาหยวน

เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึงอย่างมากมาย

หากจะถามว่าใครกันที่ตกตะลึงในฝีมือของเย่หยวนมากที่สุดมันก็คงมิใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขา

“การประลองนี้มันช่างไม่ทำให้เฒ่าคนนี้ผิดหวังจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าปรมาจารย์เย่นั้นจะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวได้แล้วด้วยอายุเพียงเท่านี้ เฒ่าคนนี้จะอิจฉาตายแล้ว!” เทพสวรรค์เจาหยวนร้องบอกพร้อมหัวเราะลั่น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่เจาหยวนอย่าได้อิจฉาใดๆ เลย ด้วยพลังฝีมือของท่านอีกไม่นานคงสามารถก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลได้แน่!”

เทพสวรรค์เจาหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นออกมา “ฮ่าๆ… เรื่องนั้นเฒ่าคนนี้ย่อมจะไม่คิดสงสัยใด! การประลองนี้เฒ่าคนนี้ได้ประโยชน์มากมายมหาศาล การเดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว ที่เหลือใดๆ มันย่อมไม่มีประโยชน์ พี่ดันหยู่ พี่เปียวหยู เฒ่าคนนี้ขอตัวกลับไปเข้าเก็บตัวก่อน ขอลา!”

พูดจบร่างของเทพสวรรค์เจาหยวนก็จางหายไปทันที

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2039 อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2039 อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนสังเวียนในเวลานี้มันเกิดหมอกหนาลอยตัวขึ้นอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน

แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูรุนแรงอย่างเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก่อนหน้าแต่คลื่นพลังนี้มันกลับทำให้ทุกผู้คนหน้าซีดเผือด

แข็งแกร่ง!

มันแข็งแกร่งจนเหนือคาด!

เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นมีเต๋าโอสถที่ยิ่งใหญ่ราวขุนเขาระฟ้า มั่นคงหนักแน่น

ต่อให้เย่หยวนจะสามารถขยี้เทพสวรรค์ออหยุนลงได้อย่างเด็ดขาดแต่พลังที่เขาใช้ออกมานั้นมันก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับคลื่นพลังอันหนักแน่นนี้ได้

“หึๆ พี่เจาหยุนช่างมีเต๋าโอสถที่สูงส่งเพิ่มขึ้นมากนัก! ดูท่าเขาคงเป็นคนผู้เดียวในแดนใต้ที่จะก้าวขึ้นอาณาจักรบรรพกาลต่อจากข้าเสียแล้ว! แม้ว่าเย่หยวนผู้นี้จะเก่งกาจจนน่ากลัว แต่อุปสรรคนี้มันก็คงยากเกินข้าม!”

เมื่อเทพสวรรค์ดันหยู่ได้เห็นภาพตรงหน้านั้นเขาก็อมยิ้มออกมาด้วยท่าทางชื่นชม

ดูท่าแล้วเขาคงมั่นใจในพลังฝีมือของเทพสวรรค์เจาหยวนมาก

ตอนนี้มันเกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นตะลึงขึ้นทั่วลาน ดูท่าทุกผู้คนคงไม่มีใครคิดฝันว่าเทพสวรรค์เจาหยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำได้ปานนี้

“เท่านี้ปรมาจารย์เย่ก็คงตกที่นั่งลำบากแล้ว! ศัตรูคนนี้มันแข็งแกร่งเกินไป!”

“ข้าไม่นึกเลยว่าเทพสวรรค์เจาหยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำได้ปานนี้ แข็งแกร่งกว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ”

“มันจบแล้วๆ! ปรมาจารย์เย่อุตส่าห์พิสูจน์ฝีมือมาได้ ไม่นึกว่าสุดท้ายกลับยังต้องถูกไล่ออกจากงานชุมนุมโอสถเมฆาไป!”

หากเทพสวรรค์เจาหยวนจะไม่ใช้หม้อหลอมตะวันขาว บางทีเย่หยวนอาจจะยังพอมีพลังเหลือพอต้านทาน แต่เย่หยวนกลับไปบอกให้อีกฝ่ายใช้หม้อหลอมตะวันขาวออกมา

ด้วยสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์คอยหนุนส่งพลังของเทพสวรรค์เจาหยวนย่อมจะเพิ่มพูนขึ้นไปได้อีกราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์

และความแตกต่างในระดับนั้นมันย่อมจะส่งผลใหญ่หลวงต่อการประลองของยอดฝีมือ

ตอนนี้แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังตื่นตะลึงไม่น้อยเพราะเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นจะมีฝีมือที่เหนือล้ำปานนี้

หากดูจากพลังที่เทพสวรรค์เจาหยวนปล่อยออกมานี้เขาย่อมจะเทียบเคียงกับเทพสวรรค์เปียวหยูเมื่อครานั้นได้

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงท่าทีกังวลใดๆ ออกมาและยิ้มรับพร้อมสู้แทน

ต้องเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้การเดินทางไกลมันถึงจะนับได้ว่าคุ้มค่า!

“ฮ่าๆ เข้ามา!”

เย่หยวนหัวเราะลั่นพร้อมใช้เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศปล่อยคลื่นพลังที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าเทพสวรรค์เจาหยวนออกมา

‘ตูม!’

สองคลื่นพลังอันยิ่งใหญ่เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงราวกับขุนเขาที่พุ่งเข้าหากันจนทำให้เกิดลมฟ้าแปรปรวนโดยรอบ

ภาพในเวลานี้มันแทบไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนที่เย่หยวนประลองโอสถกับเทพสวรรค์เปียวหยูในครานั้นเลย!

เทพสวรรค์ดันหยู่เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “เสมอกัน! นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเทพสวรรค์เจาหยวนนั้นก็มีความได้เปรียบทั้งในด้านพลังของจิตศักดิ์สิทธิ์ ปราณเทวะ และด้านอื่นๆ อีกมากมายทั้งยังมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์อยู่ในมือ

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังปะทะกับเขาได้อย่างสูสี

นี่มันเท่ากับว่าหากคนทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกันแล้วเทพสวรรค์เจาหยวนย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้เลย

เทพสวรรค์เปียวหยูเองก็หรี่ตาลงด้วยความไม่อยากเชื่อเช่นกัน

เพราะตัวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจขึ้นมากกว่าครั้งก่อนที่ได้ประลองกับตัวเขาอย่างมหาศาล

หากตัวเย่หยวนในเวลานี้ไปประลองกับตัวเขาในเวลานั้นแล้ว ชัยชนะมันจะเป็นของฝ่ายไหนก็คงไม่แน่นอน!

“หึๆ มันแค่สูสีจริงๆ หรือ?” เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก

ได้ยินเช่นนั้นทุกผู้คนก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย

เมื่อลองจ้องมองลงไปอีกครั้งอย่างถี่ถ้วนพวกเขาก็ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วตอนนี้พลังของเย่หยวนยังคงพุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบที่จะเอาชนะพลังของเทพสวรรค์เจาหยวนได้

แต่ทว่ามันเป็นความได้เปรียบที่ไม่เด่นชัดนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรเทพสวรรค์เจาหยวนก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกเทพสวรรค์ออหยุนทั้งหลาย

ในเวลานี้เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเขากลับจะต้องเผชิญหน้าแรงกดดันในระดับนี้จากจอมเทพโอสถหกดาวผู้หนึ่ง

เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นเป็นนักยุทธจร เขานั้นเคยได้ไปพบเจอกับสมบัติสืบทอดจากจอมเทพโอสถแปดดาวผู้หนึ่งเข้า

เคล็ดแท้พันลวงมหาสวรรค์เมฆาฝันนี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตัวเขาก็ไม่คิดหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

ใครจะไปนึกไปฝันว่าวันนี้เขากลับจะถูกเด็กหนุ่มอย่างเย่หยวนกดดันปานนี้?

คลื่นพลังราวขุนเขาทั้งสองลูกนั้นปะทะกันจนเกิดเป็นภาพที่สวยงามขึ้นพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า มันเป็นภาพที่ดูคล้ายกับการประลองระหว่างเย่หยวนและตัวเทพสวรรค์เปียวหยูเมื่อครานั้น

แต่น่าเสียดายที่เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นยังไม่เก่งกาจได้เท่าเทพสวรรค์เปียวหยูในตอนนั้นจึงไม่อาจจะปรับพลังให้สมานเข้ากับเย่หยวนได้

เย่หยวนได้ปลดปล่อยพลังของตนออกมาจนหมดสิ้นทำลายภาพการสูสีเสมอใดๆ ทิ้ง เวลานี้ตัวเขาได้กดดันเทพสวรรค์เจาหยวนอย่างอยู่หมัด

แต่ทว่าเทพสวรรค์เจาหยวนเองก็ไม่ได้คิดจะอ่อนข้อให้และยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อพลังกดดันของเย่หยวน

เทพสวรรค์ดันหยู่ที่เห็นเช่นนั้นยิ่งเบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ “หรือว่า… เขาเหยียบขึ้นมาถึงฐานของอาณาจักรบรรพกาลแล้วจนเป็นอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวไปแล้ว?”

เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้ยินจึงยิ้มออกมาคิดในใจว่าในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้ถึงความเป็นจริงเสียที

ตั้งแต่วินาทีแรกที่เย่หยวนลงมือเทพสวรรค์เปียวหยูย่อมจะมองออกได้ทันทีว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้มีพลังฝีมือในระดับเดียวกับก่อนหน้าแล้ว

นั่นมันย่อมจะหมายความว่าเย่หยวนจับถึงฐานของอาณาจักรบรรพกาลได้แล้ว ตราบเท่ามีโอกาสงามๆ เขาย่อมจะสามารถก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลได้

อาณาจักรเต๋าสู่อาณาจักรบรรพกาล มันเป็นก้าวย่างที่ยากเย็นที่สุด

อาณาจักรบรรพกาลนั้นมันเป็นสิ่งที่เหนือล้ำเลื่อนลอย การที่เหล่าผู้อยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นสุดคิดจะแตะฐานหาอาณาจักรบรรพกาลนี้มันย่อมต้องใช้ทั้งเวลาความสามารถและโชค

ตอนนี้แม้แต่ตัวเทพสวรรค์เปียวหยูก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะพบเจอเส้นทางได้รวดเร็วปานนี้

เวลาตั้งแต่ที่เขาประลองกันในศาลาโอสถสวรรค์มาจนถึงวันนี้มันผ่านไปแค่กี่ปีกัน?

เด็กคนนี้มันช่างมีความสามารถในการเรียนรู้และทำความเข้าใจอย่างที่เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายต้องร่ำร้อง

คำพูดของเทพสวรรค์ดันหยู่นี้มันเหมือนเป็นการโยนหินลงสระน้ำ ทำให้ผิวน้ำทั้งหลายเริ่มขยับเคลื่อนแตกตื่นขึ้นทันที

“หะ? อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว? มันหมายความว่าตัวเขานี้สามารถก้าวขึ้นอาณาจักรบรรพกาลได้ทุกเมื่อหากมีโอกาสหรือ?”

“บ้าไปแล้ว! บ้าที่สุด! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นร่างจุติของโอสถบรรพกาลกัน?”

“เขานั้นเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้! หากวันหนึ่งเขาก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์หรืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ ตัวเขาจะเก่งกาจถึงปานใดกัน?”

เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้นพร้อมๆ กัน!

อาณาจักรบรรพกาลนั้นมันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต แต่มันเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะก้าวถึง

อย่าว่าแต่พวกเทพสวรรค์ออหยุนเหล่าอาณาจักรเต๋าขั้นปลายทั้งหลาย แม้แต่เหล่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเองก็ยังได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าก้าวนี้อย่างที่ไม่อาจผ่านไปได้แม้จะใช้เวลาไปแล้วนับแสนๆ ปี

แต่เย่หยวนนั้นมีอายุเท่าใด?

ตัวตนที่บ้าบอเช่นนี้มันย่อมทำให้พวกเขาทั้งหลายอิจฉาจนแทบอยากฆ่าคนทิ้ง

ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็ได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเทพสวรรค์เปียวหยูจึงได้มอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เย่หยวน!

เพราะตอนนี้เย่หยวนนั้นแทบจะเหนือกว่าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทุกผู้คนไปแล้ว เท้าก้าวหนึ่งของเขาก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรที่พวกเขาทั้งหลายได้แต่แหงนหน้ามอง

ต่อให้เป็นเหล่าเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเองนอกจากตัวเทพสวรรค์ดันหยู่แล้วมันก็คงแค่เพียงเทพสวรรค์เปียวหยูเท่านั้นที่จะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวเช่นนี้

ส่วนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ นั้นยังคงได้แต่เดินย่ำอยู่กับอาณาจักรเต๋าขั้นสุด เรื่องของอาณาจักรบรรพกาลนั้นพวกเขาทั้งหลายไม่อาจจะหาทางบรรลุได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

นั่นมันหมายความว่าเย่หยวนนั้นคือตัวตนระดับเดียวกับเทพสวรรค์เปียวหยู!

หากคนเช่นนี้ยังไม่มีค่าพอจะถือเหรียญปรมาจารย์แล้ว ใครกันเล่าจะยังมีค่าพอ?

“หลอม!”

“หลอม!”

เสียงร้องขึ้นพร้อมๆ กันจากปากของเย่หยวนและเทพสวรรค์เจาหยวน

เทพสวรรค์เจาหยวนนั้นมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึงอย่างมากมาย

หากจะถามว่าใครกันที่ตกตะลึงในฝีมือของเย่หยวนมากที่สุดมันก็คงมิใช่ใครอื่นนอกจากตัวเขา

“การประลองนี้มันช่างไม่ทำให้เฒ่าคนนี้ผิดหวังจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าปรมาจารย์เย่นั้นจะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวได้แล้วด้วยอายุเพียงเท่านี้ เฒ่าคนนี้จะอิจฉาตายแล้ว!” เทพสวรรค์เจาหยวนร้องบอกพร้อมหัวเราะลั่น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่เจาหยวนอย่าได้อิจฉาใดๆ เลย ด้วยพลังฝีมือของท่านอีกไม่นานคงสามารถก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลได้แน่!”

เทพสวรรค์เจาหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นออกมา “ฮ่าๆ… เรื่องนั้นเฒ่าคนนี้ย่อมจะไม่คิดสงสัยใด! การประลองนี้เฒ่าคนนี้ได้ประโยชน์มากมายมหาศาล การเดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว ที่เหลือใดๆ มันย่อมไม่มีประโยชน์ พี่ดันหยู่ พี่เปียวหยู เฒ่าคนนี้ขอตัวกลับไปเข้าเก็บตัวก่อน ขอลา!”

พูดจบร่างของเทพสวรรค์เจาหยวนก็จางหายไปทันที

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+