Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2126 ค้ำจุนจักรวาล!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2126 ค้ำจุนจักรวาล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หืม?” โอสถบรรพกาลร้องขึ้นมา

แต่ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นต้องหัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ …ฉลาดมาก! เก่งกาจ! เด็กน้อย เจ้ามีฝีมือไม่น้อยจริง ๆ! เพียงแค่ว่าข้านั้นสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสองยอดเต๋าของเราไปได้ถึงเมื่อใด!”

ทุกผู้คนที่มองเห็นเรื่องราวนั้นต่างผงะไปตาม ๆ กันไม่ว่าจะดูอย่างไรดัชนีของเย่หยวนนั้นมันก็สุดแสนจะไร้ค่า เหตุใดมันจะเก่งกาจไปได้?

แต่เวลานี้จีโมต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง

คนอื่นไม่รู้ แต่มีหรือที่ตัวเขาจะมองไม่ออก?

ดัชนีนี้ของเย่หยวนมันทั้งดูธรรมดาและไร้พลังใด แต่มันนั้นกลับกลายเป็นยาแก้ให้แก่ความอันตรายที่ยอดคนทั้งสองทิ้งไว้หลังจากเปิดฟ้าดิน

หากปล่อยเรื่องราวให้ดำเนินต่อไปตามคนทั้งสองนั้น ต่อให้ทั้งสองยอดคนจะเปิดโลกใบใหม่ขึ้นมาได้ผลลัพธ์มันก็จะออกมาไม่แตกต่างจากเดิม

เพราะนี่มันคือกระดานหมากที่ถูกบันทึกไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะเกิดขึ้นกับมัน

แต่เวลานี้เมื่อเย่หยวนได้เข้ามาช่วยผสานเป็นแกนกลาง ผลลัพธ์ที่ออกมามันจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือไม่มากพอที่จะเข้าไปยุ่งการสร้างโลกของยอดคนทั้งสองนี้ได้ เขาไม่อาจจะสร้างโลกขึ้นมาได้

แต่ตัวเขาเองก็มีเต๋าของตัวเอง

“นี่มัน…นี่มันคือสมดุลหยินหยางที่เขาว่าหรือ? สุดยอด!” จีโมร้องบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดชื่นชม

เมื่อพวกหลงฉือได้ยินพวกเขาทั้งหลายต่างก็ต้องหันมามองทันที เพราะเวลานี้มันย่อมจะไม่มีใครเข้าใจถึงความสุดยอดใด ๆ

แต่การที่ทำให้จีโมพูดเช่นนี้ขึ้นมาได้มันย่อมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าการลงมือครั้งนี้ของเย่หยวนเหนือล้ำปานใด

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาโอสถใด ๆ หรือพวกที่พอรู้ก็แค่ความรู้ตื้นเขินย่อมไม่อาจจะมองเรื่องราวตรงหน้านี้ออกได้

“อีกครั้ง!”

หลังหัวเราะลั่นเสร็จแล้วทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ได้ชี้ดัชนีออกมาอีกครั้งเปิดแยกฟ้าดิน

ทางโอสถบรรพกาลเองก็ไม่คิดรอช้าส่งดัชนีที่สองออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย้ย

เย่หยวนที่ได้เห็นดัชนีนั้นต้องหรี่ตาลงมองก่อนจะปล่อยดัชนีที่สองของตนออกมาบ้าง

และดัชนีนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากก่อน ไม่มีร่องรอยความเหนือล้ำคลื่นพลังรุนแรงใด ๆ

การกระทำของคนทั้งสามนั้นมันเหมือนแค่นั่งเล่นแต่แท้จริงแล้วมันแฝงไปด้วยภัยอันตรายมหาศาล

ภายใต้ยอดเต๋าของยอดคนทั้งสองนี้หากเย่หยวนทำการผิดพลาดไปแม้แต่น้อยตัวเขาคงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

ไม่ว่าเย่หยวนจะมากพรสวรรค์ล้ำความสามารถปานใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ มีหรือที่จะสามารถทนรับเต๋าของยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสองนี้ตรง ๆ ได้?

การเข้าร่วมนั่งเล่นหมากกระดานนี้กับคนทั้งสองตัวเย่หยวนก็ได้ใช้วิธีการยืมพลังท่านสนองตนจากสองยอดคนนี้ ทำให้ตัวเขานั้นไม่ได้ใช้แรงของตนออกไปปะทะกับทั้งสองโดยตรง

แต่มีหรือที่เรื่องนั้นมันจะทำได้ง่าย ๆ?

หากเป็นคนอื่น ๆ ทั่วไปแล้วพวกเขาคงไม่อาจจะรับมันได้แม้แต่ดัชนีเดียวและคงได้ถูกพลังยอดเต๋าของคนทั้งสองนี้บดขยี้จนแหลกสลาย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเย่หยวนก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำตมเกินไปกว่าที่จะมานั่งรับแรงกดดันจากยอดคนทั้งสองนี้ได้ ไหนยังจะต้องทำตัวเป็นแกนกลางสมดุลรักษาสภาพโลกที่แตกหักจากมือของคนทั้งสองนี้อีก

ดัชนีที่สองของโอสถบรรพกาลนั้นมันถูกชี้ออกมาอย่างรุนแรงและดุดัน เปี่ยมล้นไปด้วยเจตจำนงเต๋าทั้งยังแฝงจิตสังหารมามากมาย

ไม่ว่าจะดูอย่างไรการลงมือของโอสถบรรพกาลนี้มันก็คือความจงใจที่จะเพิ่มภาระให้ตัวเย่หยวน คิดอยากให้ตัวเขานั้นแตกสลายลงภายใต้แรงกดดันของยอดคนทั้งสอง

จากนั้นคนทั้งสามก็ได้เริ่มผลัดกันลงมือดั่งกำลังนั่งเล่นหมากกันอยู่จริง ๆ คนหนึ่งชี้ดัชนีออกตาม ๆ กันไป

ตอนนี้โลกใบใหม่มันจึงกำลังค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน

จีโมมองดูตรงไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เหมือนได้เห็นแสงธรรม

สำหรับยอดฝีมือระดับเขาแล้วการพัฒนาใด ๆ มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ยากแสนยาก แม้จะไม่พัฒนาใด ๆ ย่ำอยู่กับที่นับหมื่น ๆ แสน ๆ ปีมันก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

แต่ในเวลาไม่กี่วันที่เขาได้จดจ้องดูภาพตรงหน้ามานี้มันกลับสามารถช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องราวที่ต่อให้ใช้เวลาอีกนับหมื่น ๆ ปีมันก็คงไม่อาจเข้าใจได้

เดิมทีนั้นเขาได้ค้นหาวิธีและความเป็นไปได้มากมายที่จะมาใช้อธิบายอย่าถามนี้ แต่เมื่อได้ยินได้ฟังคำของเย่หยวนเพียงไม่กี่ประโยคเขากลับได้เข้าใจถึงมันอย่างทันท่วงที

แน่นอนว่าวิชาฝีมือใด ๆ ของเย่หยวนมันย่อมไม่อาจจะเอาไปเทียบกับยอดคนทั้งสองได้แน่ เพียงแค่ว่าการปรากฏกายของเขานี้มันกลับทำให้การสร้างโลกนี้สมบูรณ์มากขึ้น

ที่ ๆ เขาชี้ดัชนีลงไปนั้นเดิมทีมันเป็นจุดด่างพร้อยของอย่าถามทั้งสิ้น มันเป็นจุดแตกหักที่เกิดขึ้นมาจากการประชันพลังของยอดคนทั้งสองนี้

แต่ด้วยการเข้ามาของเย่หยวน จุดแตกหักพังทลายทั้งหลายนั้นมันกลับค่อย ๆ กลับคืนมาเป็นโลกได้ทีละน้อย ๆ

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ยิ่งผ่านไปนานเหล่ายอดฝีมือในโลกภายนอกต่างก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นกว่าเก่า

เพราะพวกเขานั้นเคยคาดคิดถึงวิธีการนับพัน ๆ ที่เย่หยวนจะเอามาใช้ผ่านอย่าถามนี้

แต่พวกเขาย่อมจะไม่เคยคาดฝันว่าเย่หยวนกลับคิดใช้วิธีการเช่นนี้ออกมา

นั่งลงถกเต๋ากับสองยอดคนแห่งยุค สร้างโลกขึ้นเบื้องหน้า เรื่องราวและวิธีการเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำการคาดเดาจินตนาการของใคร ๆ

ก่อนหน้านี้หากมีคนมาเล่าบอกว่านักบวชหกดาวไปนั่งถกเต๋ากับยอดคนทั้งสองท่านนี้มันจะมีใครบ้างเล่าคิดเชื่อถือคำพูดนั้น?

แต่เวลานี้หัวใจของพวกเขาทั้งหลายมันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่เหนือกว่าคำว่าตกตะลึงไปแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปวันเล่าวันเล่า ในที่สุดเวลากว่าครึ่งปีมันก็ได้ผ่านไป.ไอลีนโนเวล.

“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว! พวกเจ้าดู สีหน้าของเย่หยวนมันเริ่มซีดเผือดลงเรื่อย ๆ! ดูท่าเวลานี้เขาคงจะหมดแรงลงแล้วจริง ๆ”

“มันผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว! ตัวเขาเองก็ไม่ได้หยุดมือแม้แต่วินาทีเดียว แน่นอนว่าย่อมจะต้องเริ่มหมดแรงลง! เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้!”

“เทพถ่องแท้คนหนึ่งกลับไปนั่งเผชิญกับสองยอดคนแห่งเต๋าโอสถได้ ทั้ง ๆ อย่างนั้นตัวเขากลับยังทนอยู่มาได้นานถึงครึ่งปี! แค่นี้มันก็เหนือล้ำจนไม่อาจจะหาคำมาอธิบายแล้ว! ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ผู้นี้ขึ้นไปบ้าง ข้าก็คงไม่อาจจะฝืนทนมาได้จนถึงวันนี้หรอก!”

ภายในกระดานเกมนี้สีหน้าที่เย่หยวนแสดงออกมามันเริ่มขาวซีด เหงื่อผุดไหลลงมาตามหน้าผากเป็นสภาพของคนที่เหนื่อยอ่อนอย่างมาก

การเผชิญหน้าอันดุดันนับครึ่งปีมานี้ไม่ว่าจะทั้งด้านปราณเทวะหรือจิตศักดิ์สิทธิ์ เย่หยวนก็เริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดเต็มที

“หึ! เด็กน้อย ข้าก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเจ้าจะทนมาได้จนถึงวันนี้ แต่มันก็จบกันเท่านี้แหละ!”

โอสถบรรพกาลชี้นิ้วออกมาอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าเก่า

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นมันเข้ากวาดพัดบนโลกหล้าเบื้องล่างอย่างรุนแรงทำให้มิติที่ฝั่งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสร้างขึ้นได้รับความเสียหายอย่างมาก

ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ได้แต่ต้องร้องครางขึ้นมาเพราะดูท่าแล้วเขาเองก็ใกล้จะหมดแรงเต็มทนเช่นกัน

เพราะเจ้าอย่าถามนี้เดิมทีมันก็เป็นกระดานหมากแห่งความพ่ายแพ้ของเขา

มีหรือที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะเทียบเคียงพลังเต๋าที่สั่งสมของโอสถบรรพกาลได้?

หากมิใช่เพราะเย่หยวนเข้ามาร่วมเกมด้วย หมากกระดานนี้มันก็คงจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเขาอีกครั้ง

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นพุ่งทะยานเข้ามาหาตัวเย่หยวน แต่ในครั้งนี้มันเหมือนเป็นคลื่นพลังที่คิดจะปัดตัวเย่หยวนให้ลอยหายไป เป็นคลื่นพลังที่แสนหนักหน่วง

“ฮ่า ๆ ๆ …มากพรสวรรค์แล้วทำไมเล่า? สุดท้ายมันก็ตาย! เย่หยวนข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะรอดได้อย่างไรอีก!”

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนก็ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

เขานั้นโกรธแค้นที่เย่หยวนฉีกหน้าตนอย่างมากและแม้ว่าเขาจะตื่นตะลึงกับความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมาแต่ตัวเขาก็ยังเฝ้าหวังอยากให้เย่หยวนถูกโอสถบรรพกาลกำจัดลง

จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูหันไปหาจีโมด้วยรอยยิ้ม “ท่านเคลื่อนดารา นี่หรือที่ท่านรองมหาปราชญ์ที่ท่านคิดอยากให้เราดู? ใช่แล้ว เขานั้นเก่งกาจจริง ๆ แต่รองมหาปราชญ์ที่ตายแล้วมันก็มีแต่จะทำให้ผู้คนโล่งใจเท่านั้น!”

จีโมหัวเราะเย้ยกลับไปโดยไม่คิดพูดจา

เพราะเรื่องราวตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจใด ๆ เช่นกัน

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันดูแย่จนเกินไป

เย่หยวนที่ได้สัมผัสถึงพลังที่เข้าปะทะนั้นต้องหรี่ตาลงมอง “ช่างเป็นโอสถบรรพกาลที่เก่งกาจจริง ๆ ช่างเป็นคนที่มีความคิดคับแคบตามที่ข้าคาดเดา! เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข้าก็จะให้ท่านได้เห็นฝีมือที่แท้ของข้า!”

เย่หยวนร้องบอกพร้อมยกมือขึ้นมาวาดเป็นวงก่อนจะเผยให้เห็นสัญลักษณ์หยินหยางที่ด้านหลังตน

เมื่อคลื่นเต๋าของโอสถบรรพกาลพุ่งเข้ามาถึงกายเย่หยวนมันก็ถูกสัญลักษณ์หยินหยางนั้นกลืนกินเข้าไปทันทีอย่างไม่มีท่าทีติดขัด

“ฟ้าดินนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นหยินและหยาง หยินหยางค้ำจุนจักรวาล! โอสถบรรพกาล ท่านดูให้ดี! นี่คือเต๋าของเย่หยวนผู้นี้! จงค้ำจุนโลก!”

เย่หยวนผลักฝ่ามือออกมาพร้อมด้วยสัญลักษณ์หยินหยางด้านหลังที่เริ่มหมุนวน

ในที่สุดโลกแห่งกระดานหมากนี้มันก็จะก่อตัวขึ้น

ยอดเต๋าของเย่หยวนนั้นมันเริ่มพุ่งทะยานกลบพลังเต๋าของสองยอดคนไปทันที

ตอนนี้เต๋าเดียวที่หลงเหลือคือพลังเต๋าจากสัญลักษณ์หยินหยางนี้

ตูม!

เมื่อฝ่ามือของเย่หยวนยืดออกมาสุด สัญลักษณ์หยินหยางนั้นมันก็หายไปพร้อมเสียงระเบิดครั้งใหญ่

…………………………

“หืม?” โอสถบรรพกาลร้องขึ้นมา

แต่ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นต้องหัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ …ฉลาดมาก! เก่งกาจ! เด็กน้อย เจ้ามีฝีมือไม่น้อยจริง ๆ! เพียงแค่ว่าข้านั้นสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสองยอดเต๋าของเราไปได้ถึงเมื่อใด!”

ทุกผู้คนที่มองเห็นเรื่องราวนั้นต่างผงะไปตาม ๆ กันไม่ว่าจะดูอย่างไรดัชนีของเย่หยวนนั้นมันก็สุดแสนจะไร้ค่า เหตุใดมันจะเก่งกาจไปได้?

แต่เวลานี้จีโมต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง

คนอื่นไม่รู้ แต่มีหรือที่ตัวเขาจะมองไม่ออก?

ดัชนีนี้ของเย่หยวนมันทั้งดูธรรมดาและไร้พลังใด แต่มันนั้นกลับกลายเป็นยาแก้ให้แก่ความอันตรายที่ยอดคนทั้งสองทิ้งไว้หลังจากเปิดฟ้าดิน

หากปล่อยเรื่องราวให้ดำเนินต่อไปตามคนทั้งสองนั้น ต่อให้ทั้งสองยอดคนจะเปิดโลกใบใหม่ขึ้นมาได้ผลลัพธ์มันก็จะออกมาไม่แตกต่างจากเดิม

เพราะนี่มันคือกระดานหมากที่ถูกบันทึกไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะเกิดขึ้นกับมัน

แต่เวลานี้เมื่อเย่หยวนได้เข้ามาช่วยผสานเป็นแกนกลาง ผลลัพธ์ที่ออกมามันจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือไม่มากพอที่จะเข้าไปยุ่งการสร้างโลกของยอดคนทั้งสองนี้ได้ เขาไม่อาจจะสร้างโลกขึ้นมาได้

แต่ตัวเขาเองก็มีเต๋าของตัวเอง

“นี่มัน…นี่มันคือสมดุลหยินหยางที่เขาว่าหรือ? สุดยอด!” จีโมร้องบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดชื่นชม

เมื่อพวกหลงฉือได้ยินพวกเขาทั้งหลายต่างก็ต้องหันมามองทันที เพราะเวลานี้มันย่อมจะไม่มีใครเข้าใจถึงความสุดยอดใด ๆ

แต่การที่ทำให้จีโมพูดเช่นนี้ขึ้นมาได้มันย่อมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าการลงมือครั้งนี้ของเย่หยวนเหนือล้ำปานใด

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาโอสถใด ๆ หรือพวกที่พอรู้ก็แค่ความรู้ตื้นเขินย่อมไม่อาจจะมองเรื่องราวตรงหน้านี้ออกได้

“อีกครั้ง!”

หลังหัวเราะลั่นเสร็จแล้วทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ได้ชี้ดัชนีออกมาอีกครั้งเปิดแยกฟ้าดิน

ทางโอสถบรรพกาลเองก็ไม่คิดรอช้าส่งดัชนีที่สองออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย้ย

เย่หยวนที่ได้เห็นดัชนีนั้นต้องหรี่ตาลงมองก่อนจะปล่อยดัชนีที่สองของตนออกมาบ้าง

และดัชนีนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากก่อน ไม่มีร่องรอยความเหนือล้ำคลื่นพลังรุนแรงใด ๆ

การกระทำของคนทั้งสามนั้นมันเหมือนแค่นั่งเล่นแต่แท้จริงแล้วมันแฝงไปด้วยภัยอันตรายมหาศาล

ภายใต้ยอดเต๋าของยอดคนทั้งสองนี้หากเย่หยวนทำการผิดพลาดไปแม้แต่น้อยตัวเขาคงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

ไม่ว่าเย่หยวนจะมากพรสวรรค์ล้ำความสามารถปานใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ มีหรือที่จะสามารถทนรับเต๋าของยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสองนี้ตรง ๆ ได้?

การเข้าร่วมนั่งเล่นหมากกระดานนี้กับคนทั้งสองตัวเย่หยวนก็ได้ใช้วิธีการยืมพลังท่านสนองตนจากสองยอดคนนี้ ทำให้ตัวเขานั้นไม่ได้ใช้แรงของตนออกไปปะทะกับทั้งสองโดยตรง

แต่มีหรือที่เรื่องนั้นมันจะทำได้ง่าย ๆ?

หากเป็นคนอื่น ๆ ทั่วไปแล้วพวกเขาคงไม่อาจจะรับมันได้แม้แต่ดัชนีเดียวและคงได้ถูกพลังยอดเต๋าของคนทั้งสองนี้บดขยี้จนแหลกสลาย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเย่หยวนก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำตมเกินไปกว่าที่จะมานั่งรับแรงกดดันจากยอดคนทั้งสองนี้ได้ ไหนยังจะต้องทำตัวเป็นแกนกลางสมดุลรักษาสภาพโลกที่แตกหักจากมือของคนทั้งสองนี้อีก

ดัชนีที่สองของโอสถบรรพกาลนั้นมันถูกชี้ออกมาอย่างรุนแรงและดุดัน เปี่ยมล้นไปด้วยเจตจำนงเต๋าทั้งยังแฝงจิตสังหารมามากมาย

ไม่ว่าจะดูอย่างไรการลงมือของโอสถบรรพกาลนี้มันก็คือความจงใจที่จะเพิ่มภาระให้ตัวเย่หยวน คิดอยากให้ตัวเขานั้นแตกสลายลงภายใต้แรงกดดันของยอดคนทั้งสอง

จากนั้นคนทั้งสามก็ได้เริ่มผลัดกันลงมือดั่งกำลังนั่งเล่นหมากกันอยู่จริง ๆ คนหนึ่งชี้ดัชนีออกตาม ๆ กันไป

ตอนนี้โลกใบใหม่มันจึงกำลังค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน

จีโมมองดูตรงไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เหมือนได้เห็นแสงธรรม

สำหรับยอดฝีมือระดับเขาแล้วการพัฒนาใด ๆ มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ยากแสนยาก แม้จะไม่พัฒนาใด ๆ ย่ำอยู่กับที่นับหมื่น ๆ แสน ๆ ปีมันก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

แต่ในเวลาไม่กี่วันที่เขาได้จดจ้องดูภาพตรงหน้ามานี้มันกลับสามารถช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องราวที่ต่อให้ใช้เวลาอีกนับหมื่น ๆ ปีมันก็คงไม่อาจเข้าใจได้

เดิมทีนั้นเขาได้ค้นหาวิธีและความเป็นไปได้มากมายที่จะมาใช้อธิบายอย่าถามนี้ แต่เมื่อได้ยินได้ฟังคำของเย่หยวนเพียงไม่กี่ประโยคเขากลับได้เข้าใจถึงมันอย่างทันท่วงที

แน่นอนว่าวิชาฝีมือใด ๆ ของเย่หยวนมันย่อมไม่อาจจะเอาไปเทียบกับยอดคนทั้งสองได้แน่ เพียงแค่ว่าการปรากฏกายของเขานี้มันกลับทำให้การสร้างโลกนี้สมบูรณ์มากขึ้น

ที่ ๆ เขาชี้ดัชนีลงไปนั้นเดิมทีมันเป็นจุดด่างพร้อยของอย่าถามทั้งสิ้น มันเป็นจุดแตกหักที่เกิดขึ้นมาจากการประชันพลังของยอดคนทั้งสองนี้

แต่ด้วยการเข้ามาของเย่หยวน จุดแตกหักพังทลายทั้งหลายนั้นมันกลับค่อย ๆ กลับคืนมาเป็นโลกได้ทีละน้อย ๆ

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ยิ่งผ่านไปนานเหล่ายอดฝีมือในโลกภายนอกต่างก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นกว่าเก่า

เพราะพวกเขานั้นเคยคาดคิดถึงวิธีการนับพัน ๆ ที่เย่หยวนจะเอามาใช้ผ่านอย่าถามนี้

แต่พวกเขาย่อมจะไม่เคยคาดฝันว่าเย่หยวนกลับคิดใช้วิธีการเช่นนี้ออกมา

นั่งลงถกเต๋ากับสองยอดคนแห่งยุค สร้างโลกขึ้นเบื้องหน้า เรื่องราวและวิธีการเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำการคาดเดาจินตนาการของใคร ๆ

ก่อนหน้านี้หากมีคนมาเล่าบอกว่านักบวชหกดาวไปนั่งถกเต๋ากับยอดคนทั้งสองท่านนี้มันจะมีใครบ้างเล่าคิดเชื่อถือคำพูดนั้น?

แต่เวลานี้หัวใจของพวกเขาทั้งหลายมันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่เหนือกว่าคำว่าตกตะลึงไปแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปวันเล่าวันเล่า ในที่สุดเวลากว่าครึ่งปีมันก็ได้ผ่านไป.ไอลีนโนเวล.

“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว! พวกเจ้าดู สีหน้าของเย่หยวนมันเริ่มซีดเผือดลงเรื่อย ๆ! ดูท่าเวลานี้เขาคงจะหมดแรงลงแล้วจริง ๆ”

“มันผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว! ตัวเขาเองก็ไม่ได้หยุดมือแม้แต่วินาทีเดียว แน่นอนว่าย่อมจะต้องเริ่มหมดแรงลง! เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้!”

“เทพถ่องแท้คนหนึ่งกลับไปนั่งเผชิญกับสองยอดคนแห่งเต๋าโอสถได้ ทั้ง ๆ อย่างนั้นตัวเขากลับยังทนอยู่มาได้นานถึงครึ่งปี! แค่นี้มันก็เหนือล้ำจนไม่อาจจะหาคำมาอธิบายแล้ว! ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ผู้นี้ขึ้นไปบ้าง ข้าก็คงไม่อาจจะฝืนทนมาได้จนถึงวันนี้หรอก!”

ภายในกระดานเกมนี้สีหน้าที่เย่หยวนแสดงออกมามันเริ่มขาวซีด เหงื่อผุดไหลลงมาตามหน้าผากเป็นสภาพของคนที่เหนื่อยอ่อนอย่างมาก

การเผชิญหน้าอันดุดันนับครึ่งปีมานี้ไม่ว่าจะทั้งด้านปราณเทวะหรือจิตศักดิ์สิทธิ์ เย่หยวนก็เริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดเต็มที

“หึ! เด็กน้อย ข้าก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเจ้าจะทนมาได้จนถึงวันนี้ แต่มันก็จบกันเท่านี้แหละ!”

โอสถบรรพกาลชี้นิ้วออกมาอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าเก่า

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นมันเข้ากวาดพัดบนโลกหล้าเบื้องล่างอย่างรุนแรงทำให้มิติที่ฝั่งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสร้างขึ้นได้รับความเสียหายอย่างมาก

ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ได้แต่ต้องร้องครางขึ้นมาเพราะดูท่าแล้วเขาเองก็ใกล้จะหมดแรงเต็มทนเช่นกัน

เพราะเจ้าอย่าถามนี้เดิมทีมันก็เป็นกระดานหมากแห่งความพ่ายแพ้ของเขา

มีหรือที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะเทียบเคียงพลังเต๋าที่สั่งสมของโอสถบรรพกาลได้?

หากมิใช่เพราะเย่หยวนเข้ามาร่วมเกมด้วย หมากกระดานนี้มันก็คงจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเขาอีกครั้ง

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นพุ่งทะยานเข้ามาหาตัวเย่หยวน แต่ในครั้งนี้มันเหมือนเป็นคลื่นพลังที่คิดจะปัดตัวเย่หยวนให้ลอยหายไป เป็นคลื่นพลังที่แสนหนักหน่วง

“ฮ่า ๆ ๆ …มากพรสวรรค์แล้วทำไมเล่า? สุดท้ายมันก็ตาย! เย่หยวนข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะรอดได้อย่างไรอีก!”

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนก็ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

เขานั้นโกรธแค้นที่เย่หยวนฉีกหน้าตนอย่างมากและแม้ว่าเขาจะตื่นตะลึงกับความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมาแต่ตัวเขาก็ยังเฝ้าหวังอยากให้เย่หยวนถูกโอสถบรรพกาลกำจัดลง

จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูหันไปหาจีโมด้วยรอยยิ้ม “ท่านเคลื่อนดารา นี่หรือที่ท่านรองมหาปราชญ์ที่ท่านคิดอยากให้เราดู? ใช่แล้ว เขานั้นเก่งกาจจริง ๆ แต่รองมหาปราชญ์ที่ตายแล้วมันก็มีแต่จะทำให้ผู้คนโล่งใจเท่านั้น!”

จีโมหัวเราะเย้ยกลับไปโดยไม่คิดพูดจา

เพราะเรื่องราวตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจใด ๆ เช่นกัน

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันดูแย่จนเกินไป

เย่หยวนที่ได้สัมผัสถึงพลังที่เข้าปะทะนั้นต้องหรี่ตาลงมอง “ช่างเป็นโอสถบรรพกาลที่เก่งกาจจริง ๆ ช่างเป็นคนที่มีความคิดคับแคบตามที่ข้าคาดเดา! เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข้าก็จะให้ท่านได้เห็นฝีมือที่แท้ของข้า!”

เย่หยวนร้องบอกพร้อมยกมือขึ้นมาวาดเป็นวงก่อนจะเผยให้เห็นสัญลักษณ์หยินหยางที่ด้านหลังตน

เมื่อคลื่นเต๋าของโอสถบรรพกาลพุ่งเข้ามาถึงกายเย่หยวนมันก็ถูกสัญลักษณ์หยินหยางนั้นกลืนกินเข้าไปทันทีอย่างไม่มีท่าทีติดขัด

“ฟ้าดินนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นหยินและหยาง หยินหยางค้ำจุนจักรวาล! โอสถบรรพกาล ท่านดูให้ดี! นี่คือเต๋าของเย่หยวนผู้นี้! จงค้ำจุนโลก!”

เย่หยวนผลักฝ่ามือออกมาพร้อมด้วยสัญลักษณ์หยินหยางด้านหลังที่เริ่มหมุนวน

ในที่สุดโลกแห่งกระดานหมากนี้มันก็จะก่อตัวขึ้น

ยอดเต๋าของเย่หยวนนั้นมันเริ่มพุ่งทะยานกลบพลังเต๋าของสองยอดคนไปทันที

ตอนนี้เต๋าเดียวที่หลงเหลือคือพลังเต๋าจากสัญลักษณ์หยินหยางนี้

ตูม!

เมื่อฝ่ามือของเย่หยวนยืดออกมาสุด สัญลักษณ์หยินหยางนั้นมันก็หายไปพร้อมเสียงระเบิดครั้งใหญ่

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2126 ค้ำจุนจักรวาล!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2126 ค้ำจุนจักรวาล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หืม?” โอสถบรรพกาลร้องขึ้นมา

แต่ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นต้องหัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ …ฉลาดมาก! เก่งกาจ! เด็กน้อย เจ้ามีฝีมือไม่น้อยจริง ๆ! เพียงแค่ว่าข้านั้นสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสองยอดเต๋าของเราไปได้ถึงเมื่อใด!”

ทุกผู้คนที่มองเห็นเรื่องราวนั้นต่างผงะไปตาม ๆ กันไม่ว่าจะดูอย่างไรดัชนีของเย่หยวนนั้นมันก็สุดแสนจะไร้ค่า เหตุใดมันจะเก่งกาจไปได้?

แต่เวลานี้จีโมต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง

คนอื่นไม่รู้ แต่มีหรือที่ตัวเขาจะมองไม่ออก?

ดัชนีนี้ของเย่หยวนมันทั้งดูธรรมดาและไร้พลังใด แต่มันนั้นกลับกลายเป็นยาแก้ให้แก่ความอันตรายที่ยอดคนทั้งสองทิ้งไว้หลังจากเปิดฟ้าดิน

หากปล่อยเรื่องราวให้ดำเนินต่อไปตามคนทั้งสองนั้น ต่อให้ทั้งสองยอดคนจะเปิดโลกใบใหม่ขึ้นมาได้ผลลัพธ์มันก็จะออกมาไม่แตกต่างจากเดิม

เพราะนี่มันคือกระดานหมากที่ถูกบันทึกไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะเกิดขึ้นกับมัน

แต่เวลานี้เมื่อเย่หยวนได้เข้ามาช่วยผสานเป็นแกนกลาง ผลลัพธ์ที่ออกมามันจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือไม่มากพอที่จะเข้าไปยุ่งการสร้างโลกของยอดคนทั้งสองนี้ได้ เขาไม่อาจจะสร้างโลกขึ้นมาได้

แต่ตัวเขาเองก็มีเต๋าของตัวเอง

“นี่มัน…นี่มันคือสมดุลหยินหยางที่เขาว่าหรือ? สุดยอด!” จีโมร้องบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดชื่นชม

เมื่อพวกหลงฉือได้ยินพวกเขาทั้งหลายต่างก็ต้องหันมามองทันที เพราะเวลานี้มันย่อมจะไม่มีใครเข้าใจถึงความสุดยอดใด ๆ

แต่การที่ทำให้จีโมพูดเช่นนี้ขึ้นมาได้มันย่อมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าการลงมือครั้งนี้ของเย่หยวนเหนือล้ำปานใด

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาโอสถใด ๆ หรือพวกที่พอรู้ก็แค่ความรู้ตื้นเขินย่อมไม่อาจจะมองเรื่องราวตรงหน้านี้ออกได้

“อีกครั้ง!”

หลังหัวเราะลั่นเสร็จแล้วทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ได้ชี้ดัชนีออกมาอีกครั้งเปิดแยกฟ้าดิน

ทางโอสถบรรพกาลเองก็ไม่คิดรอช้าส่งดัชนีที่สองออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย้ย

เย่หยวนที่ได้เห็นดัชนีนั้นต้องหรี่ตาลงมองก่อนจะปล่อยดัชนีที่สองของตนออกมาบ้าง

และดัชนีนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากก่อน ไม่มีร่องรอยความเหนือล้ำคลื่นพลังรุนแรงใด ๆ

การกระทำของคนทั้งสามนั้นมันเหมือนแค่นั่งเล่นแต่แท้จริงแล้วมันแฝงไปด้วยภัยอันตรายมหาศาล

ภายใต้ยอดเต๋าของยอดคนทั้งสองนี้หากเย่หยวนทำการผิดพลาดไปแม้แต่น้อยตัวเขาคงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

ไม่ว่าเย่หยวนจะมากพรสวรรค์ล้ำความสามารถปานใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ มีหรือที่จะสามารถทนรับเต๋าของยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสองนี้ตรง ๆ ได้?

การเข้าร่วมนั่งเล่นหมากกระดานนี้กับคนทั้งสองตัวเย่หยวนก็ได้ใช้วิธีการยืมพลังท่านสนองตนจากสองยอดคนนี้ ทำให้ตัวเขานั้นไม่ได้ใช้แรงของตนออกไปปะทะกับทั้งสองโดยตรง

แต่มีหรือที่เรื่องนั้นมันจะทำได้ง่าย ๆ?

หากเป็นคนอื่น ๆ ทั่วไปแล้วพวกเขาคงไม่อาจจะรับมันได้แม้แต่ดัชนีเดียวและคงได้ถูกพลังยอดเต๋าของคนทั้งสองนี้บดขยี้จนแหลกสลาย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเย่หยวนก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำตมเกินไปกว่าที่จะมานั่งรับแรงกดดันจากยอดคนทั้งสองนี้ได้ ไหนยังจะต้องทำตัวเป็นแกนกลางสมดุลรักษาสภาพโลกที่แตกหักจากมือของคนทั้งสองนี้อีก

ดัชนีที่สองของโอสถบรรพกาลนั้นมันถูกชี้ออกมาอย่างรุนแรงและดุดัน เปี่ยมล้นไปด้วยเจตจำนงเต๋าทั้งยังแฝงจิตสังหารมามากมาย

ไม่ว่าจะดูอย่างไรการลงมือของโอสถบรรพกาลนี้มันก็คือความจงใจที่จะเพิ่มภาระให้ตัวเย่หยวน คิดอยากให้ตัวเขานั้นแตกสลายลงภายใต้แรงกดดันของยอดคนทั้งสอง

จากนั้นคนทั้งสามก็ได้เริ่มผลัดกันลงมือดั่งกำลังนั่งเล่นหมากกันอยู่จริง ๆ คนหนึ่งชี้ดัชนีออกตาม ๆ กันไป

ตอนนี้โลกใบใหม่มันจึงกำลังค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน

จีโมมองดูตรงไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เหมือนได้เห็นแสงธรรม

สำหรับยอดฝีมือระดับเขาแล้วการพัฒนาใด ๆ มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ยากแสนยาก แม้จะไม่พัฒนาใด ๆ ย่ำอยู่กับที่นับหมื่น ๆ แสน ๆ ปีมันก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

แต่ในเวลาไม่กี่วันที่เขาได้จดจ้องดูภาพตรงหน้ามานี้มันกลับสามารถช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องราวที่ต่อให้ใช้เวลาอีกนับหมื่น ๆ ปีมันก็คงไม่อาจเข้าใจได้

เดิมทีนั้นเขาได้ค้นหาวิธีและความเป็นไปได้มากมายที่จะมาใช้อธิบายอย่าถามนี้ แต่เมื่อได้ยินได้ฟังคำของเย่หยวนเพียงไม่กี่ประโยคเขากลับได้เข้าใจถึงมันอย่างทันท่วงที

แน่นอนว่าวิชาฝีมือใด ๆ ของเย่หยวนมันย่อมไม่อาจจะเอาไปเทียบกับยอดคนทั้งสองได้แน่ เพียงแค่ว่าการปรากฏกายของเขานี้มันกลับทำให้การสร้างโลกนี้สมบูรณ์มากขึ้น

ที่ ๆ เขาชี้ดัชนีลงไปนั้นเดิมทีมันเป็นจุดด่างพร้อยของอย่าถามทั้งสิ้น มันเป็นจุดแตกหักที่เกิดขึ้นมาจากการประชันพลังของยอดคนทั้งสองนี้

แต่ด้วยการเข้ามาของเย่หยวน จุดแตกหักพังทลายทั้งหลายนั้นมันกลับค่อย ๆ กลับคืนมาเป็นโลกได้ทีละน้อย ๆ

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ยิ่งผ่านไปนานเหล่ายอดฝีมือในโลกภายนอกต่างก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นกว่าเก่า

เพราะพวกเขานั้นเคยคาดคิดถึงวิธีการนับพัน ๆ ที่เย่หยวนจะเอามาใช้ผ่านอย่าถามนี้

แต่พวกเขาย่อมจะไม่เคยคาดฝันว่าเย่หยวนกลับคิดใช้วิธีการเช่นนี้ออกมา

นั่งลงถกเต๋ากับสองยอดคนแห่งยุค สร้างโลกขึ้นเบื้องหน้า เรื่องราวและวิธีการเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำการคาดเดาจินตนาการของใคร ๆ

ก่อนหน้านี้หากมีคนมาเล่าบอกว่านักบวชหกดาวไปนั่งถกเต๋ากับยอดคนทั้งสองท่านนี้มันจะมีใครบ้างเล่าคิดเชื่อถือคำพูดนั้น?

แต่เวลานี้หัวใจของพวกเขาทั้งหลายมันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่เหนือกว่าคำว่าตกตะลึงไปแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปวันเล่าวันเล่า ในที่สุดเวลากว่าครึ่งปีมันก็ได้ผ่านไป.ไอลีนโนเวล.

“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว! พวกเจ้าดู สีหน้าของเย่หยวนมันเริ่มซีดเผือดลงเรื่อย ๆ! ดูท่าเวลานี้เขาคงจะหมดแรงลงแล้วจริง ๆ”

“มันผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว! ตัวเขาเองก็ไม่ได้หยุดมือแม้แต่วินาทีเดียว แน่นอนว่าย่อมจะต้องเริ่มหมดแรงลง! เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้!”

“เทพถ่องแท้คนหนึ่งกลับไปนั่งเผชิญกับสองยอดคนแห่งเต๋าโอสถได้ ทั้ง ๆ อย่างนั้นตัวเขากลับยังทนอยู่มาได้นานถึงครึ่งปี! แค่นี้มันก็เหนือล้ำจนไม่อาจจะหาคำมาอธิบายแล้ว! ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ผู้นี้ขึ้นไปบ้าง ข้าก็คงไม่อาจจะฝืนทนมาได้จนถึงวันนี้หรอก!”

ภายในกระดานเกมนี้สีหน้าที่เย่หยวนแสดงออกมามันเริ่มขาวซีด เหงื่อผุดไหลลงมาตามหน้าผากเป็นสภาพของคนที่เหนื่อยอ่อนอย่างมาก

การเผชิญหน้าอันดุดันนับครึ่งปีมานี้ไม่ว่าจะทั้งด้านปราณเทวะหรือจิตศักดิ์สิทธิ์ เย่หยวนก็เริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดเต็มที

“หึ! เด็กน้อย ข้าก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเจ้าจะทนมาได้จนถึงวันนี้ แต่มันก็จบกันเท่านี้แหละ!”

โอสถบรรพกาลชี้นิ้วออกมาอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าเก่า

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นมันเข้ากวาดพัดบนโลกหล้าเบื้องล่างอย่างรุนแรงทำให้มิติที่ฝั่งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสร้างขึ้นได้รับความเสียหายอย่างมาก

ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ได้แต่ต้องร้องครางขึ้นมาเพราะดูท่าแล้วเขาเองก็ใกล้จะหมดแรงเต็มทนเช่นกัน

เพราะเจ้าอย่าถามนี้เดิมทีมันก็เป็นกระดานหมากแห่งความพ่ายแพ้ของเขา

มีหรือที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะเทียบเคียงพลังเต๋าที่สั่งสมของโอสถบรรพกาลได้?

หากมิใช่เพราะเย่หยวนเข้ามาร่วมเกมด้วย หมากกระดานนี้มันก็คงจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเขาอีกครั้ง

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นพุ่งทะยานเข้ามาหาตัวเย่หยวน แต่ในครั้งนี้มันเหมือนเป็นคลื่นพลังที่คิดจะปัดตัวเย่หยวนให้ลอยหายไป เป็นคลื่นพลังที่แสนหนักหน่วง

“ฮ่า ๆ ๆ …มากพรสวรรค์แล้วทำไมเล่า? สุดท้ายมันก็ตาย! เย่หยวนข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะรอดได้อย่างไรอีก!”

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนก็ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

เขานั้นโกรธแค้นที่เย่หยวนฉีกหน้าตนอย่างมากและแม้ว่าเขาจะตื่นตะลึงกับความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมาแต่ตัวเขาก็ยังเฝ้าหวังอยากให้เย่หยวนถูกโอสถบรรพกาลกำจัดลง

จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูหันไปหาจีโมด้วยรอยยิ้ม “ท่านเคลื่อนดารา นี่หรือที่ท่านรองมหาปราชญ์ที่ท่านคิดอยากให้เราดู? ใช่แล้ว เขานั้นเก่งกาจจริง ๆ แต่รองมหาปราชญ์ที่ตายแล้วมันก็มีแต่จะทำให้ผู้คนโล่งใจเท่านั้น!”

จีโมหัวเราะเย้ยกลับไปโดยไม่คิดพูดจา

เพราะเรื่องราวตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจใด ๆ เช่นกัน

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันดูแย่จนเกินไป

เย่หยวนที่ได้สัมผัสถึงพลังที่เข้าปะทะนั้นต้องหรี่ตาลงมอง “ช่างเป็นโอสถบรรพกาลที่เก่งกาจจริง ๆ ช่างเป็นคนที่มีความคิดคับแคบตามที่ข้าคาดเดา! เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข้าก็จะให้ท่านได้เห็นฝีมือที่แท้ของข้า!”

เย่หยวนร้องบอกพร้อมยกมือขึ้นมาวาดเป็นวงก่อนจะเผยให้เห็นสัญลักษณ์หยินหยางที่ด้านหลังตน

เมื่อคลื่นเต๋าของโอสถบรรพกาลพุ่งเข้ามาถึงกายเย่หยวนมันก็ถูกสัญลักษณ์หยินหยางนั้นกลืนกินเข้าไปทันทีอย่างไม่มีท่าทีติดขัด

“ฟ้าดินนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นหยินและหยาง หยินหยางค้ำจุนจักรวาล! โอสถบรรพกาล ท่านดูให้ดี! นี่คือเต๋าของเย่หยวนผู้นี้! จงค้ำจุนโลก!”

เย่หยวนผลักฝ่ามือออกมาพร้อมด้วยสัญลักษณ์หยินหยางด้านหลังที่เริ่มหมุนวน

ในที่สุดโลกแห่งกระดานหมากนี้มันก็จะก่อตัวขึ้น

ยอดเต๋าของเย่หยวนนั้นมันเริ่มพุ่งทะยานกลบพลังเต๋าของสองยอดคนไปทันที

ตอนนี้เต๋าเดียวที่หลงเหลือคือพลังเต๋าจากสัญลักษณ์หยินหยางนี้

ตูม!

เมื่อฝ่ามือของเย่หยวนยืดออกมาสุด สัญลักษณ์หยินหยางนั้นมันก็หายไปพร้อมเสียงระเบิดครั้งใหญ่

…………………………

“หืม?” โอสถบรรพกาลร้องขึ้นมา

แต่ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นต้องหัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ …ฉลาดมาก! เก่งกาจ! เด็กน้อย เจ้ามีฝีมือไม่น้อยจริง ๆ! เพียงแค่ว่าข้านั้นสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสองยอดเต๋าของเราไปได้ถึงเมื่อใด!”

ทุกผู้คนที่มองเห็นเรื่องราวนั้นต่างผงะไปตาม ๆ กันไม่ว่าจะดูอย่างไรดัชนีของเย่หยวนนั้นมันก็สุดแสนจะไร้ค่า เหตุใดมันจะเก่งกาจไปได้?

แต่เวลานี้จีโมต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง

คนอื่นไม่รู้ แต่มีหรือที่ตัวเขาจะมองไม่ออก?

ดัชนีนี้ของเย่หยวนมันทั้งดูธรรมดาและไร้พลังใด แต่มันนั้นกลับกลายเป็นยาแก้ให้แก่ความอันตรายที่ยอดคนทั้งสองทิ้งไว้หลังจากเปิดฟ้าดิน

หากปล่อยเรื่องราวให้ดำเนินต่อไปตามคนทั้งสองนั้น ต่อให้ทั้งสองยอดคนจะเปิดโลกใบใหม่ขึ้นมาได้ผลลัพธ์มันก็จะออกมาไม่แตกต่างจากเดิม

เพราะนี่มันคือกระดานหมากที่ถูกบันทึกไว้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะเกิดขึ้นกับมัน

แต่เวลานี้เมื่อเย่หยวนได้เข้ามาช่วยผสานเป็นแกนกลาง ผลลัพธ์ที่ออกมามันจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือไม่มากพอที่จะเข้าไปยุ่งการสร้างโลกของยอดคนทั้งสองนี้ได้ เขาไม่อาจจะสร้างโลกขึ้นมาได้

แต่ตัวเขาเองก็มีเต๋าของตัวเอง

“นี่มัน…นี่มันคือสมดุลหยินหยางที่เขาว่าหรือ? สุดยอด!” จีโมร้องบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดชื่นชม

เมื่อพวกหลงฉือได้ยินพวกเขาทั้งหลายต่างก็ต้องหันมามองทันที เพราะเวลานี้มันย่อมจะไม่มีใครเข้าใจถึงความสุดยอดใด ๆ

แต่การที่ทำให้จีโมพูดเช่นนี้ขึ้นมาได้มันย่อมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าการลงมือครั้งนี้ของเย่หยวนเหนือล้ำปานใด

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้ฝึกฝนวิชาโอสถใด ๆ หรือพวกที่พอรู้ก็แค่ความรู้ตื้นเขินย่อมไม่อาจจะมองเรื่องราวตรงหน้านี้ออกได้

“อีกครั้ง!”

หลังหัวเราะลั่นเสร็จแล้วทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ได้ชี้ดัชนีออกมาอีกครั้งเปิดแยกฟ้าดิน

ทางโอสถบรรพกาลเองก็ไม่คิดรอช้าส่งดัชนีที่สองออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย้ย

เย่หยวนที่ได้เห็นดัชนีนั้นต้องหรี่ตาลงมองก่อนจะปล่อยดัชนีที่สองของตนออกมาบ้าง

และดัชนีนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากก่อน ไม่มีร่องรอยความเหนือล้ำคลื่นพลังรุนแรงใด ๆ

การกระทำของคนทั้งสามนั้นมันเหมือนแค่นั่งเล่นแต่แท้จริงแล้วมันแฝงไปด้วยภัยอันตรายมหาศาล

ภายใต้ยอดเต๋าของยอดคนทั้งสองนี้หากเย่หยวนทำการผิดพลาดไปแม้แต่น้อยตัวเขาคงแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง

ไม่ว่าเย่หยวนจะมากพรสวรรค์ล้ำความสามารถปานใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้ มีหรือที่จะสามารถทนรับเต๋าของยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสองนี้ตรง ๆ ได้?

การเข้าร่วมนั่งเล่นหมากกระดานนี้กับคนทั้งสองตัวเย่หยวนก็ได้ใช้วิธีการยืมพลังท่านสนองตนจากสองยอดคนนี้ ทำให้ตัวเขานั้นไม่ได้ใช้แรงของตนออกไปปะทะกับทั้งสองโดยตรง

แต่มีหรือที่เรื่องนั้นมันจะทำได้ง่าย ๆ?

หากเป็นคนอื่น ๆ ทั่วไปแล้วพวกเขาคงไม่อาจจะรับมันได้แม้แต่ดัชนีเดียวและคงได้ถูกพลังยอดเต๋าของคนทั้งสองนี้บดขยี้จนแหลกสลาย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเย่หยวนก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำตมเกินไปกว่าที่จะมานั่งรับแรงกดดันจากยอดคนทั้งสองนี้ได้ ไหนยังจะต้องทำตัวเป็นแกนกลางสมดุลรักษาสภาพโลกที่แตกหักจากมือของคนทั้งสองนี้อีก

ดัชนีที่สองของโอสถบรรพกาลนั้นมันถูกชี้ออกมาอย่างรุนแรงและดุดัน เปี่ยมล้นไปด้วยเจตจำนงเต๋าทั้งยังแฝงจิตสังหารมามากมาย

ไม่ว่าจะดูอย่างไรการลงมือของโอสถบรรพกาลนี้มันก็คือความจงใจที่จะเพิ่มภาระให้ตัวเย่หยวน คิดอยากให้ตัวเขานั้นแตกสลายลงภายใต้แรงกดดันของยอดคนทั้งสอง

จากนั้นคนทั้งสามก็ได้เริ่มผลัดกันลงมือดั่งกำลังนั่งเล่นหมากกันอยู่จริง ๆ คนหนึ่งชี้ดัชนีออกตาม ๆ กันไป

ตอนนี้โลกใบใหม่มันจึงกำลังค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน

จีโมมองดูตรงไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เหมือนได้เห็นแสงธรรม

สำหรับยอดฝีมือระดับเขาแล้วการพัฒนาใด ๆ มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ยากแสนยาก แม้จะไม่พัฒนาใด ๆ ย่ำอยู่กับที่นับหมื่น ๆ แสน ๆ ปีมันก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

แต่ในเวลาไม่กี่วันที่เขาได้จดจ้องดูภาพตรงหน้ามานี้มันกลับสามารถช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องราวที่ต่อให้ใช้เวลาอีกนับหมื่น ๆ ปีมันก็คงไม่อาจเข้าใจได้

เดิมทีนั้นเขาได้ค้นหาวิธีและความเป็นไปได้มากมายที่จะมาใช้อธิบายอย่าถามนี้ แต่เมื่อได้ยินได้ฟังคำของเย่หยวนเพียงไม่กี่ประโยคเขากลับได้เข้าใจถึงมันอย่างทันท่วงที

แน่นอนว่าวิชาฝีมือใด ๆ ของเย่หยวนมันย่อมไม่อาจจะเอาไปเทียบกับยอดคนทั้งสองได้แน่ เพียงแค่ว่าการปรากฏกายของเขานี้มันกลับทำให้การสร้างโลกนี้สมบูรณ์มากขึ้น

ที่ ๆ เขาชี้ดัชนีลงไปนั้นเดิมทีมันเป็นจุดด่างพร้อยของอย่าถามทั้งสิ้น มันเป็นจุดแตกหักที่เกิดขึ้นมาจากการประชันพลังของยอดคนทั้งสองนี้

แต่ด้วยการเข้ามาของเย่หยวน จุดแตกหักพังทลายทั้งหลายนั้นมันกลับค่อย ๆ กลับคืนมาเป็นโลกได้ทีละน้อย ๆ

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ยิ่งผ่านไปนานเหล่ายอดฝีมือในโลกภายนอกต่างก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นกว่าเก่า

เพราะพวกเขานั้นเคยคาดคิดถึงวิธีการนับพัน ๆ ที่เย่หยวนจะเอามาใช้ผ่านอย่าถามนี้

แต่พวกเขาย่อมจะไม่เคยคาดฝันว่าเย่หยวนกลับคิดใช้วิธีการเช่นนี้ออกมา

นั่งลงถกเต๋ากับสองยอดคนแห่งยุค สร้างโลกขึ้นเบื้องหน้า เรื่องราวและวิธีการเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำการคาดเดาจินตนาการของใคร ๆ

ก่อนหน้านี้หากมีคนมาเล่าบอกว่านักบวชหกดาวไปนั่งถกเต๋ากับยอดคนทั้งสองท่านนี้มันจะมีใครบ้างเล่าคิดเชื่อถือคำพูดนั้น?

แต่เวลานี้หัวใจของพวกเขาทั้งหลายมันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่เหนือกว่าคำว่าตกตะลึงไปแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปวันเล่าวันเล่า ในที่สุดเวลากว่าครึ่งปีมันก็ได้ผ่านไป.ไอลีนโนเวล.

“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว! พวกเจ้าดู สีหน้าของเย่หยวนมันเริ่มซีดเผือดลงเรื่อย ๆ! ดูท่าเวลานี้เขาคงจะหมดแรงลงแล้วจริง ๆ”

“มันผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว! ตัวเขาเองก็ไม่ได้หยุดมือแม้แต่วินาทีเดียว แน่นอนว่าย่อมจะต้องเริ่มหมดแรงลง! เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้!”

“เทพถ่องแท้คนหนึ่งกลับไปนั่งเผชิญกับสองยอดคนแห่งเต๋าโอสถได้ ทั้ง ๆ อย่างนั้นตัวเขากลับยังทนอยู่มาได้นานถึงครึ่งปี! แค่นี้มันก็เหนือล้ำจนไม่อาจจะหาคำมาอธิบายแล้ว! ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ผู้นี้ขึ้นไปบ้าง ข้าก็คงไม่อาจจะฝืนทนมาได้จนถึงวันนี้หรอก!”

ภายในกระดานเกมนี้สีหน้าที่เย่หยวนแสดงออกมามันเริ่มขาวซีด เหงื่อผุดไหลลงมาตามหน้าผากเป็นสภาพของคนที่เหนื่อยอ่อนอย่างมาก

การเผชิญหน้าอันดุดันนับครึ่งปีมานี้ไม่ว่าจะทั้งด้านปราณเทวะหรือจิตศักดิ์สิทธิ์ เย่หยวนก็เริ่มเข้าใกล้ขีดจำกัดเต็มที

“หึ! เด็กน้อย ข้าก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเจ้าจะทนมาได้จนถึงวันนี้ แต่มันก็จบกันเท่านี้แหละ!”

โอสถบรรพกาลชี้นิ้วออกมาอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าเก่า

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นมันเข้ากวาดพัดบนโลกหล้าเบื้องล่างอย่างรุนแรงทำให้มิติที่ฝั่งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลสร้างขึ้นได้รับความเสียหายอย่างมาก

ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ได้แต่ต้องร้องครางขึ้นมาเพราะดูท่าแล้วเขาเองก็ใกล้จะหมดแรงเต็มทนเช่นกัน

เพราะเจ้าอย่าถามนี้เดิมทีมันก็เป็นกระดานหมากแห่งความพ่ายแพ้ของเขา

มีหรือที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะเทียบเคียงพลังเต๋าที่สั่งสมของโอสถบรรพกาลได้?

หากมิใช่เพราะเย่หยวนเข้ามาร่วมเกมด้วย หมากกระดานนี้มันก็คงจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเขาอีกครั้ง

คลื่นเต๋าอันรุนแรงนั้นพุ่งทะยานเข้ามาหาตัวเย่หยวน แต่ในครั้งนี้มันเหมือนเป็นคลื่นพลังที่คิดจะปัดตัวเย่หยวนให้ลอยหายไป เป็นคลื่นพลังที่แสนหนักหน่วง

“ฮ่า ๆ ๆ …มากพรสวรรค์แล้วทำไมเล่า? สุดท้ายมันก็ตาย! เย่หยวนข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าจะรอดได้อย่างไรอีก!”

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนก็ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

เขานั้นโกรธแค้นที่เย่หยวนฉีกหน้าตนอย่างมากและแม้ว่าเขาจะตื่นตะลึงกับความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมาแต่ตัวเขาก็ยังเฝ้าหวังอยากให้เย่หยวนถูกโอสถบรรพกาลกำจัดลง

จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูหันไปหาจีโมด้วยรอยยิ้ม “ท่านเคลื่อนดารา นี่หรือที่ท่านรองมหาปราชญ์ที่ท่านคิดอยากให้เราดู? ใช่แล้ว เขานั้นเก่งกาจจริง ๆ แต่รองมหาปราชญ์ที่ตายแล้วมันก็มีแต่จะทำให้ผู้คนโล่งใจเท่านั้น!”

จีโมหัวเราะเย้ยกลับไปโดยไม่คิดพูดจา

เพราะเรื่องราวตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจใด ๆ เช่นกัน

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันดูแย่จนเกินไป

เย่หยวนที่ได้สัมผัสถึงพลังที่เข้าปะทะนั้นต้องหรี่ตาลงมอง “ช่างเป็นโอสถบรรพกาลที่เก่งกาจจริง ๆ ช่างเป็นคนที่มีความคิดคับแคบตามที่ข้าคาดเดา! เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข้าก็จะให้ท่านได้เห็นฝีมือที่แท้ของข้า!”

เย่หยวนร้องบอกพร้อมยกมือขึ้นมาวาดเป็นวงก่อนจะเผยให้เห็นสัญลักษณ์หยินหยางที่ด้านหลังตน

เมื่อคลื่นเต๋าของโอสถบรรพกาลพุ่งเข้ามาถึงกายเย่หยวนมันก็ถูกสัญลักษณ์หยินหยางนั้นกลืนกินเข้าไปทันทีอย่างไม่มีท่าทีติดขัด

“ฟ้าดินนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นหยินและหยาง หยินหยางค้ำจุนจักรวาล! โอสถบรรพกาล ท่านดูให้ดี! นี่คือเต๋าของเย่หยวนผู้นี้! จงค้ำจุนโลก!”

เย่หยวนผลักฝ่ามือออกมาพร้อมด้วยสัญลักษณ์หยินหยางด้านหลังที่เริ่มหมุนวน

ในที่สุดโลกแห่งกระดานหมากนี้มันก็จะก่อตัวขึ้น

ยอดเต๋าของเย่หยวนนั้นมันเริ่มพุ่งทะยานกลบพลังเต๋าของสองยอดคนไปทันที

ตอนนี้เต๋าเดียวที่หลงเหลือคือพลังเต๋าจากสัญลักษณ์หยินหยางนี้

ตูม!

เมื่อฝ่ามือของเย่หยวนยืดออกมาสุด สัญลักษณ์หยินหยางนั้นมันก็หายไปพร้อมเสียงระเบิดครั้งใหญ่

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+