Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2057 จะหนักใจใดมากมาย?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2057 จะหนักใจใดมากมาย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่หยวนมองดูหยุนยี่ด้วยสีหน้าแววตาชื่นชม

ผู้ใดที่ไม่ ‘โง่’ หรือ ‘บ้า’ ย่อมไม่อาจจะมองเห็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขาได้

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมันเห็นเพียงแค่ประโยชน์ที่ถูกวางไว้ตรงหน้า แน่นอนว่าความสำเร็จใดๆ ในวิชาโอสถของพวกเขามันก็ย่อมจะมีขีดจำกัด

พวกเขานั้นอวดอ้างว่าตนเองแสนฉลาดหลักแหลม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขานั้นโง่จนเหลือเชื่อ

มีเพียงแค่ ‘คนโง่’ และ ‘คนบ้า’ ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายเท่านั้นที่จะสามารถก้าวเข้าสู่เต๋าโอสถได้อย่างแท้จริง

ถามว่าพรสวรรค์นั้นมันสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่างจริงๆ หรือ?

ความเชื่อเช่นนั้นมันเป็นความเชื่อที่โง่เง่าที่สุด!

หากไม่มีความพยายามอันมหาศาล หากไม่มีจิตใจที่มุ่งมั่นแน่วแน่ หากไม่มีความหนักแน่นที่เหนือล้ำ มีหรือที่เต๋านั้นจะเปิดรับผู้คน?

“ข้านั้นมีแค่ความพยายามและพื้นฐาน สองคำนี้เท่านั้นที่จะสอนศิษย์ พวกเจ้าจงจำมันไว้ให้ดี” เย่หยวนกล่าว

หยุนยี่และหยางซวนจึงก้มหน้าลงรับทันที “ขอรับท่านอาจารย์ ศิษย์จะจำไว้”

แต่มีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจความคิดที่แท้ของคนทั้งสองนี้? เขาจึงกล่าวขึ้น “การเดินทางบนเส้นทางเต๋านั้นมันจะมีทางลัดใด? หากเจ้าถามว่าอาจารย์ของเจ้านี้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร อาจารย์ของเจ้าผู้นี้ก็คงบอกได้แค่ว่าเต๋านั้นมันอยู่ใต้เท้าที่เราย่ำเดินกัน! การคลุกตัวลงกับดินนั่นแหละคือหนทางแห่งเต๋า! พวกเจ้าเองก็น่าจะได้เห็นว่าซืออวี๋สามารถทำอะไรได้บ้างในงานชุมนุมโอสถเมฆา แต่พวกเจ้านั้นไม่ได้รับรู้ถึงความพยายามอย่างยากลำบากที่นางมี เพราะฉะนั้นหากพวกเจ้าคิดว่าข้าจะสอนสั่งทางลัดวิชาเหนือล้ำแห่งเต๋าโอสถให้แล้ว พวกเจ้าก็จงไปเสียเถอะ ข้านั้นไม่มีอะไรจะสอนพวกเจ้า”

เมื่อคนทั้งสองได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รีบกล่าวว่าตนมิกล้าอย่างทันที

แต่ตอนนี้ความตื่นตกใจที่มีของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดใดๆ ได้

พวกเขานั้นไม่อาจจะนึกได้เลยว่าศิษย์พี่ซืออวี๋นั้นต้องใช้ความพยายามหนักหน่วงปานใด เช่นนั้นแล้วอาจารย์ของพวกเขานี้เล่าจะต้องพยายามหนักหนาขนาดไหนจึงก้าวมาถึงจุดที่เขายืนอยู่นี่ได้?

“อาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว! จากวันนี้ไปศิษย์จะทิ้งศักดิ์ศรีใดๆ และก้าวเดินตามคำสอนของอาจารย์”

หยุนยี่นั้นไม่ได้คิดจะขัดเย่หยวนแม้แต่น้อย ตัวเขาที่ได้ยินคำพูดนี้มันกลับเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องลงกลางความคิด

เวลาสิบปีที่เขาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงนี้มามันย่อมทำให้เขาจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเย่หยวนได้อย่างลึกซึ้ง

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นจะเป็นไรไปเล่า

“เพียงแค่ว่า… อาจารย์และเทพสวรรค์เปียวหยูได้ถอนตัวจากพันธมิตรแดนใต้แล้ว มันจะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ?” หยุนยี่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

เพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าข้างเย่หยวนมากมายนัก ตอนนี้ภายในจิตใจของหยุนยี่มันกำลังตีกันอยู่อย่างสับสน

ไม่ว่าอย่างไรเสียคนหนึ่งก็ทวด คนหนึ่งก็อาจารย์

ไม่ว่าจะฝ่ายไหนเขาก็ไม่อยากจะเห็นความพ่ายแพ้

หนิงซืออวี๋จึงยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยิน “พวกเจ้าก็จะประเมินอาจารย์ตนต่ำไป! ไม่นานเจ้าจะได้เข้าใจความเก่งกาจที่แท้ของอาจารย์เจ้าเอง!”

สามเดือนผ่านไปในพริบตา!

ในเช้าวันนี้เหล่าเถ้าแก่ร้านทั้งหลายได้มารวมตัวประชุมกันบนห้างโอสถเมฆาอีกครั้ง

ติงเสี่ยวกล่าวขึ้นด้วยท่าทางสบายใจ “สุภาพบุรุษทั้งหลาย เรานั้นทำได้ตามเป้าหมายจริงๆ สามเดือนมานี้เราได้ต่อสู้กันอย่างสวยงาม! เวลานี้ส่วนแบ่งตลาดในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์กว่าเจ็ดในสิบได้ตกมาอยู่ในมือเราแล้ว! เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วต่อให้ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันจะเก่งกาจปานใดมันก็ไม่อาจพลิกกลับมาได้แน่!”

“ฮ่าๆๆ! ในที่สุดข้าก็จะรายงานความสำเร็จกลับไปได้เสียที! บางทีเราอาจจะใช้เวลาขยี้หอมหาสมบัติไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ” เถ้าแก่หลินกล่าวเสริม

เถ้าแก่อีกคนในที่ประชุมก็ได้พูดขึ้นตาม “หึๆ เรื่องนั้นมันช่วยไม่ได้หรอก ไม่ว่าหอมหาสมบัตินั้นจะเก่งกาจปานใด ไม่ว่าเทพสวรรค์เปียวหยูจะเก่งกาจปานใด ไม่ว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจปานใด มันก็ย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงกับพันธมิตรแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นได้! ทรัพยากรที่เรามีในมือ หากไม่นับเหล่ายอดค่ายสำนักทั้งหลายแล้วทรัพยากรในแดนใต้นี้มันก็นับว่าอยู่ในมือเราเกือบครึ่ง หากเช่นนี้เรายังจะแพ้ได้อีกข้าก็คงต้องเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตายแล้ว!”

ติงเสี่ยวพยักหน้ารับ “ตามข่าวที่ข้าได้ยินมาเวลานี้เหล่ายอดจอมเทพโอสถจากแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นมันได้ไปรวมตัวกันและทำการหลอมโอสถขึ้นอย่างมหาศาล ให้เราได้ค้าขายอย่างไม่ต้องกังวลของจะขาดตลาด ไม่นานเราคงได้ใช้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้เป็นศูนย์กลางการค้าขยายเขตอำนาจไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิต่างๆ อีกมากมาย”

เมื่อเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้นตามๆ กัน

การควบคุมได้กว่าเจ็ดในสิบของส่วนแบ่งตลาดมันย่อมจะหมายความว่าเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายนี้ยึดถือว่าตนเองเป็นผู้ชนะไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะตอนนี้ร้านต่างๆ ที่มาตั้งแข่งขันนี้มันมีกว่าสี่สิบถึงห้าสิบร้าน

และแต่ละร้านนั้นล้วนเป็นร้านจากยอดค่ายสำนักในแดนใต้ เรื่องของความพ่ายแพ้นั้นมันย่อมจะไม่เคยเกิดขึ้นในหัวของพวกเขาทั้งหลาย

ต่อให้เย่หยวนจะมีไม้ตายใดๆ ในมือแต่ในสายตาของพวกเขาแล้วมันก็คงทำได้แค่ยืดเวลาที่หอมหาสมบัติจะพ่ายแพ้ลงเท่านั้น

“อ่า จริงด้วย! ข้าได้ยินว่าชิวเทียนหยูคิดจะขึ้นราคานี่? ฮ่าๆ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ายิ่งขึ้นราคาแล้วมันจะยังมีใครไปซื้อโอสถจากหอมหาสมบัติอีกหรือไม่!” เถ้าแก่หลินหัวเราะขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นได้

“แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

เสียงของเถ้าแก่หลินยังไม่ทันจางหายคนรับใช้ผู้หนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาภายในห้องประชุมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ติงเสี่ยวที่เห็นจึงร้องตวาดว่าขึ้นทันที “อะไรเล่า? เข้ามาเอะอะเสียมารยาทนัก เจ้ารู้จักกาลเทศะหรือไม่?”

มีหรือที่คนรับใช้ผู้นี้จะยังกล้าสนใจเรื่องการลงโทษใดๆ เวลานี้เขาได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังทิศหนึ่ง “เถ้าแก่ติง เกิดเรื่องแล้ว! ตอนนี้ร้านของหอมหาสมบัติที่ตรงข้ามเรามันมีคนไปเข้าคิวแน่นจนแทบล้นร้าน! เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นดูราวกับคลั่งหวังต่อสู้แย่งชิงกันจะเข้าไปซื้อโอสถจากร้านนั้น ตอนนี้ลูกค้าของร้านเราทั้งหลายเองก็มุ่งหน้าไปยังร้านพวกนั้นกันสิ้นแล้ว”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

ติงเสี่ยวเบิกตากว้าง ได้แต่สงสัยว่าหูตนเองเพี้ยนไปหรือไม่

ทำไมเหล่านักยุทธทั้งหลายถึงจะไปออกันอยู่ที่ร้านของหอมหาสมบัติตรงข้ามกันเล่า?

สีหน้าของเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายเองก็แสดงความไม่คิดอยากเชื่อออกมา

ความคิดของพวกเขาทั้งหลายในเวลานี้มันแทบไม่ต่างกัน ก็คือพวกเขาคิดว่าคนรับใช้นี้คงโกหกแน่แล้ว!

“หอมหาสมบัติมันเพิ่งจะขึ้นราคาโอสถทั้งหลายวันนี้มิใช่หรือ เหตุใดเหล่านักยุทธจะไปแย่งกันซื้อโอสถที่ร้านของพวกมันกันเล่า? เจ้าพูดจาไร้สาระใดอยู่กันนี่?” ติงเสี่ยวได้แต่ถามขึ้น

เพราะแม้เขาจะรู้ดีว่าคนรับใช้นี้คงไม่โกหกแน่แล้ว แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ

คนรับใช้ผู้นั้นได้แต่ยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น “เถ้าแก่ติง ต่อให้ท่านจะเอาใจหมีดีเสือที่ไหนมาให้ข้ากินข้าก็คงไม่กล้ามาพูดจาไร้สาระเช่นนั้นแน่!”

ติงเสี่ยวขมวดคิ้วแน่น “ไป! รีบนำทางข้าไปดูหน่อย!”

พูดไปเขาก็เดินลงจากตัวตึกมาทันที

แต่ในตอนที่เขาลงมาถึงหน้าร้านติงเสี่ยวก็ต้องหยุดเท้าลงก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นความยิ้มแย้ม

เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้มันคือลูกค้ารายใหญ่ของห้างโอสถเมฆาผู้ไม่อาจจะเสียมารยาทด้วยได้

“ฮ่าๆ ผู้นำตระกูลซู ผู้นำตระกูลเหริน ท่านมีเรื่องใดหรือถึงได้มาหาข้าวันนี้?” ติงเสี่ยวยกมือขึ้นคารวะก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม

คนทั้งสองนี้มันคือผู้นำตระกูลซูและตระกูลเหริน สองในห้าตระกูลใหญ่แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์

ในเวลาหลายเดือนมานี้ติงเสี่ยวได้ใช้ความพยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่จะดึงมือของคนทั้งสองนี้ออกมาจากหอมหาสมบัติ

และในเวลานี้สองตระกูลใหญ่นี้ก็ได้หันมาใช้โอสถจากทางห้างโอสถเมฆาจนสิ้น

ผู้นำตระกูลซูยิ้มขึ้น “ซูผู้นี้มากับน้องเหรินในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องจะรบกวนเถ้าแก่ติงสักหน่อย”

ติงเสี่ยวรีบยิ้มรับทันที “ย่อมได้เสมอ! พวกท่านทั้งสองนั้นคือลูกค้ารายใหญ่ของติงผู้นี้ ข้าย่อมจะบริการอย่างดีแน่นอน! หรือว่าโอสถที่ใช้กันมันจะไม่พอหรือ? ไม่มีปัญหา ข้าย่อมจะให้คนรับใช้ไปจัดการเพิ่มปริมาณให้ได้ในทันที”

ผู้นำตระกูลซูนั้นส่ายหัวออกมา “ไม่ต้องๆ! โอสถที่ตระกูลซูเรามีนั้นมันมากจนเกินพอแล้ว!”

ติงเสี่ยวจึงได้แต่ถามขึ้นอย่างสงสัย “เช่นนั้น… ผู้นำตระกูลซูท่านมีธุระใดหรือถึงได้มาหาติงผู้นี้?”

ผู้นำตระกูลซูนั้นหันไปมองผู้นำตระกูลเหรินด้วยสีหน้าหนักใจ แต่ดูท่าทางผู้นำตระกูลเหรินจะเป็นคนตรงๆ ไม่อ้อมค้อมมากกว่าจึงได้กล่าวขึ้น “จะหนักใจใดมากมายเล่า? เถ้าแก่ติง ผู้นำตระกูลซูและเหรินผู้นี้มาในวันนี้ก็เพื่อจะขอยกเลิกสัญญาที่เรามีกับห้างโอสถเมฆา ในวันหน้าเรื่องของโอสถที่สองตระกูลเราจะใช้นั้น เราคงไม่ต้องลำบากห้างโอสถเมฆาจัดหาให้อีกต่อไป!”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2057 จะหนักใจใดมากมาย?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2057 จะหนักใจใดมากมาย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่หยวนมองดูหยุนยี่ด้วยสีหน้าแววตาชื่นชม

ผู้ใดที่ไม่ ‘โง่’ หรือ ‘บ้า’ ย่อมไม่อาจจะมองเห็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขาได้

เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมันเห็นเพียงแค่ประโยชน์ที่ถูกวางไว้ตรงหน้า แน่นอนว่าความสำเร็จใดๆ ในวิชาโอสถของพวกเขามันก็ย่อมจะมีขีดจำกัด

พวกเขานั้นอวดอ้างว่าตนเองแสนฉลาดหลักแหลม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขานั้นโง่จนเหลือเชื่อ

มีเพียงแค่ ‘คนโง่’ และ ‘คนบ้า’ ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายเท่านั้นที่จะสามารถก้าวเข้าสู่เต๋าโอสถได้อย่างแท้จริง

ถามว่าพรสวรรค์นั้นมันสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่างจริงๆ หรือ?

ความเชื่อเช่นนั้นมันเป็นความเชื่อที่โง่เง่าที่สุด!

หากไม่มีความพยายามอันมหาศาล หากไม่มีจิตใจที่มุ่งมั่นแน่วแน่ หากไม่มีความหนักแน่นที่เหนือล้ำ มีหรือที่เต๋านั้นจะเปิดรับผู้คน?

“ข้านั้นมีแค่ความพยายามและพื้นฐาน สองคำนี้เท่านั้นที่จะสอนศิษย์ พวกเจ้าจงจำมันไว้ให้ดี” เย่หยวนกล่าว

หยุนยี่และหยางซวนจึงก้มหน้าลงรับทันที “ขอรับท่านอาจารย์ ศิษย์จะจำไว้”

แต่มีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจความคิดที่แท้ของคนทั้งสองนี้? เขาจึงกล่าวขึ้น “การเดินทางบนเส้นทางเต๋านั้นมันจะมีทางลัดใด? หากเจ้าถามว่าอาจารย์ของเจ้านี้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร อาจารย์ของเจ้าผู้นี้ก็คงบอกได้แค่ว่าเต๋านั้นมันอยู่ใต้เท้าที่เราย่ำเดินกัน! การคลุกตัวลงกับดินนั่นแหละคือหนทางแห่งเต๋า! พวกเจ้าเองก็น่าจะได้เห็นว่าซืออวี๋สามารถทำอะไรได้บ้างในงานชุมนุมโอสถเมฆา แต่พวกเจ้านั้นไม่ได้รับรู้ถึงความพยายามอย่างยากลำบากที่นางมี เพราะฉะนั้นหากพวกเจ้าคิดว่าข้าจะสอนสั่งทางลัดวิชาเหนือล้ำแห่งเต๋าโอสถให้แล้ว พวกเจ้าก็จงไปเสียเถอะ ข้านั้นไม่มีอะไรจะสอนพวกเจ้า”

เมื่อคนทั้งสองได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รีบกล่าวว่าตนมิกล้าอย่างทันที

แต่ตอนนี้ความตื่นตกใจที่มีของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดใดๆ ได้

พวกเขานั้นไม่อาจจะนึกได้เลยว่าศิษย์พี่ซืออวี๋นั้นต้องใช้ความพยายามหนักหน่วงปานใด เช่นนั้นแล้วอาจารย์ของพวกเขานี้เล่าจะต้องพยายามหนักหนาขนาดไหนจึงก้าวมาถึงจุดที่เขายืนอยู่นี่ได้?

“อาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว! จากวันนี้ไปศิษย์จะทิ้งศักดิ์ศรีใดๆ และก้าวเดินตามคำสอนของอาจารย์”

หยุนยี่นั้นไม่ได้คิดจะขัดเย่หยวนแม้แต่น้อย ตัวเขาที่ได้ยินคำพูดนี้มันกลับเป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องลงกลางความคิด

เวลาสิบปีที่เขาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงนี้มามันย่อมทำให้เขาจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเย่หยวนได้อย่างลึกซึ้ง

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นจะเป็นไรไปเล่า

“เพียงแค่ว่า… อาจารย์และเทพสวรรค์เปียวหยูได้ถอนตัวจากพันธมิตรแดนใต้แล้ว มันจะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ?” หยุนยี่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

เพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าข้างเย่หยวนมากมายนัก ตอนนี้ภายในจิตใจของหยุนยี่มันกำลังตีกันอยู่อย่างสับสน

ไม่ว่าอย่างไรเสียคนหนึ่งก็ทวด คนหนึ่งก็อาจารย์

ไม่ว่าจะฝ่ายไหนเขาก็ไม่อยากจะเห็นความพ่ายแพ้

หนิงซืออวี๋จึงยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยิน “พวกเจ้าก็จะประเมินอาจารย์ตนต่ำไป! ไม่นานเจ้าจะได้เข้าใจความเก่งกาจที่แท้ของอาจารย์เจ้าเอง!”

สามเดือนผ่านไปในพริบตา!

ในเช้าวันนี้เหล่าเถ้าแก่ร้านทั้งหลายได้มารวมตัวประชุมกันบนห้างโอสถเมฆาอีกครั้ง

ติงเสี่ยวกล่าวขึ้นด้วยท่าทางสบายใจ “สุภาพบุรุษทั้งหลาย เรานั้นทำได้ตามเป้าหมายจริงๆ สามเดือนมานี้เราได้ต่อสู้กันอย่างสวยงาม! เวลานี้ส่วนแบ่งตลาดในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์กว่าเจ็ดในสิบได้ตกมาอยู่ในมือเราแล้ว! เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วต่อให้ชิวเทียนหยูผู้นั้นมันจะเก่งกาจปานใดมันก็ไม่อาจพลิกกลับมาได้แน่!”

“ฮ่าๆๆ! ในที่สุดข้าก็จะรายงานความสำเร็จกลับไปได้เสียที! บางทีเราอาจจะใช้เวลาขยี้หอมหาสมบัติไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ” เถ้าแก่หลินกล่าวเสริม

เถ้าแก่อีกคนในที่ประชุมก็ได้พูดขึ้นตาม “หึๆ เรื่องนั้นมันช่วยไม่ได้หรอก ไม่ว่าหอมหาสมบัตินั้นจะเก่งกาจปานใด ไม่ว่าเทพสวรรค์เปียวหยูจะเก่งกาจปานใด ไม่ว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจปานใด มันก็ย่อมจะไม่มีทางเทียบเคียงกับพันธมิตรแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นได้! ทรัพยากรที่เรามีในมือ หากไม่นับเหล่ายอดค่ายสำนักทั้งหลายแล้วทรัพยากรในแดนใต้นี้มันก็นับว่าอยู่ในมือเราเกือบครึ่ง หากเช่นนี้เรายังจะแพ้ได้อีกข้าก็คงต้องเอาหัวไปโขกเต้าหู้ตายแล้ว!”

ติงเสี่ยวพยักหน้ารับ “ตามข่าวที่ข้าได้ยินมาเวลานี้เหล่ายอดจอมเทพโอสถจากแดนใต้ทั้งหมดทั้งสิ้นมันได้ไปรวมตัวกันและทำการหลอมโอสถขึ้นอย่างมหาศาล ให้เราได้ค้าขายอย่างไม่ต้องกังวลของจะขาดตลาด ไม่นานเราคงได้ใช้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์นี้เป็นศูนย์กลางการค้าขยายเขตอำนาจไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิต่างๆ อีกมากมาย”

เมื่อเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้นตามๆ กัน

การควบคุมได้กว่าเจ็ดในสิบของส่วนแบ่งตลาดมันย่อมจะหมายความว่าเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายนี้ยึดถือว่าตนเองเป็นผู้ชนะไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะตอนนี้ร้านต่างๆ ที่มาตั้งแข่งขันนี้มันมีกว่าสี่สิบถึงห้าสิบร้าน

และแต่ละร้านนั้นล้วนเป็นร้านจากยอดค่ายสำนักในแดนใต้ เรื่องของความพ่ายแพ้นั้นมันย่อมจะไม่เคยเกิดขึ้นในหัวของพวกเขาทั้งหลาย

ต่อให้เย่หยวนจะมีไม้ตายใดๆ ในมือแต่ในสายตาของพวกเขาแล้วมันก็คงทำได้แค่ยืดเวลาที่หอมหาสมบัติจะพ่ายแพ้ลงเท่านั้น

“อ่า จริงด้วย! ข้าได้ยินว่าชิวเทียนหยูคิดจะขึ้นราคานี่? ฮ่าๆ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ายิ่งขึ้นราคาแล้วมันจะยังมีใครไปซื้อโอสถจากหอมหาสมบัติอีกหรือไม่!” เถ้าแก่หลินหัวเราะขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นได้

“แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

เสียงของเถ้าแก่หลินยังไม่ทันจางหายคนรับใช้ผู้หนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาภายในห้องประชุมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ติงเสี่ยวที่เห็นจึงร้องตวาดว่าขึ้นทันที “อะไรเล่า? เข้ามาเอะอะเสียมารยาทนัก เจ้ารู้จักกาลเทศะหรือไม่?”

มีหรือที่คนรับใช้ผู้นี้จะยังกล้าสนใจเรื่องการลงโทษใดๆ เวลานี้เขาได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังทิศหนึ่ง “เถ้าแก่ติง เกิดเรื่องแล้ว! ตอนนี้ร้านของหอมหาสมบัติที่ตรงข้ามเรามันมีคนไปเข้าคิวแน่นจนแทบล้นร้าน! เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นดูราวกับคลั่งหวังต่อสู้แย่งชิงกันจะเข้าไปซื้อโอสถจากร้านนั้น ตอนนี้ลูกค้าของร้านเราทั้งหลายเองก็มุ่งหน้าไปยังร้านพวกนั้นกันสิ้นแล้ว”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

ติงเสี่ยวเบิกตากว้าง ได้แต่สงสัยว่าหูตนเองเพี้ยนไปหรือไม่

ทำไมเหล่านักยุทธทั้งหลายถึงจะไปออกันอยู่ที่ร้านของหอมหาสมบัติตรงข้ามกันเล่า?

สีหน้าของเหล่าเถ้าแก่ทั้งหลายเองก็แสดงความไม่คิดอยากเชื่อออกมา

ความคิดของพวกเขาทั้งหลายในเวลานี้มันแทบไม่ต่างกัน ก็คือพวกเขาคิดว่าคนรับใช้นี้คงโกหกแน่แล้ว!

“หอมหาสมบัติมันเพิ่งจะขึ้นราคาโอสถทั้งหลายวันนี้มิใช่หรือ เหตุใดเหล่านักยุทธจะไปแย่งกันซื้อโอสถที่ร้านของพวกมันกันเล่า? เจ้าพูดจาไร้สาระใดอยู่กันนี่?” ติงเสี่ยวได้แต่ถามขึ้น

เพราะแม้เขาจะรู้ดีว่าคนรับใช้นี้คงไม่โกหกแน่แล้ว แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ

คนรับใช้ผู้นั้นได้แต่ยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น “เถ้าแก่ติง ต่อให้ท่านจะเอาใจหมีดีเสือที่ไหนมาให้ข้ากินข้าก็คงไม่กล้ามาพูดจาไร้สาระเช่นนั้นแน่!”

ติงเสี่ยวขมวดคิ้วแน่น “ไป! รีบนำทางข้าไปดูหน่อย!”

พูดไปเขาก็เดินลงจากตัวตึกมาทันที

แต่ในตอนที่เขาลงมาถึงหน้าร้านติงเสี่ยวก็ต้องหยุดเท้าลงก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นความยิ้มแย้ม

เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้มันคือลูกค้ารายใหญ่ของห้างโอสถเมฆาผู้ไม่อาจจะเสียมารยาทด้วยได้

“ฮ่าๆ ผู้นำตระกูลซู ผู้นำตระกูลเหริน ท่านมีเรื่องใดหรือถึงได้มาหาข้าวันนี้?” ติงเสี่ยวยกมือขึ้นคารวะก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม

คนทั้งสองนี้มันคือผู้นำตระกูลซูและตระกูลเหริน สองในห้าตระกูลใหญ่แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยนิรันดร์

ในเวลาหลายเดือนมานี้ติงเสี่ยวได้ใช้ความพยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่จะดึงมือของคนทั้งสองนี้ออกมาจากหอมหาสมบัติ

และในเวลานี้สองตระกูลใหญ่นี้ก็ได้หันมาใช้โอสถจากทางห้างโอสถเมฆาจนสิ้น

ผู้นำตระกูลซูยิ้มขึ้น “ซูผู้นี้มากับน้องเหรินในวันนี้ก็เพราะมีเรื่องจะรบกวนเถ้าแก่ติงสักหน่อย”

ติงเสี่ยวรีบยิ้มรับทันที “ย่อมได้เสมอ! พวกท่านทั้งสองนั้นคือลูกค้ารายใหญ่ของติงผู้นี้ ข้าย่อมจะบริการอย่างดีแน่นอน! หรือว่าโอสถที่ใช้กันมันจะไม่พอหรือ? ไม่มีปัญหา ข้าย่อมจะให้คนรับใช้ไปจัดการเพิ่มปริมาณให้ได้ในทันที”

ผู้นำตระกูลซูนั้นส่ายหัวออกมา “ไม่ต้องๆ! โอสถที่ตระกูลซูเรามีนั้นมันมากจนเกินพอแล้ว!”

ติงเสี่ยวจึงได้แต่ถามขึ้นอย่างสงสัย “เช่นนั้น… ผู้นำตระกูลซูท่านมีธุระใดหรือถึงได้มาหาติงผู้นี้?”

ผู้นำตระกูลซูนั้นหันไปมองผู้นำตระกูลเหรินด้วยสีหน้าหนักใจ แต่ดูท่าทางผู้นำตระกูลเหรินจะเป็นคนตรงๆ ไม่อ้อมค้อมมากกว่าจึงได้กล่าวขึ้น “จะหนักใจใดมากมายเล่า? เถ้าแก่ติง ผู้นำตระกูลซูและเหรินผู้นี้มาในวันนี้ก็เพื่อจะขอยกเลิกสัญญาที่เรามีกับห้างโอสถเมฆา ในวันหน้าเรื่องของโอสถที่สองตระกูลเราจะใช้นั้น เราคงไม่ต้องลำบากห้างโอสถเมฆาจัดหาให้อีกต่อไป!”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+