Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2202 ขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใด?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2202 ขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใด? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ลุงหยาน นี่มัน… จะไม่บ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ?” เฉินลี่ได้แต่ต้องกล่าวขึ้นขัด

ส่วนทางด้านชาวบ้านทั้งหลายนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างได้แต่ต้องมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดแน่น สายตาที่มองดูเย่หยวนนั้นล้นไปด้วยความสงสัย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเจ้าเด็กคนนี้ที่ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มีหรือที่จะคู่ควรไปแตะต้องสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?

ไม่ว่าจะอย่างไรความหายากของสมุนไพรวิญญาณบนเขาผ่อนสงบนี้มันก็นับได้ว่าแทบไม่มีทางพบเจอได้

การปล่อยให้คนที่ความจำเสื่อมไปยุ่งกับมันมีแต่จะเสียของเปล่ามิใช่หรือ?

หากทำเช่นนั้นแล้วแม้แต่โอกาสหนึ่งในสิบนั้นมันก็จะเสียไปสิ้น

เวลานี้แม้แต่ทางเย่หยวนเองก็ยังต้องกล่าวขึ้น “ปู่หยาน ข้าว่า… มันคงไม่เหมาะหรือไม่?”

แต่ทางเฉินหยานกลับร้องกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “เจ้าลองดูเถอะ หากมันเสียจริงๆ แล้วเฒ่าคนนี้จะรับผิดชอบมันเอง เฉินลี่ เจ้าไม่คิดค้านใช่หรือไม่?”

‘บ้าบอ! ข้าต้องคิดค้านสิ!’

แต่เฉินหยานผู้นี้มีตำแหน่งสูงล้ำในหมู่บ้าน นอกจากจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านแล้วเขายังเป็นหมอยาที่รักษาคนในหมู่บ้านไว้นับไม่ถ้วน

หากไม่มีเขาคนนี้แล้วหมู่บ้านเฉินคงไม่อาจตั้งอยู่ได้จนทุกวันนี้

อย่างตัวเฉินลี่เอง ที่เขามีทุกวันนี้ได้มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะลุงหยานคนนี้สิ้น

เฉินลี่นั้นจึงได้แต่ต้องยิ้มรับออกมา “ในเมื่อลุงหยานคิดตัดสินใจไปแล้วข้าก็คงไม่อาจจค้านใดๆ ได้อีก”

เฉินหยานนั้นบอกว่ามันคิอห้องหลอมโอสถแต่แท้จริงมันก็แค่กระท่อมหลังน้อย

เรื่องราวของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องสำคัญของทุกผู้คนในหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย

หากโอกาสหนึ่งในสิบนั้นถูกวางไว้กับเฉินลี่แล้ว มันก็หมายความว่าหมู่บ้านมีโอกาสถึงหนึ่งในสิบที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

แต่ในเวลานี้มันกลับมีเด็กหนุ่มผู้ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มายุ่งเล่นกับโอกาสหนึ่งในสิบนั้น มีหรือที่คนทั้งหลายจะอยู่กันอย่างสุขใจได้?

เมื่อเข้ามาถึงห้องหลอมโอสถนี้เย่หยวนก็รู้สึกโหยหามันขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

มันราวกับว่าอาการใดๆ ของเย่หยวนนั้นดีขึ้นมาในพริบตา

เฉินหยานเองก็ได้ดูแลเย่หยวนมานาน เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็สั่นสะท้านไปทั้งใจ

เขานั้นมีอายุมากที่สุดและได้พบเจอเรื่องราวบนโลกมามากที่สุดในหมู่บ้าน เขาจึงรู้

การที่เย่หยวนจะรอดจากบาดแผลเช่นนั้นได้มันย่อมจะมิใช่สิ่งที่นักยุทธสามัญทั่วๆ ไปจะทำได้

และในการรักษาตัวของเย่หยวนนี้ โอสถใดๆ ของเขามันกลับไร้ซึ่งผลสิ้น

สิ่งที่ทำให้เย่หยวนฟื้นกลับมาได้นี้มันคือพลังการฟื้นฟูของเย่หยวนสิ้น!

และก่อนหน้านี้ที่เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างไม่ทันได้คิดนั้นมันย่อมจะเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกของเขา

เขาจึงได้คาดเดาไปอีกครั้งว่าเย่หยวนอาจจะเป็นจอมเทพโอสถมาก่อนจะเสียความทรงจำ!

ในเมื่อสัญชาตญาณบอกเย่หยวนว่าเขาทำได้ เช่นนั้นแล้วเขาก็อาจจะทำได้จริงๆ

เฉินหยานนั้นรู้ดีว่าวิธีการหลอมของเหล่าจอมเทพโอสถนั้นมันลึกล้ำปานใด มันมิใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถสามัญอย่างเขาจะคาดคิดถึงได้

ทุกผู้คนในหมู่บ้านต่างมายืนรออยู่ที่หน้าห้องหลอมโอสถมองดูเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องหลอมโอสถนั้นก่อนจะเห็นว่าเขาค่อยๆ เดินวนไปมายกมือขึ้นลูบจับสมุนไพรและเครื่องมือต่างๆ

เมื่อได้ลองลูบสัมผัสสิ่งทั้งหลายนี้ดูเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นแขนขาของเขาเอง

ความคุ้นเคยเช่นนี้มันถูกฝังลงลึกในร่างกาย

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าเลือดลมในกายของเขาเริ่มที่จะพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไร้สาเหตุ

“ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเสียจริง!” เย่หยวนร้องบอก

ทุกสายตานั้นต่างมองดูตามการเคลื่อนไหวของเย่หยวนอย่างไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร

เพราะเวลานี้เขาเอาแต่เดินวนไปมาอย่างไม่คิดลงมือทำเรื่องราวใด

เฉินยองนั้นเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “มันก็แค่เดินวนไปมาเช่นนั้น กว่าจะได้ทำอะไรฟ้าคงมืดกันพอดี! ทำเช่นนี้แล้วมันจะได้ประโยชน์ใดหรือ?”

“ใช่! ทำไมข้าถึงไม่อาจวางใจเจ้าเด็กคนนี้ได้เลย เหมือนกับว่ามันนั้นกำลังแกล้งทำเป็นลึกลับอยู่!”

“ลุงหยานเองก็อยากได้ไปหลงท่าทางของมันเลย นี่มันสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เชียวนา!”

เวลานี้ชาวบ้านหลายต่อหลายคนย่อมจะไม่พอใจจึงได้แต่ร้องบ่นออกมาให้เฉินหยานฟัง

แต่ทางเฉินหยานนั้นกลับขมวดดิ้วแน่นก่อนจะหันมาตวาดด้วยเสียงเบาๆ “พวกเจ้าหุบปากลง! ใครคิดพูดจาใดๆ อีกก้าวออกมาพูดต่อหน้าข้านี้!”

เมื่อทุกคนได้เห็นความไม่พอใจนั้นของเฉินหยาน พวกเขาก็ย่อมจะเงียบปากลงอย่างไม่กล้ากล่าวว่าใดๆ

เฉินลี่เองทีแรกก็คิดจะเข้าไปร่วมบ่นว่าด้วยแต่พอได้เห็นท่าทางนั้นของเฉินหยานเขาก็ได้แต่ต้องหุบปากลงก่อนจะได้กล่าวใดๆ

การเดินเล่นของเย่หยวนนี้มันกินเวลาไปกว่าชั่วโมง

แต่จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงและหยิบเอาผลึกปราณเทวะระดับต่ำออกมาจากกล่องอันสวยหรู

ทุกผู้คนหน้าถอดสีทันที

เจ้าเด็กคนนี้มันตาดี!

ในสถานที่อย่างหมู่บ้านตระกูลเฉินนี้แค่ผลึกปราณเทวะขั้นต่ำผลึกเดียวนี้มันก็ล้ำค่าเกินกว่าสิ่งใดแล้ว

ที่เฉินหยานมีเก็บไว้นั้นมันมีเพียงแค่สามผลึกเท่านั้น

และเจ้าสามผลึกนี้มันคือผลงานที่เขาประหยัดอดออมมาทั้งชีวิต ต้องเสียสมุนไพรมากมายพร้อมด้วยแรงกำลังกายอย่างไม่อาจนับได้กว่าจะได้มันมา

เจ้าเด็กคนนี้ไร้ซึ่งความเกรงใจใด!

เย่หยวนนั้นหยิบผลึกปราณเทวะออกมาพร้อมปัดกวางของบนโต๊ะออกเผยให้เห็นพื้นที่ว่าง

จากนั้นมือของเขาก็ขยับใช้เจ้าผลึกปราณเทวะนั้นวาดลงบนโต๊ะในทันที

ทุกผู้คนที่เห็นต่างยืนนิ่ง มีเพียงเฉินหยานเท่านั้นที่เบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ จนแทบถลนออกจากเบ้า

เย่หยวนกำลังวาดค่ายกล!

เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจถึงค่ายกลที่กำลังถูกวาดนี้ได้แม้แต่น้อย มันเป็นสิ่งที่ลึกล้ำอย่างมาก!

นี่มันย่อมจะมิใช่ความรู้ที่จอมเทพโอสถหนึ่งดาวจะมีได้! เฉินหยานได้แต่ต้องร้องลั่นออกมา

ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจเย่หยวนก็วาดมันจนเสร็จสิ้น

จากนั้นเขาก็เดินไปยังราวแขวนสมุนไพรและหยิบสมุนไพรออกมาโยนลงใส่ค่ายกลนั้นพร้อมๆ กับหญ้าใจหยก

“เจ้าหมอนี่มันหลับตาอยู่!”

“เขา… เขาจะไม่ดูสบายเกินไปหรือ?”

“หลอมโอสถเช่นนี้ก็ได้หรือ? ดูอย่างไรมันก็หยิบเอาสมุนไพรมาเล่นชัดๆ มิใช่หรือ?! เจ้าดูสิ มันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้นเลย”

เหล่าชาวบ้านทั้งหลายต่างมึนงงอย่างมากเพราะเวลานี้เย่หยวนกลับกำลังหลับตาลงไม่ได้มองเรื่องราวใดๆ

แม้ว่าคนทั้งหลายนั้นจะไม่เข้าใจถึงค่ายกลใดๆ แต่ท่าทางของเย่หยวนมันก็จะดูสบายจนเกินไป

และค่ายกลที่เย่หยวนเขียนลงไปนั้นมันก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร? อาหนิงนั้นฝึกฝนทักษะจนกลายเป็นสัญชาตญาณ เขาไม่ต้องมอง ไม่ต้องวัด! พวกเจ้าหุบปากดูไปเถอะ!” เฉินหยานร้องตวาด

ทุกผู้คนจึงได้แต่ต้องเงียบปากลงอีกครั้ง

หนึ่งอึดใจ

สองอึดใจ

สามอึดใจ!

พรึบ!

เจ้าค่ายกลนั้นมันส่องสว่างขึ้นมาพร้อมดูดกลืนคลื่นพลังวิญญาณเข้าไปในห้องหลอมอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าค่ายกลนี้มันคือค่ายกลดูดกลืนพลังวิญญาณนั่นเอง!

เวลานี้แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

เขานั้นได้แต่ยกมือของตนขึ้นมามองดู

‘นี่คือฝีมือข้า?’

หลังผ่านไปได้อีกหลายอึดใจแสงนั้นมันก็ค่อยๆ จางหายก่อนจะปรากฏให้เห็นโอสถวางบนโต๊ะนั้น

ดวงตาของคนทั้งหลายเบิกกว้างขึ้นพร้อมปากที่อ้าค้าง สีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความตกตะลึง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเฉินยองที่พูดกล่าวว่าออกมามากที่สุด

ในเวลานี้เย่หยวนกลับหลอมโอสถขึ้นมาได้จริงๆ

โดยวิธีการที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!

ใช้ผลึกปราณเทวะวาดรูปบนโต๊ะนิดหน่อยก็หลอมโอสถได้แล้ว?

วิธีการเช่นนี้ต่อให้จะเป็นฝันเขาก็ไม่เคยฝันถึง!

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องเบิกตากว้างมองดูเย่หยวนด้วยประทับใจราวได้พบเจอเทพเจ้า

เขานั้นเดินออกไปด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทาพร้อมค่อยๆ ยกโอสถนั้นขึ้นมามองดู “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! นี่มันคือโอสถใจหยกแน่! เหมือนดั่งที่เขียนไว้ในตำรา! ค่ายกลดูดกลืนวิญญาณนั้นมันกลับทำให้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เติบโตสมบูรณ์นั้นมีคุณสมบัติไม่แพ้สมุนไพรที่โตสมบูรณ์หลอมเป็นโอสถใจหยกขึ้นมาได้! ไม่สิ นี่มัน… มันมิใช่โอสถใจหยกทั่วๆ ไป! ห-หรือว่ามันจะเป็นโอสถใจหยกขั้นเทวะ?”

“หืม? โอสถใจหยกขั้นเทวะ? นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“พระเจ้าช่วยโอสถใจหยกขั้นเทวะ ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”

“หรือว่าแท้จริงแล้วอาหยิงจะเป็นหนึ่งในจอมเทพโอสถในตำนานทั้งหลายนั้น?”

ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ที่จะเคยพบเจอจอมเทพโอสถมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะใดๆ

เวลานี้แม้แต่เฉินหยานเองก็ได้แต่คิดว่ามันมีอะไรผิดปกติและต้องเบิกตากว้าง

เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นจึงกล่าวถามขึ้น “โอสถใจหยกขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใดกัน?”

เฉินหยานนั้นแทบจะทำโอสถหลุดมือร่วงลงพื้นเมื่อได้ยิน

ชาวบ้านทั้งหลายเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน เจ้าหมอนี่ไม่รู้ถึงระดับคุณภาพของโอสถแต่กลับหลอมโอสถขั้นเทวะขึ้นมาด้วยได้ท่าทางเช่นนั้น?

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2202 ขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใด?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2202 ขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใด? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ลุงหยาน นี่มัน… จะไม่บ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ?” เฉินลี่ได้แต่ต้องกล่าวขึ้นขัด

ส่วนทางด้านชาวบ้านทั้งหลายนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างได้แต่ต้องมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดแน่น สายตาที่มองดูเย่หยวนนั้นล้นไปด้วยความสงสัย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเจ้าเด็กคนนี้ที่ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มีหรือที่จะคู่ควรไปแตะต้องสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?

ไม่ว่าจะอย่างไรความหายากของสมุนไพรวิญญาณบนเขาผ่อนสงบนี้มันก็นับได้ว่าแทบไม่มีทางพบเจอได้

การปล่อยให้คนที่ความจำเสื่อมไปยุ่งกับมันมีแต่จะเสียของเปล่ามิใช่หรือ?

หากทำเช่นนั้นแล้วแม้แต่โอกาสหนึ่งในสิบนั้นมันก็จะเสียไปสิ้น

เวลานี้แม้แต่ทางเย่หยวนเองก็ยังต้องกล่าวขึ้น “ปู่หยาน ข้าว่า… มันคงไม่เหมาะหรือไม่?”

แต่ทางเฉินหยานกลับร้องกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “เจ้าลองดูเถอะ หากมันเสียจริงๆ แล้วเฒ่าคนนี้จะรับผิดชอบมันเอง เฉินลี่ เจ้าไม่คิดค้านใช่หรือไม่?”

‘บ้าบอ! ข้าต้องคิดค้านสิ!’

แต่เฉินหยานผู้นี้มีตำแหน่งสูงล้ำในหมู่บ้าน นอกจากจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านแล้วเขายังเป็นหมอยาที่รักษาคนในหมู่บ้านไว้นับไม่ถ้วน

หากไม่มีเขาคนนี้แล้วหมู่บ้านเฉินคงไม่อาจตั้งอยู่ได้จนทุกวันนี้

อย่างตัวเฉินลี่เอง ที่เขามีทุกวันนี้ได้มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะลุงหยานคนนี้สิ้น

เฉินลี่นั้นจึงได้แต่ต้องยิ้มรับออกมา “ในเมื่อลุงหยานคิดตัดสินใจไปแล้วข้าก็คงไม่อาจจค้านใดๆ ได้อีก”

เฉินหยานนั้นบอกว่ามันคิอห้องหลอมโอสถแต่แท้จริงมันก็แค่กระท่อมหลังน้อย

เรื่องราวของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องสำคัญของทุกผู้คนในหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย

หากโอกาสหนึ่งในสิบนั้นถูกวางไว้กับเฉินลี่แล้ว มันก็หมายความว่าหมู่บ้านมีโอกาสถึงหนึ่งในสิบที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

แต่ในเวลานี้มันกลับมีเด็กหนุ่มผู้ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มายุ่งเล่นกับโอกาสหนึ่งในสิบนั้น มีหรือที่คนทั้งหลายจะอยู่กันอย่างสุขใจได้?

เมื่อเข้ามาถึงห้องหลอมโอสถนี้เย่หยวนก็รู้สึกโหยหามันขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

มันราวกับว่าอาการใดๆ ของเย่หยวนนั้นดีขึ้นมาในพริบตา

เฉินหยานเองก็ได้ดูแลเย่หยวนมานาน เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็สั่นสะท้านไปทั้งใจ

เขานั้นมีอายุมากที่สุดและได้พบเจอเรื่องราวบนโลกมามากที่สุดในหมู่บ้าน เขาจึงรู้

การที่เย่หยวนจะรอดจากบาดแผลเช่นนั้นได้มันย่อมจะมิใช่สิ่งที่นักยุทธสามัญทั่วๆ ไปจะทำได้

และในการรักษาตัวของเย่หยวนนี้ โอสถใดๆ ของเขามันกลับไร้ซึ่งผลสิ้น

สิ่งที่ทำให้เย่หยวนฟื้นกลับมาได้นี้มันคือพลังการฟื้นฟูของเย่หยวนสิ้น!

และก่อนหน้านี้ที่เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างไม่ทันได้คิดนั้นมันย่อมจะเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกของเขา

เขาจึงได้คาดเดาไปอีกครั้งว่าเย่หยวนอาจจะเป็นจอมเทพโอสถมาก่อนจะเสียความทรงจำ!

ในเมื่อสัญชาตญาณบอกเย่หยวนว่าเขาทำได้ เช่นนั้นแล้วเขาก็อาจจะทำได้จริงๆ

เฉินหยานนั้นรู้ดีว่าวิธีการหลอมของเหล่าจอมเทพโอสถนั้นมันลึกล้ำปานใด มันมิใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถสามัญอย่างเขาจะคาดคิดถึงได้

ทุกผู้คนในหมู่บ้านต่างมายืนรออยู่ที่หน้าห้องหลอมโอสถมองดูเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องหลอมโอสถนั้นก่อนจะเห็นว่าเขาค่อยๆ เดินวนไปมายกมือขึ้นลูบจับสมุนไพรและเครื่องมือต่างๆ

เมื่อได้ลองลูบสัมผัสสิ่งทั้งหลายนี้ดูเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นแขนขาของเขาเอง

ความคุ้นเคยเช่นนี้มันถูกฝังลงลึกในร่างกาย

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าเลือดลมในกายของเขาเริ่มที่จะพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไร้สาเหตุ

“ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเสียจริง!” เย่หยวนร้องบอก

ทุกสายตานั้นต่างมองดูตามการเคลื่อนไหวของเย่หยวนอย่างไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร

เพราะเวลานี้เขาเอาแต่เดินวนไปมาอย่างไม่คิดลงมือทำเรื่องราวใด

เฉินยองนั้นเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “มันก็แค่เดินวนไปมาเช่นนั้น กว่าจะได้ทำอะไรฟ้าคงมืดกันพอดี! ทำเช่นนี้แล้วมันจะได้ประโยชน์ใดหรือ?”

“ใช่! ทำไมข้าถึงไม่อาจวางใจเจ้าเด็กคนนี้ได้เลย เหมือนกับว่ามันนั้นกำลังแกล้งทำเป็นลึกลับอยู่!”

“ลุงหยานเองก็อยากได้ไปหลงท่าทางของมันเลย นี่มันสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เชียวนา!”

เวลานี้ชาวบ้านหลายต่อหลายคนย่อมจะไม่พอใจจึงได้แต่ร้องบ่นออกมาให้เฉินหยานฟัง

แต่ทางเฉินหยานนั้นกลับขมวดดิ้วแน่นก่อนจะหันมาตวาดด้วยเสียงเบาๆ “พวกเจ้าหุบปากลง! ใครคิดพูดจาใดๆ อีกก้าวออกมาพูดต่อหน้าข้านี้!”

เมื่อทุกคนได้เห็นความไม่พอใจนั้นของเฉินหยาน พวกเขาก็ย่อมจะเงียบปากลงอย่างไม่กล้ากล่าวว่าใดๆ

เฉินลี่เองทีแรกก็คิดจะเข้าไปร่วมบ่นว่าด้วยแต่พอได้เห็นท่าทางนั้นของเฉินหยานเขาก็ได้แต่ต้องหุบปากลงก่อนจะได้กล่าวใดๆ

การเดินเล่นของเย่หยวนนี้มันกินเวลาไปกว่าชั่วโมง

แต่จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงและหยิบเอาผลึกปราณเทวะระดับต่ำออกมาจากกล่องอันสวยหรู

ทุกผู้คนหน้าถอดสีทันที

เจ้าเด็กคนนี้มันตาดี!

ในสถานที่อย่างหมู่บ้านตระกูลเฉินนี้แค่ผลึกปราณเทวะขั้นต่ำผลึกเดียวนี้มันก็ล้ำค่าเกินกว่าสิ่งใดแล้ว

ที่เฉินหยานมีเก็บไว้นั้นมันมีเพียงแค่สามผลึกเท่านั้น

และเจ้าสามผลึกนี้มันคือผลงานที่เขาประหยัดอดออมมาทั้งชีวิต ต้องเสียสมุนไพรมากมายพร้อมด้วยแรงกำลังกายอย่างไม่อาจนับได้กว่าจะได้มันมา

เจ้าเด็กคนนี้ไร้ซึ่งความเกรงใจใด!

เย่หยวนนั้นหยิบผลึกปราณเทวะออกมาพร้อมปัดกวางของบนโต๊ะออกเผยให้เห็นพื้นที่ว่าง

จากนั้นมือของเขาก็ขยับใช้เจ้าผลึกปราณเทวะนั้นวาดลงบนโต๊ะในทันที

ทุกผู้คนที่เห็นต่างยืนนิ่ง มีเพียงเฉินหยานเท่านั้นที่เบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ จนแทบถลนออกจากเบ้า

เย่หยวนกำลังวาดค่ายกล!

เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจถึงค่ายกลที่กำลังถูกวาดนี้ได้แม้แต่น้อย มันเป็นสิ่งที่ลึกล้ำอย่างมาก!

นี่มันย่อมจะมิใช่ความรู้ที่จอมเทพโอสถหนึ่งดาวจะมีได้! เฉินหยานได้แต่ต้องร้องลั่นออกมา

ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจเย่หยวนก็วาดมันจนเสร็จสิ้น

จากนั้นเขาก็เดินไปยังราวแขวนสมุนไพรและหยิบสมุนไพรออกมาโยนลงใส่ค่ายกลนั้นพร้อมๆ กับหญ้าใจหยก

“เจ้าหมอนี่มันหลับตาอยู่!”

“เขา… เขาจะไม่ดูสบายเกินไปหรือ?”

“หลอมโอสถเช่นนี้ก็ได้หรือ? ดูอย่างไรมันก็หยิบเอาสมุนไพรมาเล่นชัดๆ มิใช่หรือ?! เจ้าดูสิ มันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้นเลย”

เหล่าชาวบ้านทั้งหลายต่างมึนงงอย่างมากเพราะเวลานี้เย่หยวนกลับกำลังหลับตาลงไม่ได้มองเรื่องราวใดๆ

แม้ว่าคนทั้งหลายนั้นจะไม่เข้าใจถึงค่ายกลใดๆ แต่ท่าทางของเย่หยวนมันก็จะดูสบายจนเกินไป

และค่ายกลที่เย่หยวนเขียนลงไปนั้นมันก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร? อาหนิงนั้นฝึกฝนทักษะจนกลายเป็นสัญชาตญาณ เขาไม่ต้องมอง ไม่ต้องวัด! พวกเจ้าหุบปากดูไปเถอะ!” เฉินหยานร้องตวาด

ทุกผู้คนจึงได้แต่ต้องเงียบปากลงอีกครั้ง

หนึ่งอึดใจ

สองอึดใจ

สามอึดใจ!

พรึบ!

เจ้าค่ายกลนั้นมันส่องสว่างขึ้นมาพร้อมดูดกลืนคลื่นพลังวิญญาณเข้าไปในห้องหลอมอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าค่ายกลนี้มันคือค่ายกลดูดกลืนพลังวิญญาณนั่นเอง!

เวลานี้แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

เขานั้นได้แต่ยกมือของตนขึ้นมามองดู

‘นี่คือฝีมือข้า?’

หลังผ่านไปได้อีกหลายอึดใจแสงนั้นมันก็ค่อยๆ จางหายก่อนจะปรากฏให้เห็นโอสถวางบนโต๊ะนั้น

ดวงตาของคนทั้งหลายเบิกกว้างขึ้นพร้อมปากที่อ้าค้าง สีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความตกตะลึง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเฉินยองที่พูดกล่าวว่าออกมามากที่สุด

ในเวลานี้เย่หยวนกลับหลอมโอสถขึ้นมาได้จริงๆ

โดยวิธีการที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!

ใช้ผลึกปราณเทวะวาดรูปบนโต๊ะนิดหน่อยก็หลอมโอสถได้แล้ว?

วิธีการเช่นนี้ต่อให้จะเป็นฝันเขาก็ไม่เคยฝันถึง!

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องเบิกตากว้างมองดูเย่หยวนด้วยประทับใจราวได้พบเจอเทพเจ้า

เขานั้นเดินออกไปด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทาพร้อมค่อยๆ ยกโอสถนั้นขึ้นมามองดู “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! นี่มันคือโอสถใจหยกแน่! เหมือนดั่งที่เขียนไว้ในตำรา! ค่ายกลดูดกลืนวิญญาณนั้นมันกลับทำให้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เติบโตสมบูรณ์นั้นมีคุณสมบัติไม่แพ้สมุนไพรที่โตสมบูรณ์หลอมเป็นโอสถใจหยกขึ้นมาได้! ไม่สิ นี่มัน… มันมิใช่โอสถใจหยกทั่วๆ ไป! ห-หรือว่ามันจะเป็นโอสถใจหยกขั้นเทวะ?”

“หืม? โอสถใจหยกขั้นเทวะ? นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“พระเจ้าช่วยโอสถใจหยกขั้นเทวะ ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”

“หรือว่าแท้จริงแล้วอาหยิงจะเป็นหนึ่งในจอมเทพโอสถในตำนานทั้งหลายนั้น?”

ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ที่จะเคยพบเจอจอมเทพโอสถมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะใดๆ

เวลานี้แม้แต่เฉินหยานเองก็ได้แต่คิดว่ามันมีอะไรผิดปกติและต้องเบิกตากว้าง

เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นจึงกล่าวถามขึ้น “โอสถใจหยกขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใดกัน?”

เฉินหยานนั้นแทบจะทำโอสถหลุดมือร่วงลงพื้นเมื่อได้ยิน

ชาวบ้านทั้งหลายเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน เจ้าหมอนี่ไม่รู้ถึงระดับคุณภาพของโอสถแต่กลับหลอมโอสถขั้นเทวะขึ้นมาด้วยได้ท่าทางเช่นนั้น?

……………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+