Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2050 ราวสิ้นใจ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2050 ราวสิ้นใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนนั้นมันเป็นราวหยดน้ำตกลงสู่ห้วงทะเลแห่งแนวคิดอันกว้างใหญ่

ภายในทะเลอันกว้างใหญ่นี้เย่หยวนรู้สึกได้ว่าตนเองนั้นมันช่างเล็กจ้อย

แต่เมื่อผสานตนเข้าไปแล้วเขาก็รู้สึกได้ราวกับว่าตนเองกำลังก้มมองโลกทั้งใบจากมุมอันสูงล้ำ

ภาพรอบๆ จัตุรัสนี้มันราวกับว่าเขาสามารถควบคุมมองดูมันได้ทุกสิ่งอย่าง ราวกับว่าเป็นเทพเจ้าที่ควบคุมโลกทั้งใบ

ต่อให้จะเป็นมดตัวน้อยที่เดินอยู่บนพื้นดิน แมลงที่แหวกว่ายอยู่บนผิวน้ำ เย่หยวนสามารถมองและแยกแยะทุกสิ่งอย่างได้อย่างชัดแจ้ง

ความรู้สึกเช่นนี้มันเหนือล้ำราวกับต้องมนต์

“นี่มัน… หรือว่าจะเป็นอาณาจักรบรรพกาล? ไม่สิ! แม้ว่าอาณาจักรบรรพกาลจะเหนือล้ำปานใดแต่มันก็คงไม่อาจก้าวล้ำไปได้ถึงขั้นนี้แน่”

เย่หยวนรู้สึกพึ่งพอใจในสภาพนี้อย่างมาก

ภายในทะเลแห่งแนวคิดนี้เทพสวรรค์ดันหยู่ เทพสวรรค์เปียวหยู เทพสวรรค์ลี่หยางและเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างกำลังทำความเข้าใจทะเลแห่งแนวคิดอยู่

เย่หยวนนั้นสามารถมองเห็นถึงกระแสแนวคิดรอบกายของคนทั้งหลายได้อย่างชัดเจน

ในหมู่คนทั้งหลายนั้นผู้มีดูดซับแนวคิดไปได้รวดเร็วที่สุดมันย่อมจะเป็นเทพสวรรค์เปียวหยู ดูท่าแล้วเขาคงมีความสามารถในการเรียนรู้ที่รวดเร็วที่สุดในหมู่คนทั้งหลาย

ต่อมาก็คือเทพสวรรค์ดันหยู่

แต่สิ่งที่เย่หยวนไม่คาดคิดก็คือนอกจากสองคนนี้แล้ว อันดับที่สามมันกลับเป็นเทพสวรรค์เหลียวหมิง

“ดูท่าอายุของเทพสวรรค์เหลียวหมิงจะยังไม่มากนักทำให้ยังพอมีศักยภาพพอจะพัฒนาต่อไปได้ ด้วยพรสวรรค์ระดับนี้แล้วเมื่อได้สัมผัสทะแลแห่งแนวคิดเช่นนี้วันหน้าเขาก็คงจะบรรลุขึ้นอาณาจักรบรรพกาลมาได้เช่นกัน เพียงแค่ว่า… น่าเสียดายที่เทพสวรรค์เจาหยวนไม่ได้อยู่ในงานแล้ว หากเขายังอยู่แล้วเขาคงสามารถบรรลุขึ้นได้ในทันทีแน่”

แต่เย่หยวนนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่ว่าตนจะสอดส่องดูคนทั้งหลายไปเท่าไหร่พวกเขากลับไม่อาจสัมผัสถึงการมองดูนี้ได้เลย

สภาพเช่นนี้มันย่อมจะเป็นสิ่งที่อาณาจักรบรรพกาลไม่อาจทำได้แน่

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นก็เป็นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายสิ้น ที่สำคัญพวกเขายังมีจิตที่แข็งแกร่งหนักหน่วง ต่อให้เป็นการขยับไหวเล็กน้อยใดๆ มันก็คงไม่อาจรอดพ้นสายตาของคนทั้งหลายนี้ไปได้แน่

“หรือว่า… ตอนนี้ข้าจะกำลังทองดูพวกเขาผ่านทะเลแห่งแนวคิด? หรือก็คือเวลานี้ข้าได้ผสานเป็นหนึ่งกับเต๋าสวรรค์ในบริเวณนี้แล้ว?  โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มาง่ายๆ! ต้องสัมผัสให้รู้ซึ้ง”

เย่หยวนนั้นตื่นเต้นในหัวใจ! เพราะเวลานี้มันราวกับว่าร่างของเขานั้นได้รวมเป็นหนึ่งกับแนวคิดของเต๋าสวรรค์

เขานั้นคือเต๋าสวรรค์ และเต๋าสวรรค์นั้นก็คือตัวเขา เย่หยวน!

เย่หยวนค่อยๆ เรียบเรียงความคิดและเริ่มวิเคราะห์ทำความเข้าใจเต๋าสวรรค์

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเวลาหนึ่งเดือนก็ได้ผ่านไป

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นได้เบิกลืมตาขึ้นมาแทบจะพร้อมๆ กันกลับจากสภาพตั้งมั่นในสมาธิพร้อมสีหน้าท่าทางเสียดาย

ด้วยการวิเคราะห์ทำความเข้าใจในวันนี้ พวกเขาทั้งหลายย่อมจะได้รับประโยชน์กันมากมาย

แต่การทำความเข้าใจใดๆ ในตอนนี้มันย่อมจะมีขีดจำกัด เมื่อการบ่มเพาะของพวกเขายังไม่ถึง การอยู่ในทะเลแห่งแนวคิดเนินนานเกินไปมันอาจจะทำให้ถึงตายได้

เพราะไม่ว่าเทพสวรรค์จะเก่งกาจปานใดแต่มันก็ไม่มีทางเก่งกาจไปกว่าเต๋าสวรรค์ได้

ทะเลแห่งแนวคิดนี้มันเหมือนเป็นน้ำอมฤตที่ทรงคุณค่ามหาศาล

ดื่มลงไปเพียงนิดก็ทำให้ผู้คนอิ่มไปนานปี

แต่หากดื่มมากไปมันก็จะส่งพลังที่มหาศาลเกินไปสู่ร่างจนอาจจะทำให้ตัวแตกตายไปในที่สุด

แต่เหล่าพลังของแนวคิดนี้มันย่อมจะต้องใช้เวลาอีกมากที่พวกเขาจะนำมันไปย่อยวิเคราะห์เป็นความรู้ของตน

ส่วนเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายที่มาร่วมฟังการบรรยายนั้น พวกเขาทั้งหลายได้แยกย้ายกันออกจากม่านทะเลแห่งแนวคิดไปนานแสนนาน

พลังฝีมือของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะทนทานพลังของทะเลแห่งแนวคิดได้เลย

“ข้าไม่นึกเลยว่าทะเลแห่งแนวคิดนี้มันจะอยู่นานนับเดือน ช่างยากที่จะเห็นนัก! หืม? เย่หยวนยังอยู่อีกหรือ?” เทพสวรรค์ดันหยู่ร้องขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เพราะหากให้พูดแล้วเย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่าพวกเขามาก น่าจะต้องถอนตัวออกไปนานแสนนานแล้ว

เทพสวรรค์เปียวหยูก็หันไปมองพร้อมพูดขึ้นตาม “เจ้าหมอนี่ มันไม่รู้จักคำว่าทำอะไรเกินตัวหรือ?”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมจะตื่นตกใจอย่างมาก เพราะพวกเขาเหล่าเทพสวรรค์นั้นได้ถอนตัวออกมาแล้วแต่เย่หยวนยังคงปักหลังทำสมาธิอยู่ภายใน

“พี่เปียวหยู สภาพของเย่หยวนมันดูแปลก!” เทพสวรรค์ซืออี้ร้องบอก

เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้ยินก็หน้าซีดลงทันที เมื่อได้มองดูดีๆ แล้วเขาก็พบว่าเย่หยวนนั้นมีสภาพร่างกายที่ไม่ปกติจริงๆ

สภาพของเย่หยวนตอนนี้มันเหมือนร่างเปล่าที่ไร้ซึ่งชีวิตใดๆ

“ไม่มีทาง! ข้าจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้แล้ว! ต้องไปปลุกเขา!”

พูดจบเทพสวรรค์เปียวหยูก็พุ่งตัวเข้าสู่ม่านทะเลแห่งแนวคิดอีกครั้งเพื่อหวังจะปลุกเย่หยวนขึ้น

แต่ในเวลานั้นมันกลับเกิดคลื่นสายฟ้ารุนแรงพุ่งทะยานลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ครืน ครืน… ตู้ม!

เทพสวรรค์เปียวหยูที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายจากก้นบึ้งของหัวใจจนหน้าซีดเผือดลง

มีหรือที่เขาจะยังกล้าทำอะไร? ในเวลานี้เขาจึงต้องกระโดดถอยหลังมาสุดตัว

แต่ในวินาทีนั้นเอง วินาทีที่เขาพ้นระยะของทะเลแห่งแนวคิดนั้นสายฟ้าใดๆ มันก็ได้จางหายไปสิ้นอย่างกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ไปเร็วมาเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่เทพสวรรค์เปียวหยูในเวลานี้มีเหงื่อท่วมกาย

“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เทพสวรรค์ซืออี้ร้องขึ้นอย่างตกตะลึง

“ดูท่าทะเลแห่งแนวคิดนี้มันไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อีกแล้ว เราคงได้แต่ต้องภาวนาให้เย่หยวนปลอดภัย” เทพสวรรค์เปียวหยูบอก

เพราะคลื่นสายฟ้าเมื่อสักครู่นี้มันสุดแสนรุนแรงราวกับว่าฟ้าดินจะพังทลายลงมาทับเขา

หากช้ากว่านี้เพียงนี้ตัวเขาคงกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว

แต่เหล่าเทพสวรรค์บางคนที่ไม่พอใจเย่หยวนมาตั้งแต่แรกเมื่อได้เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มเยาะขึ้นมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทพสวรรค์ออหยุนที่ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่มีท่าทีปกปิด

“หึ เคราะห์ที่ผู้คนสรรหาใส่ตัวเองนั้นมันเป็นสิ่งที่หลบเลี่ยงได้ยากที่สุด! เจ้าเด็กคนนี้มันหลงตัวเองคิดว่ามีพรสวรรค์เหนือล้ำฟ้าดิน คิดว่าทะเลแห่งแนวคิดนี้เป็นสวนหลังบ้านคิดอยากอยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ได้หรือ?” เทพสวรรค์ออหยุนยิ้มเย้ย

เทพสวรรค์ดันหยู่เองก็รู้สึกโล่งขึ้นมาในหัวใจ แต่ตัวเขาย่อมไม่คิดจะแสดงออกมาและกล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย “แยกย้ายเถอะ”

เพราะเวลาทุกนาทีมีค่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมจะไม่เสียเวลามานั่งเปล่า รีบแยกย้ายกันไปหาที่เข้าเก็บตัวทันที

ในเวลานี้งานชุมนุมโอสถเมฆามันได้จบลงอย่างเป็นทางการ แต่มันยังมีคนมากมายที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ จัตุรัสพึงสวรรค์จ้องมองดูร่างบนที่นั่งกลางจัตุรัสนั้น

การบรรยายของเย่หยวนนั้นให้ประโยชน์แก่คนมากมาย แน่นอนว่ามันต้องมีคนที่ซาบซึ้งบุญคุณจนแม้จะทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทั้งหลายก็ได้มานั่งภาวนาให้เย่หยวนปลอดภัย

หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป

หนึ่งเดือนผ่านไป สองเดือนผ่านไป

หนึ่งปีผ่านไป สองปีผ่านไป…

ในพริบตาเวลาสองปีก็ได้ผ่านพ้นแต่เย่หยวนยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนไหว ไม่มีสัญญาณชีพใดๆ ให้ตรวจจับได้

คนทั้งหลายได้แต่ถอนหายใจยาวบ้างก็เดินจากไป

ตอนนี้คนในจัตุรัสพึงสวรรค์มันมีอยู่ไม่มากมายแล้ว

“เฮ้อ เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ปรมาจารย์เย่นั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำฟ้าดิน ทำไมเขาถึงต้องมาตายเช่นนี้ด้วย?”

“เราได้รับคุณจากปรมาจารย์เย่มามากมาย ไม่นึกว่า… เขาจะตายลงเช่นนี้!”

ทุกผู้คนต่างได้แต่ถอนหายใจแต่มันกลับมีเสียงหนึ่งร้องขึ้นสวน “หุบปาก! ปรมาจารย์เย่จะไม่ตาย! เขากำลังทำความเข้าใจเรียนรู้เต๋าสวรรค์อยู่ต่างหาก! สักวันเขาจะต้องตื่นขึ้นมาแน่!”

ที่ด้านข้างนั้นซ่งซือชุนได้แต่ส่ายหัวออกมา “ช่างเถอะน่าหลินตง ไปเถอะ มันสองปีแล้วนะ! เจ้าไม่เห็นหรือว่าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายยังอยู่กันได้แค่เดือนเดียวในทะเลแห่งแนวคิด?”

แต่หลินตงกลับยิ้มตอบ “หึ แล้วทำไมเล่า? ปรมาจารย์เย่นั้นคือผู้เรียกทะเลแห่งแนวคิดลงมาได้ มีหรือที่เขาจะตายลงเพราะมัน? พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าจนวันนี้ทะเลแห่งแนวคิดมันก็ยังไม่หายไปไหน? ซ่งซือชุน หากเจ้าจะไปก็ไปเถอะ ข้าจะรอปรมาจารย์เย่ตื่น! ปรมาจารย์เย่นั้นได้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้า ไม่เห็นเขาฟื้นตื่นกลับมาชีวิตนี้ข้าคงไม่อาจทำใจให้เป็นสุขได้!”

เดิมทีนั้นซ่งซือชุนย่อมจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในเย่หยวนที่สุด

แต่ระหว่างเวลาที่ผ่านๆ มานี้คลื่นพลังจากกายของเย่หยวนมันเบาบางลงเรื่อยๆ จนแม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจมั่นใจได้อีกต่อไป

แต่เวลานี้มันกลับกลายเป็นหลินตงที่หัวรั้นไม่ยอมรับว่าเย่หยวนจะตายลงได้และจะอยู่รอให้เขาฟื้นตื่นขึ้นมา

ซ่งซือชุนได้แต่ถอนหายใจและเดินจากไป

แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับไม่เป็นไปอย่างที่หลินตงคิด

เพราะเวลาที่เขารอนี้มันผ่านไปอีกนานถึงสิบปี แต่เย่หยวนก็ยังไม่แสดงท่าทีจะฟื้นตื่นขึ้นมา

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2050 ราวสิ้นใจ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2050 ราวสิ้นใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนนั้นมันเป็นราวหยดน้ำตกลงสู่ห้วงทะเลแห่งแนวคิดอันกว้างใหญ่

ภายในทะเลอันกว้างใหญ่นี้เย่หยวนรู้สึกได้ว่าตนเองนั้นมันช่างเล็กจ้อย

แต่เมื่อผสานตนเข้าไปแล้วเขาก็รู้สึกได้ราวกับว่าตนเองกำลังก้มมองโลกทั้งใบจากมุมอันสูงล้ำ

ภาพรอบๆ จัตุรัสนี้มันราวกับว่าเขาสามารถควบคุมมองดูมันได้ทุกสิ่งอย่าง ราวกับว่าเป็นเทพเจ้าที่ควบคุมโลกทั้งใบ

ต่อให้จะเป็นมดตัวน้อยที่เดินอยู่บนพื้นดิน แมลงที่แหวกว่ายอยู่บนผิวน้ำ เย่หยวนสามารถมองและแยกแยะทุกสิ่งอย่างได้อย่างชัดแจ้ง

ความรู้สึกเช่นนี้มันเหนือล้ำราวกับต้องมนต์

“นี่มัน… หรือว่าจะเป็นอาณาจักรบรรพกาล? ไม่สิ! แม้ว่าอาณาจักรบรรพกาลจะเหนือล้ำปานใดแต่มันก็คงไม่อาจก้าวล้ำไปได้ถึงขั้นนี้แน่”

เย่หยวนรู้สึกพึ่งพอใจในสภาพนี้อย่างมาก

ภายในทะเลแห่งแนวคิดนี้เทพสวรรค์ดันหยู่ เทพสวรรค์เปียวหยู เทพสวรรค์ลี่หยางและเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างกำลังทำความเข้าใจทะเลแห่งแนวคิดอยู่

เย่หยวนนั้นสามารถมองเห็นถึงกระแสแนวคิดรอบกายของคนทั้งหลายได้อย่างชัดเจน

ในหมู่คนทั้งหลายนั้นผู้มีดูดซับแนวคิดไปได้รวดเร็วที่สุดมันย่อมจะเป็นเทพสวรรค์เปียวหยู ดูท่าแล้วเขาคงมีความสามารถในการเรียนรู้ที่รวดเร็วที่สุดในหมู่คนทั้งหลาย

ต่อมาก็คือเทพสวรรค์ดันหยู่

แต่สิ่งที่เย่หยวนไม่คาดคิดก็คือนอกจากสองคนนี้แล้ว อันดับที่สามมันกลับเป็นเทพสวรรค์เหลียวหมิง

“ดูท่าอายุของเทพสวรรค์เหลียวหมิงจะยังไม่มากนักทำให้ยังพอมีศักยภาพพอจะพัฒนาต่อไปได้ ด้วยพรสวรรค์ระดับนี้แล้วเมื่อได้สัมผัสทะแลแห่งแนวคิดเช่นนี้วันหน้าเขาก็คงจะบรรลุขึ้นอาณาจักรบรรพกาลมาได้เช่นกัน เพียงแค่ว่า… น่าเสียดายที่เทพสวรรค์เจาหยวนไม่ได้อยู่ในงานแล้ว หากเขายังอยู่แล้วเขาคงสามารถบรรลุขึ้นได้ในทันทีแน่”

แต่เย่หยวนนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่ว่าตนจะสอดส่องดูคนทั้งหลายไปเท่าไหร่พวกเขากลับไม่อาจสัมผัสถึงการมองดูนี้ได้เลย

สภาพเช่นนี้มันย่อมจะเป็นสิ่งที่อาณาจักรบรรพกาลไม่อาจทำได้แน่

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นก็เป็นถึงอาณาจักรเต๋าขั้นปลายสิ้น ที่สำคัญพวกเขายังมีจิตที่แข็งแกร่งหนักหน่วง ต่อให้เป็นการขยับไหวเล็กน้อยใดๆ มันก็คงไม่อาจรอดพ้นสายตาของคนทั้งหลายนี้ไปได้แน่

“หรือว่า… ตอนนี้ข้าจะกำลังทองดูพวกเขาผ่านทะเลแห่งแนวคิด? หรือก็คือเวลานี้ข้าได้ผสานเป็นหนึ่งกับเต๋าสวรรค์ในบริเวณนี้แล้ว?  โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มาง่ายๆ! ต้องสัมผัสให้รู้ซึ้ง”

เย่หยวนนั้นตื่นเต้นในหัวใจ! เพราะเวลานี้มันราวกับว่าร่างของเขานั้นได้รวมเป็นหนึ่งกับแนวคิดของเต๋าสวรรค์

เขานั้นคือเต๋าสวรรค์ และเต๋าสวรรค์นั้นก็คือตัวเขา เย่หยวน!

เย่หยวนค่อยๆ เรียบเรียงความคิดและเริ่มวิเคราะห์ทำความเข้าใจเต๋าสวรรค์

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเวลาหนึ่งเดือนก็ได้ผ่านไป

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นได้เบิกลืมตาขึ้นมาแทบจะพร้อมๆ กันกลับจากสภาพตั้งมั่นในสมาธิพร้อมสีหน้าท่าทางเสียดาย

ด้วยการวิเคราะห์ทำความเข้าใจในวันนี้ พวกเขาทั้งหลายย่อมจะได้รับประโยชน์กันมากมาย

แต่การทำความเข้าใจใดๆ ในตอนนี้มันย่อมจะมีขีดจำกัด เมื่อการบ่มเพาะของพวกเขายังไม่ถึง การอยู่ในทะเลแห่งแนวคิดเนินนานเกินไปมันอาจจะทำให้ถึงตายได้

เพราะไม่ว่าเทพสวรรค์จะเก่งกาจปานใดแต่มันก็ไม่มีทางเก่งกาจไปกว่าเต๋าสวรรค์ได้

ทะเลแห่งแนวคิดนี้มันเหมือนเป็นน้ำอมฤตที่ทรงคุณค่ามหาศาล

ดื่มลงไปเพียงนิดก็ทำให้ผู้คนอิ่มไปนานปี

แต่หากดื่มมากไปมันก็จะส่งพลังที่มหาศาลเกินไปสู่ร่างจนอาจจะทำให้ตัวแตกตายไปในที่สุด

แต่เหล่าพลังของแนวคิดนี้มันย่อมจะต้องใช้เวลาอีกมากที่พวกเขาจะนำมันไปย่อยวิเคราะห์เป็นความรู้ของตน

ส่วนเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายที่มาร่วมฟังการบรรยายนั้น พวกเขาทั้งหลายได้แยกย้ายกันออกจากม่านทะเลแห่งแนวคิดไปนานแสนนาน

พลังฝีมือของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะทนทานพลังของทะเลแห่งแนวคิดได้เลย

“ข้าไม่นึกเลยว่าทะเลแห่งแนวคิดนี้มันจะอยู่นานนับเดือน ช่างยากที่จะเห็นนัก! หืม? เย่หยวนยังอยู่อีกหรือ?” เทพสวรรค์ดันหยู่ร้องขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เพราะหากให้พูดแล้วเย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่าพวกเขามาก น่าจะต้องถอนตัวออกไปนานแสนนานแล้ว

เทพสวรรค์เปียวหยูก็หันไปมองพร้อมพูดขึ้นตาม “เจ้าหมอนี่ มันไม่รู้จักคำว่าทำอะไรเกินตัวหรือ?”

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมจะตื่นตกใจอย่างมาก เพราะพวกเขาเหล่าเทพสวรรค์นั้นได้ถอนตัวออกมาแล้วแต่เย่หยวนยังคงปักหลังทำสมาธิอยู่ภายใน

“พี่เปียวหยู สภาพของเย่หยวนมันดูแปลก!” เทพสวรรค์ซืออี้ร้องบอก

เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้ยินก็หน้าซีดลงทันที เมื่อได้มองดูดีๆ แล้วเขาก็พบว่าเย่หยวนนั้นมีสภาพร่างกายที่ไม่ปกติจริงๆ

สภาพของเย่หยวนตอนนี้มันเหมือนร่างเปล่าที่ไร้ซึ่งชีวิตใดๆ

“ไม่มีทาง! ข้าจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้แล้ว! ต้องไปปลุกเขา!”

พูดจบเทพสวรรค์เปียวหยูก็พุ่งตัวเข้าสู่ม่านทะเลแห่งแนวคิดอีกครั้งเพื่อหวังจะปลุกเย่หยวนขึ้น

แต่ในเวลานั้นมันกลับเกิดคลื่นสายฟ้ารุนแรงพุ่งทะยานลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ครืน ครืน… ตู้ม!

เทพสวรรค์เปียวหยูที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายจากก้นบึ้งของหัวใจจนหน้าซีดเผือดลง

มีหรือที่เขาจะยังกล้าทำอะไร? ในเวลานี้เขาจึงต้องกระโดดถอยหลังมาสุดตัว

แต่ในวินาทีนั้นเอง วินาทีที่เขาพ้นระยะของทะเลแห่งแนวคิดนั้นสายฟ้าใดๆ มันก็ได้จางหายไปสิ้นอย่างกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ไปเร็วมาเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่เทพสวรรค์เปียวหยูในเวลานี้มีเหงื่อท่วมกาย

“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เทพสวรรค์ซืออี้ร้องขึ้นอย่างตกตะลึง

“ดูท่าทะเลแห่งแนวคิดนี้มันไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อีกแล้ว เราคงได้แต่ต้องภาวนาให้เย่หยวนปลอดภัย” เทพสวรรค์เปียวหยูบอก

เพราะคลื่นสายฟ้าเมื่อสักครู่นี้มันสุดแสนรุนแรงราวกับว่าฟ้าดินจะพังทลายลงมาทับเขา

หากช้ากว่านี้เพียงนี้ตัวเขาคงกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว

แต่เหล่าเทพสวรรค์บางคนที่ไม่พอใจเย่หยวนมาตั้งแต่แรกเมื่อได้เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มเยาะขึ้นมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทพสวรรค์ออหยุนที่ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่มีท่าทีปกปิด

“หึ เคราะห์ที่ผู้คนสรรหาใส่ตัวเองนั้นมันเป็นสิ่งที่หลบเลี่ยงได้ยากที่สุด! เจ้าเด็กคนนี้มันหลงตัวเองคิดว่ามีพรสวรรค์เหนือล้ำฟ้าดิน คิดว่าทะเลแห่งแนวคิดนี้เป็นสวนหลังบ้านคิดอยากอยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ได้หรือ?” เทพสวรรค์ออหยุนยิ้มเย้ย

เทพสวรรค์ดันหยู่เองก็รู้สึกโล่งขึ้นมาในหัวใจ แต่ตัวเขาย่อมไม่คิดจะแสดงออกมาและกล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย “แยกย้ายเถอะ”

เพราะเวลาทุกนาทีมีค่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมจะไม่เสียเวลามานั่งเปล่า รีบแยกย้ายกันไปหาที่เข้าเก็บตัวทันที

ในเวลานี้งานชุมนุมโอสถเมฆามันได้จบลงอย่างเป็นทางการ แต่มันยังมีคนมากมายที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ จัตุรัสพึงสวรรค์จ้องมองดูร่างบนที่นั่งกลางจัตุรัสนั้น

การบรรยายของเย่หยวนนั้นให้ประโยชน์แก่คนมากมาย แน่นอนว่ามันต้องมีคนที่ซาบซึ้งบุญคุณจนแม้จะทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทั้งหลายก็ได้มานั่งภาวนาให้เย่หยวนปลอดภัย

หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป

หนึ่งเดือนผ่านไป สองเดือนผ่านไป

หนึ่งปีผ่านไป สองปีผ่านไป…

ในพริบตาเวลาสองปีก็ได้ผ่านพ้นแต่เย่หยวนยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนไหว ไม่มีสัญญาณชีพใดๆ ให้ตรวจจับได้

คนทั้งหลายได้แต่ถอนหายใจยาวบ้างก็เดินจากไป

ตอนนี้คนในจัตุรัสพึงสวรรค์มันมีอยู่ไม่มากมายแล้ว

“เฮ้อ เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ปรมาจารย์เย่นั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำฟ้าดิน ทำไมเขาถึงต้องมาตายเช่นนี้ด้วย?”

“เราได้รับคุณจากปรมาจารย์เย่มามากมาย ไม่นึกว่า… เขาจะตายลงเช่นนี้!”

ทุกผู้คนต่างได้แต่ถอนหายใจแต่มันกลับมีเสียงหนึ่งร้องขึ้นสวน “หุบปาก! ปรมาจารย์เย่จะไม่ตาย! เขากำลังทำความเข้าใจเรียนรู้เต๋าสวรรค์อยู่ต่างหาก! สักวันเขาจะต้องตื่นขึ้นมาแน่!”

ที่ด้านข้างนั้นซ่งซือชุนได้แต่ส่ายหัวออกมา “ช่างเถอะน่าหลินตง ไปเถอะ มันสองปีแล้วนะ! เจ้าไม่เห็นหรือว่าเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายยังอยู่กันได้แค่เดือนเดียวในทะเลแห่งแนวคิด?”

แต่หลินตงกลับยิ้มตอบ “หึ แล้วทำไมเล่า? ปรมาจารย์เย่นั้นคือผู้เรียกทะเลแห่งแนวคิดลงมาได้ มีหรือที่เขาจะตายลงเพราะมัน? พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าจนวันนี้ทะเลแห่งแนวคิดมันก็ยังไม่หายไปไหน? ซ่งซือชุน หากเจ้าจะไปก็ไปเถอะ ข้าจะรอปรมาจารย์เย่ตื่น! ปรมาจารย์เย่นั้นได้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้า ไม่เห็นเขาฟื้นตื่นกลับมาชีวิตนี้ข้าคงไม่อาจทำใจให้เป็นสุขได้!”

เดิมทีนั้นซ่งซือชุนย่อมจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในเย่หยวนที่สุด

แต่ระหว่างเวลาที่ผ่านๆ มานี้คลื่นพลังจากกายของเย่หยวนมันเบาบางลงเรื่อยๆ จนแม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจมั่นใจได้อีกต่อไป

แต่เวลานี้มันกลับกลายเป็นหลินตงที่หัวรั้นไม่ยอมรับว่าเย่หยวนจะตายลงได้และจะอยู่รอให้เขาฟื้นตื่นขึ้นมา

ซ่งซือชุนได้แต่ถอนหายใจและเดินจากไป

แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับไม่เป็นไปอย่างที่หลินตงคิด

เพราะเวลาที่เขารอนี้มันผ่านไปอีกนานถึงสิบปี แต่เย่หยวนก็ยังไม่แสดงท่าทีจะฟื้นตื่นขึ้นมา

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+