Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2080 ต่ำต้อย

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2080 ต่ำต้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้ภายในห้างยอดโอสถ เทพสวรรค์กู้หงกำลังแสดงท่าทางนอบน้อมเท่าที่สมองของเขาจะคิดได้ออกมาต่อเย่หยวน

ในหนึ่งปีนี้เย่หยวนได้นำพาเขาเดินทางไปทั่วทั้งทุ่งราบสุดอุดร ท้าทายเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายโดยไร้พ่ายแม้สักครั้ง

แม้แต่ยอดคนอันดับหนึ่งในทุ่งราบสุดอุดรอย่างเทพสวรรค์เซียวหยู เย่หยวนก็ยังเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าในเวลาหนึ่งปีมานี้เทพสวรรค์กู้หงย่อมจะได้ประโยชน์มากมายมหาศาลจากการติดตามเย่หยวนนี้

เพราะเดิมทีเขานั้นก็เป็นถึงเทพสวรรค์อยู่แล้ว แน่นอนว่าย่อมจะรู้สึกได้ถึงเต๋าอย่างหนักหน่วงมากมายกว่านักยุทธทั้งหลาย

พลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมานี้มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้เห็นแสดงสว่างท่ามกลางความมืดมิด

เมื่อผสานเข้ากับคำสอนของเย่หยวนแล้วเทพสวรรค์กู้หงยิ่งก้าวขึ้นมาสูงจนตอนนี้แทบจะถึงอาณาจักรเต๋าขั้นกลางอย่างแท้จริงแล้ว

ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความตื้นตันดีใจกับการตัดสินใจนั้นของตน

เป็นเทพสวรรค์แล้วมันทำไมกันเล่า?

วางสิ่งของโง่เง่าเลื่อนลอยอย่างศักดิ์ศรีทั้งหลายนั้นลงเพื่อก้มลงกราบยอดอาจารย์มันย่อมจะดีกว่าฝืนทนบ่มเพาะอย่างผิด ๆ ไปอีกนับหมื่น ๆ ปี!

“อาจารย์ ข้าว่าทำการคว่ำบาตรหอเมฆาน้ำแข็งเช่นนี้ต่อไปมันจะไม่ดีหรือไม่? ไม่ว่าจะอย่างไรเสียพวกนางนั้นก็เป็นยอดฝีมือ หากจนตรอกจริง ๆ ข้ากลัวว่านางจะคิดร้ายใด ๆ ต่อท่านอาจารย์!” เทพสวรรค์กู้หงบอก

เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าเทพสวรรค์กู้หงนั้นกังวลว่าเขาจะเป็นอันตราย

แต่เขานั้นย่อมไม่คิดสนใจ “ไม่ต้องกังวลไป แค่ตัวนางนั้นมันไม่มีปัญญาทำร้ายข้าได้หรอก อ่า จริงด้วย ช่วยประกาศออกไปให้ข้าหน่อยว่าอาจารย์ของเจ้าผู้นี้ต้องการเคลือบหม้อหลอมและต้องการผู้มีกายเทวะหยินล้ำช่วยเหลือ หากมีใครผู้ใดที่มีกายเทวะหยินล้ำ อาจารย์ของเจ้านี้จะตอบแทนให้อย่างงาม”

เมื่อกู้หงได้ยินคำพูดนี้เขาก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที “นี่มัน…ตอนนี้ทางหอเมฆาน้ำแข็งมีผู้มีกายเทวะหยินล้ำอยู่ท่านอาจารย์!”

เย่หยวนแสดงสีหน้าตื่นตะลึงขึ้นมาตาม “อ่า? บังเอิญได้ปานนั้น? ช่างเถอะ เช่นนั้นนางคงยังพอมีดวงเหลือในชีวิตอยู่บ้าง หากนางนั้นส่งผู้มีกายเทวะหยินล้ำมาช่วยข้าหลอมจริง ๆ ก็ถือว่าปล่อยเรื่องที่ผ่านมาไปแล้วกัน อ่า จริงด้วย ประกาศนี้ต้องทำการประกาศ อย่าทำเหมือนว่าเราเข้าไปขอคนมาจากหอเมฆาน้ำแข็งเด็ดขาด เราจะไม่ก้มหัวร้องขอพวกมัน”

“ขอรับท่านอาจารย์!” เทพสวรรค์กู้หงรับคำสั่ง

เย่หยวนนั้นย่อมจะกล่าวคำพูดทั้งหลายนี้อย่างจงใจ

กับตัวเทพสวรรค์กู้หงผู้นี้ เย่หยวนยังไม่อาจทำใจเชื่อลงได้สนิท

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเหล่าคนที่ก้าวขึ้นมาถึงระดับเทพสวรรค์ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ต่างก็เป็นคนชั่วร้ายไม่มากก็น้อยกันทั้งสิ้น มีใครบ้างจะขึ้นมาเป็นได้ง่าย ๆ?

หากเรื่องราวมันผิดพลาดไปแล้ว เย่หยวนคงพอปกป้องตัวเองได้ แต่หากคิดอยากช่วยลู่เอ๋อถึงเวลานั้นมันคงยากแล้ว

การเดินทางอันยาวนานครั้งนี้เย่หยวนได้วางแผนทั้งหลายทั้งสิ้นมาระหว่างทาง

เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นไม่ได้คิดกังวลในตัวเขาใด ๆ แต่ตัวเย่หยวนนั้นเข้าใจว่าเทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นมีอะไรในมือบางอย่างดีเพราะความทรงจำของซุนชิงหลิง

เขานั้นคิดเรียกหากายเทวะหยินล้ำมาช่วยการหลอมโอสถใด ๆ นี้ด้วยชื่อของยอดนักหลอมโอสถก็เพื่อจะไม่ให้ผู้คนเกิดความสงสัยใด ๆ

สิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำลงไปก่อนหน้ามันก็เพื่อเรื่องราวในวันนี้

เขานั้นคิดอยากจะทำให้เทพสวรรค์ปิงหยุนยอมมอบลู่เอ๋อออกมาด้วยตนเอง!

เพียงแค่ว่าการที่เทพสวรรค์กู้หงกราบเขาเป็นอาจารย์นี้มันได้ช่วยให้เรื่องราวง่ายดายขึ้นมาก

แน่นอนว่าเมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกไปเทพสวรรค์ปิงหยุนก็รีบรุดหน้ามาอย่างไม่รอช้า

แค่ให้ยืมไม่กี่วันมัน เทพสวรรค์ปิงหยุนย่อมจะไม่ปล่อยโอกาสคืนดีกับเย่หยวนนี้ออกจากมือไป

“เรื่องราวในคราก่อนหน้าทั้งหลายนั้นมันเป็นเพราะว่าปิงหยุนมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักความเก่งกาจของท่านอาจารย์จี้ดีพอ ข้าได้ยินว่าเวลานี้อาจารย์จี้ต้องการอยากได้ผู้มีกายเทวะหยินล้ำมาช่วยการหลอมโอสถ ทางหอเมฆาน้ำแข็งเรานั้นบังเอิญได้มีศิษย์คนหนึ่งที่มีกายเทวะหยินล้ำพอดี ปิงหยุนนั้นหวังว่าจะส่งนางมาช่วยการหลอมโอสถของอาจารย์จี้ได้ หวังว่าอาจารย์จี้จะไม่โกรธเคืองเรื่องราวที่ผ่าน ๆ มาและแสดงความเมตตาต่อหอเมฆาน้ำแข็งเราด้วย” เทพสวรรค์ปิงหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

เย่หยวนนั้นย่อมจะมองออกตั้งแต่แรกเห็นว่าเทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นเป็นผู้ชอบรังแกคนอ่อนแอ และเกรงกลัวผู้แข็งแกร่ง

ชุมวายุไพศาลนั้นเก่งกาจ นางจึงคิดยอมอีกฝ่ายอย่างไม่ขัดขืน

เดิมทีที่กล้าดูถูกว่าเย่หยวนก็เพราะเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยและตัวนางเองก็ยังพอมีช่องทางเอาตัวรอด

แต่ตอนนี้เมื่อนางได้เห็นฝีมือที่แท้ของเย่หยวน นางก็ยอมแพ้ลงในที่สุด

ตอนนี้ยังจะมีท่าทางใดของราชินีน้ำแข็งผู้เย็นเยือกเย่อหยิ่งอีก?

หากคนไม่รู้มาเห็นนางเวลานี้คงคิดว่านางเป็นแค่มนุษย์ป้าข้างบ้านที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านเท่านั้น

เมื่อได้เห็นใบหน้าเช่นนั้นเย่หยวนก็รู้สึกขนลุกขยะแขยงไปทั้งกาย ลู่เอ๋อกลับไปคารวะคนเช่นนี้เป็นอาจารย์ ช่างมีตาหามีแววไม่จริง ๆ

“หึ! ตั้งแต่จี้ผู้นี้ลืมตาดูโลกมาข้ายังไม่เคยถูกใครดูถูกเช่นนี้มาก่อน เทพสวรรค์แล้วมันจะทำไม? จี้ผู้นี้พบเจอเทพสวรรค์มาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่มีใครบ้างที่ไม่ก้มหัวเคารพจี้ผู้นี้? มีแต่ปิงหยุนเจ้าเท่านั้นที่คิดดูถูกว่าจี้ผู้นี้!”

เมื่อคิดจะแสดงละครก็ต้องแสดงให้สุด เย่หยวนย่อมจะไม่ปล่อยเรื่องราวผ่านไปง่าย ๆ

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นเป็นผู้คนเจ้าเล่ห์มากแผนการ ในเมื่อตัวเขาคิดเล่นบทคนโอหังเย่อหยิ่งไปแล้วก็เล่นให้ถึงที่สุด

หากเขาปล่อยเรื่องราวผ่านไปง่าย ๆ ตรงนี้คนทั้งหลายจะเกิดสงสัยในตัวเขาแทน

อย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องทำให้รู้สึกว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้มันเป็นค่าสูญเสียที่เทพสวรรค์ปิงหยุนต้องจ่าย มิใช่การสร้างบุญคุณใด ๆ

เทพสวรรค์ปิงหยุนเองก็ได้แต่ยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “ที่อาจารย์จี้ว่ามามันไม่มีผิดเลย แท้จริงแล้ว… นับจากวันนั้นปิงหยุนผู้นี้ก็เศร้าเสียใจกับมันมาตลอด เพียงแค่ว่า…”

“เพียงแค่ว่าเจ้ายังคิดว่าตนเองเอาตัวรอดได้และไม่ต้องมาก้มหัวให้เทพถ่องแท้ผู้หนึ่งใช่หรือไม่?” เย่หยวนพูดต่อขึ้น

เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมาเมื่อได้ยิน ตอนนี้นางได้รู้ว่าแม้เย่หยวนจะเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่แท้จริงแล้วตัวเขานั้นก็เจ้าแผนการมากเล่ห์ไม่น้อย มิใช่แค่ชายน้อยที่ดูถูกผู้คนไปทั่ว

แค่ดูจากเรื่องราวที่เขาทำในทุ่งราบสุดอุดรนี้นางก็พอเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นคิดจะค่อย ๆ ตัดเส้นทางรอด บีบให้นางต้องจนตรอก

คิดมาได้ถึงตรงนี้เทพสวรรค์ปิงหยุนก็ยิ่งรู้สึกเคารพอีกฝ่ายมากขึ้น

นางนั้นเกิดมาพร้อมความคิดที่ว่า หากเจ้าอ่อนแอ ข้าจะเก่งกาจ หากเจ้าเก่งกาจ ข้าจะยอมอ่อนแอ

“นี่มัน… เป็นความผิดปิงหยุนเอง ข้าแค่หวังว่าจะไถ่โทษความผิดนั้น ขออาจารย์จี้โปรดให้โอกาสด้วย” เทพสวรรค์ปิงหยุนร้องบอก

แต่เย่หยวนกลับตอบกลับมา “ข้าจะให้โอกาสเจ้า แต่โอสถที่หอเมฆาน้ำแข็งเจ้าจะซื้อนั้นมันต้องเพิ่มราคาขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์! อย่าได้มองข้าเช่นนั้น นี่คือโทษของเจ้า! เจ้าอย่าคิดว่าแค่ส่งผู้มีกายเทวะหยินล้ำมาช่วยข้าหลอมโอสถแล้วความแค้นเคืองใด ๆ ที่ผ่านมาของเรามันจะจางหายไปสิ้น”

ได้ยินคำของเย่หยวนนี้เทพสวรรค์ปิงหยุนก็แทบกระอักเลือดออกมา

สำหรับค่ายสำนักระดับเทพสวรรค์แล้ว โอสถที่ใช้ในแต่ละรอบปีนั้นมันย่อมจะมีจำนวนมหาศาล

ราคาสิบเปอร์เซ็นต์นี้มันอาจจะฟังดูไม่มาก แต่หากนับทบ ๆ ไปทุกปีแล้วมันคงได้กลายเป็นจำนวนที่มหาศาลแน่

และเงินทั้งหลายนี้พวกนางต้องโยนมันทิ้งไปต่อหน้า!

แต่ทว่าแค่การได้สิทธิซื้อโอสถกลับมามันก็มากพอที่จะถือว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จแล้ว

เพราะคนอย่างเทพสวรรค์ปิงหยุนย่อมจะไม่คิดสนใจมากมายกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าหรือหกใด ๆ

แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดที่เทพสวรรค์กู้หงหลอมนั้นมันเป็นสิ่งที่นางไม่อาจขาดไปได้!

เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้ยินมาว่าในเวลาหนึ่งปีนี้เทพสวรรค์กู้หงได้พัฒนาฝีมือของตนขึ้นไปอย่างมากมายมหาศาล ทำให้โอสถใด ๆ ที่อดีตหลอมไม่ได้ วันนี้เขาก็เริ่มจะหลอมมันขึ้นมาได้แล้ว

ข่าวนี้มันนับเป็นข่าวดีมหาศาลกับเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลาย

สำหรับพวกเขาแล้วศิษย์มันก็เป็นได้แค่เครื่องมือหาเงินเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาแล้วคือกำลังของตนเองต่างหาก!

“ขอบคุณอาจารย์จี้มากที่ให้โอกาสปิงหยุนผู้นี้ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าอาจารย์จี้จะคิดหลอมโอสถเมื่อใด ข้าจะได้ส่งมอบตัวผู้นี้กายเทวะหยินล้ำมาให้ได้”

ปิงหยุนนั้นคิดจะมอบส่งตัวลู่เอ๋อให้มันจบ ๆ ไป

แต่เย่หยวนนั้นกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่ต้องรีบไป โอสถนี้มันต้องเตรียมการไม่น้อย จี้ผู้นี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวสักสามวัน ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยให้คนพานางมา! ทำไมเล่า? เจ้าไม่เห็นด้วย?”

เมื่อเย่หยวนกล่าวคำพูดนั้นออกมาเทพสวรรค์ปิงหยุนก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็กลืนมันลงไป ทำให้เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

เทพสวรรค์ปิงหยุนที่ได้ยินต้องสะดุ้งไปทั้งกายก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกปัด “มิใช่ ๆ! ปิงหยุนมิกล้า! เพียงแค่ว่า…เรื่องของศิษย์คนนี้ นางนั้นไปต้องตาเฟิงเทียนหยางแห่งชุมวายุไพศาลเข้า แต่ตัวนางนั้นไม่ยอมจะแต่งกับเขาจนถึงขั้นขู่จะเอาชีวิตตนเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ปิงหยุนแค่กลัวว่านางนั้นจะใช้โอกาสนี้หลบหนีไป…”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2080 ต่ำต้อย

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2080 ต่ำต้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้ภายในห้างยอดโอสถ เทพสวรรค์กู้หงกำลังแสดงท่าทางนอบน้อมเท่าที่สมองของเขาจะคิดได้ออกมาต่อเย่หยวน

ในหนึ่งปีนี้เย่หยวนได้นำพาเขาเดินทางไปทั่วทั้งทุ่งราบสุดอุดร ท้าทายเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายโดยไร้พ่ายแม้สักครั้ง

แม้แต่ยอดคนอันดับหนึ่งในทุ่งราบสุดอุดรอย่างเทพสวรรค์เซียวหยู เย่หยวนก็ยังเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าในเวลาหนึ่งปีมานี้เทพสวรรค์กู้หงย่อมจะได้ประโยชน์มากมายมหาศาลจากการติดตามเย่หยวนนี้

เพราะเดิมทีเขานั้นก็เป็นถึงเทพสวรรค์อยู่แล้ว แน่นอนว่าย่อมจะรู้สึกได้ถึงเต๋าอย่างหนักหน่วงมากมายกว่านักยุทธทั้งหลาย

พลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมานี้มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้เห็นแสดงสว่างท่ามกลางความมืดมิด

เมื่อผสานเข้ากับคำสอนของเย่หยวนแล้วเทพสวรรค์กู้หงยิ่งก้าวขึ้นมาสูงจนตอนนี้แทบจะถึงอาณาจักรเต๋าขั้นกลางอย่างแท้จริงแล้ว

ในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความตื้นตันดีใจกับการตัดสินใจนั้นของตน

เป็นเทพสวรรค์แล้วมันทำไมกันเล่า?

วางสิ่งของโง่เง่าเลื่อนลอยอย่างศักดิ์ศรีทั้งหลายนั้นลงเพื่อก้มลงกราบยอดอาจารย์มันย่อมจะดีกว่าฝืนทนบ่มเพาะอย่างผิด ๆ ไปอีกนับหมื่น ๆ ปี!

“อาจารย์ ข้าว่าทำการคว่ำบาตรหอเมฆาน้ำแข็งเช่นนี้ต่อไปมันจะไม่ดีหรือไม่? ไม่ว่าจะอย่างไรเสียพวกนางนั้นก็เป็นยอดฝีมือ หากจนตรอกจริง ๆ ข้ากลัวว่านางจะคิดร้ายใด ๆ ต่อท่านอาจารย์!” เทพสวรรค์กู้หงบอก

เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าเทพสวรรค์กู้หงนั้นกังวลว่าเขาจะเป็นอันตราย

แต่เขานั้นย่อมไม่คิดสนใจ “ไม่ต้องกังวลไป แค่ตัวนางนั้นมันไม่มีปัญญาทำร้ายข้าได้หรอก อ่า จริงด้วย ช่วยประกาศออกไปให้ข้าหน่อยว่าอาจารย์ของเจ้าผู้นี้ต้องการเคลือบหม้อหลอมและต้องการผู้มีกายเทวะหยินล้ำช่วยเหลือ หากมีใครผู้ใดที่มีกายเทวะหยินล้ำ อาจารย์ของเจ้านี้จะตอบแทนให้อย่างงาม”

เมื่อกู้หงได้ยินคำพูดนี้เขาก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที “นี่มัน…ตอนนี้ทางหอเมฆาน้ำแข็งมีผู้มีกายเทวะหยินล้ำอยู่ท่านอาจารย์!”

เย่หยวนแสดงสีหน้าตื่นตะลึงขึ้นมาตาม “อ่า? บังเอิญได้ปานนั้น? ช่างเถอะ เช่นนั้นนางคงยังพอมีดวงเหลือในชีวิตอยู่บ้าง หากนางนั้นส่งผู้มีกายเทวะหยินล้ำมาช่วยข้าหลอมจริง ๆ ก็ถือว่าปล่อยเรื่องที่ผ่านมาไปแล้วกัน อ่า จริงด้วย ประกาศนี้ต้องทำการประกาศ อย่าทำเหมือนว่าเราเข้าไปขอคนมาจากหอเมฆาน้ำแข็งเด็ดขาด เราจะไม่ก้มหัวร้องขอพวกมัน”

“ขอรับท่านอาจารย์!” เทพสวรรค์กู้หงรับคำสั่ง

เย่หยวนนั้นย่อมจะกล่าวคำพูดทั้งหลายนี้อย่างจงใจ

กับตัวเทพสวรรค์กู้หงผู้นี้ เย่หยวนยังไม่อาจทำใจเชื่อลงได้สนิท

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเหล่าคนที่ก้าวขึ้นมาถึงระดับเทพสวรรค์ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ต่างก็เป็นคนชั่วร้ายไม่มากก็น้อยกันทั้งสิ้น มีใครบ้างจะขึ้นมาเป็นได้ง่าย ๆ?

หากเรื่องราวมันผิดพลาดไปแล้ว เย่หยวนคงพอปกป้องตัวเองได้ แต่หากคิดอยากช่วยลู่เอ๋อถึงเวลานั้นมันคงยากแล้ว

การเดินทางอันยาวนานครั้งนี้เย่หยวนได้วางแผนทั้งหลายทั้งสิ้นมาระหว่างทาง

เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นไม่ได้คิดกังวลในตัวเขาใด ๆ แต่ตัวเย่หยวนนั้นเข้าใจว่าเทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นมีอะไรในมือบางอย่างดีเพราะความทรงจำของซุนชิงหลิง

เขานั้นคิดเรียกหากายเทวะหยินล้ำมาช่วยการหลอมโอสถใด ๆ นี้ด้วยชื่อของยอดนักหลอมโอสถก็เพื่อจะไม่ให้ผู้คนเกิดความสงสัยใด ๆ

สิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำลงไปก่อนหน้ามันก็เพื่อเรื่องราวในวันนี้

เขานั้นคิดอยากจะทำให้เทพสวรรค์ปิงหยุนยอมมอบลู่เอ๋อออกมาด้วยตนเอง!

เพียงแค่ว่าการที่เทพสวรรค์กู้หงกราบเขาเป็นอาจารย์นี้มันได้ช่วยให้เรื่องราวง่ายดายขึ้นมาก

แน่นอนว่าเมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกไปเทพสวรรค์ปิงหยุนก็รีบรุดหน้ามาอย่างไม่รอช้า

แค่ให้ยืมไม่กี่วันมัน เทพสวรรค์ปิงหยุนย่อมจะไม่ปล่อยโอกาสคืนดีกับเย่หยวนนี้ออกจากมือไป

“เรื่องราวในคราก่อนหน้าทั้งหลายนั้นมันเป็นเพราะว่าปิงหยุนมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักความเก่งกาจของท่านอาจารย์จี้ดีพอ ข้าได้ยินว่าเวลานี้อาจารย์จี้ต้องการอยากได้ผู้มีกายเทวะหยินล้ำมาช่วยการหลอมโอสถ ทางหอเมฆาน้ำแข็งเรานั้นบังเอิญได้มีศิษย์คนหนึ่งที่มีกายเทวะหยินล้ำพอดี ปิงหยุนนั้นหวังว่าจะส่งนางมาช่วยการหลอมโอสถของอาจารย์จี้ได้ หวังว่าอาจารย์จี้จะไม่โกรธเคืองเรื่องราวที่ผ่าน ๆ มาและแสดงความเมตตาต่อหอเมฆาน้ำแข็งเราด้วย” เทพสวรรค์ปิงหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

เย่หยวนนั้นย่อมจะมองออกตั้งแต่แรกเห็นว่าเทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นเป็นผู้ชอบรังแกคนอ่อนแอ และเกรงกลัวผู้แข็งแกร่ง

ชุมวายุไพศาลนั้นเก่งกาจ นางจึงคิดยอมอีกฝ่ายอย่างไม่ขัดขืน

เดิมทีที่กล้าดูถูกว่าเย่หยวนก็เพราะเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยและตัวนางเองก็ยังพอมีช่องทางเอาตัวรอด

แต่ตอนนี้เมื่อนางได้เห็นฝีมือที่แท้ของเย่หยวน นางก็ยอมแพ้ลงในที่สุด

ตอนนี้ยังจะมีท่าทางใดของราชินีน้ำแข็งผู้เย็นเยือกเย่อหยิ่งอีก?

หากคนไม่รู้มาเห็นนางเวลานี้คงคิดว่านางเป็นแค่มนุษย์ป้าข้างบ้านที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านเท่านั้น

เมื่อได้เห็นใบหน้าเช่นนั้นเย่หยวนก็รู้สึกขนลุกขยะแขยงไปทั้งกาย ลู่เอ๋อกลับไปคารวะคนเช่นนี้เป็นอาจารย์ ช่างมีตาหามีแววไม่จริง ๆ

“หึ! ตั้งแต่จี้ผู้นี้ลืมตาดูโลกมาข้ายังไม่เคยถูกใครดูถูกเช่นนี้มาก่อน เทพสวรรค์แล้วมันจะทำไม? จี้ผู้นี้พบเจอเทพสวรรค์มาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่มีใครบ้างที่ไม่ก้มหัวเคารพจี้ผู้นี้? มีแต่ปิงหยุนเจ้าเท่านั้นที่คิดดูถูกว่าจี้ผู้นี้!”

เมื่อคิดจะแสดงละครก็ต้องแสดงให้สุด เย่หยวนย่อมจะไม่ปล่อยเรื่องราวผ่านไปง่าย ๆ

เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นเป็นผู้คนเจ้าเล่ห์มากแผนการ ในเมื่อตัวเขาคิดเล่นบทคนโอหังเย่อหยิ่งไปแล้วก็เล่นให้ถึงที่สุด

หากเขาปล่อยเรื่องราวผ่านไปง่าย ๆ ตรงนี้คนทั้งหลายจะเกิดสงสัยในตัวเขาแทน

อย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องทำให้รู้สึกว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้มันเป็นค่าสูญเสียที่เทพสวรรค์ปิงหยุนต้องจ่าย มิใช่การสร้างบุญคุณใด ๆ

เทพสวรรค์ปิงหยุนเองก็ได้แต่ยิ้มขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “ที่อาจารย์จี้ว่ามามันไม่มีผิดเลย แท้จริงแล้ว… นับจากวันนั้นปิงหยุนผู้นี้ก็เศร้าเสียใจกับมันมาตลอด เพียงแค่ว่า…”

“เพียงแค่ว่าเจ้ายังคิดว่าตนเองเอาตัวรอดได้และไม่ต้องมาก้มหัวให้เทพถ่องแท้ผู้หนึ่งใช่หรือไม่?” เย่หยวนพูดต่อขึ้น

เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมาเมื่อได้ยิน ตอนนี้นางได้รู้ว่าแม้เย่หยวนจะเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่แท้จริงแล้วตัวเขานั้นก็เจ้าแผนการมากเล่ห์ไม่น้อย มิใช่แค่ชายน้อยที่ดูถูกผู้คนไปทั่ว

แค่ดูจากเรื่องราวที่เขาทำในทุ่งราบสุดอุดรนี้นางก็พอเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นคิดจะค่อย ๆ ตัดเส้นทางรอด บีบให้นางต้องจนตรอก

คิดมาได้ถึงตรงนี้เทพสวรรค์ปิงหยุนก็ยิ่งรู้สึกเคารพอีกฝ่ายมากขึ้น

นางนั้นเกิดมาพร้อมความคิดที่ว่า หากเจ้าอ่อนแอ ข้าจะเก่งกาจ หากเจ้าเก่งกาจ ข้าจะยอมอ่อนแอ

“นี่มัน… เป็นความผิดปิงหยุนเอง ข้าแค่หวังว่าจะไถ่โทษความผิดนั้น ขออาจารย์จี้โปรดให้โอกาสด้วย” เทพสวรรค์ปิงหยุนร้องบอก

แต่เย่หยวนกลับตอบกลับมา “ข้าจะให้โอกาสเจ้า แต่โอสถที่หอเมฆาน้ำแข็งเจ้าจะซื้อนั้นมันต้องเพิ่มราคาขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์! อย่าได้มองข้าเช่นนั้น นี่คือโทษของเจ้า! เจ้าอย่าคิดว่าแค่ส่งผู้มีกายเทวะหยินล้ำมาช่วยข้าหลอมโอสถแล้วความแค้นเคืองใด ๆ ที่ผ่านมาของเรามันจะจางหายไปสิ้น”

ได้ยินคำของเย่หยวนนี้เทพสวรรค์ปิงหยุนก็แทบกระอักเลือดออกมา

สำหรับค่ายสำนักระดับเทพสวรรค์แล้ว โอสถที่ใช้ในแต่ละรอบปีนั้นมันย่อมจะมีจำนวนมหาศาล

ราคาสิบเปอร์เซ็นต์นี้มันอาจจะฟังดูไม่มาก แต่หากนับทบ ๆ ไปทุกปีแล้วมันคงได้กลายเป็นจำนวนที่มหาศาลแน่

และเงินทั้งหลายนี้พวกนางต้องโยนมันทิ้งไปต่อหน้า!

แต่ทว่าแค่การได้สิทธิซื้อโอสถกลับมามันก็มากพอที่จะถือว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จแล้ว

เพราะคนอย่างเทพสวรรค์ปิงหยุนย่อมจะไม่คิดสนใจมากมายกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าหรือหกใด ๆ

แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดที่เทพสวรรค์กู้หงหลอมนั้นมันเป็นสิ่งที่นางไม่อาจขาดไปได้!

เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นได้ยินมาว่าในเวลาหนึ่งปีนี้เทพสวรรค์กู้หงได้พัฒนาฝีมือของตนขึ้นไปอย่างมากมายมหาศาล ทำให้โอสถใด ๆ ที่อดีตหลอมไม่ได้ วันนี้เขาก็เริ่มจะหลอมมันขึ้นมาได้แล้ว

ข่าวนี้มันนับเป็นข่าวดีมหาศาลกับเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลาย

สำหรับพวกเขาแล้วศิษย์มันก็เป็นได้แค่เครื่องมือหาเงินเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาแล้วคือกำลังของตนเองต่างหาก!

“ขอบคุณอาจารย์จี้มากที่ให้โอกาสปิงหยุนผู้นี้ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าอาจารย์จี้จะคิดหลอมโอสถเมื่อใด ข้าจะได้ส่งมอบตัวผู้นี้กายเทวะหยินล้ำมาให้ได้”

ปิงหยุนนั้นคิดจะมอบส่งตัวลู่เอ๋อให้มันจบ ๆ ไป

แต่เย่หยวนนั้นกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่ต้องรีบไป โอสถนี้มันต้องเตรียมการไม่น้อย จี้ผู้นี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวสักสามวัน ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยให้คนพานางมา! ทำไมเล่า? เจ้าไม่เห็นด้วย?”

เมื่อเย่หยวนกล่าวคำพูดนั้นออกมาเทพสวรรค์ปิงหยุนก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็กลืนมันลงไป ทำให้เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

เทพสวรรค์ปิงหยุนที่ได้ยินต้องสะดุ้งไปทั้งกายก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกปัด “มิใช่ ๆ! ปิงหยุนมิกล้า! เพียงแค่ว่า…เรื่องของศิษย์คนนี้ นางนั้นไปต้องตาเฟิงเทียนหยางแห่งชุมวายุไพศาลเข้า แต่ตัวนางนั้นไม่ยอมจะแต่งกับเขาจนถึงขั้นขู่จะเอาชีวิตตนเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ปิงหยุนแค่กลัวว่านางนั้นจะใช้โอกาสนี้หลบหนีไป…”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+