Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2114 หลงเสี่ยวฉุน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2114 หลงเสี่ยวฉุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของซินหลัว ฉีเฉินเองก็ตกตะลึงไปไม่น้อย

เจ้ากระดูกจักรพรรดินั้นมันเหนือล้ำอย่างที่เขาคาดคิดจริง ๆ!

ด้วยตำแหน่งของฉีเฉิน ตัวเขาย่อมจะได้พบเห็นกระดูกจักรพรรดิที่บรรพบุรุษละทิ้งไว้ให้มามากมาย

แต่ตัวเขานั้นไม่เคยจะคิดฝันว่ากระดูกจักรพรรดิชิ้นหนึ่งจะทำให้เผ่ากิเลนไม่อาจขัดขืนได้เช่นนี้

ทั้งยังเรื่องที่ฉีเจิ้นเป็นถึงเทพสวรรค์ด้วย

มันจะไม่เท่ากับว่าตราบเท่าที่เย่หยวนมีกระดูกจักรพรรดินี้ในมือแล้วเขาจะไม่ต้องเกรงกลัวใด ๆ เลยเมื่อเจอกับเทพสวรรค์เผ่ากิเลนหรือ?

เรื่องนี้มันย่อมจะปล่อยไว้ไม่ได้ ตัวเขาต้องนำพากระดูกนี้กลับไปยังเผ่า!

“ไม่นานแน่ซินหลัว เรื่องราวนี้เผ่ากิเลนข้าจำจดมันไว้ขึ้นใจแล้ว อาณาจักรวิญญาณประจิมเจ้าจะต้องพบเจอความพิโรธจากเผ่ากิเลนเรา! ฉีหยุน ไปกัน!”

พูดจบทางฉีเฉินก็ได้นำฉีหยุนเดินทางกลับไปทันที

ซินหลัวที่รู้อยู่แต่แรกว่าเรื่องเช่นนี้คงเลี่ยงไม่ได้ จึงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ดูท่ามันจะไม่อาจเลี่ยงการเสียเลือดเนื้อได้แล้ว

เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้ซินหลัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดแค้นเย่หยวนขึ้นมา

เขานั้นระบายความไม่พอใจของตนออกมา แต่มันกลับทำให้เผ่าอสูรต้องตกสู่สงคราม

หลังจากฉีเฉินจากไปร่างของกงหยางเลี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น

“ท่านกงหยาง! เราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?” ซินหลัวถาม

กงหยางเลี่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าดำมืด “จะทำอย่างไรได้อีก? หากเผ่ากิเลนนั้นมาถามเราจริง ๆ เราก็คงมีแต่ต้องให้พวกมันเอาตัวเย่หยวนไป!”

ซินหลัวหน้าซีดขาวลงทันทีที่ได้ยิน “แต่…เขานั้นเป็นถึงรองมหาปราชญ์!”

กงหยางเลี่ยนั้นหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “จะเป็นรองมหาปราชญ์แล้วทำไม? กำลังของเผ่ากิเลนนั้นเจ้าเองก็ทราบดีแก่ใจ หากสงครามมันเริ่มขึ้นแล้วจะต้องมีการสูญเสียเท่าไหร่ ถึงเวลานั้นเจ้าคิดว่าเผ่าอื่น ๆ ทั้งหลายจะอยู่นิ่ง? หรือเพราะว่าเย่หยวนคนเดียวนี้เราจะต้องทำให้เผ่าอสูรตกสู่สภาวะวิกฤต? ที่สำคัญต่อให้จะเป็นตัวท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองที่ออกมาท่านก็คงส่งมอบตัวเย่หยวนออกไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน ที่สำคัญจะบอกว่าเขาเป็นรองมหาปราชญ์ใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ วันหน้าใครจะไปแน่ใจได้? ในมหาพิภพถงเทียนนี้สิ่งที่มีค่าที่สุดนั้นคืออัจฉริยะ แต่สิ่งที่ด้อยค่าที่สุดมันก็คืออัจฉริยะ!”

เพราะก่อนที่อัจฉริยะจะเติบโตขึ้นเป็นยอดฝีมือได้ พวกเขาก็จะเป็นได้แต่อัจฉริยะ

ในมหาพิภพถงเทียนนี้การเกิดและตายมันเกิดขึ้นในทุกวินาที อัจฉริยะนั้นมิใช่จะมีแค่เย่หยวนคนเดียว

เย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำอย่างแท้จริง แต่มีหรือที่จักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเขาจะไปสนใจยอดอัจฉริยะวิชาโอสถระดับหกดาว?

ความเคารพที่เขาแสดงต่อเย่หยวนล้วนแต่เกิดขึ้นมาเพราะมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล

ที่สำคัญไปกว่านั้นกงหยางเลี่ยยังมีเรื่องค้างคาในใจ

เพราะการปรากฏตัวของเย่หยวนนี้มันทำให้ชื่อเสียงของมหานักบวชขนแดงต้องสั่นคลอน

การยืมมือเผ่ากิเลนสังหารเย่หยวนลงนี้เองมันก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก

ที่ด้านข้างทางซินหลัวนั้นย่อมจะเข้าใจได้

เรื่องราวในเวลานี้มันมิใช่สิ่งที่ตัวเขาจะยุ่งใด ๆ ด้วยได้แล้ว

เมื่อการฆ่าสังหารฉีเจิ้นลงนั้นเย่หยวนไม่ได้คิดกังวลใด ๆ

หลังจากกลับมาถึงที่พักเขาก็เริ่มเข้าสู่การเก็บตัวเพื่อสลายพลังของเต๋าจากลายพระเจ้าที่ค้างอยู่ในร่าง เขานั้นใช้เวลาถึงสิบวันกว่าที่จะไล่ความเย็นเยือกนั้นออกไปได้หมด

ระหว่างที่ใช้พลังของลายพระเจ้าออกมานั้นเขาจะมีพลังสูงล้ำฟ้าก็จริง แต่มันก็จะตามมาด้วยผลเสียมหาศาล

ภายใต้สถานการณ์ปกติเย่หยวนย่อมจะไม่คิดใช้ลายพระเจ้าออกมา

แต่เวลานี้เย่หยวนเองก็ไม่ได้เกรงกลัวพลังของเผ่ากิเลนมากนัก

ด้วยกระดูกจักรพรรดิกิเลนในมือนี้ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นต้น ๆ ของเผ่าออกมา ตัวเขาก็คงพอจัดการลงได้

เย่หยวนนั้นยิ่งเข้าใจในคำพูดของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นมากขึ้นและมากขึ้นเมื่อได้เห็นพลังนี้ คำพูดที่เขากล่าวไว้ว่าคนในยุคโบราณนั้นเก่งกาจกว่าคนในยุคปัจจุบันมาก

กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันผ่านแดดผ่านฝนผ่านกาลเวลามาแสนนานแต่ก็ยังมีพลังได้ถึงขนาดนี้

การกดดันสายเลือดเช่นนี้หากมิใช่จักรพรรดิเทพสวรรค์ระดับสูง ๆ ออกมาเองแล้วมันก็คงจะไม่เป็นปัญหาใด

ตามที่เย่หยวนคาดการณ์แล้วคนอย่างฉีเจิ้นคงจะไม่ทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ระดับสูงออกหน้ามาแน่

เพราะในสายตาจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วเทพสวรรค์มันก็เป็นได้แค่มดปลวก

“นายท่าน มีคนมาขอพบ” หนิงเทียนปิงเรียกขึ้นมาจากด้านนอกที่พัก

“ใครกัน?” เย่หยวนเดินออกมาถาม

“เป็นสาวน้อยที่มีเขางอกบนหัว นางบอกว่าจะมาขอบคุณท่าน” หนิงเทียนปิงบอก

“ขอบคุณข้า?” เย่หยวนได้แต่ถามขึ้นด้วยความงุนงง

นอกจากตัวหยางเฟยเอ๋อและลู่เอ๋อแล้วในที่นี้เขาก็ไม่ได้รู้จักหญิงสาวที่ไหนอีก ไหนจะเรื่องมีเขางอกบนหัว

เมื่อเดินออกมาถึงโถงรับแขกเย่หยวนก็ได้เจอเข้ากับเด็กสาวตัวน้อยผู้มีเขางอกอยู่บนหัวจริง ๆ รูปร่างท่าทางของนางนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูพร้อมปล่อยคลื่นพลังประหลาดที่ทำให้ผู้พบเห็นอดอมยิ้มไม่ได้

เมื่อเย่หยวนได้เห็นสาวน้อยนางนี้เขาก็รู้สึกร้อนขึ้นมาในอก

“หรือว่า…”

ระหว่างที่เย่หยวนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นสาวน้อยผู้นั้นก็ได้เดินเข้ามาหาเย่หยวนและใช้ดวงตากลมโตนั้นจ้องมองดูเขา “เจ้าคือรองมหาปราชญ์เย่หยวน? ผู้สังหารฉีเจิ้นลง?”

เย่หยวนนั้นยังไม่ทันจะได้ตอบรับใด ๆ กลับไปแต่ทางสาวน้อยผู้นั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาต่อ “หึ ๆ สมควรตาย! คุณหนูผู้นี้ไม่ชอบใจเจ้าฉีเจิ้นมันมานานแล้ว ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อจะบอกขอบคุณเจ้า อ่า จริงด้วย! หากพวกเผ่ากิเลนมันมาหาเรื่องเจ้า เจ้าจงประกาศนามของข้าออกไปเสียแล้วพวกมันย่อมจะไม่กล้าตอแยเจ้าอีกแน่! อ่า ข้ามีนามว่าหลงเสี่ยวฉุน”

เย่หยวนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้เห็นเด็กน้อยพูดจาไม่หยุดผู้นี้ “เจ้ามาจากเผ่ามังกร?”

หลงเสี่ยวฉุนเบิกตาขึ้นกว้างก่อนจะมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง “เอ๋ เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”

เมื่ออสูรแปลงกายเป็นคนนั้นมันย่อมจะมีร่างกายทรงเดียวกัน หากไม่ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาผู้คนย่อมไม่อาจแยกออกได้ว่ามาจากเผ่าใด

แต่เมื่อเย่หยวนเห็นหน้าหลงเสี่ยวฉุนผู้นี้รู้สึกได้ถึงความรุ่มร้อนของสายเลือดมังกรในร่าง มีหรือที่เย่หยวนจะเดามันไม่ออก?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าว่าแล้ว เจ้ามีความแค้นกับฉีเจิ้นนั้น?”

หลงเสี่ยวฉุนพยักหน้ารับติด ๆ กันจนหัวแทบหลุดออกมา “เจ้าหมอนั่นมันเคยเอาชนะพี่ข้าได้ในการประลองโอสถและเอาแต่อวดอ้างความเก่งกาจของตน บอกว่าพี่ข้านั้นไม่อาจตามมันทันได้ชั่วชีวิต! ชิ พวกเผ่ากิเลนเองมันก็แค่ได้เปรียบที่เป็นอสูรธาตุไฟมิใช่หรืออย่างไร?”

เย่หยวนเองก็รู้สึกเห็นด้วยในทันที ดูท่านิสัยของฉีเจิ้นนี้มันจะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาต่อหน้าตัวเขา

หลงเสี่ยวฉุนมองดูเย่หยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งก่อนจะถามขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าฉีเฉินนั้นมันวางเดิมพันกับเจ้าไว้แต่สุดท้ายฉีเจิ้นกลับกลัวหัวหดไม่กล้ารับคำท้าทายและไปบอกเลิกการเดิมพัน พร้อมยังพูดจาข่มขู่เจ้าด้วยชื่อเสียงเผ่าตนจึงถูกเจ้าฆ่าสังหารลงใช่หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “มันเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นจริง”

หลงเสี่ยวฉุนหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ฉีเจิ้นเจ้าโง่นั่นมันอวดดีไม่คลายจริง! แต่ตอนนี้มันคงไม่อาจจะไปอวดอะไรใครได้แล้ว ฮ่า ๆ ๆ …”

พูดไปนางก็หัวเราะลั่นขึ้นด้วยท่าทางสุดแสนจะสุขใจ

เมื่อหัวเราะแล้วเสร็จนางก็เดินเข้ามาตบบ่าเย่หยวนด้วยท่าทางเหมือนคนรุ่นใหญ่กว่า “จำไว้เถอะ หากพวกเฒ่าเผ่ากิเลนมันมาหาเรื่องเจ้า เจ้าแค่ประกาศนามข้าออกไป หลงเสี่ยวฉุน เข้าใจนะ?”

เย่หยวนรู้สึกขำขันขึ้นมาในใจ ยอดฝีมือเผ่ากิเลนนั้นเป็นตัวตนระดับใด? เหตุใดต้องมากลัวเด็กน้อยอย่างเจ้าด้วย?

แต่ท่าทางเหมือนเด็กตัวน้อยไม่รู้จักโลกของนางนี้มันกลับทำให้เย่หยวนไม่อาจหุบยิ้มลงได้ จึงได้พยักหน้ารับออกไป “หลงเสี่ยวฉุน อืม ข้าจำได้แล้ว”

“เสี่ยวฉุน!”

“เสี่ยวฉุน! เจ้าอยู่ไหน?”

ที่ด้านนอกมันเกิดเสียงสั่น ๆ ร่ำร้องเรียกขึ้นมาอย่างกังวล

เมื่อหลงเสี่ยวฉุนได้ยินนางก็สะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบวิ่งไปหลบที่โถงหลัง

แต่ก่อนนางจะจากไปนางก็ได้หันหน้ามาหาเย่หยวนพร้อมบอก “อย่าได้บอกว่าข้าอยู่ที่นี่ เข้าใจหรือไม่? ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเจ้า!”

หลงเสี่ยวฉุนยกกำปั้นขึ้นมาพร้อมทำท่าข่มขู่ก่อนจะวิ่งหนีหายไปด้านหลัง

จนในที่สุดมันก็ได้มีชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน

เมื่อได้เห็นเย่หยวนชายหนุ่มผู้นั้นจึงรีบยกมือขึ้นคารวะพร้อมถาม “พี่ชายท่านนี้ ท่านเห็นเด็กสาวผู้มีเขางอกบนหัวบ้างหรือไม่?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เห็น นางวิ่งไปหลบที่โถงหลังแล้ว”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2114 หลงเสี่ยวฉุน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2114 หลงเสี่ยวฉุน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของซินหลัว ฉีเฉินเองก็ตกตะลึงไปไม่น้อย

เจ้ากระดูกจักรพรรดินั้นมันเหนือล้ำอย่างที่เขาคาดคิดจริง ๆ!

ด้วยตำแหน่งของฉีเฉิน ตัวเขาย่อมจะได้พบเห็นกระดูกจักรพรรดิที่บรรพบุรุษละทิ้งไว้ให้มามากมาย

แต่ตัวเขานั้นไม่เคยจะคิดฝันว่ากระดูกจักรพรรดิชิ้นหนึ่งจะทำให้เผ่ากิเลนไม่อาจขัดขืนได้เช่นนี้

ทั้งยังเรื่องที่ฉีเจิ้นเป็นถึงเทพสวรรค์ด้วย

มันจะไม่เท่ากับว่าตราบเท่าที่เย่หยวนมีกระดูกจักรพรรดินี้ในมือแล้วเขาจะไม่ต้องเกรงกลัวใด ๆ เลยเมื่อเจอกับเทพสวรรค์เผ่ากิเลนหรือ?

เรื่องนี้มันย่อมจะปล่อยไว้ไม่ได้ ตัวเขาต้องนำพากระดูกนี้กลับไปยังเผ่า!

“ไม่นานแน่ซินหลัว เรื่องราวนี้เผ่ากิเลนข้าจำจดมันไว้ขึ้นใจแล้ว อาณาจักรวิญญาณประจิมเจ้าจะต้องพบเจอความพิโรธจากเผ่ากิเลนเรา! ฉีหยุน ไปกัน!”

พูดจบทางฉีเฉินก็ได้นำฉีหยุนเดินทางกลับไปทันที

ซินหลัวที่รู้อยู่แต่แรกว่าเรื่องเช่นนี้คงเลี่ยงไม่ได้ จึงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ดูท่ามันจะไม่อาจเลี่ยงการเสียเลือดเนื้อได้แล้ว

เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้ซินหลัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดแค้นเย่หยวนขึ้นมา

เขานั้นระบายความไม่พอใจของตนออกมา แต่มันกลับทำให้เผ่าอสูรต้องตกสู่สงคราม

หลังจากฉีเฉินจากไปร่างของกงหยางเลี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น

“ท่านกงหยาง! เราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?” ซินหลัวถาม

กงหยางเลี่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าดำมืด “จะทำอย่างไรได้อีก? หากเผ่ากิเลนนั้นมาถามเราจริง ๆ เราก็คงมีแต่ต้องให้พวกมันเอาตัวเย่หยวนไป!”

ซินหลัวหน้าซีดขาวลงทันทีที่ได้ยิน “แต่…เขานั้นเป็นถึงรองมหาปราชญ์!”

กงหยางเลี่ยนั้นหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “จะเป็นรองมหาปราชญ์แล้วทำไม? กำลังของเผ่ากิเลนนั้นเจ้าเองก็ทราบดีแก่ใจ หากสงครามมันเริ่มขึ้นแล้วจะต้องมีการสูญเสียเท่าไหร่ ถึงเวลานั้นเจ้าคิดว่าเผ่าอื่น ๆ ทั้งหลายจะอยู่นิ่ง? หรือเพราะว่าเย่หยวนคนเดียวนี้เราจะต้องทำให้เผ่าอสูรตกสู่สภาวะวิกฤต? ที่สำคัญต่อให้จะเป็นตัวท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองที่ออกมาท่านก็คงส่งมอบตัวเย่หยวนออกไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน ที่สำคัญจะบอกว่าเขาเป็นรองมหาปราชญ์ใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ วันหน้าใครจะไปแน่ใจได้? ในมหาพิภพถงเทียนนี้สิ่งที่มีค่าที่สุดนั้นคืออัจฉริยะ แต่สิ่งที่ด้อยค่าที่สุดมันก็คืออัจฉริยะ!”

เพราะก่อนที่อัจฉริยะจะเติบโตขึ้นเป็นยอดฝีมือได้ พวกเขาก็จะเป็นได้แต่อัจฉริยะ

ในมหาพิภพถงเทียนนี้การเกิดและตายมันเกิดขึ้นในทุกวินาที อัจฉริยะนั้นมิใช่จะมีแค่เย่หยวนคนเดียว

เย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำอย่างแท้จริง แต่มีหรือที่จักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเขาจะไปสนใจยอดอัจฉริยะวิชาโอสถระดับหกดาว?

ความเคารพที่เขาแสดงต่อเย่หยวนล้วนแต่เกิดขึ้นมาเพราะมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล

ที่สำคัญไปกว่านั้นกงหยางเลี่ยยังมีเรื่องค้างคาในใจ

เพราะการปรากฏตัวของเย่หยวนนี้มันทำให้ชื่อเสียงของมหานักบวชขนแดงต้องสั่นคลอน

การยืมมือเผ่ากิเลนสังหารเย่หยวนลงนี้เองมันก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก

ที่ด้านข้างทางซินหลัวนั้นย่อมจะเข้าใจได้

เรื่องราวในเวลานี้มันมิใช่สิ่งที่ตัวเขาจะยุ่งใด ๆ ด้วยได้แล้ว

เมื่อการฆ่าสังหารฉีเจิ้นลงนั้นเย่หยวนไม่ได้คิดกังวลใด ๆ

หลังจากกลับมาถึงที่พักเขาก็เริ่มเข้าสู่การเก็บตัวเพื่อสลายพลังของเต๋าจากลายพระเจ้าที่ค้างอยู่ในร่าง เขานั้นใช้เวลาถึงสิบวันกว่าที่จะไล่ความเย็นเยือกนั้นออกไปได้หมด

ระหว่างที่ใช้พลังของลายพระเจ้าออกมานั้นเขาจะมีพลังสูงล้ำฟ้าก็จริง แต่มันก็จะตามมาด้วยผลเสียมหาศาล

ภายใต้สถานการณ์ปกติเย่หยวนย่อมจะไม่คิดใช้ลายพระเจ้าออกมา

แต่เวลานี้เย่หยวนเองก็ไม่ได้เกรงกลัวพลังของเผ่ากิเลนมากนัก

ด้วยกระดูกจักรพรรดิกิเลนในมือนี้ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นต้น ๆ ของเผ่าออกมา ตัวเขาก็คงพอจัดการลงได้

เย่หยวนนั้นยิ่งเข้าใจในคำพูดของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นมากขึ้นและมากขึ้นเมื่อได้เห็นพลังนี้ คำพูดที่เขากล่าวไว้ว่าคนในยุคโบราณนั้นเก่งกาจกว่าคนในยุคปัจจุบันมาก

กระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันผ่านแดดผ่านฝนผ่านกาลเวลามาแสนนานแต่ก็ยังมีพลังได้ถึงขนาดนี้

การกดดันสายเลือดเช่นนี้หากมิใช่จักรพรรดิเทพสวรรค์ระดับสูง ๆ ออกมาเองแล้วมันก็คงจะไม่เป็นปัญหาใด

ตามที่เย่หยวนคาดการณ์แล้วคนอย่างฉีเจิ้นคงจะไม่ทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ระดับสูงออกหน้ามาแน่

เพราะในสายตาจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วเทพสวรรค์มันก็เป็นได้แค่มดปลวก

“นายท่าน มีคนมาขอพบ” หนิงเทียนปิงเรียกขึ้นมาจากด้านนอกที่พัก

“ใครกัน?” เย่หยวนเดินออกมาถาม

“เป็นสาวน้อยที่มีเขางอกบนหัว นางบอกว่าจะมาขอบคุณท่าน” หนิงเทียนปิงบอก

“ขอบคุณข้า?” เย่หยวนได้แต่ถามขึ้นด้วยความงุนงง

นอกจากตัวหยางเฟยเอ๋อและลู่เอ๋อแล้วในที่นี้เขาก็ไม่ได้รู้จักหญิงสาวที่ไหนอีก ไหนจะเรื่องมีเขางอกบนหัว

เมื่อเดินออกมาถึงโถงรับแขกเย่หยวนก็ได้เจอเข้ากับเด็กสาวตัวน้อยผู้มีเขางอกอยู่บนหัวจริง ๆ รูปร่างท่าทางของนางนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูพร้อมปล่อยคลื่นพลังประหลาดที่ทำให้ผู้พบเห็นอดอมยิ้มไม่ได้

เมื่อเย่หยวนได้เห็นสาวน้อยนางนี้เขาก็รู้สึกร้อนขึ้นมาในอก

“หรือว่า…”

ระหว่างที่เย่หยวนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นสาวน้อยผู้นั้นก็ได้เดินเข้ามาหาเย่หยวนและใช้ดวงตากลมโตนั้นจ้องมองดูเขา “เจ้าคือรองมหาปราชญ์เย่หยวน? ผู้สังหารฉีเจิ้นลง?”

เย่หยวนนั้นยังไม่ทันจะได้ตอบรับใด ๆ กลับไปแต่ทางสาวน้อยผู้นั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาต่อ “หึ ๆ สมควรตาย! คุณหนูผู้นี้ไม่ชอบใจเจ้าฉีเจิ้นมันมานานแล้ว ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อจะบอกขอบคุณเจ้า อ่า จริงด้วย! หากพวกเผ่ากิเลนมันมาหาเรื่องเจ้า เจ้าจงประกาศนามของข้าออกไปเสียแล้วพวกมันย่อมจะไม่กล้าตอแยเจ้าอีกแน่! อ่า ข้ามีนามว่าหลงเสี่ยวฉุน”

เย่หยวนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้เห็นเด็กน้อยพูดจาไม่หยุดผู้นี้ “เจ้ามาจากเผ่ามังกร?”

หลงเสี่ยวฉุนเบิกตาขึ้นกว้างก่อนจะมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง “เอ๋ เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”

เมื่ออสูรแปลงกายเป็นคนนั้นมันย่อมจะมีร่างกายทรงเดียวกัน หากไม่ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาผู้คนย่อมไม่อาจแยกออกได้ว่ามาจากเผ่าใด

แต่เมื่อเย่หยวนเห็นหน้าหลงเสี่ยวฉุนผู้นี้รู้สึกได้ถึงความรุ่มร้อนของสายเลือดมังกรในร่าง มีหรือที่เย่หยวนจะเดามันไม่ออก?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าว่าแล้ว เจ้ามีความแค้นกับฉีเจิ้นนั้น?”

หลงเสี่ยวฉุนพยักหน้ารับติด ๆ กันจนหัวแทบหลุดออกมา “เจ้าหมอนั่นมันเคยเอาชนะพี่ข้าได้ในการประลองโอสถและเอาแต่อวดอ้างความเก่งกาจของตน บอกว่าพี่ข้านั้นไม่อาจตามมันทันได้ชั่วชีวิต! ชิ พวกเผ่ากิเลนเองมันก็แค่ได้เปรียบที่เป็นอสูรธาตุไฟมิใช่หรืออย่างไร?”

เย่หยวนเองก็รู้สึกเห็นด้วยในทันที ดูท่านิสัยของฉีเจิ้นนี้มันจะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาต่อหน้าตัวเขา

หลงเสี่ยวฉุนมองดูเย่หยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งก่อนจะถามขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าฉีเฉินนั้นมันวางเดิมพันกับเจ้าไว้แต่สุดท้ายฉีเจิ้นกลับกลัวหัวหดไม่กล้ารับคำท้าทายและไปบอกเลิกการเดิมพัน พร้อมยังพูดจาข่มขู่เจ้าด้วยชื่อเสียงเผ่าตนจึงถูกเจ้าฆ่าสังหารลงใช่หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “มันเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นจริง”

หลงเสี่ยวฉุนหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ฉีเจิ้นเจ้าโง่นั่นมันอวดดีไม่คลายจริง! แต่ตอนนี้มันคงไม่อาจจะไปอวดอะไรใครได้แล้ว ฮ่า ๆ ๆ …”

พูดไปนางก็หัวเราะลั่นขึ้นด้วยท่าทางสุดแสนจะสุขใจ

เมื่อหัวเราะแล้วเสร็จนางก็เดินเข้ามาตบบ่าเย่หยวนด้วยท่าทางเหมือนคนรุ่นใหญ่กว่า “จำไว้เถอะ หากพวกเฒ่าเผ่ากิเลนมันมาหาเรื่องเจ้า เจ้าแค่ประกาศนามข้าออกไป หลงเสี่ยวฉุน เข้าใจนะ?”

เย่หยวนรู้สึกขำขันขึ้นมาในใจ ยอดฝีมือเผ่ากิเลนนั้นเป็นตัวตนระดับใด? เหตุใดต้องมากลัวเด็กน้อยอย่างเจ้าด้วย?

แต่ท่าทางเหมือนเด็กตัวน้อยไม่รู้จักโลกของนางนี้มันกลับทำให้เย่หยวนไม่อาจหุบยิ้มลงได้ จึงได้พยักหน้ารับออกไป “หลงเสี่ยวฉุน อืม ข้าจำได้แล้ว”

“เสี่ยวฉุน!”

“เสี่ยวฉุน! เจ้าอยู่ไหน?”

ที่ด้านนอกมันเกิดเสียงสั่น ๆ ร่ำร้องเรียกขึ้นมาอย่างกังวล

เมื่อหลงเสี่ยวฉุนได้ยินนางก็สะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบวิ่งไปหลบที่โถงหลัง

แต่ก่อนนางจะจากไปนางก็ได้หันหน้ามาหาเย่หยวนพร้อมบอก “อย่าได้บอกว่าข้าอยู่ที่นี่ เข้าใจหรือไม่? ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเจ้า!”

หลงเสี่ยวฉุนยกกำปั้นขึ้นมาพร้อมทำท่าข่มขู่ก่อนจะวิ่งหนีหายไปด้านหลัง

จนในที่สุดมันก็ได้มีชายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน

เมื่อได้เห็นเย่หยวนชายหนุ่มผู้นั้นจึงรีบยกมือขึ้นคารวะพร้อมถาม “พี่ชายท่านนี้ ท่านเห็นเด็กสาวผู้มีเขางอกบนหัวบ้างหรือไม่?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เห็น นางวิ่งไปหลบที่โถงหลังแล้ว”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+