Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2178 นี่คือสิ่งที่เจ้าจะให้ข้าดู?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2178 นี่คือสิ่งที่เจ้าจะให้ข้าดู? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หืม? ท่านว่าเย่หยวนมาหรือ?”

เมื่อหลินฉางชิงได้ยินนามนั้นเขาก็รีบกระโดดลุกขึ้นทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า

ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ไม่พอใจเย่หยวนเป็นอย่างมากจึงได้หมั่นบ่มเพาะอย่างไม่ขาดตลอดเวลาที่ผ่านนี้

ในเวลาแค่พันปีนี้ตัวเขาสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวมาได้!

ความเร็วอันเหนือล้ำนี้มันทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง

เจิ้งหยูเฟิงพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! เวลานี้เขารออยู่ที่ยอดตะวันลับ!”

หลินฉางชิงจึงหัวเราะลั่นขึ้น “เจ้าเด็กคนนั้นมันคงมาเพื่อก้มหัวร้องขอความเมตตาแล้วใช่หรือไม่? แต่ทว่ามันกล้ามาล่อล่วงศิษย์น้องเมิ่งลี่ มันต้องตาย!”

เจิ้งหยูเฟิงที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้มาเพื่อก้มหัวขอร้องใด!”

หลินฉางชิงที่ได้ยินจึงยกมือขึ้นมาโบกปัด “มันต้องมาก้มหัวขอร้องสิ! เวลาสองพันปียังไม่ถึงดีจะมีเหตุผลใดให้มันมาวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงเรา? ตอนนั้นที่ข้าเจอมัน ตัวมันนั้นยังไม่ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ด้วยซ้ำ จะบอกว่ามันบ่มเพาะขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ในเวลาพันปีหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจิ้งหยูเฟิงเองก็ต้องประหลาดใจขึ้นมา

เย่หยวนที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นมันเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ตัวเขาไม่อาจมองออกได้เลยว่าอีกฝ่ายมีพลังหรือไม่กันแน่

ระหว่างที่พูดไปนั้นเองเย่หยวนก็ทำให้เขารู้สึกถึงความลึกลับอย่างไม่อาจคาดเดา

เดิมทีเขานั้นยังคิดว่าเย่หยวนคงเป็นเทพสวรรค์เหมือนๆ กันแล้ว

แต่เมื่อได้ยินคำของหลินฉางชิงนี้มันก็ย่อมไม่มีทางที่เย่หยวนจะเป็นเทพสวรรค์ไปได้

ในโลกหล้านี้มันจะมีสัตว์ประหลาดใจบ่มเพาะจากอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่พันปีกัน?

เขาจึงได้คิดว่าเย่หยวนอาจจะมาข่มขู่ผู้คนด้วยตำแหน่งอันใหญ่โตเท่านั้น

เจิ้งหยูเฟิงนั้นยังกล่าวไม่ทันจบใดๆ หลินฉางชิงก็รีบหัวเราะขึ้นมาพร้อมเดินจากไป

“ศิษย์พี่ข้า จะยังยืนอยู่เพื่อการใดเล่า? ตามมาดูข้าสั่งสอนเจ้าเด็กคนนี้เถอะ!”

เขานั้นรอไม่ไหวแล้วที่จะบดขยี้เย่หยวนลง

เพราะตอนนั้นเขาต้องอับอายเพราะเจ้าเด็กคนนี้ไว้มาก!

เวลานี้เมื่ออีกฝ่ายมามอบตัวถึงหน้าประตูบ้าน มีหรือที่เขาจะปล่อยไปได้โดยไม่บดขยี้อีกฝ่ายลง?

ยอดตะวันลับนั้นเป็นยอดแรกของเทือกเขาก่วมร่วงและยังเป็นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง

เย่หยวนนั้นยืนรออยู่กลางลานกว้างพร้อมสัมผัสถึงพลังวิญญาณที่หนักแน่นรอบๆ กายจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้น

วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงนี้มันน่าจะเป็นหนึ่งในจุดตาพลังของมหาพิภพถงเทียน

การได้บ่มเพาะในที่แบบนี้มันย่อมจะทำให้พัฒนาได้ถึงสองเท่าด้วยความพยายามเท่าเดิม!

แต่ระหว่างที่เย่หยวนกำลังชื่นชมคลื่นพลังรอบๆ กายไปนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งที่มาถึงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“ฮ่าๆๆ… เย่หยวน เจ้าคิดจะมาขอความเมตตาจากเทพสวรรค์ผู้นี้หรือ? เทพสวรรค์ผู้นี้จะบอกเจ้าให้ว่ามันไม่มีทาง!” หลินฉางชิงก้าวเท้าออกมาพร้อมเสียงหัวเราะลั่น

เย่หยวนเองก็เงยหน้าขึ้นมองดูหลินฉางชิง

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้นที่หลินฉางชิงไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เขาก็นึกถึงความรุนแรงหนักหน่วงและความอ่อนแอของตนขึ้นมา

หากมิใช่เพราะว่าเจ้าหมูสมบัติมันจามจนทำให้เขาผู้นั้นถอยร่นไป บางทีเย่หยวนคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้และถูกหลินฉางชิงนี้สังหารไปแสนนานแล้ว

ต่อให้เวลานั้นเย่หยวนจะมีวิธีการรับมือผู้คนมากมายปานใด ต่อหน้าพลังที่เหนือล้นนั้นเขาก็ทำได้แค่มองดู

แต่เวลาผ่านไปหนึ่งพันปี เวลานี้หลินฉางชิงกลับบ่มเพาะจนบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวขึ้นมาได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังไม่ได้คิดตื่นตกใจใดๆ

เพราะด้วยกำลังของเย่หยวนในตอนนี้ เทพสวรรค์สองดาวนั้นมันอ่อนแอเหมือนกระดาษ

ไม่ว่าจะเป็นเทพสวรรค์สองดาวที่เก่งกาจปานใดก็ตาม!

เมื่อได้เห็นหน้าของหลินฉางชิงอีกครั้งเย่หยวนเองได้แต่แสดงสีหน้าท่าทางสงสารออกมา

“หลินฉางชิง ไม่ได้เจอกันมาพันปีเจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวังมากแล้ว” เย่หยวนส่ายหัวออกมา

หลินฉางชิงนั้นหัวเราะลั่นขึ้น “อะไรเล่า? เจ้าคิดจะรักษาหน้าก่อนตายหรือ? ไม่มีประโยชน์! เวลาพันปีมานี้ข้าได้พัฒนาฝีมือขึ้นไปอย่างเหนือล้ำจนเจ้าไม่อาจจะจินตนาการได้! รับรู้มันไว้ให้ดีเถอะ!”

พูดจบคลื่นพลังในกายของหลินฉางชิงมันก็ปะทุขึ้นอย่างไม่มีปกปิดอีก

บนยอดตะวันลับนั้นคนทั้งหลายต่างต้องหันมามองเขาไปตามๆ กัน

“ท่านลุงฉางชิงบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวแล้ว! เขาจะไม่บ่มเพาะเร็วจนเกินไปหรืออย่างไร?”

“นี่มัน…นี่มันพลังของสามแนวคิด ท่านลุงฉางชิงกลับผสานแนวคิดสามอย่างเข้าด้วยกันได้!”

“แล้วนั่นมันใครกัน? กลับกล้ามาท้าทายท่านลุงฉางชิง มันเบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

หลินฉางชิงนั้นนับเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเขาเองก็เหนือล้ำอย่างมาก

เขานั้นไม่ได้ปรากฏกายต่อสายตาผู้คนมานานนับพันปี เวลานี้เมื่อได้แสดงพลังออกมาเขาก็ย่อมจะทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต้องร่ำร้องขึ้นด้วยความชื่นชม

ในเวลานี้เองที่เจิ้งหยูเฟิงได้ตามมาถึงพร้อมเห็นหลินฉางชิงปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่จนต้องเบิกตาค้าง

“ศิษย์น้องฉางชิง…จะเหนือล้ำจนเกินไปแล้ว!”

หากวัดกันแค่ที่พรสวรรค์หลินฉางชิงนี้ย่อมจะเป็นที่หนึ่งในหมู่ศิษย์ทั้งหลาย

ความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้นเหนือล้ำจนเวลานี้แทบจะตามเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายทันแล้ว

ในเวลาหนึ่งพันปีมานี้หลินฉางชิงเข้าสู่การเก็บตัวยาวและแทบไม่ออกมาให้ใครเห็น

ก่อนที่เขาจะเริ่มเก็บตัวนั้นเขาสามารถผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันได้

เจิ้งหยูเฟิงเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเวลาผ่านไป เขากลับจะผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันได้!

การผสานสองแนวคิดและผสานสามแนวคิดนั้นมันเป็นสิ่งที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

หากพวกเขาทั้งหลายเป็นอัจฉริยะแล้ว หลินฉางชิงก็คงเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ!

เขานั้นสามารถเอาชนะศิษย์พี่ทั้งหลายไปได้ไกลโข!

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่หลินฉางชิงปล่อยออกมาเย่หยวนเองก็ตกใจไม่น้อย

หากดูเท่าที่เห็นนี้แล้วหลินฉางชิงอาจจะมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าเฟิงเทียนหยางแห่งแดนเหนือด้วยซ้ำ!

สมชื่อว่าเป็นยอดอัจฉริยะในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์! ศิษย์ทั้งหลายของสถานที่เช่นนี้มันย่อมจะเหนือกว่าผู้คนภายนอกมาก

เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นสามารถจัดการเฟิงเทียนหยางได้ด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่ามาก

เวลานี้เมื่อเขามีพลังบ่มเพาะเทียบเท่ากับหลินฉางชิงได้ เย่หยวนยังจำเป็นต้องเอาจริงใดๆ?

ที่สำคัญเวลานี้ไม้ตายของเย่หยวนนั้นมันมากล้ำจนเกินนับ!

“ฮ่าๆๆ เห็นหรือไม่? มีเพียงอัจฉริยะอย่างเทพสวรรค์ผู้นี้เท่านั้นที่จะเหมาะสมกับศิษย์น้องเมิ่งลี่ มดปลวกเช่นเจ้ามันย่อมทำได้แค่ฝันหวาน คิดอยากเทียบเคียงความยิ่งใหญ่กับข้าหรือ? เอาสิ ก้มหัวขอร้องข้าสิ! บางที…ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าไปก็ได้!” หลินฉางชิงหัวเราะลั่นขึ้นมา

เพราะสิ่งที่เขาทำไว้กับเย่หยวนมันคือพันธะจิตศักดิ์สิทธิ์มิใช่การสาบานต่อเต๋าสวรรค์

หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ มันก็สามารถจะคลายพันธะออกได้

แต่แน่นอนว่ามันจะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอม หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับแล้วพันธะนี้มันก็จะยังอยู่ต่อไป

เจิ้งหยูเฟิงได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

‘รองมหาปราชญ์แล้วทำไม?’

‘ทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกรแล้วทำไม?’

‘ศิษย์น้องฉางชิงนี้คือยอดอัจฉริยะที่ล้านปีจะเกิดขึ้นมาได้สักครั้ง!’

ต่อให้เย่หยวนจะสามารถก้าวล้ำศิษย์น้องฉางชิงนี้ได้ในวันหน้า เขาก็คงไม่มีเวลาทำเช่นนั้นแล้ว!

เวลาสองพันปีนี้มันย่อมจะไม่มากพอให้เย่หยวนตามติดศิษย์น้องฉางชิงของเขาทัน

เพราะเมื่อเย่หยวนพัฒนา ตัวศิษย์น้องฉางชิงของเขาก็พัฒนาเช่นกัน!

แต่เมื่อเย่หยวนได้ยินเขากลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “หลินฉางชิง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน ครั้งหนึ่งเจ้าเคยบอกอ้างว่าตนเป็นยอดอัจฉริยะต่อหน้าข้า แต่วันนี้เวลาผ่านไปพันปีเจ้ากลับแสดงพลังเท่านี้ให้ข้าเห็น? ที่น่าหัวเราะไปกว่านั้นก็คือเจ้ายังหลงเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าผู้คนอยู่!”

หลินฉางชิงที่ได้ยินก็กล่าวตอบมาอย่างเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้านี่มันไม่รู้จักรับเรื่องเวลาคนอื่นไว้หน้าจริงๆ! คิดอวดอ้างตนเองเช่นนี้! เจ้าคิดว่าแค่มีสมบัติที่ปกปิดพลังจากสายตาผู้คนแล้วจะหลอกลวงให้คนอย่างเทพสวรรค์ผู้นี้หลงเชื่อได้หรือ? หากมันมิใช่เพราะเวลาสองพันปียังไม่มาถึง เทพสวรรค์ผู้นี้ก็คงสังหารเจ้าด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว!”

“สมบัติที่ปกปิดพลัง? หลอกผู้คนหลงเชื่อ?”

มุมปากของเย่หยวนจึงต้องเผยยิ้มขึ้น “เช่นนั้นก็เบิกตาถั่วๆ ของเจ้ามองดูให้ดีแล้วกันว่าข้าใช้สมบัติใดหรือไม่!”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2178 นี่คือสิ่งที่เจ้าจะให้ข้าดู?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2178 นี่คือสิ่งที่เจ้าจะให้ข้าดู? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หืม? ท่านว่าเย่หยวนมาหรือ?”

เมื่อหลินฉางชิงได้ยินนามนั้นเขาก็รีบกระโดดลุกขึ้นทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า

ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ไม่พอใจเย่หยวนเป็นอย่างมากจึงได้หมั่นบ่มเพาะอย่างไม่ขาดตลอดเวลาที่ผ่านนี้

ในเวลาแค่พันปีนี้ตัวเขาสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวมาได้!

ความเร็วอันเหนือล้ำนี้มันทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง

เจิ้งหยูเฟิงพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! เวลานี้เขารออยู่ที่ยอดตะวันลับ!”

หลินฉางชิงจึงหัวเราะลั่นขึ้น “เจ้าเด็กคนนั้นมันคงมาเพื่อก้มหัวร้องขอความเมตตาแล้วใช่หรือไม่? แต่ทว่ามันกล้ามาล่อล่วงศิษย์น้องเมิ่งลี่ มันต้องตาย!”

เจิ้งหยูเฟิงที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้มาเพื่อก้มหัวขอร้องใด!”

หลินฉางชิงที่ได้ยินจึงยกมือขึ้นมาโบกปัด “มันต้องมาก้มหัวขอร้องสิ! เวลาสองพันปียังไม่ถึงดีจะมีเหตุผลใดให้มันมาวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงเรา? ตอนนั้นที่ข้าเจอมัน ตัวมันนั้นยังไม่ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ด้วยซ้ำ จะบอกว่ามันบ่มเพาะขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ในเวลาพันปีหรือ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจิ้งหยูเฟิงเองก็ต้องประหลาดใจขึ้นมา

เย่หยวนที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นมันเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ตัวเขาไม่อาจมองออกได้เลยว่าอีกฝ่ายมีพลังหรือไม่กันแน่

ระหว่างที่พูดไปนั้นเองเย่หยวนก็ทำให้เขารู้สึกถึงความลึกลับอย่างไม่อาจคาดเดา

เดิมทีเขานั้นยังคิดว่าเย่หยวนคงเป็นเทพสวรรค์เหมือนๆ กันแล้ว

แต่เมื่อได้ยินคำของหลินฉางชิงนี้มันก็ย่อมไม่มีทางที่เย่หยวนจะเป็นเทพสวรรค์ไปได้

ในโลกหล้านี้มันจะมีสัตว์ประหลาดใจบ่มเพาะจากอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่พันปีกัน?

เขาจึงได้คิดว่าเย่หยวนอาจจะมาข่มขู่ผู้คนด้วยตำแหน่งอันใหญ่โตเท่านั้น

เจิ้งหยูเฟิงนั้นยังกล่าวไม่ทันจบใดๆ หลินฉางชิงก็รีบหัวเราะขึ้นมาพร้อมเดินจากไป

“ศิษย์พี่ข้า จะยังยืนอยู่เพื่อการใดเล่า? ตามมาดูข้าสั่งสอนเจ้าเด็กคนนี้เถอะ!”

เขานั้นรอไม่ไหวแล้วที่จะบดขยี้เย่หยวนลง

เพราะตอนนั้นเขาต้องอับอายเพราะเจ้าเด็กคนนี้ไว้มาก!

เวลานี้เมื่ออีกฝ่ายมามอบตัวถึงหน้าประตูบ้าน มีหรือที่เขาจะปล่อยไปได้โดยไม่บดขยี้อีกฝ่ายลง?

ยอดตะวันลับนั้นเป็นยอดแรกของเทือกเขาก่วมร่วงและยังเป็นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง

เย่หยวนนั้นยืนรออยู่กลางลานกว้างพร้อมสัมผัสถึงพลังวิญญาณที่หนักแน่นรอบๆ กายจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้น

วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงนี้มันน่าจะเป็นหนึ่งในจุดตาพลังของมหาพิภพถงเทียน

การได้บ่มเพาะในที่แบบนี้มันย่อมจะทำให้พัฒนาได้ถึงสองเท่าด้วยความพยายามเท่าเดิม!

แต่ระหว่างที่เย่หยวนกำลังชื่นชมคลื่นพลังรอบๆ กายไปนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งที่มาถึงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“ฮ่าๆๆ… เย่หยวน เจ้าคิดจะมาขอความเมตตาจากเทพสวรรค์ผู้นี้หรือ? เทพสวรรค์ผู้นี้จะบอกเจ้าให้ว่ามันไม่มีทาง!” หลินฉางชิงก้าวเท้าออกมาพร้อมเสียงหัวเราะลั่น

เย่หยวนเองก็เงยหน้าขึ้นมองดูหลินฉางชิง

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้นที่หลินฉางชิงไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เขาก็นึกถึงความรุนแรงหนักหน่วงและความอ่อนแอของตนขึ้นมา

หากมิใช่เพราะว่าเจ้าหมูสมบัติมันจามจนทำให้เขาผู้นั้นถอยร่นไป บางทีเย่หยวนคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้และถูกหลินฉางชิงนี้สังหารไปแสนนานแล้ว

ต่อให้เวลานั้นเย่หยวนจะมีวิธีการรับมือผู้คนมากมายปานใด ต่อหน้าพลังที่เหนือล้นนั้นเขาก็ทำได้แค่มองดู

แต่เวลาผ่านไปหนึ่งพันปี เวลานี้หลินฉางชิงกลับบ่มเพาะจนบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวขึ้นมาได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังไม่ได้คิดตื่นตกใจใดๆ

เพราะด้วยกำลังของเย่หยวนในตอนนี้ เทพสวรรค์สองดาวนั้นมันอ่อนแอเหมือนกระดาษ

ไม่ว่าจะเป็นเทพสวรรค์สองดาวที่เก่งกาจปานใดก็ตาม!

เมื่อได้เห็นหน้าของหลินฉางชิงอีกครั้งเย่หยวนเองได้แต่แสดงสีหน้าท่าทางสงสารออกมา

“หลินฉางชิง ไม่ได้เจอกันมาพันปีเจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวังมากแล้ว” เย่หยวนส่ายหัวออกมา

หลินฉางชิงนั้นหัวเราะลั่นขึ้น “อะไรเล่า? เจ้าคิดจะรักษาหน้าก่อนตายหรือ? ไม่มีประโยชน์! เวลาพันปีมานี้ข้าได้พัฒนาฝีมือขึ้นไปอย่างเหนือล้ำจนเจ้าไม่อาจจะจินตนาการได้! รับรู้มันไว้ให้ดีเถอะ!”

พูดจบคลื่นพลังในกายของหลินฉางชิงมันก็ปะทุขึ้นอย่างไม่มีปกปิดอีก

บนยอดตะวันลับนั้นคนทั้งหลายต่างต้องหันมามองเขาไปตามๆ กัน

“ท่านลุงฉางชิงบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวแล้ว! เขาจะไม่บ่มเพาะเร็วจนเกินไปหรืออย่างไร?”

“นี่มัน…นี่มันพลังของสามแนวคิด ท่านลุงฉางชิงกลับผสานแนวคิดสามอย่างเข้าด้วยกันได้!”

“แล้วนั่นมันใครกัน? กลับกล้ามาท้าทายท่านลุงฉางชิง มันเบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

หลินฉางชิงนั้นนับเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเขาเองก็เหนือล้ำอย่างมาก

เขานั้นไม่ได้ปรากฏกายต่อสายตาผู้คนมานานนับพันปี เวลานี้เมื่อได้แสดงพลังออกมาเขาก็ย่อมจะทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต้องร่ำร้องขึ้นด้วยความชื่นชม

ในเวลานี้เองที่เจิ้งหยูเฟิงได้ตามมาถึงพร้อมเห็นหลินฉางชิงปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่จนต้องเบิกตาค้าง

“ศิษย์น้องฉางชิง…จะเหนือล้ำจนเกินไปแล้ว!”

หากวัดกันแค่ที่พรสวรรค์หลินฉางชิงนี้ย่อมจะเป็นที่หนึ่งในหมู่ศิษย์ทั้งหลาย

ความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้นเหนือล้ำจนเวลานี้แทบจะตามเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายทันแล้ว

ในเวลาหนึ่งพันปีมานี้หลินฉางชิงเข้าสู่การเก็บตัวยาวและแทบไม่ออกมาให้ใครเห็น

ก่อนที่เขาจะเริ่มเก็บตัวนั้นเขาสามารถผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันได้

เจิ้งหยูเฟิงเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเวลาผ่านไป เขากลับจะผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันได้!

การผสานสองแนวคิดและผสานสามแนวคิดนั้นมันเป็นสิ่งที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

หากพวกเขาทั้งหลายเป็นอัจฉริยะแล้ว หลินฉางชิงก็คงเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ!

เขานั้นสามารถเอาชนะศิษย์พี่ทั้งหลายไปได้ไกลโข!

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่หลินฉางชิงปล่อยออกมาเย่หยวนเองก็ตกใจไม่น้อย

หากดูเท่าที่เห็นนี้แล้วหลินฉางชิงอาจจะมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าเฟิงเทียนหยางแห่งแดนเหนือด้วยซ้ำ!

สมชื่อว่าเป็นยอดอัจฉริยะในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์! ศิษย์ทั้งหลายของสถานที่เช่นนี้มันย่อมจะเหนือกว่าผู้คนภายนอกมาก

เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นสามารถจัดการเฟิงเทียนหยางได้ด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่ามาก

เวลานี้เมื่อเขามีพลังบ่มเพาะเทียบเท่ากับหลินฉางชิงได้ เย่หยวนยังจำเป็นต้องเอาจริงใดๆ?

ที่สำคัญเวลานี้ไม้ตายของเย่หยวนนั้นมันมากล้ำจนเกินนับ!

“ฮ่าๆๆ เห็นหรือไม่? มีเพียงอัจฉริยะอย่างเทพสวรรค์ผู้นี้เท่านั้นที่จะเหมาะสมกับศิษย์น้องเมิ่งลี่ มดปลวกเช่นเจ้ามันย่อมทำได้แค่ฝันหวาน คิดอยากเทียบเคียงความยิ่งใหญ่กับข้าหรือ? เอาสิ ก้มหัวขอร้องข้าสิ! บางที…ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าไปก็ได้!” หลินฉางชิงหัวเราะลั่นขึ้นมา

เพราะสิ่งที่เขาทำไว้กับเย่หยวนมันคือพันธะจิตศักดิ์สิทธิ์มิใช่การสาบานต่อเต๋าสวรรค์

หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ มันก็สามารถจะคลายพันธะออกได้

แต่แน่นอนว่ามันจะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอม หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับแล้วพันธะนี้มันก็จะยังอยู่ต่อไป

เจิ้งหยูเฟิงได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

‘รองมหาปราชญ์แล้วทำไม?’

‘ทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกรแล้วทำไม?’

‘ศิษย์น้องฉางชิงนี้คือยอดอัจฉริยะที่ล้านปีจะเกิดขึ้นมาได้สักครั้ง!’

ต่อให้เย่หยวนจะสามารถก้าวล้ำศิษย์น้องฉางชิงนี้ได้ในวันหน้า เขาก็คงไม่มีเวลาทำเช่นนั้นแล้ว!

เวลาสองพันปีนี้มันย่อมจะไม่มากพอให้เย่หยวนตามติดศิษย์น้องฉางชิงของเขาทัน

เพราะเมื่อเย่หยวนพัฒนา ตัวศิษย์น้องฉางชิงของเขาก็พัฒนาเช่นกัน!

แต่เมื่อเย่หยวนได้ยินเขากลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “หลินฉางชิง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน ครั้งหนึ่งเจ้าเคยบอกอ้างว่าตนเป็นยอดอัจฉริยะต่อหน้าข้า แต่วันนี้เวลาผ่านไปพันปีเจ้ากลับแสดงพลังเท่านี้ให้ข้าเห็น? ที่น่าหัวเราะไปกว่านั้นก็คือเจ้ายังหลงเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าผู้คนอยู่!”

หลินฉางชิงที่ได้ยินก็กล่าวตอบมาอย่างเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้านี่มันไม่รู้จักรับเรื่องเวลาคนอื่นไว้หน้าจริงๆ! คิดอวดอ้างตนเองเช่นนี้! เจ้าคิดว่าแค่มีสมบัติที่ปกปิดพลังจากสายตาผู้คนแล้วจะหลอกลวงให้คนอย่างเทพสวรรค์ผู้นี้หลงเชื่อได้หรือ? หากมันมิใช่เพราะเวลาสองพันปียังไม่มาถึง เทพสวรรค์ผู้นี้ก็คงสังหารเจ้าด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว!”

“สมบัติที่ปกปิดพลัง? หลอกผู้คนหลงเชื่อ?”

มุมปากของเย่หยวนจึงต้องเผยยิ้มขึ้น “เช่นนั้นก็เบิกตาถั่วๆ ของเจ้ามองดูให้ดีแล้วกันว่าข้าใช้สมบัติใดหรือไม่!”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+