Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2055 เจ้าไสหัวไปได้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2055 เจ้าไสหัวไปได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นั้นเป็นแหล่งที่มีนักยุทธพลุกพล่าน ยอดฝีมือมากหลาย

และที่แห่งนี้มันเป็นเขตแดนการค้าอันหนักแน่นของหอมหาสมบัติอย่างที่เจ้าอื่นๆ ไม่อาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยได้

แต่แน่นอนว่านั่นมันพูดถึงข้อตกลงพันธมิตรแดนใต้ที่ห้ามมิให้คนอื่นใดเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์

แต่ตอนนี้มันไม่มีข้อตกลงนั้นแล้ว!

ในเวลาชั่วข้ามคืนได้มีร้านโอสถมากมายเปิดขึ้นมาในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ราวดอกเห็ด

ศาลาใจสงัด ห้างเมฆม่วง โถงกลืนโอสถและร้านค้าอีกมากมาย แต่หนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดย่อมจะเป็นของห้างโอสถเมฆา

ห้างโอสถเมฆานั้นเป็นยอดขุมกำลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหอมหาสมบัติเลย

และนี่มันคือสงครามอันสำคัญระหว่างห้างโอสถเมฆาและหอมหาสมบัติ สองยอดกองกำลังนี้

หลังจากเหล่าร้านโอสถทั้งหลายต่างๆ นานาได้เปิดขึ้นพวกเขาก็ได้เริ่มทำการร่วมมือผนึกกำลังกัน

ราคาที่แน่นอน การแจกจ่ายที่ทั่วถึง การขายที่เที่ยงธรรม

เป้าหมายของพวกเขานั้นก็ไม่พ้นเพื่อที่จะไล่หอมหาสมบัติออกไปจากเขตแดนยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์

ติงเสี่ยวนั้นเป็นเถ้าแก่ของร้านจากห้างโอสถเมฆา ตัวเขานั้นมีความสามารถในการจัดการและเคยขับไล่ร้านจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าออกไปจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิมาก่อน หนึ่งในผู้ที่ถูกขับไล่ออกไปนั้นย่อมจะเป็นหอมหาสมบัติด้วย

เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นได้เลือกให้ตัวเขามาลงมือเปิดร้านที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาดกับหอมหาสมบัติ

ตอนนี้เรื่องราวที่ว่าหอมหาสมบัติกำลังทำสงครามกับวงการโอสถแดนใต้นั้นมันได้แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศ

และยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้เองก็เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์การค้าสำคัญ

หากหอมหาสมบัติพ่ายแพ้ถูกขับไล่ออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ไปแล้วมันก็จะแทบจะเรียกได้ว่าพวกเขาได้พ่ายแพ้ลง

ถึงเวลานั้นมันก็จะเป็นการไล่เก็บร้านเล็กน้อยย่อยๆ ที่เหลือของหอมหาสมบัติ พวกเขาย่อมไม่อาจจะพลิกสถานการณ์ใดๆ กลับมาได้

ในเวลานี้ภายในร้านใหม่ของห้างโอสถเมฆาชั้นบนสุดมันได้มีการประชุมใหญ่ขึ้น

ตอนนี้เหล่าเถ้าแก่ร้านทั้งหลายต่างได้มารวมตัวกันเพื่อหาทางโค่นหอมหาสมบัติลงให้เร็วที่สุด

“เถ้าแก่ติง ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันไม่อาจจะใช้เหตุผลใดๆ ไปคุยด้วยได้แล้ว ตอนนี้เราลดราคาไปเกินสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแท้ๆ แต่นอกจากฝั่งนั้นจะไม่คิดลดราคาแล้วมันยังกลับประกาศว่าอีกสามเดือนหอมหาสมบัติจะเพิ่มราคาขึ้นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย ข้าว่า… หอมหาสมบัติมันคงเบิกทางสู่ความหายนะด้วยตัวเองแล้ว!” เถ้าแก่ร้านจากศาลาใจสงัดบอก

เหล่าเถ้าแก่คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าออกมารับแสดงความเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด

เดิมทีแล้วพวกเขาย่อมจะคิดว่ามันคงเป็นสงครามการค้าอันดุเดือดปางตาย ไม่นึกไม่ฝันว่าหอมหาสมบัติกลับไม่คิดที่จะดิ้นรนตอบโต้ใดๆ กลับมาแม้แต่น้อย

เถ้าแก่อีกคนกล่าวขึ้นมา “เถ้าแก่ติง แม้ว่าเราจะสู้กันด้วยสงครามราคาแต่เมื่อเวลามาถึงเราก็ต้องมีตัวโอสถให้เหล่านักยุทธของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมการสั่งของมาไว้ล่วงหน้าให้มาก!”

ติงเสี่ยวพยักหน้ารับ “พี่หลินวางใจเถอะ เหล่าคนเหนือหัวทั้งหลายท่านได้รู้ถึงความสำคัญจึงได้สั่งรวบรวมเหล่าจอมเทพโอสถห้าและหกดาวทั้งหลายมาช่วยกันหลอมโอสถอย่างไม่ยั้งมือ ไม่ต้องไปกลัวเรื่องของจะไม่พอขายหรอก”

นั่นทำให้เถ้าแก่หลินถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าโล่งใจ “เช่นนั้นหลินคนนี้ก็สบายใจ หลังจบศึกนี้แล้วต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาท่านออกมาจัดการเองมันก็คงไม่อาจกู้คืนส่วนแบ่งตลาดที่หอมหาสมบัติเสียไปได้แน่”

เพราะสงครามการค้าในระดับนี้มันย่อมมิใช่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวที่จะเป็นกำลังหลัก

เพราะหากลองดูสัดส่วนในแดนใต้แล้วเหล่าเทพสวรรค์นั้นก็มีแค่ส่วนน้อยไม่กี่คน

เมื่อขึ้นไปถึงระดับนั้นแล้วคนทั้งหลายย่อมไม่คิดจะไปซื้อโอสถจากร้านขายใดๆ พวกเขาย่อมจะไปขอให้จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายหลอมโอสถให้เป็นการส่วนตัว

เพราะฉะนั้นผู้มีกำลังซื้อมากที่สุดจริงๆ ในแดนใต้นี้มันจึงจะกลายเป็นเหล่านภาสวรรค์และเทพถ่องแท้ทั้งหลาย

พวกเขาทั้งหลายนั้นมีกำลังซื้อที่เหนือล้ำ ความต้องการโอสถของพวกเขามันมีไม่หมดสิ้น

เพราะฉะนั้นผู้ที่เอาชนะใจเหล่านักยุทธชั้นกลางทั้งหลายนี้ได้จึงจะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง!

เพื่อศึกวาโยนิรันดร์ในวันนี้เทพสวรรค์ดันหยู่ได้รวมตัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือทั้งห้าให้มาร่วมมือกันเพื่อจัดการปิดฉากเทพสวรรค์เปียวหยูไม่ให้ได้มีโอกาสตอบโต้

แต่ในตอนนี้ติงเสี่ยวนั้นยังคงขมวดคิ้วแน่น “มันก็อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่จากที่ข้ารู้ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันก็มิใช่คนโง่เง่า ต่อให้มันจะมั่นใจว่ามีโอสถคุณภาพเหนือกว่าเรามันก็ไม่น่าจะถึงขั้นกล้าประกาศขึ้นราคาล่วงหน้าเช่นนี้ ที่ข้ากังวลคือ… พวกมันจะยังมีไม้ตายอื่น!”

เถ้าแก่หลินที่ได้ยินจึงหัวเราะลั่น “ไม้ตาย? จะยังมีไม้ตายใดอีกเล่า? ข้าได้ยินว่าเพื่อศึกครั้งนี้เหล่ายอดคนทั้งหลายได้รวบรวมเหล่ายอดฝีมือจอมเทพโอสถห้าและหกดาวทั้งหลายมาสิ้น หากพูดกันถึงคุณภาพแล้วเราเองก็ย่อมจะเหนือกว่า! เมื่อใดที่เราเอาชนะศึกที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้ได้วันหน้ามันก็จะไม่มีหอมหาสมบัติอีกต่อไปแล้ว”

“ใช่ เถ้าแก่ติงเองก็กังวลเกินไป แม้ว่าหอมหาสมบัตินั้นมันจะเก่งกาจแต่มันก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับแดนใต้ทั้งหมดได้หรอกใช่ไหมเล่า?” เถ้าแก่ร้านจากศาลาใจสงัดกล่าว

“เถ้าแก่ติงคงกลัวว่าพวกมันจะมีโอสถสูตรใหม่ออกวางขายใช่ไหม? หึๆ นายท่านข้าได้เตรียมรับมือเรื่องนั้นมานานและต่อให้พวกมันจะนำโอสถสูตรใหม่สักสองสามสูตรออกมาวางขายมันก็คงไม่ช่วยอะไรมากมาย โอสถของเรานั้นมีคุณภาพดีและราคาถูกกว่ามาก เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นก็มิใช่คนโง่พวกเขาย่อมจะเข้าหาของที่ถูกและดีมากกว่าจะไปเลือกโอสถสูตรใหม่ที่ไม่รู้จักอยู่แล้ว” เถ้าแก่ร้านจากห้างเมฆม่วงพูดเสริมขึ้น

ติงเสี่ยวนั้นก็ค่อยคลายคิ้วที่ขมวดออกด้วยรอยยิ้ม “หึๆ มันเป็นข้าเองที่กังวลจนเกินไป ศึกครั้งนี้ติงผู้นี้ได้เตรียมการมานานและไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะพลิกกลับมาได้ใดๆ ต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถแปดดาวลงมือมันก็คงไม่อาจช่วยพลิกสถานการณ์ในเวลานี้ได้”

ในหอโอสถแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

ตอนนี้จู่ๆ มันก็มีคนร้องบอกขึ้นมา “ท่านเย่หยวนมา! ท่านเย่หยวนมายังหอโอสถแล้ว!”

หยุนยี่ที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในที่สุดเวลาแห่งการตัดสินมันก็มาถึง

แต่เหล่าคนทั้งหลายนั้นกลับใช้สายตาสมเพชมองมาที่หยุนยี่และเย่หยวน

“หึ ปรมาจารย์เย่คงทนไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่เล่า? ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเลือกเรา แต่ปัญหาในตอนนี้คือพวกเราจะยอมรับเขาเป็นอาจารย์หรือไม่!”

“เมื่อหอมหาสมบัติถูกโค่นลง หากปรมาจารย์เย่คิดจะรักษาชีวิตไว้ขาก็ต้องพยายามรับพวกเราเข้าเป็นศิษย์เพื่อดึงการสนับสนุนจากตระกูลของเราทั้งหลาย ไม่เช่นนั้นแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้คงพังพินาศแน่!”

“น่าเสียดายเรื่องพี่หยุนยี่ ด้วยศักดิ์ศรีของปรมาจารย์เย่แล้วไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางรับพี่หยุนยี่เข้าไปแน่!”

ทุกผู้คนต่างพูดคุยกันไปด้วยเสียงหัวเราะก่อนที่จะเห็นเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้ามาภายใน

“หยุนยี่กราบอาจารย์เย่!”

“หยางซวนกราบอาจารย์เย่!”

หยุนยี่และหยางซวนก้มคุกเข่าลง

ส่วนคนที่เหลือนั้นยังคงยืนเชิดหน้าไม่คิดจะคุกเข่าใดๆ

“หึๆ พี่หยุน เจ้ายังคิดอยากกราบเขาเป็นอาจารย์อีกหรือ?” ต้วนหยุนเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

เย่หยวนนั้นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะมองดูต้วนหยุนเฟยและถามขึ้น “แล้วเจ้าไม่อยากกราบข้าเป็นอาจารย์?”

ต้วนหยุนเฟยยิ้มตอบกลับมา “แน่นอนว่าข้าต้องอยากได้ท่านเป็นอาจารย์ แต่ตอนนี้ลมมันเปลี่ยนทิศไปแล้ว ตอนนี้มันควรเป็นท่านมากกว่าที่ขอร้องให้เราเข้าเป็นศิษย์ มันมิใช่ข้าที่ต้องไปขอร้องให้ท่านมารับข้า”

หยุนยี่ที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตวาดออกมา “ต้วนหยุนเฟย เจ้าคนโอหัง! กล้าพูดจาสามห้าวเช่นนี้ต่ออาจารย์เย่หรือ!”

ต้วนหยุนเฟยไม่คิดสนใจใดๆ และตอบกลับมา “พี่หยุน เขานั้นปัญญาจะปกป้องชีวิตน้อยๆ ของตนยังไม่มี ท่านจะยังทำท่าทางเคารพเขาไปทำไมอีก?”

เย่หยวนไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ตอบกลับพูดนั้นออกมาก่อนจะหันหน้าไปมองคนทั้งหลายและเปิดปากพูดขึ้น “เจ้าทั้งหลายเองก็คิดเช่นนี้?”

ในตอนนั้นเองที่หลัวเทียนฉีได้ก้าวออกมาด้านหน้าเย่หยวนพร้อมยกมือคารวะ “ปรมาจารย์เย่ ตราบเท่าที่ท่านรับข้าเป็นศิษย์และดั่งใจสั่งสอนข้าอย่างสุดตัวข้าย่อมจะขอร้องให้ตระกูลหลัวข้าช่วยคุ้มครองความปลอดภัยของท่านแน่! ท่านน่าจะได้ทราบไว้ว่าตระกูลหลัวข้านั้นมีเบื้องหลังเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์อันเฉิน!”

จอมเทพโอสถหกดาวอีกผู้หนึ่งได้ก้าวออกมาด้านหน้า “ปรมาจารย์เย่ ตระกูลไห่ข้านั้นมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเทพสวรรค์ดันหยู่ หากท่านยอมรับข้าเป็นศิษย์แล้วตระกูลไห่ข้าย่อมจะไปช่วยพูดแก่เทพสวรรค์ดันหยู่ให้แน่นอน!”

ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายตอนนี้มันเป็นเย่หยวนที่ต้องการคนปกป้อง

ไม่ว่าเย่หยวนจะหยิ่งในศักดิ์ศรีสักเท่าใด เวลานี้แล้วเขายังจะกล้าไม่รับพวกเขาอีกหรือ?

ทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเขามีในเวลานี้คือยอมรับทุกผู้คนนี้เป็นศิษย์

เย่หยวนมองดูไปยังหลัวเทียนฉีด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามีนามว่าหลัวเทียนฉี?”

หลัวเทียนฉียกมือขึ้นรับ “ขอรับ ปรมาจารย์เย่”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าไสหัวไปได้!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2055 เจ้าไสหัวไปได้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2055 เจ้าไสหัวไปได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นั้นเป็นแหล่งที่มีนักยุทธพลุกพล่าน ยอดฝีมือมากหลาย

และที่แห่งนี้มันเป็นเขตแดนการค้าอันหนักแน่นของหอมหาสมบัติอย่างที่เจ้าอื่นๆ ไม่อาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยได้

แต่แน่นอนว่านั่นมันพูดถึงข้อตกลงพันธมิตรแดนใต้ที่ห้ามมิให้คนอื่นใดเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์

แต่ตอนนี้มันไม่มีข้อตกลงนั้นแล้ว!

ในเวลาชั่วข้ามคืนได้มีร้านโอสถมากมายเปิดขึ้นมาในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ราวดอกเห็ด

ศาลาใจสงัด ห้างเมฆม่วง โถงกลืนโอสถและร้านค้าอีกมากมาย แต่หนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดย่อมจะเป็นของห้างโอสถเมฆา

ห้างโอสถเมฆานั้นเป็นยอดขุมกำลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหอมหาสมบัติเลย

และนี่มันคือสงครามอันสำคัญระหว่างห้างโอสถเมฆาและหอมหาสมบัติ สองยอดกองกำลังนี้

หลังจากเหล่าร้านโอสถทั้งหลายต่างๆ นานาได้เปิดขึ้นพวกเขาก็ได้เริ่มทำการร่วมมือผนึกกำลังกัน

ราคาที่แน่นอน การแจกจ่ายที่ทั่วถึง การขายที่เที่ยงธรรม

เป้าหมายของพวกเขานั้นก็ไม่พ้นเพื่อที่จะไล่หอมหาสมบัติออกไปจากเขตแดนยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์

ติงเสี่ยวนั้นเป็นเถ้าแก่ของร้านจากห้างโอสถเมฆา ตัวเขานั้นมีความสามารถในการจัดการและเคยขับไล่ร้านจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าออกไปจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิมาก่อน หนึ่งในผู้ที่ถูกขับไล่ออกไปนั้นย่อมจะเป็นหอมหาสมบัติด้วย

เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นได้เลือกให้ตัวเขามาลงมือเปิดร้านที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาดกับหอมหาสมบัติ

ตอนนี้เรื่องราวที่ว่าหอมหาสมบัติกำลังทำสงครามกับวงการโอสถแดนใต้นั้นมันได้แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศ

และยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้เองก็เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์การค้าสำคัญ

หากหอมหาสมบัติพ่ายแพ้ถูกขับไล่ออกจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ไปแล้วมันก็จะแทบจะเรียกได้ว่าพวกเขาได้พ่ายแพ้ลง

ถึงเวลานั้นมันก็จะเป็นการไล่เก็บร้านเล็กน้อยย่อยๆ ที่เหลือของหอมหาสมบัติ พวกเขาย่อมไม่อาจจะพลิกสถานการณ์ใดๆ กลับมาได้

ในเวลานี้ภายในร้านใหม่ของห้างโอสถเมฆาชั้นบนสุดมันได้มีการประชุมใหญ่ขึ้น

ตอนนี้เหล่าเถ้าแก่ร้านทั้งหลายต่างได้มารวมตัวกันเพื่อหาทางโค่นหอมหาสมบัติลงให้เร็วที่สุด

“เถ้าแก่ติง ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันไม่อาจจะใช้เหตุผลใดๆ ไปคุยด้วยได้แล้ว ตอนนี้เราลดราคาไปเกินสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแท้ๆ แต่นอกจากฝั่งนั้นจะไม่คิดลดราคาแล้วมันยังกลับประกาศว่าอีกสามเดือนหอมหาสมบัติจะเพิ่มราคาขึ้นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย ข้าว่า… หอมหาสมบัติมันคงเบิกทางสู่ความหายนะด้วยตัวเองแล้ว!” เถ้าแก่ร้านจากศาลาใจสงัดบอก

เหล่าเถ้าแก่คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าออกมารับแสดงความเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด

เดิมทีแล้วพวกเขาย่อมจะคิดว่ามันคงเป็นสงครามการค้าอันดุเดือดปางตาย ไม่นึกไม่ฝันว่าหอมหาสมบัติกลับไม่คิดที่จะดิ้นรนตอบโต้ใดๆ กลับมาแม้แต่น้อย

เถ้าแก่อีกคนกล่าวขึ้นมา “เถ้าแก่ติง แม้ว่าเราจะสู้กันด้วยสงครามราคาแต่เมื่อเวลามาถึงเราก็ต้องมีตัวโอสถให้เหล่านักยุทธของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์ด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมการสั่งของมาไว้ล่วงหน้าให้มาก!”

ติงเสี่ยวพยักหน้ารับ “พี่หลินวางใจเถอะ เหล่าคนเหนือหัวทั้งหลายท่านได้รู้ถึงความสำคัญจึงได้สั่งรวบรวมเหล่าจอมเทพโอสถห้าและหกดาวทั้งหลายมาช่วยกันหลอมโอสถอย่างไม่ยั้งมือ ไม่ต้องไปกลัวเรื่องของจะไม่พอขายหรอก”

นั่นทำให้เถ้าแก่หลินถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าโล่งใจ “เช่นนั้นหลินคนนี้ก็สบายใจ หลังจบศึกนี้แล้วต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาท่านออกมาจัดการเองมันก็คงไม่อาจกู้คืนส่วนแบ่งตลาดที่หอมหาสมบัติเสียไปได้แน่”

เพราะสงครามการค้าในระดับนี้มันย่อมมิใช่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวที่จะเป็นกำลังหลัก

เพราะหากลองดูสัดส่วนในแดนใต้แล้วเหล่าเทพสวรรค์นั้นก็มีแค่ส่วนน้อยไม่กี่คน

เมื่อขึ้นไปถึงระดับนั้นแล้วคนทั้งหลายย่อมไม่คิดจะไปซื้อโอสถจากร้านขายใดๆ พวกเขาย่อมจะไปขอให้จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายหลอมโอสถให้เป็นการส่วนตัว

เพราะฉะนั้นผู้มีกำลังซื้อมากที่สุดจริงๆ ในแดนใต้นี้มันจึงจะกลายเป็นเหล่านภาสวรรค์และเทพถ่องแท้ทั้งหลาย

พวกเขาทั้งหลายนั้นมีกำลังซื้อที่เหนือล้ำ ความต้องการโอสถของพวกเขามันมีไม่หมดสิ้น

เพราะฉะนั้นผู้ที่เอาชนะใจเหล่านักยุทธชั้นกลางทั้งหลายนี้ได้จึงจะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง!

เพื่อศึกวาโยนิรันดร์ในวันนี้เทพสวรรค์ดันหยู่ได้รวมตัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือทั้งห้าให้มาร่วมมือกันเพื่อจัดการปิดฉากเทพสวรรค์เปียวหยูไม่ให้ได้มีโอกาสตอบโต้

แต่ในตอนนี้ติงเสี่ยวนั้นยังคงขมวดคิ้วแน่น “มันก็อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่จากที่ข้ารู้ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันก็มิใช่คนโง่เง่า ต่อให้มันจะมั่นใจว่ามีโอสถคุณภาพเหนือกว่าเรามันก็ไม่น่าจะถึงขั้นกล้าประกาศขึ้นราคาล่วงหน้าเช่นนี้ ที่ข้ากังวลคือ… พวกมันจะยังมีไม้ตายอื่น!”

เถ้าแก่หลินที่ได้ยินจึงหัวเราะลั่น “ไม้ตาย? จะยังมีไม้ตายใดอีกเล่า? ข้าได้ยินว่าเพื่อศึกครั้งนี้เหล่ายอดคนทั้งหลายได้รวบรวมเหล่ายอดฝีมือจอมเทพโอสถห้าและหกดาวทั้งหลายมาสิ้น หากพูดกันถึงคุณภาพแล้วเราเองก็ย่อมจะเหนือกว่า! เมื่อใดที่เราเอาชนะศึกที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้ได้วันหน้ามันก็จะไม่มีหอมหาสมบัติอีกต่อไปแล้ว”

“ใช่ เถ้าแก่ติงเองก็กังวลเกินไป แม้ว่าหอมหาสมบัตินั้นมันจะเก่งกาจแต่มันก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับแดนใต้ทั้งหมดได้หรอกใช่ไหมเล่า?” เถ้าแก่ร้านจากศาลาใจสงัดกล่าว

“เถ้าแก่ติงคงกลัวว่าพวกมันจะมีโอสถสูตรใหม่ออกวางขายใช่ไหม? หึๆ นายท่านข้าได้เตรียมรับมือเรื่องนั้นมานานและต่อให้พวกมันจะนำโอสถสูตรใหม่สักสองสามสูตรออกมาวางขายมันก็คงไม่ช่วยอะไรมากมาย โอสถของเรานั้นมีคุณภาพดีและราคาถูกกว่ามาก เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นก็มิใช่คนโง่พวกเขาย่อมจะเข้าหาของที่ถูกและดีมากกว่าจะไปเลือกโอสถสูตรใหม่ที่ไม่รู้จักอยู่แล้ว” เถ้าแก่ร้านจากห้างเมฆม่วงพูดเสริมขึ้น

ติงเสี่ยวนั้นก็ค่อยคลายคิ้วที่ขมวดออกด้วยรอยยิ้ม “หึๆ มันเป็นข้าเองที่กังวลจนเกินไป ศึกครั้งนี้ติงผู้นี้ได้เตรียมการมานานและไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะพลิกกลับมาได้ใดๆ ต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถแปดดาวลงมือมันก็คงไม่อาจช่วยพลิกสถานการณ์ในเวลานี้ได้”

ในหอโอสถแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

ตอนนี้จู่ๆ มันก็มีคนร้องบอกขึ้นมา “ท่านเย่หยวนมา! ท่านเย่หยวนมายังหอโอสถแล้ว!”

หยุนยี่ที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในที่สุดเวลาแห่งการตัดสินมันก็มาถึง

แต่เหล่าคนทั้งหลายนั้นกลับใช้สายตาสมเพชมองมาที่หยุนยี่และเย่หยวน

“หึ ปรมาจารย์เย่คงทนไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่เล่า? ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเลือกเรา แต่ปัญหาในตอนนี้คือพวกเราจะยอมรับเขาเป็นอาจารย์หรือไม่!”

“เมื่อหอมหาสมบัติถูกโค่นลง หากปรมาจารย์เย่คิดจะรักษาชีวิตไว้ขาก็ต้องพยายามรับพวกเราเข้าเป็นศิษย์เพื่อดึงการสนับสนุนจากตระกูลของเราทั้งหลาย ไม่เช่นนั้นแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้คงพังพินาศแน่!”

“น่าเสียดายเรื่องพี่หยุนยี่ ด้วยศักดิ์ศรีของปรมาจารย์เย่แล้วไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางรับพี่หยุนยี่เข้าไปแน่!”

ทุกผู้คนต่างพูดคุยกันไปด้วยเสียงหัวเราะก่อนที่จะเห็นเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้ามาภายใน

“หยุนยี่กราบอาจารย์เย่!”

“หยางซวนกราบอาจารย์เย่!”

หยุนยี่และหยางซวนก้มคุกเข่าลง

ส่วนคนที่เหลือนั้นยังคงยืนเชิดหน้าไม่คิดจะคุกเข่าใดๆ

“หึๆ พี่หยุน เจ้ายังคิดอยากกราบเขาเป็นอาจารย์อีกหรือ?” ต้วนหยุนเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

เย่หยวนนั้นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะมองดูต้วนหยุนเฟยและถามขึ้น “แล้วเจ้าไม่อยากกราบข้าเป็นอาจารย์?”

ต้วนหยุนเฟยยิ้มตอบกลับมา “แน่นอนว่าข้าต้องอยากได้ท่านเป็นอาจารย์ แต่ตอนนี้ลมมันเปลี่ยนทิศไปแล้ว ตอนนี้มันควรเป็นท่านมากกว่าที่ขอร้องให้เราเข้าเป็นศิษย์ มันมิใช่ข้าที่ต้องไปขอร้องให้ท่านมารับข้า”

หยุนยี่ที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตวาดออกมา “ต้วนหยุนเฟย เจ้าคนโอหัง! กล้าพูดจาสามห้าวเช่นนี้ต่ออาจารย์เย่หรือ!”

ต้วนหยุนเฟยไม่คิดสนใจใดๆ และตอบกลับมา “พี่หยุน เขานั้นปัญญาจะปกป้องชีวิตน้อยๆ ของตนยังไม่มี ท่านจะยังทำท่าทางเคารพเขาไปทำไมอีก?”

เย่หยวนไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ตอบกลับพูดนั้นออกมาก่อนจะหันหน้าไปมองคนทั้งหลายและเปิดปากพูดขึ้น “เจ้าทั้งหลายเองก็คิดเช่นนี้?”

ในตอนนั้นเองที่หลัวเทียนฉีได้ก้าวออกมาด้านหน้าเย่หยวนพร้อมยกมือคารวะ “ปรมาจารย์เย่ ตราบเท่าที่ท่านรับข้าเป็นศิษย์และดั่งใจสั่งสอนข้าอย่างสุดตัวข้าย่อมจะขอร้องให้ตระกูลหลัวข้าช่วยคุ้มครองความปลอดภัยของท่านแน่! ท่านน่าจะได้ทราบไว้ว่าตระกูลหลัวข้านั้นมีเบื้องหลังเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์อันเฉิน!”

จอมเทพโอสถหกดาวอีกผู้หนึ่งได้ก้าวออกมาด้านหน้า “ปรมาจารย์เย่ ตระกูลไห่ข้านั้นมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเทพสวรรค์ดันหยู่ หากท่านยอมรับข้าเป็นศิษย์แล้วตระกูลไห่ข้าย่อมจะไปช่วยพูดแก่เทพสวรรค์ดันหยู่ให้แน่นอน!”

ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายตอนนี้มันเป็นเย่หยวนที่ต้องการคนปกป้อง

ไม่ว่าเย่หยวนจะหยิ่งในศักดิ์ศรีสักเท่าใด เวลานี้แล้วเขายังจะกล้าไม่รับพวกเขาอีกหรือ?

ทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเขามีในเวลานี้คือยอมรับทุกผู้คนนี้เป็นศิษย์

เย่หยวนมองดูไปยังหลัวเทียนฉีด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามีนามว่าหลัวเทียนฉี?”

หลัวเทียนฉียกมือขึ้นรับ “ขอรับ ปรมาจารย์เย่”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าไสหัวไปได้!”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+