Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2165 อ่อนแอเสียเหลือเกิน!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2165 อ่อนแอเสียเหลือเกิน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในหมู่ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นชายหนุ่มคิ้วหนาผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น “หึ พี่หลงหยวน ท่านโดนดูถูกเสียแล้วนะ!”

นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มอีกคนที่ด้านข้างต้องกระตุกขึ้นมา “คนโง่มันไม่กลัวอะไรก็เท่านั้น! ชื่อเสียงเลื่องลือของปราการมังกรเทวะเรานั้นมันไม่ได้มีดีแค่ชื่อ หลงจิงหยวน เจ้าเองก็ไม่มีโอกาสจะชนะไปหรอก”

หลงจิงหยวนหัวเราะตอบกลับมา “เรื่องราวของเรานั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ข้าแค่รู้สึกรำคาญกับความโอหังของเจ้าเด็กคนนี้มันเหลือเกิน!”

หลงหยวนตอบกลับมา “แค่คนไร้ค่าใด! หากข้าได้ไปเจอมันในลานศึกหมอกเข้าข้าจะสังหารมันด้วยหมัดเดียวเสียให้ดู!”

หลงจิงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มรับ “หวังว่ามันจะไม่ได้มาเจอท่านหรือข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว…หึๆ”

ที่ด้านข้างเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายเองก็ได้ยินคำพูดของคนทั้งสองและยิ้มรับขึ้นมาตามๆ กัน

หลงหยวนและหลงจิงหยวนนั้นเป็นยอดคนหนึ่งมาจากปราการมังกรเทวะและอีกหนึ่งมาจากปราการมังกรดำ

และสองปราการสวรรค์นี้เองก็ขึ้นชื่อเรื่องพลังสายเลือดที่หนักแน่นจนเหนือล้ำกว่าปราการสวรรค์ทั้งหลายทั้งสิ้นไปมาก

คำพูดของเย่หยวนนี้มันไปทำให้คนทั้งหลายไม่พอใจอย่างไม่ทันรู้ตัว

เมื่อได้เห็นเย่หยวนกล่าวพูดโน้มน้าวหลงเสี่ยวฉุนนั้น เฉินซิงเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนต้องหัวเราะขึ้น “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้า เด็กหัวรั้นอย่างเจ้านี้จะยอมคนเป็นด้วย”

หลงเสี่ยวฉุนหันมาเหลือบตามองแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือตอบโต้ใดๆ กลับมา

“เอาล่ะ มันใกล้ถึงเวลาแล้ว จักรพรรดิผู้นี้จะส่งเจ้าเข้าไปยังลานศึกหมอก หวังว่าจะโชคดี!”

พูดจบเฉินซิงก็ชี้นิ้วออกมาเปิดรูใหญ่ขึ้นมาบนท้องฟ้า

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าตรามังกรสวรรค์ตรงหว่างคิ้วร้อนขึ้นมาก่อนจะดึงร่างของเขานั้นเข้าไปยังรูนั้นอย่างไม่อาจขัดขืน

หลังจากที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายถูกดูดหายเข้าไปสิ้นแล้วมันก็เกิดปรากฏจอแสงฉายภาพยักษ์ใหญ่ขึ้นมาแทนที่ที่กลางลาน

บนจอนั้นมันแสดงให้เห็นถึงเงาร่างของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายอย่างชัดแจ้ง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างนั่งลุ้นตัวโก่ง หวังแค่ว่าเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ของตนจะแสดงผลงานออกมาได้ดี

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าดับมืดหายไปก่อนจะพบว่าตนเองได้มายืนอยู่กลางม่านหมอกหนา

ภายในหมอกนี้มันไม่อาจจะแยกเหนือใต้ออกตกใดๆ ได้

เย่หยวนต้องรีดปราณขึ้นไปที่ดวงตาก่อนที่จะเริ่มพอเห็นภาพรอบๆ ได้ราวร้อยย่างก้าว

“นี่หรือคือลานศึกหมอก? มันดูเหมือนดั่งเขาวงกต! แต่ว่า…เจ้าผลึกต้นมังกรนั้นมันน่าสนใจจนเกินจะปล่อยผ่านไป!” เย่หยวนยิ้มขึ้นมา

ในลานศึกหมอกนี้มันเป็นสถานที่ที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายจะได้พบเจอกันอย่างสุ่ม

ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นจะใช้พลังของตรามังกรสวรรค์สัมผัสหาเหล่าผลึกต้นมังกรที่ตกอยู่รอบๆ บริเวณพื้นที่ลานศึกหมอก

ผลึกต้นมังกรนี้มันคือผลผลิตพิเศษจากเขามังกรสวรรค์นี้และยังนับเป็นหนึ่งในสมบัติทรงค่าของเผ่ามังกร!

การนำมันมาหลอมกลั่นดูดซับจะช่วยให้สามารถพัฒนาพลังสายเลือดของตนไปได้มาก ทำให้สายเลือดของคนผู้นั้นบริสุทธิ์ขึ้นและยังจะช่วยให้การบ่มเพาะรวดเร็วขึ้นเสียด้วย

ที่สำคัญไปกว่านั้นผลึกต้นมังกรนี้ยังเป็นของสำคัญที่จะใช้ในการปลุกตรามังกรสวรรค์ในตัว

ตราบเท่าที่คนผู้นั้นดูดซับผลึกต้นมังกรไปมากพอพวกเขาก็จะปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้

แต่จำนวนจะใช้มากเท่าใดนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนต่างกันไป

จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแนวคิดหนึ่งที่กดดันลงมาทำให้พลังกายของเขานั้นลงร่วงลงไปเหลือเพียงแค่ระดับเจ็ดขั้นต้น

เมื่อพลังบ่มเพาะต่างกัน ความแตกต่างมันก็ย่อมจะมากล้น

เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันแต่ความแตกต่างมันก็เกิดขึ้นได้มาก

เพราะฉะนั้นในลานศึกหมอกนี้มันจึงได้มีแนวคิดนี้กดดันพลังกายลงทำให้เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายมีพลังใกล้เคียงกันมากขึ้น

แต่ทว่าต่อให้จะถูกกดพลังลง ฝีมือของเหล่าทายาทมังกรทั้งหลายมันก็ยังจะมีความแตกต่างกันไปมาก

เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ที่บ่มเพาะปราณมาสูงส่งกว่าย่อมจะได้เปรียบกว่า

“แต่น่าเสียดายที่พลังกดดันเช่นนี้มันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”

เย่หยวนปล่อยพลังพิภพโกลาหลของตนออกมาปิดกั้นพลังแนวคิดนั้นจนสิ้น

พลังจากพิภพโกลาหลของเขานั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ของมหาพิภพถงเทียน พลังภายนอกใดๆ ย่อมจะไม่อาจกดมันลงได้

แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนจะเพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพิภพโกลาหลมาได้แต่พลังโลกของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าคนระดับเดียวกันไปหลายขุม หากให้นับแล้วคงอยู่ในระดับของเทพสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลาง

ความแตกต่างครึ่งดาวนี้มันมากพอที่จะช่วยให้เขาเอาชนะคนระดับเดียวกันได้อย่างแน่นอน

ไหนจะยังมีพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ดนั้นอีก.ไอลีนโนเวล.

เวลานี้จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกร้อนขึ้นที่หว่างคิ้วเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของผลึกต้นมังกรไม่ไกล

หลังวนไปมาอยู่ไม่นานเย่หยวนก็ได้มาเจอกับผลึกสีขาวปักอยู่ที่พื้นและมันนี่เองคือผลึกต้นมังกรที่เขาตามหา

เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปหาผลึกต้นมังกรและหยิบมันขึ้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังสายเลือดจากผลึกต้นมังกรนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา

“วางผลึกต้นมังกรลง! แล้วจะไสหัวไปไหนก็ไป!” ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล

เย่หยวนหันหน้าไปมองดูและพบว่ามันเป็นทายาทมังกรสวรรค์ที่เขาไม่คุ้นหน้า

“หากข้าไม่วางมันเล่า?” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก

อีกฝ่ายจึงได้ยิ้มตอบกลับมา “หึ อุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่รู้จักรับ! เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร?”

เย่หยวนเก็บผลึกต้นมังกรลงในแหวนและส่ายหัวออกมา “ไม่รู้ และไม่อยากจะรู้เสียด้วย”

เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดสนใจเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเขาก็ร้องบอกขึ้นมา “กล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคนปราการมังกรเทวะ รนหาที่ตาย!”

เขานั้นมีนามว่าหลงเจิง เป็นอัจฉริยะอันดับสามของปราการมังกรเทวะมีกำลังฝีมือเหนือล้ำไม่น้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้นี้ยังปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วด้วย!

ที่โลกภายนอกเมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายได้พวกเขาก็ยิ้มเย้ยออกมา

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังนัก เวลานี้คงต้องเสียท่าแล้วใช่หรือไม่? ไม่นึกเลยว่าคนแรกที่เจอก็จะเป็นหลงเจิงไป” หลงจื่อเฟิงหัวเราะขึ้นเมื่อเห็น

ผู้อาวุโสอีกคนจึงกล่าวขึ้นตาม “หลงเจิงนี้มีฝีมือพอจะติดหนึ่งในสิบของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ใช่หรือไม่? เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีโชคเสียจริงๆ!”

ทางผู้อาวุโสพิทักษ์ของปราการมังกรเทวะ หลงเทียนยู่ก็กล่าวขึ้นตาม “เจ้าเด็กคนนี้มันอวดดีเสียเหลือเกิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะเก่งกาจปานใด”

ไม่ว่าจะฟังอย่างไรเขาก็มั่นใจในฝีมือของหลงเจิงอย่างเต็มร้อย

ปราการมังกรเทวะของเขานั้นมีพลังสายเลือดที่เหนือล้ำผู้คนเป็นทุน ทายาทมังกรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะอยู่เหนือล้ำปราการอื่นเป็นธรรมดา

หลงเจิงนั้นติดอันดับสามจากทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหมดของปราการมังกรเทวะ หากเอาไปเทียบกับปราการอื่นๆ แล้วเขาย่อมจะเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ชิ! เจ้าดูไปเถอะ เย่หยวนจะจัดการมันลงด้วยมือข้างเดียว!” หลงเสี่ยวฉุนกล่าวขึ้นมาขัดหลงเทียนยู่

หลงเทียนยู่ที่ได้ยินก็แทบจะสำลัก เขาได้แต่หันหน้าหนีอย่างไม่คิดกล่าววาจาใดๆ อีก

หลงเสี่ยวฉุนนั้นมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งพิเศษปานใด ตัวเขาไม่กล้าจะไปว่ากล่าวให้นางง่ายๆ

แต่คำพูดนี้ของหลงเสี่ยวฉุนนั้น หลงเทียนยู่ย่อมไม่คิดสนใจเชื่อใดๆ

เย่หยวนนั้นเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ไม่นาน มีหรือที่เขาจะปลุกทักษะเทวะภายในได้ แล้วมีหรือที่เขาจะต่อสู้ได้?

“เทพมังกรเหยียบสวรรค์!”

ด้วยความโกรธเคืองของหลงเจิงนั้นเขาได้ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพกระบวนที่สองขึ้นมาทันที

จากนั้นหว่างคิ้วของเขาก็ส่องสว่างขึ้นทำให้พลังของเทพมังกรเหยียบสวรรค์มันรุนแรงขึ้นอย่างเหนือฟ้าดิน

พลังเช่นนี้ปกติแล้วย่อมจะเอาชนะคนระดับเดียวกันได้สิ้น

เพียงแต่ว่าต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก

“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ หลงเจิงนั้นไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนใช้วิชาใดๆ ออกมา ทางเย่หยวนแค่ต่อยหมัดธรรมดาๆ สวนออกไป

เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดเคารพสั่นกลัวพลังของเขาเลยเช่นนี้ หลงเจิงก็ได้แต่ยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

“รนหาที่ตายแล้ว!”

จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น

เงามังกรที่หลงเจิงปล่อยออกมานั้นแตกสลายลงพร้อมด้วยร่างของเขาที่เหมือนดั่งถูกค้อนหนักทุบเข้ากลางอก ลอยลิ่วปลิวออกไปด้านหลัง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นภาพนั้นต้องสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมๆ กัน

“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!”

“เขานั้นไม่ได้ใช้วิชาวรยุทธใดๆ แต่กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยแค่พลังกายอย่างนั้นหรือ?”

“บ้าไปแล้ว! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชามารใด?”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างร้องขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเย่หยวนที่ไม่ได้ใช้วิชากระบวนท่าใดๆ ออกมานี้กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยหมัดเปล่าๆ หนึ่งหมัด

เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออาณาจักรบ่มเพาะของฝ่ายหนึ่งเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก

แต่พวกเขานี้เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันทั้งยังมีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกัน แล้วเหตุใดเย่หยวนจึงสามารถทำได้ปานนี้เล่า?

……………

ในหมู่ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นชายหนุ่มคิ้วหนาผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น “หึ พี่หลงหยวน ท่านโดนดูถูกเสียแล้วนะ!”

นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มอีกคนที่ด้านข้างต้องกระตุกขึ้นมา “คนโง่มันไม่กลัวอะไรก็เท่านั้น! ชื่อเสียงเลื่องลือของปราการมังกรเทวะเรานั้นมันไม่ได้มีดีแค่ชื่อ หลงจิงหยวน เจ้าเองก็ไม่มีโอกาสจะชนะไปหรอก”

หลงจิงหยวนหัวเราะตอบกลับมา “เรื่องราวของเรานั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ข้าแค่รู้สึกรำคาญกับความโอหังของเจ้าเด็กคนนี้มันเหลือเกิน!”

หลงหยวนตอบกลับมา “แค่คนไร้ค่าใด! หากข้าได้ไปเจอมันในลานศึกหมอกเข้าข้าจะสังหารมันด้วยหมัดเดียวเสียให้ดู!”

หลงจิงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มรับ “หวังว่ามันจะไม่ได้มาเจอท่านหรือข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว…หึๆ”

ที่ด้านข้างเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายเองก็ได้ยินคำพูดของคนทั้งสองและยิ้มรับขึ้นมาตามๆ กัน

หลงหยวนและหลงจิงหยวนนั้นเป็นยอดคนหนึ่งมาจากปราการมังกรเทวะและอีกหนึ่งมาจากปราการมังกรดำ

และสองปราการสวรรค์นี้เองก็ขึ้นชื่อเรื่องพลังสายเลือดที่หนักแน่นจนเหนือล้ำกว่าปราการสวรรค์ทั้งหลายทั้งสิ้นไปมาก

คำพูดของเย่หยวนนี้มันไปทำให้คนทั้งหลายไม่พอใจอย่างไม่ทันรู้ตัว

เมื่อได้เห็นเย่หยวนกล่าวพูดโน้มน้าวหลงเสี่ยวฉุนนั้น เฉินซิงเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนต้องหัวเราะขึ้น “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้า เด็กหัวรั้นอย่างเจ้านี้จะยอมคนเป็นด้วย”

หลงเสี่ยวฉุนหันมาเหลือบตามองแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือตอบโต้ใดๆ กลับมา

“เอาล่ะ มันใกล้ถึงเวลาแล้ว จักรพรรดิผู้นี้จะส่งเจ้าเข้าไปยังลานศึกหมอก หวังว่าจะโชคดี!”

พูดจบเฉินซิงก็ชี้นิ้วออกมาเปิดรูใหญ่ขึ้นมาบนท้องฟ้า

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าตรามังกรสวรรค์ตรงหว่างคิ้วร้อนขึ้นมาก่อนจะดึงร่างของเขานั้นเข้าไปยังรูนั้นอย่างไม่อาจขัดขืน

หลังจากที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายถูกดูดหายเข้าไปสิ้นแล้วมันก็เกิดปรากฏจอแสงฉายภาพยักษ์ใหญ่ขึ้นมาแทนที่ที่กลางลาน

บนจอนั้นมันแสดงให้เห็นถึงเงาร่างของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายอย่างชัดแจ้ง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างนั่งลุ้นตัวโก่ง หวังแค่ว่าเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ของตนจะแสดงผลงานออกมาได้ดี

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าดับมืดหายไปก่อนจะพบว่าตนเองได้มายืนอยู่กลางม่านหมอกหนา

ภายในหมอกนี้มันไม่อาจจะแยกเหนือใต้ออกตกใดๆ ได้

เย่หยวนต้องรีดปราณขึ้นไปที่ดวงตาก่อนที่จะเริ่มพอเห็นภาพรอบๆ ได้ราวร้อยย่างก้าว

“นี่หรือคือลานศึกหมอก? มันดูเหมือนดั่งเขาวงกต! แต่ว่า…เจ้าผลึกต้นมังกรนั้นมันน่าสนใจจนเกินจะปล่อยผ่านไป!” เย่หยวนยิ้มขึ้นมา

ในลานศึกหมอกนี้มันเป็นสถานที่ที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายจะได้พบเจอกันอย่างสุ่ม

ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นจะใช้พลังของตรามังกรสวรรค์สัมผัสหาเหล่าผลึกต้นมังกรที่ตกอยู่รอบๆ บริเวณพื้นที่ลานศึกหมอก

ผลึกต้นมังกรนี้มันคือผลผลิตพิเศษจากเขามังกรสวรรค์นี้และยังนับเป็นหนึ่งในสมบัติทรงค่าของเผ่ามังกร!

การนำมันมาหลอมกลั่นดูดซับจะช่วยให้สามารถพัฒนาพลังสายเลือดของตนไปได้มาก ทำให้สายเลือดของคนผู้นั้นบริสุทธิ์ขึ้นและยังจะช่วยให้การบ่มเพาะรวดเร็วขึ้นเสียด้วย

ที่สำคัญไปกว่านั้นผลึกต้นมังกรนี้ยังเป็นของสำคัญที่จะใช้ในการปลุกตรามังกรสวรรค์ในตัว

ตราบเท่าที่คนผู้นั้นดูดซับผลึกต้นมังกรไปมากพอพวกเขาก็จะปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้

แต่จำนวนจะใช้มากเท่าใดนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนต่างกันไป

จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแนวคิดหนึ่งที่กดดันลงมาทำให้พลังกายของเขานั้นลงร่วงลงไปเหลือเพียงแค่ระดับเจ็ดขั้นต้น

เมื่อพลังบ่มเพาะต่างกัน ความแตกต่างมันก็ย่อมจะมากล้น

เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันแต่ความแตกต่างมันก็เกิดขึ้นได้มาก

เพราะฉะนั้นในลานศึกหมอกนี้มันจึงได้มีแนวคิดนี้กดดันพลังกายลงทำให้เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายมีพลังใกล้เคียงกันมากขึ้น

แต่ทว่าต่อให้จะถูกกดพลังลง ฝีมือของเหล่าทายาทมังกรทั้งหลายมันก็ยังจะมีความแตกต่างกันไปมาก

เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ที่บ่มเพาะปราณมาสูงส่งกว่าย่อมจะได้เปรียบกว่า

“แต่น่าเสียดายที่พลังกดดันเช่นนี้มันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”

เย่หยวนปล่อยพลังพิภพโกลาหลของตนออกมาปิดกั้นพลังแนวคิดนั้นจนสิ้น

พลังจากพิภพโกลาหลของเขานั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ของมหาพิภพถงเทียน พลังภายนอกใดๆ ย่อมจะไม่อาจกดมันลงได้

แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนจะเพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพิภพโกลาหลมาได้แต่พลังโลกของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าคนระดับเดียวกันไปหลายขุม หากให้นับแล้วคงอยู่ในระดับของเทพสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลาง

ความแตกต่างครึ่งดาวนี้มันมากพอที่จะช่วยให้เขาเอาชนะคนระดับเดียวกันได้อย่างแน่นอน

ไหนจะยังมีพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ดนั้นอีก.ไอลีนโนเวล.

เวลานี้จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกร้อนขึ้นที่หว่างคิ้วเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของผลึกต้นมังกรไม่ไกล

หลังวนไปมาอยู่ไม่นานเย่หยวนก็ได้มาเจอกับผลึกสีขาวปักอยู่ที่พื้นและมันนี่เองคือผลึกต้นมังกรที่เขาตามหา

เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปหาผลึกต้นมังกรและหยิบมันขึ้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังสายเลือดจากผลึกต้นมังกรนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา

“วางผลึกต้นมังกรลง! แล้วจะไสหัวไปไหนก็ไป!” ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล

เย่หยวนหันหน้าไปมองดูและพบว่ามันเป็นทายาทมังกรสวรรค์ที่เขาไม่คุ้นหน้า

“หากข้าไม่วางมันเล่า?” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก

อีกฝ่ายจึงได้ยิ้มตอบกลับมา “หึ อุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่รู้จักรับ! เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร?”

เย่หยวนเก็บผลึกต้นมังกรลงในแหวนและส่ายหัวออกมา “ไม่รู้ และไม่อยากจะรู้เสียด้วย”

เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดสนใจเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเขาก็ร้องบอกขึ้นมา “กล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคนปราการมังกรเทวะ รนหาที่ตาย!”

เขานั้นมีนามว่าหลงเจิง เป็นอัจฉริยะอันดับสามของปราการมังกรเทวะมีกำลังฝีมือเหนือล้ำไม่น้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้นี้ยังปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วด้วย!

ที่โลกภายนอกเมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายได้พวกเขาก็ยิ้มเย้ยออกมา

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังนัก เวลานี้คงต้องเสียท่าแล้วใช่หรือไม่? ไม่นึกเลยว่าคนแรกที่เจอก็จะเป็นหลงเจิงไป” หลงจื่อเฟิงหัวเราะขึ้นเมื่อเห็น

ผู้อาวุโสอีกคนจึงกล่าวขึ้นตาม “หลงเจิงนี้มีฝีมือพอจะติดหนึ่งในสิบของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ใช่หรือไม่? เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีโชคเสียจริงๆ!”

ทางผู้อาวุโสพิทักษ์ของปราการมังกรเทวะ หลงเทียนยู่ก็กล่าวขึ้นตาม “เจ้าเด็กคนนี้มันอวดดีเสียเหลือเกิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะเก่งกาจปานใด”

ไม่ว่าจะฟังอย่างไรเขาก็มั่นใจในฝีมือของหลงเจิงอย่างเต็มร้อย

ปราการมังกรเทวะของเขานั้นมีพลังสายเลือดที่เหนือล้ำผู้คนเป็นทุน ทายาทมังกรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะอยู่เหนือล้ำปราการอื่นเป็นธรรมดา

หลงเจิงนั้นติดอันดับสามจากทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหมดของปราการมังกรเทวะ หากเอาไปเทียบกับปราการอื่นๆ แล้วเขาย่อมจะเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ชิ! เจ้าดูไปเถอะ เย่หยวนจะจัดการมันลงด้วยมือข้างเดียว!” หลงเสี่ยวฉุนกล่าวขึ้นมาขัดหลงเทียนยู่

หลงเทียนยู่ที่ได้ยินก็แทบจะสำลัก เขาได้แต่หันหน้าหนีอย่างไม่คิดกล่าววาจาใดๆ อีก

หลงเสี่ยวฉุนนั้นมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งพิเศษปานใด ตัวเขาไม่กล้าจะไปว่ากล่าวให้นางง่ายๆ

แต่คำพูดนี้ของหลงเสี่ยวฉุนนั้น หลงเทียนยู่ย่อมไม่คิดสนใจเชื่อใดๆ

เย่หยวนนั้นเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ไม่นาน มีหรือที่เขาจะปลุกทักษะเทวะภายในได้ แล้วมีหรือที่เขาจะต่อสู้ได้?

“เทพมังกรเหยียบสวรรค์!”

ด้วยความโกรธเคืองของหลงเจิงนั้นเขาได้ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพกระบวนที่สองขึ้นมาทันที

จากนั้นหว่างคิ้วของเขาก็ส่องสว่างขึ้นทำให้พลังของเทพมังกรเหยียบสวรรค์มันรุนแรงขึ้นอย่างเหนือฟ้าดิน

พลังเช่นนี้ปกติแล้วย่อมจะเอาชนะคนระดับเดียวกันได้สิ้น

เพียงแต่ว่าต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก

“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ หลงเจิงนั้นไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนใช้วิชาใดๆ ออกมา ทางเย่หยวนแค่ต่อยหมัดธรรมดาๆ สวนออกไป

เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดเคารพสั่นกลัวพลังของเขาเลยเช่นนี้ หลงเจิงก็ได้แต่ยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

“รนหาที่ตายแล้ว!”

จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น

เงามังกรที่หลงเจิงปล่อยออกมานั้นแตกสลายลงพร้อมด้วยร่างของเขาที่เหมือนดั่งถูกค้อนหนักทุบเข้ากลางอก ลอยลิ่วปลิวออกไปด้านหลัง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นภาพนั้นต้องสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมๆ กัน

“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!”

“เขานั้นไม่ได้ใช้วิชาวรยุทธใดๆ แต่กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยแค่พลังกายอย่างนั้นหรือ?”

“บ้าไปแล้ว! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชามารใด?”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างร้องขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเย่หยวนที่ไม่ได้ใช้วิชากระบวนท่าใดๆ ออกมานี้กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยหมัดเปล่าๆ หนึ่งหมัด

เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออาณาจักรบ่มเพาะของฝ่ายหนึ่งเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก

แต่พวกเขานี้เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันทั้งยังมีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกัน แล้วเหตุใดเย่หยวนจึงสามารถทำได้ปานนี้เล่า?

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2165 อ่อนแอเสียเหลือเกิน!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2165 อ่อนแอเสียเหลือเกิน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในหมู่ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นชายหนุ่มคิ้วหนาผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น “หึ พี่หลงหยวน ท่านโดนดูถูกเสียแล้วนะ!”

นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มอีกคนที่ด้านข้างต้องกระตุกขึ้นมา “คนโง่มันไม่กลัวอะไรก็เท่านั้น! ชื่อเสียงเลื่องลือของปราการมังกรเทวะเรานั้นมันไม่ได้มีดีแค่ชื่อ หลงจิงหยวน เจ้าเองก็ไม่มีโอกาสจะชนะไปหรอก”

หลงจิงหยวนหัวเราะตอบกลับมา “เรื่องราวของเรานั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ข้าแค่รู้สึกรำคาญกับความโอหังของเจ้าเด็กคนนี้มันเหลือเกิน!”

หลงหยวนตอบกลับมา “แค่คนไร้ค่าใด! หากข้าได้ไปเจอมันในลานศึกหมอกเข้าข้าจะสังหารมันด้วยหมัดเดียวเสียให้ดู!”

หลงจิงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มรับ “หวังว่ามันจะไม่ได้มาเจอท่านหรือข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว…หึๆ”

ที่ด้านข้างเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายเองก็ได้ยินคำพูดของคนทั้งสองและยิ้มรับขึ้นมาตามๆ กัน

หลงหยวนและหลงจิงหยวนนั้นเป็นยอดคนหนึ่งมาจากปราการมังกรเทวะและอีกหนึ่งมาจากปราการมังกรดำ

และสองปราการสวรรค์นี้เองก็ขึ้นชื่อเรื่องพลังสายเลือดที่หนักแน่นจนเหนือล้ำกว่าปราการสวรรค์ทั้งหลายทั้งสิ้นไปมาก

คำพูดของเย่หยวนนี้มันไปทำให้คนทั้งหลายไม่พอใจอย่างไม่ทันรู้ตัว

เมื่อได้เห็นเย่หยวนกล่าวพูดโน้มน้าวหลงเสี่ยวฉุนนั้น เฉินซิงเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนต้องหัวเราะขึ้น “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้า เด็กหัวรั้นอย่างเจ้านี้จะยอมคนเป็นด้วย”

หลงเสี่ยวฉุนหันมาเหลือบตามองแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือตอบโต้ใดๆ กลับมา

“เอาล่ะ มันใกล้ถึงเวลาแล้ว จักรพรรดิผู้นี้จะส่งเจ้าเข้าไปยังลานศึกหมอก หวังว่าจะโชคดี!”

พูดจบเฉินซิงก็ชี้นิ้วออกมาเปิดรูใหญ่ขึ้นมาบนท้องฟ้า

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าตรามังกรสวรรค์ตรงหว่างคิ้วร้อนขึ้นมาก่อนจะดึงร่างของเขานั้นเข้าไปยังรูนั้นอย่างไม่อาจขัดขืน

หลังจากที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายถูกดูดหายเข้าไปสิ้นแล้วมันก็เกิดปรากฏจอแสงฉายภาพยักษ์ใหญ่ขึ้นมาแทนที่ที่กลางลาน

บนจอนั้นมันแสดงให้เห็นถึงเงาร่างของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายอย่างชัดแจ้ง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างนั่งลุ้นตัวโก่ง หวังแค่ว่าเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ของตนจะแสดงผลงานออกมาได้ดี

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าดับมืดหายไปก่อนจะพบว่าตนเองได้มายืนอยู่กลางม่านหมอกหนา

ภายในหมอกนี้มันไม่อาจจะแยกเหนือใต้ออกตกใดๆ ได้

เย่หยวนต้องรีดปราณขึ้นไปที่ดวงตาก่อนที่จะเริ่มพอเห็นภาพรอบๆ ได้ราวร้อยย่างก้าว

“นี่หรือคือลานศึกหมอก? มันดูเหมือนดั่งเขาวงกต! แต่ว่า…เจ้าผลึกต้นมังกรนั้นมันน่าสนใจจนเกินจะปล่อยผ่านไป!” เย่หยวนยิ้มขึ้นมา

ในลานศึกหมอกนี้มันเป็นสถานที่ที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายจะได้พบเจอกันอย่างสุ่ม

ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นจะใช้พลังของตรามังกรสวรรค์สัมผัสหาเหล่าผลึกต้นมังกรที่ตกอยู่รอบๆ บริเวณพื้นที่ลานศึกหมอก

ผลึกต้นมังกรนี้มันคือผลผลิตพิเศษจากเขามังกรสวรรค์นี้และยังนับเป็นหนึ่งในสมบัติทรงค่าของเผ่ามังกร!

การนำมันมาหลอมกลั่นดูดซับจะช่วยให้สามารถพัฒนาพลังสายเลือดของตนไปได้มาก ทำให้สายเลือดของคนผู้นั้นบริสุทธิ์ขึ้นและยังจะช่วยให้การบ่มเพาะรวดเร็วขึ้นเสียด้วย

ที่สำคัญไปกว่านั้นผลึกต้นมังกรนี้ยังเป็นของสำคัญที่จะใช้ในการปลุกตรามังกรสวรรค์ในตัว

ตราบเท่าที่คนผู้นั้นดูดซับผลึกต้นมังกรไปมากพอพวกเขาก็จะปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้

แต่จำนวนจะใช้มากเท่าใดนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนต่างกันไป

จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแนวคิดหนึ่งที่กดดันลงมาทำให้พลังกายของเขานั้นลงร่วงลงไปเหลือเพียงแค่ระดับเจ็ดขั้นต้น

เมื่อพลังบ่มเพาะต่างกัน ความแตกต่างมันก็ย่อมจะมากล้น

เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันแต่ความแตกต่างมันก็เกิดขึ้นได้มาก

เพราะฉะนั้นในลานศึกหมอกนี้มันจึงได้มีแนวคิดนี้กดดันพลังกายลงทำให้เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายมีพลังใกล้เคียงกันมากขึ้น

แต่ทว่าต่อให้จะถูกกดพลังลง ฝีมือของเหล่าทายาทมังกรทั้งหลายมันก็ยังจะมีความแตกต่างกันไปมาก

เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ที่บ่มเพาะปราณมาสูงส่งกว่าย่อมจะได้เปรียบกว่า

“แต่น่าเสียดายที่พลังกดดันเช่นนี้มันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”

เย่หยวนปล่อยพลังพิภพโกลาหลของตนออกมาปิดกั้นพลังแนวคิดนั้นจนสิ้น

พลังจากพิภพโกลาหลของเขานั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ของมหาพิภพถงเทียน พลังภายนอกใดๆ ย่อมจะไม่อาจกดมันลงได้

แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนจะเพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพิภพโกลาหลมาได้แต่พลังโลกของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าคนระดับเดียวกันไปหลายขุม หากให้นับแล้วคงอยู่ในระดับของเทพสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลาง

ความแตกต่างครึ่งดาวนี้มันมากพอที่จะช่วยให้เขาเอาชนะคนระดับเดียวกันได้อย่างแน่นอน

ไหนจะยังมีพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ดนั้นอีก.ไอลีนโนเวล.

เวลานี้จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกร้อนขึ้นที่หว่างคิ้วเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของผลึกต้นมังกรไม่ไกล

หลังวนไปมาอยู่ไม่นานเย่หยวนก็ได้มาเจอกับผลึกสีขาวปักอยู่ที่พื้นและมันนี่เองคือผลึกต้นมังกรที่เขาตามหา

เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปหาผลึกต้นมังกรและหยิบมันขึ้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังสายเลือดจากผลึกต้นมังกรนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา

“วางผลึกต้นมังกรลง! แล้วจะไสหัวไปไหนก็ไป!” ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล

เย่หยวนหันหน้าไปมองดูและพบว่ามันเป็นทายาทมังกรสวรรค์ที่เขาไม่คุ้นหน้า

“หากข้าไม่วางมันเล่า?” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก

อีกฝ่ายจึงได้ยิ้มตอบกลับมา “หึ อุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่รู้จักรับ! เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร?”

เย่หยวนเก็บผลึกต้นมังกรลงในแหวนและส่ายหัวออกมา “ไม่รู้ และไม่อยากจะรู้เสียด้วย”

เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดสนใจเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเขาก็ร้องบอกขึ้นมา “กล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคนปราการมังกรเทวะ รนหาที่ตาย!”

เขานั้นมีนามว่าหลงเจิง เป็นอัจฉริยะอันดับสามของปราการมังกรเทวะมีกำลังฝีมือเหนือล้ำไม่น้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้นี้ยังปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วด้วย!

ที่โลกภายนอกเมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายได้พวกเขาก็ยิ้มเย้ยออกมา

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังนัก เวลานี้คงต้องเสียท่าแล้วใช่หรือไม่? ไม่นึกเลยว่าคนแรกที่เจอก็จะเป็นหลงเจิงไป” หลงจื่อเฟิงหัวเราะขึ้นเมื่อเห็น

ผู้อาวุโสอีกคนจึงกล่าวขึ้นตาม “หลงเจิงนี้มีฝีมือพอจะติดหนึ่งในสิบของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ใช่หรือไม่? เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีโชคเสียจริงๆ!”

ทางผู้อาวุโสพิทักษ์ของปราการมังกรเทวะ หลงเทียนยู่ก็กล่าวขึ้นตาม “เจ้าเด็กคนนี้มันอวดดีเสียเหลือเกิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะเก่งกาจปานใด”

ไม่ว่าจะฟังอย่างไรเขาก็มั่นใจในฝีมือของหลงเจิงอย่างเต็มร้อย

ปราการมังกรเทวะของเขานั้นมีพลังสายเลือดที่เหนือล้ำผู้คนเป็นทุน ทายาทมังกรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะอยู่เหนือล้ำปราการอื่นเป็นธรรมดา

หลงเจิงนั้นติดอันดับสามจากทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหมดของปราการมังกรเทวะ หากเอาไปเทียบกับปราการอื่นๆ แล้วเขาย่อมจะเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ชิ! เจ้าดูไปเถอะ เย่หยวนจะจัดการมันลงด้วยมือข้างเดียว!” หลงเสี่ยวฉุนกล่าวขึ้นมาขัดหลงเทียนยู่

หลงเทียนยู่ที่ได้ยินก็แทบจะสำลัก เขาได้แต่หันหน้าหนีอย่างไม่คิดกล่าววาจาใดๆ อีก

หลงเสี่ยวฉุนนั้นมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งพิเศษปานใด ตัวเขาไม่กล้าจะไปว่ากล่าวให้นางง่ายๆ

แต่คำพูดนี้ของหลงเสี่ยวฉุนนั้น หลงเทียนยู่ย่อมไม่คิดสนใจเชื่อใดๆ

เย่หยวนนั้นเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ไม่นาน มีหรือที่เขาจะปลุกทักษะเทวะภายในได้ แล้วมีหรือที่เขาจะต่อสู้ได้?

“เทพมังกรเหยียบสวรรค์!”

ด้วยความโกรธเคืองของหลงเจิงนั้นเขาได้ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพกระบวนที่สองขึ้นมาทันที

จากนั้นหว่างคิ้วของเขาก็ส่องสว่างขึ้นทำให้พลังของเทพมังกรเหยียบสวรรค์มันรุนแรงขึ้นอย่างเหนือฟ้าดิน

พลังเช่นนี้ปกติแล้วย่อมจะเอาชนะคนระดับเดียวกันได้สิ้น

เพียงแต่ว่าต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก

“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ หลงเจิงนั้นไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนใช้วิชาใดๆ ออกมา ทางเย่หยวนแค่ต่อยหมัดธรรมดาๆ สวนออกไป

เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดเคารพสั่นกลัวพลังของเขาเลยเช่นนี้ หลงเจิงก็ได้แต่ยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

“รนหาที่ตายแล้ว!”

จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น

เงามังกรที่หลงเจิงปล่อยออกมานั้นแตกสลายลงพร้อมด้วยร่างของเขาที่เหมือนดั่งถูกค้อนหนักทุบเข้ากลางอก ลอยลิ่วปลิวออกไปด้านหลัง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นภาพนั้นต้องสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมๆ กัน

“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!”

“เขานั้นไม่ได้ใช้วิชาวรยุทธใดๆ แต่กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยแค่พลังกายอย่างนั้นหรือ?”

“บ้าไปแล้ว! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชามารใด?”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างร้องขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเย่หยวนที่ไม่ได้ใช้วิชากระบวนท่าใดๆ ออกมานี้กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยหมัดเปล่าๆ หนึ่งหมัด

เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออาณาจักรบ่มเพาะของฝ่ายหนึ่งเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก

แต่พวกเขานี้เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันทั้งยังมีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกัน แล้วเหตุใดเย่หยวนจึงสามารถทำได้ปานนี้เล่า?

……………

ในหมู่ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นชายหนุ่มคิ้วหนาผู้หนึ่งได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น “หึ พี่หลงหยวน ท่านโดนดูถูกเสียแล้วนะ!”

นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มอีกคนที่ด้านข้างต้องกระตุกขึ้นมา “คนโง่มันไม่กลัวอะไรก็เท่านั้น! ชื่อเสียงเลื่องลือของปราการมังกรเทวะเรานั้นมันไม่ได้มีดีแค่ชื่อ หลงจิงหยวน เจ้าเองก็ไม่มีโอกาสจะชนะไปหรอก”

หลงจิงหยวนหัวเราะตอบกลับมา “เรื่องราวของเรานั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ข้าแค่รู้สึกรำคาญกับความโอหังของเจ้าเด็กคนนี้มันเหลือเกิน!”

หลงหยวนตอบกลับมา “แค่คนไร้ค่าใด! หากข้าได้ไปเจอมันในลานศึกหมอกเข้าข้าจะสังหารมันด้วยหมัดเดียวเสียให้ดู!”

หลงจิงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มรับ “หวังว่ามันจะไม่ได้มาเจอท่านหรือข้า ไม่เช่นนั้นแล้ว…หึๆ”

ที่ด้านข้างเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายเองก็ได้ยินคำพูดของคนทั้งสองและยิ้มรับขึ้นมาตามๆ กัน

หลงหยวนและหลงจิงหยวนนั้นเป็นยอดคนหนึ่งมาจากปราการมังกรเทวะและอีกหนึ่งมาจากปราการมังกรดำ

และสองปราการสวรรค์นี้เองก็ขึ้นชื่อเรื่องพลังสายเลือดที่หนักแน่นจนเหนือล้ำกว่าปราการสวรรค์ทั้งหลายทั้งสิ้นไปมาก

คำพูดของเย่หยวนนี้มันไปทำให้คนทั้งหลายไม่พอใจอย่างไม่ทันรู้ตัว

เมื่อได้เห็นเย่หยวนกล่าวพูดโน้มน้าวหลงเสี่ยวฉุนนั้น เฉินซิงเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนต้องหัวเราะขึ้น “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้า เด็กหัวรั้นอย่างเจ้านี้จะยอมคนเป็นด้วย”

หลงเสี่ยวฉุนหันมาเหลือบตามองแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือตอบโต้ใดๆ กลับมา

“เอาล่ะ มันใกล้ถึงเวลาแล้ว จักรพรรดิผู้นี้จะส่งเจ้าเข้าไปยังลานศึกหมอก หวังว่าจะโชคดี!”

พูดจบเฉินซิงก็ชี้นิ้วออกมาเปิดรูใหญ่ขึ้นมาบนท้องฟ้า

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าตรามังกรสวรรค์ตรงหว่างคิ้วร้อนขึ้นมาก่อนจะดึงร่างของเขานั้นเข้าไปยังรูนั้นอย่างไม่อาจขัดขืน

หลังจากที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายถูกดูดหายเข้าไปสิ้นแล้วมันก็เกิดปรากฏจอแสงฉายภาพยักษ์ใหญ่ขึ้นมาแทนที่ที่กลางลาน

บนจอนั้นมันแสดงให้เห็นถึงเงาร่างของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายอย่างชัดแจ้ง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างนั่งลุ้นตัวโก่ง หวังแค่ว่าเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ของตนจะแสดงผลงานออกมาได้ดี

เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าดับมืดหายไปก่อนจะพบว่าตนเองได้มายืนอยู่กลางม่านหมอกหนา

ภายในหมอกนี้มันไม่อาจจะแยกเหนือใต้ออกตกใดๆ ได้

เย่หยวนต้องรีดปราณขึ้นไปที่ดวงตาก่อนที่จะเริ่มพอเห็นภาพรอบๆ ได้ราวร้อยย่างก้าว

“นี่หรือคือลานศึกหมอก? มันดูเหมือนดั่งเขาวงกต! แต่ว่า…เจ้าผลึกต้นมังกรนั้นมันน่าสนใจจนเกินจะปล่อยผ่านไป!” เย่หยวนยิ้มขึ้นมา

ในลานศึกหมอกนี้มันเป็นสถานที่ที่เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายจะได้พบเจอกันอย่างสุ่ม

ทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายนั้นจะใช้พลังของตรามังกรสวรรค์สัมผัสหาเหล่าผลึกต้นมังกรที่ตกอยู่รอบๆ บริเวณพื้นที่ลานศึกหมอก

ผลึกต้นมังกรนี้มันคือผลผลิตพิเศษจากเขามังกรสวรรค์นี้และยังนับเป็นหนึ่งในสมบัติทรงค่าของเผ่ามังกร!

การนำมันมาหลอมกลั่นดูดซับจะช่วยให้สามารถพัฒนาพลังสายเลือดของตนไปได้มาก ทำให้สายเลือดของคนผู้นั้นบริสุทธิ์ขึ้นและยังจะช่วยให้การบ่มเพาะรวดเร็วขึ้นเสียด้วย

ที่สำคัญไปกว่านั้นผลึกต้นมังกรนี้ยังเป็นของสำคัญที่จะใช้ในการปลุกตรามังกรสวรรค์ในตัว

ตราบเท่าที่คนผู้นั้นดูดซับผลึกต้นมังกรไปมากพอพวกเขาก็จะปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้

แต่จำนวนจะใช้มากเท่าใดนั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนต่างกันไป

จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแนวคิดหนึ่งที่กดดันลงมาทำให้พลังกายของเขานั้นลงร่วงลงไปเหลือเพียงแค่ระดับเจ็ดขั้นต้น

เมื่อพลังบ่มเพาะต่างกัน ความแตกต่างมันก็ย่อมจะมากล้น

เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันแต่ความแตกต่างมันก็เกิดขึ้นได้มาก

เพราะฉะนั้นในลานศึกหมอกนี้มันจึงได้มีแนวคิดนี้กดดันพลังกายลงทำให้เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหลายมีพลังใกล้เคียงกันมากขึ้น

แต่ทว่าต่อให้จะถูกกดพลังลง ฝีมือของเหล่าทายาทมังกรทั้งหลายมันก็ยังจะมีความแตกต่างกันไปมาก

เหล่าทายาทมังกรสวรรค์ที่บ่มเพาะปราณมาสูงส่งกว่าย่อมจะได้เปรียบกว่า

“แต่น่าเสียดายที่พลังกดดันเช่นนี้มันไม่อาจทำอะไรข้าได้!”

เย่หยวนปล่อยพลังพิภพโกลาหลของตนออกมาปิดกั้นพลังแนวคิดนั้นจนสิ้น

พลังจากพิภพโกลาหลของเขานั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ของมหาพิภพถงเทียน พลังภายนอกใดๆ ย่อมจะไม่อาจกดมันลงได้

แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนจะเพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพิภพโกลาหลมาได้แต่พลังโลกของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าคนระดับเดียวกันไปหลายขุม หากให้นับแล้วคงอยู่ในระดับของเทพสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลาง

ความแตกต่างครึ่งดาวนี้มันมากพอที่จะช่วยให้เขาเอาชนะคนระดับเดียวกันได้อย่างแน่นอน

ไหนจะยังมีพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ดนั้นอีก.ไอลีนโนเวล.

เวลานี้จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกร้อนขึ้นที่หว่างคิ้วเพราะเขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของผลึกต้นมังกรไม่ไกล

หลังวนไปมาอยู่ไม่นานเย่หยวนก็ได้มาเจอกับผลึกสีขาวปักอยู่ที่พื้นและมันนี่เองคือผลึกต้นมังกรที่เขาตามหา

เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปหาผลึกต้นมังกรและหยิบมันขึ้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังสายเลือดจากผลึกต้นมังกรนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมา

“วางผลึกต้นมังกรลง! แล้วจะไสหัวไปไหนก็ไป!” ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล

เย่หยวนหันหน้าไปมองดูและพบว่ามันเป็นทายาทมังกรสวรรค์ที่เขาไม่คุ้นหน้า

“หากข้าไม่วางมันเล่า?” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก

อีกฝ่ายจึงได้ยิ้มตอบกลับมา “หึ อุตส่าห์ไว้หน้ากลับไม่รู้จักรับ! เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือใคร?”

เย่หยวนเก็บผลึกต้นมังกรลงในแหวนและส่ายหัวออกมา “ไม่รู้ และไม่อยากจะรู้เสียด้วย”

เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดสนใจเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเขาก็ร้องบอกขึ้นมา “กล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคนปราการมังกรเทวะ รนหาที่ตาย!”

เขานั้นมีนามว่าหลงเจิง เป็นอัจฉริยะอันดับสามของปราการมังกรเทวะมีกำลังฝีมือเหนือล้ำไม่น้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาผู้นี้ยังปลุกตรามังกรสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วด้วย!

ที่โลกภายนอกเมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายได้พวกเขาก็ยิ้มเย้ยออกมา

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังนัก เวลานี้คงต้องเสียท่าแล้วใช่หรือไม่? ไม่นึกเลยว่าคนแรกที่เจอก็จะเป็นหลงเจิงไป” หลงจื่อเฟิงหัวเราะขึ้นเมื่อเห็น

ผู้อาวุโสอีกคนจึงกล่าวขึ้นตาม “หลงเจิงนี้มีฝีมือพอจะติดหนึ่งในสิบของเหล่าทายาทมังกรสวรรค์ใช่หรือไม่? เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีโชคเสียจริงๆ!”

ทางผู้อาวุโสพิทักษ์ของปราการมังกรเทวะ หลงเทียนยู่ก็กล่าวขึ้นตาม “เจ้าเด็กคนนี้มันอวดดีเสียเหลือเกิน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะเก่งกาจปานใด”

ไม่ว่าจะฟังอย่างไรเขาก็มั่นใจในฝีมือของหลงเจิงอย่างเต็มร้อย

ปราการมังกรเทวะของเขานั้นมีพลังสายเลือดที่เหนือล้ำผู้คนเป็นทุน ทายาทมังกรสวรรค์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะอยู่เหนือล้ำปราการอื่นเป็นธรรมดา

หลงเจิงนั้นติดอันดับสามจากทายาทมังกรสวรรค์ทั้งหมดของปราการมังกรเทวะ หากเอาไปเทียบกับปราการอื่นๆ แล้วเขาย่อมจะเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ชิ! เจ้าดูไปเถอะ เย่หยวนจะจัดการมันลงด้วยมือข้างเดียว!” หลงเสี่ยวฉุนกล่าวขึ้นมาขัดหลงเทียนยู่

หลงเทียนยู่ที่ได้ยินก็แทบจะสำลัก เขาได้แต่หันหน้าหนีอย่างไม่คิดกล่าววาจาใดๆ อีก

หลงเสี่ยวฉุนนั้นมีตำแหน่งฐานะที่สูงส่งพิเศษปานใด ตัวเขาไม่กล้าจะไปว่ากล่าวให้นางง่ายๆ

แต่คำพูดนี้ของหลงเสี่ยวฉุนนั้น หลงเทียนยู่ย่อมไม่คิดสนใจเชื่อใดๆ

เย่หยวนนั้นเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ไม่นาน มีหรือที่เขาจะปลุกทักษะเทวะภายในได้ แล้วมีหรือที่เขาจะต่อสู้ได้?

“เทพมังกรเหยียบสวรรค์!”

ด้วยความโกรธเคืองของหลงเจิงนั้นเขาได้ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพกระบวนที่สองขึ้นมาทันที

จากนั้นหว่างคิ้วของเขาก็ส่องสว่างขึ้นทำให้พลังของเทพมังกรเหยียบสวรรค์มันรุนแรงขึ้นอย่างเหนือฟ้าดิน

พลังเช่นนี้ปกติแล้วย่อมจะเอาชนะคนระดับเดียวกันได้สิ้น

เพียงแต่ว่าต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก

“นี่หรือคือความมั่นใจของเจ้า? อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”

เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ หลงเจิงนั้นไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนใช้วิชาใดๆ ออกมา ทางเย่หยวนแค่ต่อยหมัดธรรมดาๆ สวนออกไป

เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดเคารพสั่นกลัวพลังของเขาเลยเช่นนี้ หลงเจิงก็ได้แต่ยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

“รนหาที่ตายแล้ว!”

จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น

เงามังกรที่หลงเจิงปล่อยออกมานั้นแตกสลายลงพร้อมด้วยร่างของเขาที่เหมือนดั่งถูกค้อนหนักทุบเข้ากลางอก ลอยลิ่วปลิวออกไปด้านหลัง

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นภาพนั้นต้องสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมๆ กัน

“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!”

“เขานั้นไม่ได้ใช้วิชาวรยุทธใดๆ แต่กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยแค่พลังกายอย่างนั้นหรือ?”

“บ้าไปแล้ว! หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีวิชามารใด?”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างร้องขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพราะเย่หยวนที่ไม่ได้ใช้วิชากระบวนท่าใดๆ ออกมานี้กลับเอาชนะหลงเจิงได้ด้วยหมัดเปล่าๆ หนึ่งหมัด

เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออาณาจักรบ่มเพาะของฝ่ายหนึ่งเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายไปมาก

แต่พวกเขานี้เป็นทายาทมังกรสวรรค์เหมือนๆ กันทั้งยังมีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกัน แล้วเหตุใดเย่หยวนจึงสามารถทำได้ปานนี้เล่า?

……………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+