Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2071 ส่งสารท้าดวล

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2071 ส่งสารท้าดวล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“มารอคน? หึ! ข้าว่าเจ้านั้นมาสร้างเรื่องเสียมากกว่า! ที่แห่งนี้มันไม่ต้อนรับเจ้า! เชิญ!”

จางถูนั้นรู้สึกเกลียดชังและเกรงกลัวเย่หยวนไม่น้อย ตอนนี้เขาแค่อยากจะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปให้พ้นๆ

แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุ่มย่ามกับเย่หยวนมากมายนัก เพราะจิตใจของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งปานนั้น

สุดท้ายเขาจึงได้แต่พูดไล่ออกไป

เย่หยวนเทสุราลงดื่มอีกจอกก่อนจะตอบกลับไป “เจ้าวางใจเถอะ หากข้าเสร็จธุระแล้วต่อให้เจ้าจะไปเชิญ ข้าก็คงไม่มาอีก”

เย่หยวนยกสุราของตนขึ้นมาดื่มจนทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมมันเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นหอมของสาดตะวันโอบ

เมื่อได้กลิ่นสุรานี้สุราเพลิงคลั่งใดๆ มันก็ไม่มีรสไม่มีชาติอีกต่อไป

ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็ต้องจงใจทำแน่

ภายในโรงเตี๊ยมน้อยๆ นี้ความเจ็บแค้นดวงใจจึงพุ่งทะยานขึ้น

มีหรือที่จางถูจะไม่เข้าใจว่าคนทั้งหลายนั้นคิดอย่างไร? เขานั้นคิดอยากจะเตะเย่หยวนออกไปจากร้านด้วยเท้าของตนเสียให้ได้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ยอมจะไป

ไม่นานนักก็มีชายแก่ชุดเทาเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้

เมื่อชายแก่คนนี้มาถึงเขาก็ตะโกนสั่งทันที “จางถู เฒ่าคนนี้ขอสุราเพลิงคลั่งสามไหพร้อมกับแกล้ม!”

เมื่อจางถูได้เห็นผู้ที่มาถึงนี้เขาก็รีบเข้าไปรับหน้าด้วยท่าทางสุภาพทันที “แหม! อาจารย์ซ่งเฉา ไม่ได้มาเสียหลายวันเลยนะ!”

ตอนนี้มันมิใช่แค่จางถู แต่คนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมเวลานี้เมื่อได้เห็นซ่งเฉาแล้วพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพชายแก่ตามๆ กัน

ดูท่าแล้วตำแหน่งของซ่งเฉาในชุมเก้าสายนี้มันคงสูงส่งไม่น้อย ไม่มีใครไม่รู้จักตัวเขา

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ข้ายุ่งกับการหลอมโอสถมาหลายวัน พอหลอมโอสถแล้วเสร็จท้องมันก็ร้องขึ้นมา ข้าเลยรีบมุ่งหน้ามาทันที อ่า นี่มันกลิ่นหอมนัก! เฒ่าถู ร้านเจ้ามีสุราใหม่หรือ? ทำไมมันถึงได้หอมหวนเช่นนี้?”

ซ่งเฉากล่าวถามขึ้นมาพร้อมจมูดที่พยายามสูดดมกลิ่นนั้น กลิ่นหอมของสุราชนิดนี้มันทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างมากมายมหาศาล

แต่เมื่อเขาถามขึ้นมาสีหน้าของจางถูก็เปลี่ยนไปทันที ไม่รู้จะต้องตอบมันว่าอย่างไร

แต่กลับเป็นคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านผู้หนึ่งที่พูดขึ้นมาแทน “อาจารย์ซ่งเฉา สุรานั้นมันเป็นของที่เจ้าเด็กคนนั้นนำมาดื่มเอง”

ซ่งเฉาจึงได้หันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาทันที “เด็กน้อย สุรานี้กลิ่นดี ให้เฒ่าคนนี้ลองมันหน่อย”

คำพูดของเขานี้มันไม่มีการขอใดๆ แต่เป็นคำสั่ง

ความหมายของเขาก็คือ จะดื่มให้ได้ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่!

เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

‘เจ้าชอบอวดตัวนักมิใช่หรือ?’

‘ตอนนี้อาจารย์ซ่งเฉาท่านมาขอสุราของเจ้าแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธหรือไม่!’

เย่หยวนนั้นไม่คิดเงยหน้ามองใดๆ รินสุราสาดตะวันโอบลงจอกตนเองก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “เจ้าคือซ่งเฉา?”

ซ่งเฉาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที ดูท่าคงไม่ชอบน้ำเสียงของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่ “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้นี่แหละซ่งเฉา เด็กน้อย สุรานี้…”

คำพูดของเขายังกล่าวไม่ทันจบเย่หยวนก็หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาวางต่อหน้าเขา

“สารท้าดวล?”

ซ่งเฉานั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะท้าเฒ่าคนนี้? เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้เป็นใครกัน?”

คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?

“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? หรือว่ามันจะเสียสติ? อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นถึงหนึ่งในสามจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสายเรา แต่ตัวมันที่เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับกล้าท้าทายอาจารย์ซ่งเฉา?”

“อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีหรือที่ใครก็จะสามารถท้าทายเขาได้?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ้าอยากดังใช่ไหมล่ะเนี่ย? ถึงกับกล้าหาเรื่องสร้างจุดสนใจใหญ่โตขนาดนี้”

“อ่า! ข้ารู้แล้ว ที่แท้คนที่มันบอกว่ากำลังรออยู่ก็คืออาจารย์ซ่งเฉานี่เอง!”

ในเวลานี้เมื่อมีคนคิดขึ้นมาได้ คนทั้งหลายก็ถึงบางอ้อไปตามๆ กัน

หากแค่บอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สังหารดาบสายฟ้าหวางเหิงลงด้วยกระบวนท่าเดียว คนทั้งหลายก็ย่อมจะพอเข้าใจได้

แต่ตอนนี้กลับคิดไปท้าทายซ่งเฉานั้น พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจทำใจยอมรับ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการฆ่าสังหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การยกดาบทะเลาะกันมันเป็นสิ่งที่สุดแสนชินตาผู้คน

แต่ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ตำแหน่งของจอมเทพโอสถนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่

เพราะด้วยสภาพอากาศของทุ่งราบสุดอุดรที่สุดแสนโหดร้าย พลังงานวิญญาณใดๆ ก็ต่ำตมไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูนักหลอมโอสถเลย

เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสำเร็จวิชาโอสถได้ในดินแดนนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นยอดคนที่ทุกผู้คนนับหน้าถือตา

เพราะว่าเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นต้องพึ่งพาโอสถในการบ่มเพาะมากกว่าทางแดนใต้อย่างมหาศาล

เพราะการจะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาโอสถอย่างไม่อาจขาดได้

ส่วนทางซ่งเฉาเองนั้นก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดจอมเทพโอสถหกดาวแห่งชุมเก้าสายนี้

ตัวเขานั้นยืนอยู่สูงสุดเหนือชุมเก้าสายนี้ แต่ตอนนี้เด็กน้อยที่ไหนไม่รู้กลับเดินมาท้าดวลซ่งเฉา แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมต้องคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงร้องจากรอบด้านซ่งเฉาก็ยิ้มเย้ยขึ้นมา “ได้ยินไหมเจ้าเด็กน้อย? เฒ่าคนนี้มีฝีมือมากพอจะยืนติดหนึ่งในสามยอดคนแห่งชุมเก้าสายนี้ และอีกสองคนนั้นมันก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าเฒ่าคนนี้ไปมากมาย เจ้าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานคิดจะท้าทายเฒ่าคนนี้หรือ? หึๆ!”

“นี่มิใช่สารท้าดวลแก่เจ้า แต่มันเป็นสารต่ออาจารย์ของเจ้าเทพสวรรค์กู้หง เจ้านั้นไม่มีค่าพอให้ข้าต้องไปท้าดวลหรอก” เย่หยวนยกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าว

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติ!

เหล่าคนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ตอนนี้แม้แต่ตัวซ่งเฉาก็ยังได้แต่ยืนงง

อาจารย์ของเขานั้นเป็นเทพสวรรค์กู้หง นักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสาย อยู่เหนือล้ำอันดับใดๆ

เพราะว่าเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้!

ต่อให้เป็นเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ของชุมเก้าสายนี้เองพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวเรียกเทพสวรรค์กู้หงว่าพี่

“ห-หึๆ เด็กน้อย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ท้าทายท่านอาจารย์กู้หง? ใครสั่งสอนให้เจ้ามาทำเรื่องเช่นนี้?” ซ่งเฉารู้สึกราวกับว่าได้ฟังเรื่องราวสุดบ้าบอ

ในสายตาของเขาแล้วเทพสวรรค์กู้หงนั้นคือเทพ เทพเจ้าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้!

ตอนนี้มันกลับมีเด็กคนหนึ่งคิดท้าทายเทพเจ้า เรื่องนี้ใครจะไปยอมทนฟังได้กัน

เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็รู้ว่ามันคงไม่ง่ายนัก เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยิงไฟออกมา หากเจ้าดับมันลงได้ข้าจะนับว่าตนพ่ายแพ้และไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นอีกพร้อมยังจะมอบสุราสาดตะวันโอบหนึ่งไหให้เจ้าด้วย”

“ฮ่าๆๆ…” คนทั้งหลายหัวเราะขึ้นมา

พวกเขานั้นหัวเราะชอบใจในความโง่ของเย่หยวน หัวเราะที่เย่หยวนประเมินตนเองสูงส่งจนเกินไป

ทางซ่งเฉาที่ได้ยินก็อมยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน “เด็กน้อย นักหลอมโอสถทั้งหลายของแดนสุดอุดรเรานั้นอาจจะไม่ชนะเรื่องการหลอมโอสถกับคนจากแดนอื่น แต่เรื่องการควบคุมไฟแล้ว ดินแดนอื่นก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับเราได้เช่นกัน เจ้าคิดจะเล่นไฟกับเฒ่าคนนี้?”

เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าว่ามาเถอะว่าจะรับคำท้าหรือไม่”

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ได้ เฒ่าคนนี้จะรับ! หากเฒ่าคนนี้แพ้ข้าจะช่วยเอาจดหมายนี้ไปส่งให้ในทันทีเลย! แต่หากเจ้าแพ้ สุรานี้…”

ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมันมิใช่ความพ่ายแพ้หรือชนะแต่เป็นตัวสาดตะวันโอบ

เพราะสุรานี้มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน

เย่หยวนขยับมือส่งไหสุราหนึ่งลงวางบนโต๊ะ

เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาทั้งหลายก็แทบจะถลนออกจากเบ้า

ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันยังมีสาดตะวันโอบอยู่กับตัวอีกมาก!

หรือว่า… แท้จริงแล้วสุรานี้มันจะเป็นคนหลอมกลั่นขึ้นเอง?

ฟุบ!

เย่หยวนดีดนิ้วเบาๆ ส่งเอาก้อนเพลิงบินเข้าไปหาซ่งเฉาเบาๆ

ซ่งเฉาที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการควบคุมไฟ? เด็กน้อย เจ้าคงได้ทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ แล้ว! แต่สุรานี้ของเจ้ามันเป็นของดีจริงๆ!”

ซ่งเฉาได้ขยับฝ่ามือของตนออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก้อนเพลิงรูปเสือตัวโตพุ่งทะยานเข้าหาก้อนไฟน้อยๆ ของเย่หยวนในทันที

คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา พวกเขาบางคนนั้นนึกไปถึงขั้นว่าบางทีเย่หยวนอาจจะเก่งกาจแท้จริง แต่สุดท้ายกลับมีฝีมืออยู่เท่านี้

พูดจาเสียใหญ่โตจริงๆ!

ฟู่…

จากนั้นมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นพร้อมด้วยการที่เจ้าเสือเพลิงนั้นปะทะเข้ากับก้อนไฟน้อยของเย่หยวน แต่ตัวเสือเพลิงนั้นมันกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างอย่างแทบลืมหายใจ!

………………………………….

“มารอคน? หึ! ข้าว่าเจ้านั้นมาสร้างเรื่องเสียมากกว่า! ที่แห่งนี้มันไม่ต้อนรับเจ้า! เชิญ!”

จางถูนั้นรู้สึกเกลียดชังและเกรงกลัวเย่หยวนไม่น้อย ตอนนี้เขาแค่อยากจะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปให้พ้นๆ

แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุ่มย่ามกับเย่หยวนมากมายนัก เพราะจิตใจของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งปานนั้น

สุดท้ายเขาจึงได้แต่พูดไล่ออกไป

เย่หยวนเทสุราลงดื่มอีกจอกก่อนจะตอบกลับไป “เจ้าวางใจเถอะ หากข้าเสร็จธุระแล้วต่อให้เจ้าจะไปเชิญ ข้าก็คงไม่มาอีก”

เย่หยวนยกสุราของตนขึ้นมาดื่มจนทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมมันเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นหอมของสาดตะวันโอบ

เมื่อได้กลิ่นสุรานี้สุราเพลิงคลั่งใดๆ มันก็ไม่มีรสไม่มีชาติอีกต่อไป

ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็ต้องจงใจทำแน่

ภายในโรงเตี๊ยมน้อยๆ นี้ความเจ็บแค้นดวงใจจึงพุ่งทะยานขึ้น

มีหรือที่จางถูจะไม่เข้าใจว่าคนทั้งหลายนั้นคิดอย่างไร? เขานั้นคิดอยากจะเตะเย่หยวนออกไปจากร้านด้วยเท้าของตนเสียให้ได้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ยอมจะไป

ไม่นานนักก็มีชายแก่ชุดเทาเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้

เมื่อชายแก่คนนี้มาถึงเขาก็ตะโกนสั่งทันที “จางถู เฒ่าคนนี้ขอสุราเพลิงคลั่งสามไหพร้อมกับแกล้ม!”

เมื่อจางถูได้เห็นผู้ที่มาถึงนี้เขาก็รีบเข้าไปรับหน้าด้วยท่าทางสุภาพทันที “แหม! อาจารย์ซ่งเฉา ไม่ได้มาเสียหลายวันเลยนะ!”

ตอนนี้มันมิใช่แค่จางถู แต่คนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมเวลานี้เมื่อได้เห็นซ่งเฉาแล้วพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพชายแก่ตามๆ กัน

ดูท่าแล้วตำแหน่งของซ่งเฉาในชุมเก้าสายนี้มันคงสูงส่งไม่น้อย ไม่มีใครไม่รู้จักตัวเขา

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ข้ายุ่งกับการหลอมโอสถมาหลายวัน พอหลอมโอสถแล้วเสร็จท้องมันก็ร้องขึ้นมา ข้าเลยรีบมุ่งหน้ามาทันที อ่า นี่มันกลิ่นหอมนัก! เฒ่าถู ร้านเจ้ามีสุราใหม่หรือ? ทำไมมันถึงได้หอมหวนเช่นนี้?”

ซ่งเฉากล่าวถามขึ้นมาพร้อมจมูดที่พยายามสูดดมกลิ่นนั้น กลิ่นหอมของสุราชนิดนี้มันทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างมากมายมหาศาล

แต่เมื่อเขาถามขึ้นมาสีหน้าของจางถูก็เปลี่ยนไปทันที ไม่รู้จะต้องตอบมันว่าอย่างไร

แต่กลับเป็นคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านผู้หนึ่งที่พูดขึ้นมาแทน “อาจารย์ซ่งเฉา สุรานั้นมันเป็นของที่เจ้าเด็กคนนั้นนำมาดื่มเอง”

ซ่งเฉาจึงได้หันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาทันที “เด็กน้อย สุรานี้กลิ่นดี ให้เฒ่าคนนี้ลองมันหน่อย”

คำพูดของเขานี้มันไม่มีการขอใดๆ แต่เป็นคำสั่ง

ความหมายของเขาก็คือ จะดื่มให้ได้ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่!

เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

‘เจ้าชอบอวดตัวนักมิใช่หรือ?’

‘ตอนนี้อาจารย์ซ่งเฉาท่านมาขอสุราของเจ้าแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธหรือไม่!’

เย่หยวนนั้นไม่คิดเงยหน้ามองใดๆ รินสุราสาดตะวันโอบลงจอกตนเองก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “เจ้าคือซ่งเฉา?”

ซ่งเฉาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที ดูท่าคงไม่ชอบน้ำเสียงของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่ “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้นี่แหละซ่งเฉา เด็กน้อย สุรานี้…”

คำพูดของเขายังกล่าวไม่ทันจบเย่หยวนก็หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาวางต่อหน้าเขา

“สารท้าดวล?”

ซ่งเฉานั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะท้าเฒ่าคนนี้? เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้เป็นใครกัน?”

คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?

“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? หรือว่ามันจะเสียสติ? อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นถึงหนึ่งในสามจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสายเรา แต่ตัวมันที่เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับกล้าท้าทายอาจารย์ซ่งเฉา?”

“อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีหรือที่ใครก็จะสามารถท้าทายเขาได้?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ้าอยากดังใช่ไหมล่ะเนี่ย? ถึงกับกล้าหาเรื่องสร้างจุดสนใจใหญ่โตขนาดนี้”

“อ่า! ข้ารู้แล้ว ที่แท้คนที่มันบอกว่ากำลังรออยู่ก็คืออาจารย์ซ่งเฉานี่เอง!”

ในเวลานี้เมื่อมีคนคิดขึ้นมาได้ คนทั้งหลายก็ถึงบางอ้อไปตามๆ กัน

หากแค่บอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สังหารดาบสายฟ้าหวางเหิงลงด้วยกระบวนท่าเดียว คนทั้งหลายก็ย่อมจะพอเข้าใจได้

แต่ตอนนี้กลับคิดไปท้าทายซ่งเฉานั้น พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจทำใจยอมรับ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการฆ่าสังหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การยกดาบทะเลาะกันมันเป็นสิ่งที่สุดแสนชินตาผู้คน

แต่ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ตำแหน่งของจอมเทพโอสถนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่

เพราะด้วยสภาพอากาศของทุ่งราบสุดอุดรที่สุดแสนโหดร้าย พลังงานวิญญาณใดๆ ก็ต่ำตมไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูนักหลอมโอสถเลย

เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสำเร็จวิชาโอสถได้ในดินแดนนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นยอดคนที่ทุกผู้คนนับหน้าถือตา

เพราะว่าเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นต้องพึ่งพาโอสถในการบ่มเพาะมากกว่าทางแดนใต้อย่างมหาศาล

เพราะการจะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาโอสถอย่างไม่อาจขาดได้

ส่วนทางซ่งเฉาเองนั้นก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดจอมเทพโอสถหกดาวแห่งชุมเก้าสายนี้

ตัวเขานั้นยืนอยู่สูงสุดเหนือชุมเก้าสายนี้ แต่ตอนนี้เด็กน้อยที่ไหนไม่รู้กลับเดินมาท้าดวลซ่งเฉา แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมต้องคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงร้องจากรอบด้านซ่งเฉาก็ยิ้มเย้ยขึ้นมา “ได้ยินไหมเจ้าเด็กน้อย? เฒ่าคนนี้มีฝีมือมากพอจะยืนติดหนึ่งในสามยอดคนแห่งชุมเก้าสายนี้ และอีกสองคนนั้นมันก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าเฒ่าคนนี้ไปมากมาย เจ้าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานคิดจะท้าทายเฒ่าคนนี้หรือ? หึๆ!”

“นี่มิใช่สารท้าดวลแก่เจ้า แต่มันเป็นสารต่ออาจารย์ของเจ้าเทพสวรรค์กู้หง เจ้านั้นไม่มีค่าพอให้ข้าต้องไปท้าดวลหรอก” เย่หยวนยกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าว

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติ!

เหล่าคนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ตอนนี้แม้แต่ตัวซ่งเฉาก็ยังได้แต่ยืนงง

อาจารย์ของเขานั้นเป็นเทพสวรรค์กู้หง นักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสาย อยู่เหนือล้ำอันดับใดๆ

เพราะว่าเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้!

ต่อให้เป็นเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ของชุมเก้าสายนี้เองพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวเรียกเทพสวรรค์กู้หงว่าพี่

“ห-หึๆ เด็กน้อย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ท้าทายท่านอาจารย์กู้หง? ใครสั่งสอนให้เจ้ามาทำเรื่องเช่นนี้?” ซ่งเฉารู้สึกราวกับว่าได้ฟังเรื่องราวสุดบ้าบอ

ในสายตาของเขาแล้วเทพสวรรค์กู้หงนั้นคือเทพ เทพเจ้าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้!

ตอนนี้มันกลับมีเด็กคนหนึ่งคิดท้าทายเทพเจ้า เรื่องนี้ใครจะไปยอมทนฟังได้กัน

เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็รู้ว่ามันคงไม่ง่ายนัก เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยิงไฟออกมา หากเจ้าดับมันลงได้ข้าจะนับว่าตนพ่ายแพ้และไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นอีกพร้อมยังจะมอบสุราสาดตะวันโอบหนึ่งไหให้เจ้าด้วย”

“ฮ่าๆๆ…” คนทั้งหลายหัวเราะขึ้นมา

พวกเขานั้นหัวเราะชอบใจในความโง่ของเย่หยวน หัวเราะที่เย่หยวนประเมินตนเองสูงส่งจนเกินไป

ทางซ่งเฉาที่ได้ยินก็อมยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน “เด็กน้อย นักหลอมโอสถทั้งหลายของแดนสุดอุดรเรานั้นอาจจะไม่ชนะเรื่องการหลอมโอสถกับคนจากแดนอื่น แต่เรื่องการควบคุมไฟแล้ว ดินแดนอื่นก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับเราได้เช่นกัน เจ้าคิดจะเล่นไฟกับเฒ่าคนนี้?”

เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าว่ามาเถอะว่าจะรับคำท้าหรือไม่”

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ได้ เฒ่าคนนี้จะรับ! หากเฒ่าคนนี้แพ้ข้าจะช่วยเอาจดหมายนี้ไปส่งให้ในทันทีเลย! แต่หากเจ้าแพ้ สุรานี้…”

ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมันมิใช่ความพ่ายแพ้หรือชนะแต่เป็นตัวสาดตะวันโอบ

เพราะสุรานี้มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน

เย่หยวนขยับมือส่งไหสุราหนึ่งลงวางบนโต๊ะ

เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาทั้งหลายก็แทบจะถลนออกจากเบ้า

ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันยังมีสาดตะวันโอบอยู่กับตัวอีกมาก!

หรือว่า… แท้จริงแล้วสุรานี้มันจะเป็นคนหลอมกลั่นขึ้นเอง?

ฟุบ!

เย่หยวนดีดนิ้วเบาๆ ส่งเอาก้อนเพลิงบินเข้าไปหาซ่งเฉาเบาๆ

ซ่งเฉาที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการควบคุมไฟ? เด็กน้อย เจ้าคงได้ทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ แล้ว! แต่สุรานี้ของเจ้ามันเป็นของดีจริงๆ!”

ซ่งเฉาได้ขยับฝ่ามือของตนออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก้อนเพลิงรูปเสือตัวโตพุ่งทะยานเข้าหาก้อนไฟน้อยๆ ของเย่หยวนในทันที

คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา พวกเขาบางคนนั้นนึกไปถึงขั้นว่าบางทีเย่หยวนอาจจะเก่งกาจแท้จริง แต่สุดท้ายกลับมีฝีมืออยู่เท่านี้

พูดจาเสียใหญ่โตจริงๆ!

ฟู่…

จากนั้นมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นพร้อมด้วยการที่เจ้าเสือเพลิงนั้นปะทะเข้ากับก้อนไฟน้อยของเย่หยวน แต่ตัวเสือเพลิงนั้นมันกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างอย่างแทบลืมหายใจ!

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2071 ส่งสารท้าดวล

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2071 ส่งสารท้าดวล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“มารอคน? หึ! ข้าว่าเจ้านั้นมาสร้างเรื่องเสียมากกว่า! ที่แห่งนี้มันไม่ต้อนรับเจ้า! เชิญ!”

จางถูนั้นรู้สึกเกลียดชังและเกรงกลัวเย่หยวนไม่น้อย ตอนนี้เขาแค่อยากจะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปให้พ้นๆ

แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุ่มย่ามกับเย่หยวนมากมายนัก เพราะจิตใจของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งปานนั้น

สุดท้ายเขาจึงได้แต่พูดไล่ออกไป

เย่หยวนเทสุราลงดื่มอีกจอกก่อนจะตอบกลับไป “เจ้าวางใจเถอะ หากข้าเสร็จธุระแล้วต่อให้เจ้าจะไปเชิญ ข้าก็คงไม่มาอีก”

เย่หยวนยกสุราของตนขึ้นมาดื่มจนทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมมันเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นหอมของสาดตะวันโอบ

เมื่อได้กลิ่นสุรานี้สุราเพลิงคลั่งใดๆ มันก็ไม่มีรสไม่มีชาติอีกต่อไป

ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็ต้องจงใจทำแน่

ภายในโรงเตี๊ยมน้อยๆ นี้ความเจ็บแค้นดวงใจจึงพุ่งทะยานขึ้น

มีหรือที่จางถูจะไม่เข้าใจว่าคนทั้งหลายนั้นคิดอย่างไร? เขานั้นคิดอยากจะเตะเย่หยวนออกไปจากร้านด้วยเท้าของตนเสียให้ได้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ยอมจะไป

ไม่นานนักก็มีชายแก่ชุดเทาเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้

เมื่อชายแก่คนนี้มาถึงเขาก็ตะโกนสั่งทันที “จางถู เฒ่าคนนี้ขอสุราเพลิงคลั่งสามไหพร้อมกับแกล้ม!”

เมื่อจางถูได้เห็นผู้ที่มาถึงนี้เขาก็รีบเข้าไปรับหน้าด้วยท่าทางสุภาพทันที “แหม! อาจารย์ซ่งเฉา ไม่ได้มาเสียหลายวันเลยนะ!”

ตอนนี้มันมิใช่แค่จางถู แต่คนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมเวลานี้เมื่อได้เห็นซ่งเฉาแล้วพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพชายแก่ตามๆ กัน

ดูท่าแล้วตำแหน่งของซ่งเฉาในชุมเก้าสายนี้มันคงสูงส่งไม่น้อย ไม่มีใครไม่รู้จักตัวเขา

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ข้ายุ่งกับการหลอมโอสถมาหลายวัน พอหลอมโอสถแล้วเสร็จท้องมันก็ร้องขึ้นมา ข้าเลยรีบมุ่งหน้ามาทันที อ่า นี่มันกลิ่นหอมนัก! เฒ่าถู ร้านเจ้ามีสุราใหม่หรือ? ทำไมมันถึงได้หอมหวนเช่นนี้?”

ซ่งเฉากล่าวถามขึ้นมาพร้อมจมูดที่พยายามสูดดมกลิ่นนั้น กลิ่นหอมของสุราชนิดนี้มันทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างมากมายมหาศาล

แต่เมื่อเขาถามขึ้นมาสีหน้าของจางถูก็เปลี่ยนไปทันที ไม่รู้จะต้องตอบมันว่าอย่างไร

แต่กลับเป็นคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านผู้หนึ่งที่พูดขึ้นมาแทน “อาจารย์ซ่งเฉา สุรานั้นมันเป็นของที่เจ้าเด็กคนนั้นนำมาดื่มเอง”

ซ่งเฉาจึงได้หันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาทันที “เด็กน้อย สุรานี้กลิ่นดี ให้เฒ่าคนนี้ลองมันหน่อย”

คำพูดของเขานี้มันไม่มีการขอใดๆ แต่เป็นคำสั่ง

ความหมายของเขาก็คือ จะดื่มให้ได้ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่!

เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

‘เจ้าชอบอวดตัวนักมิใช่หรือ?’

‘ตอนนี้อาจารย์ซ่งเฉาท่านมาขอสุราของเจ้าแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธหรือไม่!’

เย่หยวนนั้นไม่คิดเงยหน้ามองใดๆ รินสุราสาดตะวันโอบลงจอกตนเองก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “เจ้าคือซ่งเฉา?”

ซ่งเฉาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที ดูท่าคงไม่ชอบน้ำเสียงของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่ “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้นี่แหละซ่งเฉา เด็กน้อย สุรานี้…”

คำพูดของเขายังกล่าวไม่ทันจบเย่หยวนก็หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาวางต่อหน้าเขา

“สารท้าดวล?”

ซ่งเฉานั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะท้าเฒ่าคนนี้? เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้เป็นใครกัน?”

คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?

“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? หรือว่ามันจะเสียสติ? อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นถึงหนึ่งในสามจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสายเรา แต่ตัวมันที่เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับกล้าท้าทายอาจารย์ซ่งเฉา?”

“อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีหรือที่ใครก็จะสามารถท้าทายเขาได้?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ้าอยากดังใช่ไหมล่ะเนี่ย? ถึงกับกล้าหาเรื่องสร้างจุดสนใจใหญ่โตขนาดนี้”

“อ่า! ข้ารู้แล้ว ที่แท้คนที่มันบอกว่ากำลังรออยู่ก็คืออาจารย์ซ่งเฉานี่เอง!”

ในเวลานี้เมื่อมีคนคิดขึ้นมาได้ คนทั้งหลายก็ถึงบางอ้อไปตามๆ กัน

หากแค่บอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สังหารดาบสายฟ้าหวางเหิงลงด้วยกระบวนท่าเดียว คนทั้งหลายก็ย่อมจะพอเข้าใจได้

แต่ตอนนี้กลับคิดไปท้าทายซ่งเฉานั้น พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจทำใจยอมรับ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการฆ่าสังหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การยกดาบทะเลาะกันมันเป็นสิ่งที่สุดแสนชินตาผู้คน

แต่ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ตำแหน่งของจอมเทพโอสถนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่

เพราะด้วยสภาพอากาศของทุ่งราบสุดอุดรที่สุดแสนโหดร้าย พลังงานวิญญาณใดๆ ก็ต่ำตมไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูนักหลอมโอสถเลย

เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสำเร็จวิชาโอสถได้ในดินแดนนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นยอดคนที่ทุกผู้คนนับหน้าถือตา

เพราะว่าเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นต้องพึ่งพาโอสถในการบ่มเพาะมากกว่าทางแดนใต้อย่างมหาศาล

เพราะการจะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาโอสถอย่างไม่อาจขาดได้

ส่วนทางซ่งเฉาเองนั้นก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดจอมเทพโอสถหกดาวแห่งชุมเก้าสายนี้

ตัวเขานั้นยืนอยู่สูงสุดเหนือชุมเก้าสายนี้ แต่ตอนนี้เด็กน้อยที่ไหนไม่รู้กลับเดินมาท้าดวลซ่งเฉา แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมต้องคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงร้องจากรอบด้านซ่งเฉาก็ยิ้มเย้ยขึ้นมา “ได้ยินไหมเจ้าเด็กน้อย? เฒ่าคนนี้มีฝีมือมากพอจะยืนติดหนึ่งในสามยอดคนแห่งชุมเก้าสายนี้ และอีกสองคนนั้นมันก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าเฒ่าคนนี้ไปมากมาย เจ้าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานคิดจะท้าทายเฒ่าคนนี้หรือ? หึๆ!”

“นี่มิใช่สารท้าดวลแก่เจ้า แต่มันเป็นสารต่ออาจารย์ของเจ้าเทพสวรรค์กู้หง เจ้านั้นไม่มีค่าพอให้ข้าต้องไปท้าดวลหรอก” เย่หยวนยกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าว

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติ!

เหล่าคนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ตอนนี้แม้แต่ตัวซ่งเฉาก็ยังได้แต่ยืนงง

อาจารย์ของเขานั้นเป็นเทพสวรรค์กู้หง นักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสาย อยู่เหนือล้ำอันดับใดๆ

เพราะว่าเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้!

ต่อให้เป็นเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ของชุมเก้าสายนี้เองพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวเรียกเทพสวรรค์กู้หงว่าพี่

“ห-หึๆ เด็กน้อย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ท้าทายท่านอาจารย์กู้หง? ใครสั่งสอนให้เจ้ามาทำเรื่องเช่นนี้?” ซ่งเฉารู้สึกราวกับว่าได้ฟังเรื่องราวสุดบ้าบอ

ในสายตาของเขาแล้วเทพสวรรค์กู้หงนั้นคือเทพ เทพเจ้าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้!

ตอนนี้มันกลับมีเด็กคนหนึ่งคิดท้าทายเทพเจ้า เรื่องนี้ใครจะไปยอมทนฟังได้กัน

เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็รู้ว่ามันคงไม่ง่ายนัก เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยิงไฟออกมา หากเจ้าดับมันลงได้ข้าจะนับว่าตนพ่ายแพ้และไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นอีกพร้อมยังจะมอบสุราสาดตะวันโอบหนึ่งไหให้เจ้าด้วย”

“ฮ่าๆๆ…” คนทั้งหลายหัวเราะขึ้นมา

พวกเขานั้นหัวเราะชอบใจในความโง่ของเย่หยวน หัวเราะที่เย่หยวนประเมินตนเองสูงส่งจนเกินไป

ทางซ่งเฉาที่ได้ยินก็อมยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน “เด็กน้อย นักหลอมโอสถทั้งหลายของแดนสุดอุดรเรานั้นอาจจะไม่ชนะเรื่องการหลอมโอสถกับคนจากแดนอื่น แต่เรื่องการควบคุมไฟแล้ว ดินแดนอื่นก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับเราได้เช่นกัน เจ้าคิดจะเล่นไฟกับเฒ่าคนนี้?”

เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าว่ามาเถอะว่าจะรับคำท้าหรือไม่”

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ได้ เฒ่าคนนี้จะรับ! หากเฒ่าคนนี้แพ้ข้าจะช่วยเอาจดหมายนี้ไปส่งให้ในทันทีเลย! แต่หากเจ้าแพ้ สุรานี้…”

ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมันมิใช่ความพ่ายแพ้หรือชนะแต่เป็นตัวสาดตะวันโอบ

เพราะสุรานี้มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน

เย่หยวนขยับมือส่งไหสุราหนึ่งลงวางบนโต๊ะ

เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาทั้งหลายก็แทบจะถลนออกจากเบ้า

ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันยังมีสาดตะวันโอบอยู่กับตัวอีกมาก!

หรือว่า… แท้จริงแล้วสุรานี้มันจะเป็นคนหลอมกลั่นขึ้นเอง?

ฟุบ!

เย่หยวนดีดนิ้วเบาๆ ส่งเอาก้อนเพลิงบินเข้าไปหาซ่งเฉาเบาๆ

ซ่งเฉาที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการควบคุมไฟ? เด็กน้อย เจ้าคงได้ทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ แล้ว! แต่สุรานี้ของเจ้ามันเป็นของดีจริงๆ!”

ซ่งเฉาได้ขยับฝ่ามือของตนออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก้อนเพลิงรูปเสือตัวโตพุ่งทะยานเข้าหาก้อนไฟน้อยๆ ของเย่หยวนในทันที

คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา พวกเขาบางคนนั้นนึกไปถึงขั้นว่าบางทีเย่หยวนอาจจะเก่งกาจแท้จริง แต่สุดท้ายกลับมีฝีมืออยู่เท่านี้

พูดจาเสียใหญ่โตจริงๆ!

ฟู่…

จากนั้นมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นพร้อมด้วยการที่เจ้าเสือเพลิงนั้นปะทะเข้ากับก้อนไฟน้อยของเย่หยวน แต่ตัวเสือเพลิงนั้นมันกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างอย่างแทบลืมหายใจ!

………………………………….

“มารอคน? หึ! ข้าว่าเจ้านั้นมาสร้างเรื่องเสียมากกว่า! ที่แห่งนี้มันไม่ต้อนรับเจ้า! เชิญ!”

จางถูนั้นรู้สึกเกลียดชังและเกรงกลัวเย่หยวนไม่น้อย ตอนนี้เขาแค่อยากจะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปให้พ้นๆ

แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าจะไปยุ่มย่ามกับเย่หยวนมากมายนัก เพราะจิตใจของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งปานนั้น

สุดท้ายเขาจึงได้แต่พูดไล่ออกไป

เย่หยวนเทสุราลงดื่มอีกจอกก่อนจะตอบกลับไป “เจ้าวางใจเถอะ หากข้าเสร็จธุระแล้วต่อให้เจ้าจะไปเชิญ ข้าก็คงไม่มาอีก”

เย่หยวนยกสุราของตนขึ้นมาดื่มจนทำให้ทั้งโรงเตี๊ยมมันเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นหอมของสาดตะวันโอบ

เมื่อได้กลิ่นสุรานี้สุราเพลิงคลั่งใดๆ มันก็ไม่มีรสไม่มีชาติอีกต่อไป

ไม่ว่าจะดูอย่างไรเขาก็ต้องจงใจทำแน่

ภายในโรงเตี๊ยมน้อยๆ นี้ความเจ็บแค้นดวงใจจึงพุ่งทะยานขึ้น

มีหรือที่จางถูจะไม่เข้าใจว่าคนทั้งหลายนั้นคิดอย่างไร? เขานั้นคิดอยากจะเตะเย่หยวนออกไปจากร้านด้วยเท้าของตนเสียให้ได้ แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ยอมจะไป

ไม่นานนักก็มีชายแก่ชุดเทาเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้

เมื่อชายแก่คนนี้มาถึงเขาก็ตะโกนสั่งทันที “จางถู เฒ่าคนนี้ขอสุราเพลิงคลั่งสามไหพร้อมกับแกล้ม!”

เมื่อจางถูได้เห็นผู้ที่มาถึงนี้เขาก็รีบเข้าไปรับหน้าด้วยท่าทางสุภาพทันที “แหม! อาจารย์ซ่งเฉา ไม่ได้มาเสียหลายวันเลยนะ!”

ตอนนี้มันมิใช่แค่จางถู แต่คนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมเวลานี้เมื่อได้เห็นซ่งเฉาแล้วพวกเขาต่างก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพชายแก่ตามๆ กัน

ดูท่าแล้วตำแหน่งของซ่งเฉาในชุมเก้าสายนี้มันคงสูงส่งไม่น้อย ไม่มีใครไม่รู้จักตัวเขา

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ข้ายุ่งกับการหลอมโอสถมาหลายวัน พอหลอมโอสถแล้วเสร็จท้องมันก็ร้องขึ้นมา ข้าเลยรีบมุ่งหน้ามาทันที อ่า นี่มันกลิ่นหอมนัก! เฒ่าถู ร้านเจ้ามีสุราใหม่หรือ? ทำไมมันถึงได้หอมหวนเช่นนี้?”

ซ่งเฉากล่าวถามขึ้นมาพร้อมจมูดที่พยายามสูดดมกลิ่นนั้น กลิ่นหอมของสุราชนิดนี้มันทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นหัวใจอย่างมากมายมหาศาล

แต่เมื่อเขาถามขึ้นมาสีหน้าของจางถูก็เปลี่ยนไปทันที ไม่รู้จะต้องตอบมันว่าอย่างไร

แต่กลับเป็นคนชอบแส่เรื่องชาวบ้านผู้หนึ่งที่พูดขึ้นมาแทน “อาจารย์ซ่งเฉา สุรานั้นมันเป็นของที่เจ้าเด็กคนนั้นนำมาดื่มเอง”

ซ่งเฉาจึงได้หันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาทันที “เด็กน้อย สุรานี้กลิ่นดี ให้เฒ่าคนนี้ลองมันหน่อย”

คำพูดของเขานี้มันไม่มีการขอใดๆ แต่เป็นคำสั่ง

ความหมายของเขาก็คือ จะดื่มให้ได้ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่!

เมื่อจางถูได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

‘เจ้าชอบอวดตัวนักมิใช่หรือ?’

‘ตอนนี้อาจารย์ซ่งเฉาท่านมาขอสุราของเจ้าแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะยังกล้าปฏิเสธหรือไม่!’

เย่หยวนนั้นไม่คิดเงยหน้ามองใดๆ รินสุราสาดตะวันโอบลงจอกตนเองก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “เจ้าคือซ่งเฉา?”

ซ่งเฉาที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที ดูท่าคงไม่ชอบน้ำเสียงของเย่หยวนนี้สักเท่าไหร่ “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้นี่แหละซ่งเฉา เด็กน้อย สุรานี้…”

คำพูดของเขายังกล่าวไม่ทันจบเย่หยวนก็หยิบเอาจดหมายน้อยออกมาวางต่อหน้าเขา

“สารท้าดวล?”

ซ่งเฉานั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา “เด็กน้อย เจ้าคิดจะท้าเฒ่าคนนี้? เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้เป็นใครกัน?”

คนทั้งหลายที่ได้เห็นเองก็ต้องผงะไปตามๆ กัน เจ้าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือ?

“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน? หรือว่ามันจะเสียสติ? อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นถึงหนึ่งในสามจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสายเรา แต่ตัวมันที่เป็นแค่เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกลับกล้าท้าทายอาจารย์ซ่งเฉา?”

“อาจารย์ซ่งเฉานั้นเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง มีหรือที่ใครก็จะสามารถท้าทายเขาได้?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันคงบ้าอยากดังใช่ไหมล่ะเนี่ย? ถึงกับกล้าหาเรื่องสร้างจุดสนใจใหญ่โตขนาดนี้”

“อ่า! ข้ารู้แล้ว ที่แท้คนที่มันบอกว่ากำลังรออยู่ก็คืออาจารย์ซ่งเฉานี่เอง!”

ในเวลานี้เมื่อมีคนคิดขึ้นมาได้ คนทั้งหลายก็ถึงบางอ้อไปตามๆ กัน

หากแค่บอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สังหารดาบสายฟ้าหวางเหิงลงด้วยกระบวนท่าเดียว คนทั้งหลายก็ย่อมจะพอเข้าใจได้

แต่ตอนนี้กลับคิดไปท้าทายซ่งเฉานั้น พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจทำใจยอมรับ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการฆ่าสังหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การยกดาบทะเลาะกันมันเป็นสิ่งที่สุดแสนชินตาผู้คน

แต่ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ตำแหน่งของจอมเทพโอสถนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่

เพราะด้วยสภาพอากาศของทุ่งราบสุดอุดรที่สุดแสนโหดร้าย พลังงานวิญญาณใดๆ ก็ต่ำตมไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูนักหลอมโอสถเลย

เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสำเร็จวิชาโอสถได้ในดินแดนนี้ พวกเขาก็จะกลายเป็นยอดคนที่ทุกผู้คนนับหน้าถือตา

เพราะว่าเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นต้องพึ่งพาโอสถในการบ่มเพาะมากกว่าทางแดนใต้อย่างมหาศาล

เพราะการจะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาทั้งหลายจึงต้องพึ่งพาโอสถอย่างไม่อาจขาดได้

ส่วนทางซ่งเฉาเองนั้นก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามยอดจอมเทพโอสถหกดาวแห่งชุมเก้าสายนี้

ตัวเขานั้นยืนอยู่สูงสุดเหนือชุมเก้าสายนี้ แต่ตอนนี้เด็กน้อยที่ไหนไม่รู้กลับเดินมาท้าดวลซ่งเฉา แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมต้องคิดว่าเด็กคนนี้เสียสติไปแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงร้องจากรอบด้านซ่งเฉาก็ยิ้มเย้ยขึ้นมา “ได้ยินไหมเจ้าเด็กน้อย? เฒ่าคนนี้มีฝีมือมากพอจะยืนติดหนึ่งในสามยอดคนแห่งชุมเก้าสายนี้ และอีกสองคนนั้นมันก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าเฒ่าคนนี้ไปมากมาย เจ้าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานคิดจะท้าทายเฒ่าคนนี้หรือ? หึๆ!”

“นี่มิใช่สารท้าดวลแก่เจ้า แต่มันเป็นสารต่ออาจารย์ของเจ้าเทพสวรรค์กู้หง เจ้านั้นไม่มีค่าพอให้ข้าต้องไปท้าดวลหรอก” เย่หยวนยกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าว

คำพูดเดียวนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติ!

เหล่าคนทั้งหลายในโรงเตี๊ยมต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ตอนนี้แม้แต่ตัวซ่งเฉาก็ยังได้แต่ยืนงง

อาจารย์ของเขานั้นเป็นเทพสวรรค์กู้หง นักหลอมโอสถที่เก่งกาจที่สุดในชุมเก้าสาย อยู่เหนือล้ำอันดับใดๆ

เพราะว่าเขานั้นคือจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเพียงคนเดียวของที่แห่งนี้!

ต่อให้เป็นเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ของชุมเก้าสายนี้เองพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวเรียกเทพสวรรค์กู้หงว่าพี่

“ห-หึๆ เด็กน้อย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ท้าทายท่านอาจารย์กู้หง? ใครสั่งสอนให้เจ้ามาทำเรื่องเช่นนี้?” ซ่งเฉารู้สึกราวกับว่าได้ฟังเรื่องราวสุดบ้าบอ

ในสายตาของเขาแล้วเทพสวรรค์กู้หงนั้นคือเทพ เทพเจ้าที่ไม่อาจเทียบเคียงได้!

ตอนนี้มันกลับมีเด็กคนหนึ่งคิดท้าทายเทพเจ้า เรื่องนี้ใครจะไปยอมทนฟังได้กัน

เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็รู้ว่ามันคงไม่ง่ายนัก เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยิงไฟออกมา หากเจ้าดับมันลงได้ข้าจะนับว่าตนพ่ายแพ้และไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นอีกพร้อมยังจะมอบสุราสาดตะวันโอบหนึ่งไหให้เจ้าด้วย”

“ฮ่าๆๆ…” คนทั้งหลายหัวเราะขึ้นมา

พวกเขานั้นหัวเราะชอบใจในความโง่ของเย่หยวน หัวเราะที่เย่หยวนประเมินตนเองสูงส่งจนเกินไป

ทางซ่งเฉาที่ได้ยินก็อมยิ้มขึ้นมาเช่นเดียวกัน “เด็กน้อย นักหลอมโอสถทั้งหลายของแดนสุดอุดรเรานั้นอาจจะไม่ชนะเรื่องการหลอมโอสถกับคนจากแดนอื่น แต่เรื่องการควบคุมไฟแล้ว ดินแดนอื่นก็คงไม่อาจเทียบเคียงกับเราได้เช่นกัน เจ้าคิดจะเล่นไฟกับเฒ่าคนนี้?”

เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าว่ามาเถอะว่าจะรับคำท้าหรือไม่”

ซ่งเฉาหัวเราะขึ้น “ได้ เฒ่าคนนี้จะรับ! หากเฒ่าคนนี้แพ้ข้าจะช่วยเอาจดหมายนี้ไปส่งให้ในทันทีเลย! แต่หากเจ้าแพ้ สุรานี้…”

ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมันมิใช่ความพ่ายแพ้หรือชนะแต่เป็นตัวสาดตะวันโอบ

เพราะสุรานี้มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน

เย่หยวนขยับมือส่งไหสุราหนึ่งลงวางบนโต๊ะ

เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาทั้งหลายก็แทบจะถลนออกจากเบ้า

ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันยังมีสาดตะวันโอบอยู่กับตัวอีกมาก!

หรือว่า… แท้จริงแล้วสุรานี้มันจะเป็นคนหลอมกลั่นขึ้นเอง?

ฟุบ!

เย่หยวนดีดนิ้วเบาๆ ส่งเอาก้อนเพลิงบินเข้าไปหาซ่งเฉาเบาๆ

ซ่งเฉาที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเรียกว่าการควบคุมไฟ? เด็กน้อย เจ้าคงได้ทำให้ตัวเองขายหน้าเปล่าๆ แล้ว! แต่สุรานี้ของเจ้ามันเป็นของดีจริงๆ!”

ซ่งเฉาได้ขยับฝ่ามือของตนออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก้อนเพลิงรูปเสือตัวโตพุ่งทะยานเข้าหาก้อนไฟน้อยๆ ของเย่หยวนในทันที

คนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างแสดงสีหน้าเสียดายออกมา พวกเขาบางคนนั้นนึกไปถึงขั้นว่าบางทีเย่หยวนอาจจะเก่งกาจแท้จริง แต่สุดท้ายกลับมีฝีมืออยู่เท่านี้

พูดจาเสียใหญ่โตจริงๆ!

ฟู่…

จากนั้นมันก็เกิดเสียงลมดังขึ้นพร้อมด้วยการที่เจ้าเสือเพลิงนั้นปะทะเข้ากับก้อนไฟน้อยของเย่หยวน แต่ตัวเสือเพลิงนั้นมันกลับจางหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่อ้าปากค้างอย่างแทบลืมหายใจ!

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+