Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2109 แบบอย่าง

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2109 แบบอย่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนหอสูงนั้นมันเป็นจุดที่เหมาะสมกับการดูชมเรื่องราวอย่างมาก และทางเผ่ากิเลนเองก็ได้ครอบครองหอสังเกตการณ์นี้ไว้หอหนึ่งพร้อมด้วยยอดฝีมือเผ่ากิเลนที่อยู่ครบสิ้น

ฉีเฉินมองดูที่สังเวียนประลองไกลออกไปนั้นพร้อมกล่าวขึ้น “ฉีเจิ้น เจ้าต้องดูการประลองนี้ไว้ให้ดี แม้ว่าข้าจะไม่อาจคิดว่ามทันจะเอาชนะเจ้าได้ แต่เรื่องราวในครั้งนี้มันสำคัญต่อเราอย่างมาก เจ้าห้ามประมาทเป็นอันขาด”

ที่ด้านข้างฉีเฉินนั้นมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง แน่นอนว่าเขาคนนี้คือฉีเจิ้นที่ถูกกล่าวถึง

ฉีเจิ้นนั้นเป็นยอดนักหลอมโอสถรุ่นใหม่ของเผ่ากิเลนมีวิชาฝีมือเหนือล้ำผู้คนรุ่นเดียวกันไปมาก

แม้จะบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่แท้จริงฉีเจิ้นเองก็มีอายุถึงสามหมื่นปีเข้าไปแล้ว

“หากจะพูดถึงแค่กระดูกจักรพรรดิกิเลน ของที่บรรพบุรุษเผ่ากิเลนเราทิ้งไว้ให้มันก็มีไม่น้อย หรือว่าเจ้ากระดูกที่ว่านี้มันจะพิเศษกว่ากระดูกจักรพรรดิอื่น ๆ หรือ?” ฉีเจิ้นถามขึ้นด้วยความสงสัย

ฉีเฉินนั้นพยักหน้ารับ “ข้าสัมผัสได้ถึงความโบราณจากกระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้ เทียบกับของเหล่าท่านทั้งหลายที่ทิ้งไว้ในเผ่ากิเลนเราแล้วมันดูจะสูงส่งและลึกลับมากกว่านัก! ข้ารู้สึกได้ว่ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันจะช่วยให้เราได้ค้นพบความลับของเผ่าเราอีกมากทีเดียว เพราะฉะนั้นเราต้องเอามันมาให้ได้!”

ฉีเจิ้นที่ได้ยินก็ตื่นตะลึงไปไม่น้อยเพราะไม่นึกไม่ฝันว่าฉีเฉินจะจริงจังกับเรื่องนี้ถึงปานนี้

“ลุงเฉินโปรดวางใจ ข้าไม่แพ้หรอก!” ฉีเจิ้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้ามั่นใจอย่างสุดตัว

การประลองนี้มันได้รับความสนใจจากทุกผู้คน

ในวันนั้นที่พวกเขาได้รับรู้ว่าเย่หยวนนั้นเป็นรองมหาปราชญ์ เทพถ่องแท้คนหนึ่งกลับเป็นรองมหาปราชญ์มันจึงทำให้คนทั้งเมืองต้องตื่นตะลึง

แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครเห็นด้วย เสียงการตั้งคำถามนั้นเกิดขึ้นในทุกหนแห่ง

และในวันนี้ ที่สุดแล้ววันนี้มันก็จะเป็นการพิสูจน์ว่ารองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจสมชื่อนั้นหรือไม่ มันเป็นเวลาที่จะพิสูจน์กัน

ศิษย์รักของมหานักบวชขนแดง ยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาล นี่มันย่อมจะเป็นด่านทดสอบที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะหาได้

“ท่านรองมหาปราชญ์ ท่านดูดี ๆ เถอะนะ นี่คือวิชาที่ข้าได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์ขนแดง ศาสตร์รวมนิพพานก้าวสวรรค์! วันนี้ข้าจะใช้มันออกมาให้ท่านได้รู้เองว่าตนเองไม่ควรค่าแก่นามรองมหาปราชญ์ใด ๆ!”

ฉือเซียวร้องลั่นก่อนจะปล่อยคลื่นพลังลึกลับหนักหน่วงออกมาภายนอก จนทำให้ราวกับว่าพลังของทั้งโลกหล้านี้มันเป็นของเขาเพียงคนเดียว

คลื่นพลังลึกลับซับซ้อนพุ่งทะยานเข้าใส่หม้อหลอมพร้อม ๆ กับหมุนวนรอบตัวซือเซียว

นี่มันคือคลื่นพลังเต๋า!

เมื่อทุกผู้คนได้เห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็ต้องร่ำร้องออกมาพร้อม ๆ กัน

อาณาจักรเทพอสูรนั้นมันสุดแสนกว้างใหญ่ไพศาล แต่ยอดฝีมือที่ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลได้นั้นมันมีน้อยจนนับหัวได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้แต่ยอดคนที่อยู่ในระดับต้น ๆ ของดินแดนอย่างซินหลัวก็ยังเป็นแค่ได้อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว

“นี่หรือคือพลังของอาณาจักรบรรพกาล? สมชื่ออันยิ่งใหญ่จริง ๆ! ท่านฉือเซียวสมแล้วที่เป็นศิษย์อันภาคภูมิของท่านขนแดง!”

“นี่คือคลื่นเต๋าอย่างแท้จริง! ท่านฉือเซียวนั้นดึงเอาพลังของแนวคิดต่าง ๆ ในโลกหล้ามาใช้กับสมุนไพรในหม้อหลอม!”

“เก่งกาจเกินไป! นี่คือการหลอมโอสถอย่างแท้จริง! เทียบกับท่านฉือเซียวแล้วพวกเราเป็นได้แค่ขยะจริง ๆ!”

“ไม่ว่ารองมหาปราชญ์ใด ๆ มันก็ย่อมอ่อนแอไม่อาจเทียบเคียงท่านฉือเซียวได้แน่!”

ในลานกว้างผู้คนต่างร้องชื่นชมออกมารอบด้านราวกับว่านี่เป็นการพบปะแฟน ๆ ของฉือเซียวไป

คนทั้งหลายนี้มันมีใครบ้างที่จะเคยเห็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลลงมือ? เมื่อฉือเซียวแสดงพลังออกมามันย่อมจะให้พวกเขาแทบก้มลงกราบ

ที่ด้านบนหอสังเกตการณ์ซินหลัวเองก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ “นี่คืออาณาจักรบรรพกาลอย่างนั้นหรือ? ท่านฉือเซียวดูท่าจะได้รับการสืบทอดวิชาจากท่านมหานักบวชขนแดงแล้ว หากให้เวลาอีกหน่อย เขาคงผ่านอย่าถามไปได้แน่ ๆ การประลองนี้มันรู้ผลแล้ว!”

ตัวเขาที่เป็นอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวนั้นย่อมจะชื่นชมและใฝ่หาอาณาจักรบรรพกาลอย่างมาก

เพียงแค่ว่าการจะก้าวขึ้นไปนั้นมันสุดแสนยากเย็น!

ก่อนหน้านั้นตอนที่เทพสวรรค์เปียวหยูติดอยู่ที่อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวเอง เขาก็ไม่อาจจะก้าวขึ้นผ่านไปถึงอาณาจักรบรรพกาลได้เสียที ติดอยู่นานแสนนานจนได้มาเจอกับเย่หยวนเข้า

เพราะอาณาจักรบรรพกาลนั้นมันคือการเรียนรู้ถึงจุดกำเนิดอย่างแท้จริง มันคือการเปิดเข้าไปดูในยอดเต๋าตรง ๆ และใช้พลังของมันออกมาช่วยในการหลอมโอสถต่าง ๆ

เพราะฉะนั้นเมื่อฉือเซียวลงมือออกมามันจึงได้มีคลื่นเต๋าพุ่งกระจายไปทั่วทิศและดึงเอาพลังแนวคิดในสมุนไพรใด ๆ ออกมาได้สิ้น ทำการจัดเรียงหลอมวางใหม่จนทำให้เกิดเป็นโอสถที่ดีกว่าขึ้นได้ง่ายดาย

กงหยางเลี่ยเองก็ยกมือขึ้นมาลูบหนวดเคราของตนก่อนจะกล่าวขึ้น “หึ ๆ แม้ว่าฉือเซียวจะอวดดีวางตนเหนือท่าน แต่ตัวเขาก็มีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ ขนาดนายท่านเองก็ยังกล่าวชมเขาไม่หยุดปาก! หลังจากได้เห็นเรื่องราววันนี้แล้วข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้าเด็กเย่หยวนนั่นมันจะยังกล้าเรียกตัวเองว่ารองมหาปราชญ์หรือไม่!”

แต่ทางตัวเย่หยวนนั้นกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่แสดงท่าทีใด ๆ เขานั้นไม่ได้คิดรีบร้อนจะไปหลอมและมองดูการหลอมของฉือเซียวไปสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะส่ายหัวออกมาในที่สุด

“ฮา การประลองหลอมโอสถนั้นมันมิใช่การทะเลาะวิวาท แข่งกันพูดว่าใครเสียงดังกว่าจะชนะ วันนี้ปราชญ์ผู้นี้จะสั่งสอนเจ้าให้เองว่าการหลอมโอสถนั้นมันควรจะทำอย่างไร”

จากนั้นเย่หยวนก็ได้ยกมือขึ้นมาประกบกันส่งคลื่นพลังทำให้ท้องฟ้ามืดลงจนเกิดเป็นภาพของดวงดาวรายล้อมลานประลองไว้

เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศ!

เมื่อเปิดใช้ศาสตร์หลอมอสูรขึ้นตาม ร่างกายของเย่หยวนก็เปลี่ยนกลายเป็นแค่เงาเลือน

พลังแนวคิดใด ๆ ในสมุนไพรนั้นมันต่างไหลวนเขามาหายังดวงดาวที่รายล้อมรอบทิศ

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทุกผู้คนนี้มันสวยงามจนได้แต่ต้องเหม่อมอง..Aileen-novel

เหล่าผู้คนที่ยังโห่ร้องชื่อ ‘ท่านฉือเซียว’ เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนนี้ต่างต้องหุบปากเงียบลงทันที

เพราะตอนนี้พวกเขาต่างตกตะลึงกับการหลอมโอสถของเย่หยวน!

เมื่อซินหลัวได้เห็นภาพตรงหน้าตัวเขาก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง ไม่อาจจะพูดกล่าวคำใด ๆ ออกมาได้

เดิมทีฉือเซียวนั้นคิดว่าตนมีความได้เปรียบจะกดดันเย่หยวนจนตัวเขาไม่อาจโงหัวขึ้น

แต่ไม่นานนักเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงตรงหน้าจนถูกคลื่นเต๋าโอสถนี้ผลักออกโดยไม่อาจขัดขืนได้

ต่อหน้าพลังเช่นนี้ เขารู้สึกได้ทันทีว่าตนเองช่างเล็กน้อยจิ๊บจ๊อยเสียเหลือเกิน

ฉือเซียวสั่นสะท้านไปทั้งใจ แต่ก็ไม่อาจจะละสายตาจากภาพตรงหน้าได้

ต่อให้จะเป็นตอนที่เขาประลองกับศิษย์พี่ทั้งหลายเอง ตัวเขาก็ยังไม่เคยจะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังระดับนี้มาก่อน

เขานั้นรู้สึกได้ราวกับว่าเย่หยวนที่ตรงหน้านี้เป็นท้องฟ้ากว้างบนหัว เป็นผืนดินไพศาลใต้เท้า เป็นโลกทั้งใบ!

นี่มันคือยอดพลังอย่างแท้จริง!

“นี่… นี่คือพลังที่แท้ของเย่หยวน?” ซินหลัวมองดูเย่หยวนในลานกว้างอย่างตกตะลึง

กงหยางเลี่ยที่ไม่เข้าใจศาสตร์การหลอมโอสถนั้นย่อมจะไม่เข้าใจความเหนือล้ำ แต่ตัวเขาก็เข้าใจถึงความผิดปกติได้จากคำพูดของซินหลัว

ที่สำคัญด้วยพลังจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเขานั้น เขาย่อมจะสัมผัสได้ถึงยอดเต๋าอย่างชัดแจ้ง

และคลื่นพลังตรงหน้านี้ มันทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว

มันมิใช่เพราะว่าคลื่นพลังตรงหน้านี้รุนแรงใด ๆ แต่มันเป็นเพราะว่าคลื่นพลังตรงหน้านี้มันน่าหลงใหลจนเกินห้ามใจ

เมื่อได้เกิดมาบนโลกนี้ คงทั้งหลายย่อมจะมีสิ่งที่กลัวเกรง

ผู้คนบูชาพระเจ้า นักยุทธบูชาฟ้าดิน

และสภาพของกงหยางเลี่ยในเวลานี้มันก็เหมือนดั่งเขาได้เผชิญกับฟ้าดินอยู่ตรงหน้า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? หรือว่า…ฉือเซียวจะหยุดมือลง?” กงหยางเลี่ยถามขึ้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ซินหลัวที่ได้ยินต้องยิ้มขึ้นมาอย่างขื่นขม “การประลองนี้มันจบสิ้นแล้ว! โอสถผนึกจิตทำนองสวรรค์นั้นมันคือหนึ่งในโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์หกดาวที่ยากที่สุด ธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในสมุนไพรนั้นมันยุ่งยากซับซ้อน การจะดึงพลังแนวคิดนั้นออกมามันจะวัดความสามารถของนักบวชได้อย่างดี สำหรับเหล่าผู้ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลแล้วมันก็ย่อมจะสามารถทำเช่นนั้นได้ไม่ยาก เพียงแค่ว่า…เย่หยวนผู้นี้ทำมันออกมาได้สมบูรณ์แบบ!”

อีกด้านทางฉีเจิ้นก็ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ตัวเขานั้นก็ได้ค่อย ๆ อธิบายความเก่งกาจเหนือล้ำของเย่หยวนนี้ให้สมาชิกเผ่าฟัง

“ความซับซ้อนของธาตุสมุนไพรนั้นมันเหมือนดั่งดาวบนฟ้า คนทั่วไปย่อมไม่อาจจะรับมือมันได้แม้แต่น้อย ต่อให้จะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลเองก็คงไม่อาจจะบอกว่าตนทำได้สมบูรณ์ ต่อให้เป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรือท่านบรรพบุรุษซื่อเฉินมาเองพวกเขาก็คงทำได้ไม่เหนือไปกว่าระดับของเย่หยวนนี้! หากเราจะบอกว่าฉือเซียวมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำแล้ว เช่นนั้นวิชาของเย่หยวนมันคงจะเป็นแบบอย่าง…แบบอย่างที่เราควรทำตาม!”

ที่ด้านหลังฉีเจิ้น สีหน้าของพวกฉีเฉินทั้งหลายต่างตึงเครียดขึ้นทันที

ฉีเจิ้นชื่นชมเย่หยวนอย่างมากจนเกินปกติ!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2109 แบบอย่าง

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2109 แบบอย่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บนหอสูงนั้นมันเป็นจุดที่เหมาะสมกับการดูชมเรื่องราวอย่างมาก และทางเผ่ากิเลนเองก็ได้ครอบครองหอสังเกตการณ์นี้ไว้หอหนึ่งพร้อมด้วยยอดฝีมือเผ่ากิเลนที่อยู่ครบสิ้น

ฉีเฉินมองดูที่สังเวียนประลองไกลออกไปนั้นพร้อมกล่าวขึ้น “ฉีเจิ้น เจ้าต้องดูการประลองนี้ไว้ให้ดี แม้ว่าข้าจะไม่อาจคิดว่ามทันจะเอาชนะเจ้าได้ แต่เรื่องราวในครั้งนี้มันสำคัญต่อเราอย่างมาก เจ้าห้ามประมาทเป็นอันขาด”

ที่ด้านข้างฉีเฉินนั้นมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง แน่นอนว่าเขาคนนี้คือฉีเจิ้นที่ถูกกล่าวถึง

ฉีเจิ้นนั้นเป็นยอดนักหลอมโอสถรุ่นใหม่ของเผ่ากิเลนมีวิชาฝีมือเหนือล้ำผู้คนรุ่นเดียวกันไปมาก

แม้จะบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่แท้จริงฉีเจิ้นเองก็มีอายุถึงสามหมื่นปีเข้าไปแล้ว

“หากจะพูดถึงแค่กระดูกจักรพรรดิกิเลน ของที่บรรพบุรุษเผ่ากิเลนเราทิ้งไว้ให้มันก็มีไม่น้อย หรือว่าเจ้ากระดูกที่ว่านี้มันจะพิเศษกว่ากระดูกจักรพรรดิอื่น ๆ หรือ?” ฉีเจิ้นถามขึ้นด้วยความสงสัย

ฉีเฉินนั้นพยักหน้ารับ “ข้าสัมผัสได้ถึงความโบราณจากกระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้ เทียบกับของเหล่าท่านทั้งหลายที่ทิ้งไว้ในเผ่ากิเลนเราแล้วมันดูจะสูงส่งและลึกลับมากกว่านัก! ข้ารู้สึกได้ว่ากระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันจะช่วยให้เราได้ค้นพบความลับของเผ่าเราอีกมากทีเดียว เพราะฉะนั้นเราต้องเอามันมาให้ได้!”

ฉีเจิ้นที่ได้ยินก็ตื่นตะลึงไปไม่น้อยเพราะไม่นึกไม่ฝันว่าฉีเฉินจะจริงจังกับเรื่องนี้ถึงปานนี้

“ลุงเฉินโปรดวางใจ ข้าไม่แพ้หรอก!” ฉีเจิ้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้ามั่นใจอย่างสุดตัว

การประลองนี้มันได้รับความสนใจจากทุกผู้คน

ในวันนั้นที่พวกเขาได้รับรู้ว่าเย่หยวนนั้นเป็นรองมหาปราชญ์ เทพถ่องแท้คนหนึ่งกลับเป็นรองมหาปราชญ์มันจึงทำให้คนทั้งเมืองต้องตื่นตะลึง

แน่นอนว่าคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครเห็นด้วย เสียงการตั้งคำถามนั้นเกิดขึ้นในทุกหนแห่ง

และในวันนี้ ที่สุดแล้ววันนี้มันก็จะเป็นการพิสูจน์ว่ารองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจสมชื่อนั้นหรือไม่ มันเป็นเวลาที่จะพิสูจน์กัน

ศิษย์รักของมหานักบวชขนแดง ยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาล นี่มันย่อมจะเป็นด่านทดสอบที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะหาได้

“ท่านรองมหาปราชญ์ ท่านดูดี ๆ เถอะนะ นี่คือวิชาที่ข้าได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์ขนแดง ศาสตร์รวมนิพพานก้าวสวรรค์! วันนี้ข้าจะใช้มันออกมาให้ท่านได้รู้เองว่าตนเองไม่ควรค่าแก่นามรองมหาปราชญ์ใด ๆ!”

ฉือเซียวร้องลั่นก่อนจะปล่อยคลื่นพลังลึกลับหนักหน่วงออกมาภายนอก จนทำให้ราวกับว่าพลังของทั้งโลกหล้านี้มันเป็นของเขาเพียงคนเดียว

คลื่นพลังลึกลับซับซ้อนพุ่งทะยานเข้าใส่หม้อหลอมพร้อม ๆ กับหมุนวนรอบตัวซือเซียว

นี่มันคือคลื่นพลังเต๋า!

เมื่อทุกผู้คนได้เห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็ต้องร่ำร้องออกมาพร้อม ๆ กัน

อาณาจักรเทพอสูรนั้นมันสุดแสนกว้างใหญ่ไพศาล แต่ยอดฝีมือที่ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลได้นั้นมันมีน้อยจนนับหัวได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้แต่ยอดคนที่อยู่ในระดับต้น ๆ ของดินแดนอย่างซินหลัวก็ยังเป็นแค่ได้อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว

“นี่หรือคือพลังของอาณาจักรบรรพกาล? สมชื่ออันยิ่งใหญ่จริง ๆ! ท่านฉือเซียวสมแล้วที่เป็นศิษย์อันภาคภูมิของท่านขนแดง!”

“นี่คือคลื่นเต๋าอย่างแท้จริง! ท่านฉือเซียวนั้นดึงเอาพลังของแนวคิดต่าง ๆ ในโลกหล้ามาใช้กับสมุนไพรในหม้อหลอม!”

“เก่งกาจเกินไป! นี่คือการหลอมโอสถอย่างแท้จริง! เทียบกับท่านฉือเซียวแล้วพวกเราเป็นได้แค่ขยะจริง ๆ!”

“ไม่ว่ารองมหาปราชญ์ใด ๆ มันก็ย่อมอ่อนแอไม่อาจเทียบเคียงท่านฉือเซียวได้แน่!”

ในลานกว้างผู้คนต่างร้องชื่นชมออกมารอบด้านราวกับว่านี่เป็นการพบปะแฟน ๆ ของฉือเซียวไป

คนทั้งหลายนี้มันมีใครบ้างที่จะเคยเห็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลลงมือ? เมื่อฉือเซียวแสดงพลังออกมามันย่อมจะให้พวกเขาแทบก้มลงกราบ

ที่ด้านบนหอสังเกตการณ์ซินหลัวเองก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ “นี่คืออาณาจักรบรรพกาลอย่างนั้นหรือ? ท่านฉือเซียวดูท่าจะได้รับการสืบทอดวิชาจากท่านมหานักบวชขนแดงแล้ว หากให้เวลาอีกหน่อย เขาคงผ่านอย่าถามไปได้แน่ ๆ การประลองนี้มันรู้ผลแล้ว!”

ตัวเขาที่เป็นอาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวนั้นย่อมจะชื่นชมและใฝ่หาอาณาจักรบรรพกาลอย่างมาก

เพียงแค่ว่าการจะก้าวขึ้นไปนั้นมันสุดแสนยากเย็น!

ก่อนหน้านั้นตอนที่เทพสวรรค์เปียวหยูติดอยู่ที่อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าวเอง เขาก็ไม่อาจจะก้าวขึ้นผ่านไปถึงอาณาจักรบรรพกาลได้เสียที ติดอยู่นานแสนนานจนได้มาเจอกับเย่หยวนเข้า

เพราะอาณาจักรบรรพกาลนั้นมันคือการเรียนรู้ถึงจุดกำเนิดอย่างแท้จริง มันคือการเปิดเข้าไปดูในยอดเต๋าตรง ๆ และใช้พลังของมันออกมาช่วยในการหลอมโอสถต่าง ๆ

เพราะฉะนั้นเมื่อฉือเซียวลงมือออกมามันจึงได้มีคลื่นเต๋าพุ่งกระจายไปทั่วทิศและดึงเอาพลังแนวคิดในสมุนไพรใด ๆ ออกมาได้สิ้น ทำการจัดเรียงหลอมวางใหม่จนทำให้เกิดเป็นโอสถที่ดีกว่าขึ้นได้ง่ายดาย

กงหยางเลี่ยเองก็ยกมือขึ้นมาลูบหนวดเคราของตนก่อนจะกล่าวขึ้น “หึ ๆ แม้ว่าฉือเซียวจะอวดดีวางตนเหนือท่าน แต่ตัวเขาก็มีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ ขนาดนายท่านเองก็ยังกล่าวชมเขาไม่หยุดปาก! หลังจากได้เห็นเรื่องราววันนี้แล้วข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้าเด็กเย่หยวนนั่นมันจะยังกล้าเรียกตัวเองว่ารองมหาปราชญ์หรือไม่!”

แต่ทางตัวเย่หยวนนั้นกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่แสดงท่าทีใด ๆ เขานั้นไม่ได้คิดรีบร้อนจะไปหลอมและมองดูการหลอมของฉือเซียวไปสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะส่ายหัวออกมาในที่สุด

“ฮา การประลองหลอมโอสถนั้นมันมิใช่การทะเลาะวิวาท แข่งกันพูดว่าใครเสียงดังกว่าจะชนะ วันนี้ปราชญ์ผู้นี้จะสั่งสอนเจ้าให้เองว่าการหลอมโอสถนั้นมันควรจะทำอย่างไร”

จากนั้นเย่หยวนก็ได้ยกมือขึ้นมาประกบกันส่งคลื่นพลังทำให้ท้องฟ้ามืดลงจนเกิดเป็นภาพของดวงดาวรายล้อมลานประลองไว้

เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศ!

เมื่อเปิดใช้ศาสตร์หลอมอสูรขึ้นตาม ร่างกายของเย่หยวนก็เปลี่ยนกลายเป็นแค่เงาเลือน

พลังแนวคิดใด ๆ ในสมุนไพรนั้นมันต่างไหลวนเขามาหายังดวงดาวที่รายล้อมรอบทิศ

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทุกผู้คนนี้มันสวยงามจนได้แต่ต้องเหม่อมอง..Aileen-novel

เหล่าผู้คนที่ยังโห่ร้องชื่อ ‘ท่านฉือเซียว’ เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนนี้ต่างต้องหุบปากเงียบลงทันที

เพราะตอนนี้พวกเขาต่างตกตะลึงกับการหลอมโอสถของเย่หยวน!

เมื่อซินหลัวได้เห็นภาพตรงหน้าตัวเขาก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง ไม่อาจจะพูดกล่าวคำใด ๆ ออกมาได้

เดิมทีฉือเซียวนั้นคิดว่าตนมีความได้เปรียบจะกดดันเย่หยวนจนตัวเขาไม่อาจโงหัวขึ้น

แต่ไม่นานนักเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงตรงหน้าจนถูกคลื่นเต๋าโอสถนี้ผลักออกโดยไม่อาจขัดขืนได้

ต่อหน้าพลังเช่นนี้ เขารู้สึกได้ทันทีว่าตนเองช่างเล็กน้อยจิ๊บจ๊อยเสียเหลือเกิน

ฉือเซียวสั่นสะท้านไปทั้งใจ แต่ก็ไม่อาจจะละสายตาจากภาพตรงหน้าได้

ต่อให้จะเป็นตอนที่เขาประลองกับศิษย์พี่ทั้งหลายเอง ตัวเขาก็ยังไม่เคยจะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังระดับนี้มาก่อน

เขานั้นรู้สึกได้ราวกับว่าเย่หยวนที่ตรงหน้านี้เป็นท้องฟ้ากว้างบนหัว เป็นผืนดินไพศาลใต้เท้า เป็นโลกทั้งใบ!

นี่มันคือยอดพลังอย่างแท้จริง!

“นี่… นี่คือพลังที่แท้ของเย่หยวน?” ซินหลัวมองดูเย่หยวนในลานกว้างอย่างตกตะลึง

กงหยางเลี่ยที่ไม่เข้าใจศาสตร์การหลอมโอสถนั้นย่อมจะไม่เข้าใจความเหนือล้ำ แต่ตัวเขาก็เข้าใจถึงความผิดปกติได้จากคำพูดของซินหลัว

ที่สำคัญด้วยพลังจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเขานั้น เขาย่อมจะสัมผัสได้ถึงยอดเต๋าอย่างชัดแจ้ง

และคลื่นพลังตรงหน้านี้ มันทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว

มันมิใช่เพราะว่าคลื่นพลังตรงหน้านี้รุนแรงใด ๆ แต่มันเป็นเพราะว่าคลื่นพลังตรงหน้านี้มันน่าหลงใหลจนเกินห้ามใจ

เมื่อได้เกิดมาบนโลกนี้ คงทั้งหลายย่อมจะมีสิ่งที่กลัวเกรง

ผู้คนบูชาพระเจ้า นักยุทธบูชาฟ้าดิน

และสภาพของกงหยางเลี่ยในเวลานี้มันก็เหมือนดั่งเขาได้เผชิญกับฟ้าดินอยู่ตรงหน้า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? หรือว่า…ฉือเซียวจะหยุดมือลง?” กงหยางเลี่ยถามขึ้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ

ซินหลัวที่ได้ยินต้องยิ้มขึ้นมาอย่างขื่นขม “การประลองนี้มันจบสิ้นแล้ว! โอสถผนึกจิตทำนองสวรรค์นั้นมันคือหนึ่งในโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์หกดาวที่ยากที่สุด ธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในสมุนไพรนั้นมันยุ่งยากซับซ้อน การจะดึงพลังแนวคิดนั้นออกมามันจะวัดความสามารถของนักบวชได้อย่างดี สำหรับเหล่าผู้ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาลแล้วมันก็ย่อมจะสามารถทำเช่นนั้นได้ไม่ยาก เพียงแค่ว่า…เย่หยวนผู้นี้ทำมันออกมาได้สมบูรณ์แบบ!”

อีกด้านทางฉีเจิ้นก็ต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ตัวเขานั้นก็ได้ค่อย ๆ อธิบายความเก่งกาจเหนือล้ำของเย่หยวนนี้ให้สมาชิกเผ่าฟัง

“ความซับซ้อนของธาตุสมุนไพรนั้นมันเหมือนดั่งดาวบนฟ้า คนทั่วไปย่อมไม่อาจจะรับมือมันได้แม้แต่น้อย ต่อให้จะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลเองก็คงไม่อาจจะบอกว่าตนทำได้สมบูรณ์ ต่อให้เป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรือท่านบรรพบุรุษซื่อเฉินมาเองพวกเขาก็คงทำได้ไม่เหนือไปกว่าระดับของเย่หยวนนี้! หากเราจะบอกว่าฉือเซียวมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำแล้ว เช่นนั้นวิชาของเย่หยวนมันคงจะเป็นแบบอย่าง…แบบอย่างที่เราควรทำตาม!”

ที่ด้านหลังฉีเจิ้น สีหน้าของพวกฉีเฉินทั้งหลายต่างตึงเครียดขึ้นทันที

ฉีเจิ้นชื่นชมเย่หยวนอย่างมากจนเกินปกติ!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+