Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2067 ทุ่งราบสุดอุดร

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2067 ทุ่งราบสุดอุดร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อกลับมาถึงจวนเจ้าเมืองเย่หยวนก็ไม่มีรอที่จะเริ่มการสอบสวนเรื่องราวจากเหล่าพวกศิษย์พี่ซุนนางนี้

ลู่เอ๋อนั้นจากไปนับพันปีอย่างไร้ข่าวคราว

เวลากว่าพันปีนี้เย่หยวนกังวลเรื่องราวของนางอย่างมาก

เพียงแค่ว่ามหาพิภพถงเทียนนั้นใหญ่โต มีหรือที่เย่หยวนจะมีปัญญาออกไปตามหาได้ง่ายๆ?

ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวเรื่องราวของลู่เอ๋อ เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในหัวใจอย่างไม่จบสิ้น

ที่สำคัญกว่านั้นคือข่าวนี้มันมาพร้อมกับเรื่องราวที่ไม่พึงปรารถนาด้วย

หนิงเทียนปิงนั้นลากตัวศิษย์พี่ซุนนางนั้นมาทิ้งไว้ตรงหน้าบัลลังก์ของเย่หยวนก่อนที่นางจะต้องกระอักไอออกมาอย่างหนักหน่วง

ห้วนยี่และพวกทั้งหลายต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา

ชายคนนี้จะเก่งกาจจนเกินไปแล้ว แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้ศิษย์พี่ซุนของพวกนางบาดเจ็บสาหัสได้ปานนี้

“พูดมา! ลู่เอ๋ออยู่ที่ใด? หวังว่าเจ้าจะไม่คิดบังคับให้ข้าต้องค้นจิตของเจ้าหรอกนะ!” เย่หยวนมองดูที่ตัวของศิษย์พี่ซุนนางนั้นพร้อมกล่าวขึ้นด้วยเสียงกร้าว

“แค่กๆ… เจ้ามีพลังบ่มเพาะไม่ถึงระดับของข้า คิดอยากใช้วิชาค้นจิตกับข้าผู้นี้? แค่กๆ… ก็ลองดูสิ!” ศิษย์พี่ซุนนางนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยือก

เย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะไม่สูงเท่าตัวนาง แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเองก็คงไม่แข็งแกร่งไปกว่าตัวนางแน่

หากใช้วิชาค้นจิตออกมาจริงแล้วนอกจากมันจะล้มเหลวแล้วตัวเขายังจะต้องได้รับบาดเจ็บแทนด้วย

เย่หยวนที่ได้ยินก็แสดงใบหน้าจริงจังออกมาทันที “เช่นนั้นก็ตายไปเสียเถอะ!”

เพราะดูท่าแล้วนางมารทั้งหลายนี้ก็คงไม่ได้ปฏิบัติดีงามใดๆ กับลู่เอ๋อแน่ หากตายก็ตายกันไป เย่หยวนย่อมไม่คิดจะเสียใจใดๆ

คลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทรของเย่หยวนจึงได้พุ่งทะยานออกมาจากร่างของเขา

นั่นทำให้สีหน้าของเหล่าเด็กสาวทั้งหลายเปลี่ยนไปทันที พวกนางทั้งหลายได้รู้แล้วว่าเวลานี้เย่หยวนคงไม่ได้พูดเล่นแน่แล้ว

การบรรลุขึ้นครั้งก่อนนั้นเย่หยวนได้กินกลืนทะเลแห่งแนวคิดลงไป แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมันจะพัฒนาขึ้นไปจนถึงขีดสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้ว

“อย่า! ข้าจะพูดแล้วๆ!” ศิษย์พี่ซุนนางนั้นได้แต่ร้องร่ำไห้

“สายไปแล้ว!”

เย่หยวนย่อมไม่คิดจะให้โอกาสใดๆ อีกส่งจิตของตนพุ่งทะลวงลงไปยังทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซุนนางนี้ทันที

คลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของนางนั้นย่อมพยายามที่จะตอบโต้ต่อต้านจิตของเย่หยวน เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจใช้พลังของไข่มุกสยบวิญญาณทำลายแรงต่อต้านใดๆ ทิ้งจนสิ้น

เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสงสารอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อ่านจิตศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซุนนางนี้อย่างรุนแรง

เมื่อได้เห็นภาพเรื่องราวทั้งหลายต่างๆ นานา ยิ่งเย่หยวนมองดูไปมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโกรธแค้นหนักมากขึ้นเท่านั้น

ที่แท้แล้วในแดนเหนือนั้นมันมีดินแดนที่เรียกว่าทุ่งราบสุดอุดร ที่แห่งนั้นมันเป็นสถานที่สุดเย็นเยือก ค่ายสำนักที่ปกครองอยู่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกล้ำ เรื่องราวอำนาจของที่แห่งนั้นมันไม่ได้เรียบร้อยเหมือนดั่งในแดนใต้ที่ทุกผู้คนต่างมีจักรพรรดิเทพสวรรค์คอยปกป้องคุ้มครอง

เพราะที่แห่งนั้นมันเป็นดินแดนไร้ผู้คนต้องการ ไม่มีจักรพรรดิเทพสวรรค์คนใดคิดสนใจในที่แห่งนั้นแม้แต่น้อย ทำให้ดินแดนนี้มันถูกแบ่งออกตามค่ายสำนักน้อยใหญ่ต่างๆ

และในความเป็นจริงแล้วดินแดนนั้นมันได้มีเก้าค่ายสำนักระดับเทพสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดปกครองอยู่

หนึ่งในเก้าค่ายสำนักเทพสวรรค์นั้นก็คือหอเมฆาน้ำแข็งนี่เอง

เมื่อประมาณหนึ่งพันปีก่อนลู่เอ๋อได้ไปปรากฏตัวที่ทุ่งราบสุดอุดรโดยไม่มีใครทราบสาเหตุและทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งก็ได้นึกถูกใจรับนางเข้าไว้เป็นศิษย์

ตอนนั้นลู่เอ๋อยังเป็นเพียงแค่ปัจฉิมพระเจ้า แต่วิชาบ่มเพาะของทางหอเมฆาน้ำแข็งนั้นมันเข้ากับลู่เอ๋อเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่มีกายเทวะหยินล้ำอยู่กับตัวมันจึงทำให้การบ่มเพาะของนางเป็นไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปแค่พันปีนางก็สามารถบ่มเพาะขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ ในเวลานี้นางได้กลับกลายเป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้ห้าดาวไปแล้ว

แต่แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหลายทั้งสิ้นนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะเย่หยวน

ตอนนั้นเขาได้ช่วยแปลงชีพจรเก้าหยินของลู่เอ๋อให้พัฒนากลายเป็นกายเทวะหยินล้ำด้วยโอสถของเขา มันจึงทำให้ลู่เอ๋อมีทุกวันนี้ได้

แต่ระหว่างทางที่ผ่านมานี้ลู่เอ๋อก็ได้พบเจอความยากลำบากมาอย่างมากมาย

ศิษย์พี่ซุนนางนี้อิจฉาความสามารถพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพร้อมทั้งหน้าตาที่สวยงามของลู่เอ๋อ

นั่นทำให้ครั้งหนึ่งลู่เอ๋อได้ทำผิดกฎเข้าและนางผู้นี้ได้จับลู่เอ๋อมาทรมานจนลู่เอ๋อแทบเอาชีวิตไม่รอด

หากมิใช่เพราะศิษย์พี่รองของสำนักช่วยไว้ เย่หยวนคงไม่อาจจะได้พบเจอกับลู่เอ๋ออีกตลอดกาลเป็นแน่

แน่นอนว่าแม้ศิษย์พี่ซุนนางนี้จะอิจฉาริษยาปานใด สุดท้ายแล้วนางก็แค่ทำตามคำผู้คน

ตัวการที่คิดวางแผนร้ายต่อลู่เอ๋อ แท้จริงนั้นมันคือศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักนามเฮ่อเซียงหยุน!

ส่วนทางตัวของเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งนั้น นางเป็นคนประเภทที่ปล่อยให้โลกหมุนไปด้วยตนเอง

แม้หอเมฆาน้ำแข็งนี้มันเป็นสำนักหญิงล้วน แต่ด้วยความโหดร้ายของดินแดนทุ่งราบสุดอุดรนั้นมันจึงทำให้พวกนางทั้งหลายคิดเอาตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาลไร้ความอ่อนโยนใดๆ อย่างที่หญิงสาวควรมี ไม่สนใจว่าชีวิตของผู้คนเบื้องล่างตนจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย

ภายในหอเมฆาน้ำแข็งนี้ หากจะให้พูดถึงคนที่อ่อนโยนต่อลู่เอ๋อแล้วมันก็คงมีแค่ศิษย์พี่รองของสำนักนามหยางเฟยเอ๋อเท่านั้น

และในครั้งนี้ที่เหล่าพวกซุนชิงหลิงทั้งหลายเดินทางลงใต้มาหาเย่หยวนก็เป็นเพราะว่านายน้อยของอีกหนึ่งในเก้าค่ายสำนักใหญ่ของทุ่งราบสุดอุดรคิดสนใจลู่เอ๋อและได้มาข่มขู่กดดันทั้งยังหลอกล่อเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งด้วยผลประโยชน์มากมายมหาศาล เพื่อที่จะขอลู่เอ๋อไปแต่งงานด้วย

ทางด้านเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งเองก็ไม่อาจทนความยั่วเย้าของผลประโยชน์มหาศาลนี้ได้และตอบตกลงไป

เพียงแค่ว่าทางลู่เอ๋อนั้นขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ทำให้ทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งไม่อาจตอบตกลงใดๆ ได้

ลู่เอ๋อนั้นมีความคิดบริสุทธิ์และรักเย่หยวนอย่างมาก เรื่องนี้ศิษย์พี่ใหญ่เฮ่อเซียงหยุนนั้นรู้ถึงมันดีจึงได้ไปบอกให้เจ้าหอเมฆาน้ำแข็งส่งคนไปจับตัวเย่หยวนเพื่อเอามาข่มขู่ลู่เอ๋อ บีบให้ลู่เอ๋อยอมรับคำขอแต่งงาน

เมื่อทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งได้ยินเช่นนั้นนางก็ตอบตกลงอย่างตื่นเต้นดีใจทันที

เพราะนางเองก็รู้ดีว่าที่อยู่ของเย่หยวนนั้นมันเป็นแค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ จึงคิดว่าแค่สองพวกซุนชิงหลิงมามันก็คงมากเกินพอ

เพียงแค่ว่าทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งนั้นคงไม่ได้คาดคิดว่ากำลังของเย่หยวนในเวลานี้ หากคิดจะสังหารพวกซุนชิงหลิงทั้งหลายนั้นแล้ว มันจะง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

ที่สำคัญไปกว่านั้นคืออำนาจที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มีในเวลานี้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอำนาจของทางหอเมฆาน้ำแข็งแม้แต่น้อย

แต่สิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือพวกซุนชิงหลิงทั้งหลายที่คิดว่าตนเองเก่งกาจมาอวดอ้างฝีมืออย่างไม่คิดสืบข้อมูลใดๆ จึงทำให้ถูกเย่หยวนจัดการลงอย่างง่ายดาย

“พวกเจ้าทั้งหลาย เยี่ยมจริงๆ!”

เย่หยวนนั้นกัดฟันแน่นพูดออกมา

เมื่อหนิงเทียนปิงและไป๋เฉินเห็นเช่นนั้น พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะผงะหลังไป

พวกเขานั้นย่อมไม่อาจเห็นได้ว่าเย่หยวนมองเห็นอะไรในจิตของซุนชิงหลิง แต่สีหน้าโกรธแค้นเคืองปานนี้พวกเขาแทบจะไม่เคยเห็นเย่หยวนทำมันออกมาก่อน แค่นี้มันก็มากพอจะอารมณ์ที่เย่หยวนมีได้แล้ว

“น-นายท่าน ไว้ชีวิตเราด้วยเถอะ!” มีหรือที่เหล่าหญิงสาวทั้งหลายนี้จะยังกล้าทำหน้าตาเย่อหยิ่งใดๆ? เวลานี้พวกนางนั้นได้แต่ยืนตัวสั่นอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้

“หึ เย่ผู้นี้เองก็มิใช่คนชอบฆ่าสังหารมากมาย เพียงแค่ว่าพวกเจ้าทำกับลู่เอ๋อเช่นนั้น มันย่อมไม่อาจจะไว้ชีวิตได้!”

พูดจบเย่หยวนก็สะบัดแขนปล่อยคลื่นดาบนับพันๆ พุ่งผ่านร่างของพวกนางไป

คนทั้งสี่นั้นเป็นขี้ข้าของซุนชิงหลิง แน่นอนว่าในเวลาพันปีมานี้พวกนางทั้งหลายเองก็ได้สร้างเรื่องให้ลู่เอ๋ออย่างไม่จบไม่สิ้น หลายครั้งทำให้ลู่เอ๋อแทบจะตายลง มีหรือที่เย่หยวนจะยอมปล่อยไว้ชีวิตพวกนาง?

หลังจากสังหารคนทั้งสี่ไปแล้วเย่หยวนก็สูดหายใจเข้าลึกพยายามสงบอารมณ์ของตนลงและสั่งออกมา “ไปเชิญพวกพี่ไป๋ตงมา”

เมื่อได้ยินว่าเย่หยวนจะออกเดินทางไปแดนเหนือเหล่าผู้คนทั้งหลายก็แสดงสีหน้าท่าทางกังวลออกมาทันที

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย ไปถึงที่นั่นแล้วคนทั้งหลายก็คงไม่มีใครรู้จักปรมาจารย์เย่อีก

หากมีเรื่องราวใดเกิดขึ้นกับเย่หยวนพวกเขาทั้งหลายคงไม่อาจทนได้แน่

ไป๋ตงที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่น “ทำไมเจ้า… ไม่ให้ข้าไปด้วยเล่า?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “เวลานี้เมืองอินทรีสวรรค์เรายังคงอยู่ระหว่างการขยายอำนาจดินแดน ทุกค่ายสำนักต่างหันมาจ้องมองเราไม่วางตา ตอนนี้เราย่อมจะต้องมีเทพสวรรค์คอยดูแลเมืองเอาไว้ พวกเจ้าทั้งหลายจงอยู่ดูเมืองต่อเถอะ แค่ให้เทียนปิงตามข้าไปก็พอ”

การพาไป๋ตงไปด้วยมันย่อมจะทำให้ตัวเย่หยวนปลอดภัยมากกว่า

แต่เวลานี้แดนใต้เองก็มิใช่จะปลอดภัยเรียบร้อย เทพสวรรค์ดันหยู่ที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปย่อมจะต้องจ้องมองหาช่องว่างใดๆ อยู่แน่ หากไม่มีเทพสวรรค์อยู่ดูแลแล้วเย่หยวนย่อมจะไม่อาจคิดวางใจเรื่องราวของฝั่งนี้ได้

แม้ว่ามันจะผ่านการตกลงเจรจาอันยาวนานนับปีๆ มาแล้วแต่สุดท้ายทั้งหอมหาสมบัติทั้งเมืองอินทรีสวรรค์ก็ได้กลับเข้าร่วมพันธมิตรอีกครั้ง

ในศึกครั้งนี้แน่นอนว่าคนที่ได้ประโยชน์หนักหน่วงที่สุดย่อมจะเป็นทางหอมหาสมบัติ แต่คนที่โดดเด่นที่สุดมันย่อมจะเป็นเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเขา

ยิ่งปีนขึ้นสูงมันก็จะยิ่งเจออุปสรรคแฝงอันตรายมาก แน่นอนว่าทางเทพสวรรค์ดันหยู่ย่อมจะไม่ยอมก้มหัวลงเช่นนี้ตลอดไป สักวันมันอาจจะเกิดเรื่องใดขึ้นมาก็ได้

ตัวไป๋ตงนั้นมิใช่เป็นแค่เทพสวรรค์แต่ตัวเขายังเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวคนหนึ่งด้วย หากมีเขาดูแลเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไว้เย่หยวนก็ย่อมจะวางใจลงได้มากกว่าให้ใครดูแล

“หยุนยี่ เมื่ออาจารย์ของเจ้าไม่อยู่แล้วเจ้าจงดูแลสันเขาใต้นี้ให้มั่นคง หากเจ้ามีปัญหาที่ไม่อาจคิดแก้ไขได้ด้วยตนเองก็ให้ไปปรึกษาผู้อาวุโสไป๋ เข้าใจหรือไม่?” เย่หยวนสั่งออกมา

หยุนยี่พยักหน้ารับ “ขอรับท่านอาจารย์!”

หลังจากจัดการเรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้นในเมืองแล้วเย่หยวนก็ได้พาตัวหนิงเทียนปิงออกเดินทางสู่ทุ่งราบสุดอุดรในทันที

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2067 ทุ่งราบสุดอุดร

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2067 ทุ่งราบสุดอุดร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อกลับมาถึงจวนเจ้าเมืองเย่หยวนก็ไม่มีรอที่จะเริ่มการสอบสวนเรื่องราวจากเหล่าพวกศิษย์พี่ซุนนางนี้

ลู่เอ๋อนั้นจากไปนับพันปีอย่างไร้ข่าวคราว

เวลากว่าพันปีนี้เย่หยวนกังวลเรื่องราวของนางอย่างมาก

เพียงแค่ว่ามหาพิภพถงเทียนนั้นใหญ่โต มีหรือที่เย่หยวนจะมีปัญญาออกไปตามหาได้ง่ายๆ?

ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวเรื่องราวของลู่เอ๋อ เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในหัวใจอย่างไม่จบสิ้น

ที่สำคัญกว่านั้นคือข่าวนี้มันมาพร้อมกับเรื่องราวที่ไม่พึงปรารถนาด้วย

หนิงเทียนปิงนั้นลากตัวศิษย์พี่ซุนนางนั้นมาทิ้งไว้ตรงหน้าบัลลังก์ของเย่หยวนก่อนที่นางจะต้องกระอักไอออกมาอย่างหนักหน่วง

ห้วนยี่และพวกทั้งหลายต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา

ชายคนนี้จะเก่งกาจจนเกินไปแล้ว แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้ศิษย์พี่ซุนของพวกนางบาดเจ็บสาหัสได้ปานนี้

“พูดมา! ลู่เอ๋ออยู่ที่ใด? หวังว่าเจ้าจะไม่คิดบังคับให้ข้าต้องค้นจิตของเจ้าหรอกนะ!” เย่หยวนมองดูที่ตัวของศิษย์พี่ซุนนางนั้นพร้อมกล่าวขึ้นด้วยเสียงกร้าว

“แค่กๆ… เจ้ามีพลังบ่มเพาะไม่ถึงระดับของข้า คิดอยากใช้วิชาค้นจิตกับข้าผู้นี้? แค่กๆ… ก็ลองดูสิ!” ศิษย์พี่ซุนนางนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยือก

เย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะไม่สูงเท่าตัวนาง แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเองก็คงไม่แข็งแกร่งไปกว่าตัวนางแน่

หากใช้วิชาค้นจิตออกมาจริงแล้วนอกจากมันจะล้มเหลวแล้วตัวเขายังจะต้องได้รับบาดเจ็บแทนด้วย

เย่หยวนที่ได้ยินก็แสดงใบหน้าจริงจังออกมาทันที “เช่นนั้นก็ตายไปเสียเถอะ!”

เพราะดูท่าแล้วนางมารทั้งหลายนี้ก็คงไม่ได้ปฏิบัติดีงามใดๆ กับลู่เอ๋อแน่ หากตายก็ตายกันไป เย่หยวนย่อมไม่คิดจะเสียใจใดๆ

คลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทรของเย่หยวนจึงได้พุ่งทะยานออกมาจากร่างของเขา

นั่นทำให้สีหน้าของเหล่าเด็กสาวทั้งหลายเปลี่ยนไปทันที พวกนางทั้งหลายได้รู้แล้วว่าเวลานี้เย่หยวนคงไม่ได้พูดเล่นแน่แล้ว

การบรรลุขึ้นครั้งก่อนนั้นเย่หยวนได้กินกลืนทะเลแห่งแนวคิดลงไป แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมันจะพัฒนาขึ้นไปจนถึงขีดสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้ว

“อย่า! ข้าจะพูดแล้วๆ!” ศิษย์พี่ซุนนางนั้นได้แต่ร้องร่ำไห้

“สายไปแล้ว!”

เย่หยวนย่อมไม่คิดจะให้โอกาสใดๆ อีกส่งจิตของตนพุ่งทะลวงลงไปยังทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซุนนางนี้ทันที

คลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของนางนั้นย่อมพยายามที่จะตอบโต้ต่อต้านจิตของเย่หยวน เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจใช้พลังของไข่มุกสยบวิญญาณทำลายแรงต่อต้านใดๆ ทิ้งจนสิ้น

เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสงสารอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อ่านจิตศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซุนนางนี้อย่างรุนแรง

เมื่อได้เห็นภาพเรื่องราวทั้งหลายต่างๆ นานา ยิ่งเย่หยวนมองดูไปมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโกรธแค้นหนักมากขึ้นเท่านั้น

ที่แท้แล้วในแดนเหนือนั้นมันมีดินแดนที่เรียกว่าทุ่งราบสุดอุดร ที่แห่งนั้นมันเป็นสถานที่สุดเย็นเยือก ค่ายสำนักที่ปกครองอยู่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกล้ำ เรื่องราวอำนาจของที่แห่งนั้นมันไม่ได้เรียบร้อยเหมือนดั่งในแดนใต้ที่ทุกผู้คนต่างมีจักรพรรดิเทพสวรรค์คอยปกป้องคุ้มครอง

เพราะที่แห่งนั้นมันเป็นดินแดนไร้ผู้คนต้องการ ไม่มีจักรพรรดิเทพสวรรค์คนใดคิดสนใจในที่แห่งนั้นแม้แต่น้อย ทำให้ดินแดนนี้มันถูกแบ่งออกตามค่ายสำนักน้อยใหญ่ต่างๆ

และในความเป็นจริงแล้วดินแดนนั้นมันได้มีเก้าค่ายสำนักระดับเทพสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดปกครองอยู่

หนึ่งในเก้าค่ายสำนักเทพสวรรค์นั้นก็คือหอเมฆาน้ำแข็งนี่เอง

เมื่อประมาณหนึ่งพันปีก่อนลู่เอ๋อได้ไปปรากฏตัวที่ทุ่งราบสุดอุดรโดยไม่มีใครทราบสาเหตุและทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งก็ได้นึกถูกใจรับนางเข้าไว้เป็นศิษย์

ตอนนั้นลู่เอ๋อยังเป็นเพียงแค่ปัจฉิมพระเจ้า แต่วิชาบ่มเพาะของทางหอเมฆาน้ำแข็งนั้นมันเข้ากับลู่เอ๋อเป็นอย่างมาก

ด้วยความที่มีกายเทวะหยินล้ำอยู่กับตัวมันจึงทำให้การบ่มเพาะของนางเป็นไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปแค่พันปีนางก็สามารถบ่มเพาะขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ ในเวลานี้นางได้กลับกลายเป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้ห้าดาวไปแล้ว

แต่แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหลายทั้งสิ้นนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะเย่หยวน

ตอนนั้นเขาได้ช่วยแปลงชีพจรเก้าหยินของลู่เอ๋อให้พัฒนากลายเป็นกายเทวะหยินล้ำด้วยโอสถของเขา มันจึงทำให้ลู่เอ๋อมีทุกวันนี้ได้

แต่ระหว่างทางที่ผ่านมานี้ลู่เอ๋อก็ได้พบเจอความยากลำบากมาอย่างมากมาย

ศิษย์พี่ซุนนางนี้อิจฉาความสามารถพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพร้อมทั้งหน้าตาที่สวยงามของลู่เอ๋อ

นั่นทำให้ครั้งหนึ่งลู่เอ๋อได้ทำผิดกฎเข้าและนางผู้นี้ได้จับลู่เอ๋อมาทรมานจนลู่เอ๋อแทบเอาชีวิตไม่รอด

หากมิใช่เพราะศิษย์พี่รองของสำนักช่วยไว้ เย่หยวนคงไม่อาจจะได้พบเจอกับลู่เอ๋ออีกตลอดกาลเป็นแน่

แน่นอนว่าแม้ศิษย์พี่ซุนนางนี้จะอิจฉาริษยาปานใด สุดท้ายแล้วนางก็แค่ทำตามคำผู้คน

ตัวการที่คิดวางแผนร้ายต่อลู่เอ๋อ แท้จริงนั้นมันคือศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักนามเฮ่อเซียงหยุน!

ส่วนทางตัวของเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งนั้น นางเป็นคนประเภทที่ปล่อยให้โลกหมุนไปด้วยตนเอง

แม้หอเมฆาน้ำแข็งนี้มันเป็นสำนักหญิงล้วน แต่ด้วยความโหดร้ายของดินแดนทุ่งราบสุดอุดรนั้นมันจึงทำให้พวกนางทั้งหลายคิดเอาตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาลไร้ความอ่อนโยนใดๆ อย่างที่หญิงสาวควรมี ไม่สนใจว่าชีวิตของผู้คนเบื้องล่างตนจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย

ภายในหอเมฆาน้ำแข็งนี้ หากจะให้พูดถึงคนที่อ่อนโยนต่อลู่เอ๋อแล้วมันก็คงมีแค่ศิษย์พี่รองของสำนักนามหยางเฟยเอ๋อเท่านั้น

และในครั้งนี้ที่เหล่าพวกซุนชิงหลิงทั้งหลายเดินทางลงใต้มาหาเย่หยวนก็เป็นเพราะว่านายน้อยของอีกหนึ่งในเก้าค่ายสำนักใหญ่ของทุ่งราบสุดอุดรคิดสนใจลู่เอ๋อและได้มาข่มขู่กดดันทั้งยังหลอกล่อเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งด้วยผลประโยชน์มากมายมหาศาล เพื่อที่จะขอลู่เอ๋อไปแต่งงานด้วย

ทางด้านเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งเองก็ไม่อาจทนความยั่วเย้าของผลประโยชน์มหาศาลนี้ได้และตอบตกลงไป

เพียงแค่ว่าทางลู่เอ๋อนั้นขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ทำให้ทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งไม่อาจตอบตกลงใดๆ ได้

ลู่เอ๋อนั้นมีความคิดบริสุทธิ์และรักเย่หยวนอย่างมาก เรื่องนี้ศิษย์พี่ใหญ่เฮ่อเซียงหยุนนั้นรู้ถึงมันดีจึงได้ไปบอกให้เจ้าหอเมฆาน้ำแข็งส่งคนไปจับตัวเย่หยวนเพื่อเอามาข่มขู่ลู่เอ๋อ บีบให้ลู่เอ๋อยอมรับคำขอแต่งงาน

เมื่อทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งได้ยินเช่นนั้นนางก็ตอบตกลงอย่างตื่นเต้นดีใจทันที

เพราะนางเองก็รู้ดีว่าที่อยู่ของเย่หยวนนั้นมันเป็นแค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ จึงคิดว่าแค่สองพวกซุนชิงหลิงมามันก็คงมากเกินพอ

เพียงแค่ว่าทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งนั้นคงไม่ได้คาดคิดว่ากำลังของเย่หยวนในเวลานี้ หากคิดจะสังหารพวกซุนชิงหลิงทั้งหลายนั้นแล้ว มันจะง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

ที่สำคัญไปกว่านั้นคืออำนาจที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มีในเวลานี้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอำนาจของทางหอเมฆาน้ำแข็งแม้แต่น้อย

แต่สิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือพวกซุนชิงหลิงทั้งหลายที่คิดว่าตนเองเก่งกาจมาอวดอ้างฝีมืออย่างไม่คิดสืบข้อมูลใดๆ จึงทำให้ถูกเย่หยวนจัดการลงอย่างง่ายดาย

“พวกเจ้าทั้งหลาย เยี่ยมจริงๆ!”

เย่หยวนนั้นกัดฟันแน่นพูดออกมา

เมื่อหนิงเทียนปิงและไป๋เฉินเห็นเช่นนั้น พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะผงะหลังไป

พวกเขานั้นย่อมไม่อาจเห็นได้ว่าเย่หยวนมองเห็นอะไรในจิตของซุนชิงหลิง แต่สีหน้าโกรธแค้นเคืองปานนี้พวกเขาแทบจะไม่เคยเห็นเย่หยวนทำมันออกมาก่อน แค่นี้มันก็มากพอจะอารมณ์ที่เย่หยวนมีได้แล้ว

“น-นายท่าน ไว้ชีวิตเราด้วยเถอะ!” มีหรือที่เหล่าหญิงสาวทั้งหลายนี้จะยังกล้าทำหน้าตาเย่อหยิ่งใดๆ? เวลานี้พวกนางนั้นได้แต่ยืนตัวสั่นอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้

“หึ เย่ผู้นี้เองก็มิใช่คนชอบฆ่าสังหารมากมาย เพียงแค่ว่าพวกเจ้าทำกับลู่เอ๋อเช่นนั้น มันย่อมไม่อาจจะไว้ชีวิตได้!”

พูดจบเย่หยวนก็สะบัดแขนปล่อยคลื่นดาบนับพันๆ พุ่งผ่านร่างของพวกนางไป

คนทั้งสี่นั้นเป็นขี้ข้าของซุนชิงหลิง แน่นอนว่าในเวลาพันปีมานี้พวกนางทั้งหลายเองก็ได้สร้างเรื่องให้ลู่เอ๋ออย่างไม่จบไม่สิ้น หลายครั้งทำให้ลู่เอ๋อแทบจะตายลง มีหรือที่เย่หยวนจะยอมปล่อยไว้ชีวิตพวกนาง?

หลังจากสังหารคนทั้งสี่ไปแล้วเย่หยวนก็สูดหายใจเข้าลึกพยายามสงบอารมณ์ของตนลงและสั่งออกมา “ไปเชิญพวกพี่ไป๋ตงมา”

เมื่อได้ยินว่าเย่หยวนจะออกเดินทางไปแดนเหนือเหล่าผู้คนทั้งหลายก็แสดงสีหน้าท่าทางกังวลออกมาทันที

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย ไปถึงที่นั่นแล้วคนทั้งหลายก็คงไม่มีใครรู้จักปรมาจารย์เย่อีก

หากมีเรื่องราวใดเกิดขึ้นกับเย่หยวนพวกเขาทั้งหลายคงไม่อาจทนได้แน่

ไป๋ตงที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่น “ทำไมเจ้า… ไม่ให้ข้าไปด้วยเล่า?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “เวลานี้เมืองอินทรีสวรรค์เรายังคงอยู่ระหว่างการขยายอำนาจดินแดน ทุกค่ายสำนักต่างหันมาจ้องมองเราไม่วางตา ตอนนี้เราย่อมจะต้องมีเทพสวรรค์คอยดูแลเมืองเอาไว้ พวกเจ้าทั้งหลายจงอยู่ดูเมืองต่อเถอะ แค่ให้เทียนปิงตามข้าไปก็พอ”

การพาไป๋ตงไปด้วยมันย่อมจะทำให้ตัวเย่หยวนปลอดภัยมากกว่า

แต่เวลานี้แดนใต้เองก็มิใช่จะปลอดภัยเรียบร้อย เทพสวรรค์ดันหยู่ที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปย่อมจะต้องจ้องมองหาช่องว่างใดๆ อยู่แน่ หากไม่มีเทพสวรรค์อยู่ดูแลแล้วเย่หยวนย่อมจะไม่อาจคิดวางใจเรื่องราวของฝั่งนี้ได้

แม้ว่ามันจะผ่านการตกลงเจรจาอันยาวนานนับปีๆ มาแล้วแต่สุดท้ายทั้งหอมหาสมบัติทั้งเมืองอินทรีสวรรค์ก็ได้กลับเข้าร่วมพันธมิตรอีกครั้ง

ในศึกครั้งนี้แน่นอนว่าคนที่ได้ประโยชน์หนักหน่วงที่สุดย่อมจะเป็นทางหอมหาสมบัติ แต่คนที่โดดเด่นที่สุดมันย่อมจะเป็นเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเขา

ยิ่งปีนขึ้นสูงมันก็จะยิ่งเจออุปสรรคแฝงอันตรายมาก แน่นอนว่าทางเทพสวรรค์ดันหยู่ย่อมจะไม่ยอมก้มหัวลงเช่นนี้ตลอดไป สักวันมันอาจจะเกิดเรื่องใดขึ้นมาก็ได้

ตัวไป๋ตงนั้นมิใช่เป็นแค่เทพสวรรค์แต่ตัวเขายังเป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวคนหนึ่งด้วย หากมีเขาดูแลเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไว้เย่หยวนก็ย่อมจะวางใจลงได้มากกว่าให้ใครดูแล

“หยุนยี่ เมื่ออาจารย์ของเจ้าไม่อยู่แล้วเจ้าจงดูแลสันเขาใต้นี้ให้มั่นคง หากเจ้ามีปัญหาที่ไม่อาจคิดแก้ไขได้ด้วยตนเองก็ให้ไปปรึกษาผู้อาวุโสไป๋ เข้าใจหรือไม่?” เย่หยวนสั่งออกมา

หยุนยี่พยักหน้ารับ “ขอรับท่านอาจารย์!”

หลังจากจัดการเรื่องราวทั้งหมดทั้งสิ้นในเมืองแล้วเย่หยวนก็ได้พาตัวหนิงเทียนปิงออกเดินทางสู่ทุ่งราบสุดอุดรในทันที

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+