Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2203 ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับมันไว้ไม่ได้!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2203 ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับมันไว้ไม่ได้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอสถใจหยกขั้นเทวะนี่มันคือโอสถของเทพเจ้าอย่างแท้จริง! ตราบเท่าที่มีโอสถนี้แล้วลงุลี่ของเจ้านั้นก็จะก้าวขึ้นอาณาจักรพระเจ้าที่เฝ้าฝันหาได้อย่างแน่นอน! โอสถใจหยกขั้นเทวะสี่เม็ดนี้มันเท่ากับว่าจะสร้างยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้ถึงสี่คน!”

เฉินหยานนั้นร้องบอกขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจจนแทบเสียสติ

เวลานี้เขามั่นใจแล้วว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินได้มีสมบัติล้ำค่ามาครอง!

ก่อนที่อาหนิงคนนี้จะบาดเจ็บมาอย่างน้อยๆ เขาคงต้องเป็นจอมเทพโอสถสองดาวแน่!

ไม่สิ สามดาว!

ต้องเป็นจอมเทพโอสถสามดาวมาก่อนแน่!

ส่วนทางจอมเทพโอสถสี่ดาวขึ้นไปนั้นความเข้าใจของเฉินหยานย่อมจะไม่อาจจินตนาการได้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถมากมายปานใด

ต่อให้จะนั่งคิดไปมากเท่าไหร่เขาก็คงไม่อาจจินตนาการนึกภาพได้ว่าเหล่าเทพชั้นสูงทั้งหลายนั้นจะเก่งกาจปานใด

เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว “ดูท่าข้าจะไม่ได้เป็นแค่ขยะไร้ค่าสินะ”

เฉินหยานนั้นได้แต่หัวเราะลั่นขึ้น “ขยะ? เฒ่าคนนี้ไม่เคยคิดกับเจ้าเช่นนั้นเลย! ตั้งแต่วันที่ข้าได้ช่วยเจ้าไว้นั้นข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมิใช่คนธรรมดา!”

ที่ด้านข้างนั้นอาซิ่วก็มองดูเย่หยวนด้วยสายตาชื่นชมล้ำ “หึๆ อย่างที่ข้าบอกไป อาหนิงนั้นย่อมมิใช่คนธรรมดาทั่วไป!”

เหล่าชาวบ้านทั้งหลายในเวลานี้ต่างตื่นตะลึง ตกใจกับคำว่าสี่ยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าที่เฉินหยานกล่าว

“พระเจ้าช่วย สี่อาณาจักรพระเจ้า! ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”

“เช่นนั้นหมู่บ้านเฉินเราก็คงได้กลายเป็นสุดยอดผู้ปกครองในแถบนี้แล้วใช่หรือไม่?”

“อาหนิงผู้นี้มีรูปร่างหลอกคนเสียจริง! ข้าไม่นึกเลยว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นถึงจอมเทพโอสถได้เช่นนี้!”

ถึงเวลานี้แล้วมีหรือที่ชาวบ้านทั้งหลายจะยังคิดกังวลไม่เชื่อถือใดๆ?

แค่คำว่า ‘อาณาจักรพระเจ้าสี่คน’ นี้มันก็มากพอที่จะทำให้ความกังวลใดๆ ของผู้คนจางหายไปสิ้น

อาณาจักรพระเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ทุกผู้คนในหมู่บ้านนี้เฝ้าฝันถึง

แต่จนถึงวันนี้หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่เคยจะให้กำเนิดยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้ามาก่อน

สำหรับสามัญชนคนทั่วไปแล้ว ย่างก้าวนี้มันแสนที่จะยากล้ำ!

ต่อให้จะทุ่มเททั้งชีวิตมันก็ไม่อาจจะทำได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับสะบัดมือสร้างยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้ถึงสี่คน มันจะต้องเหนือล้ำฟ้าดินปานใดในสายตาคนทั้งหลาย?

เฉินยองเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง

แต่เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของอาซิ่ว ความริษยามันก็ปะทุขึ้นมาในจิตใจของเขาอีกครั้ง

“หึ! มันจะเหนือล้ำใด! ข้าไม่ต้องพึ่งมันก็ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรพระเจ้าได้ด้วยตัวเอง!”

เขานั้นได้แต่บ่มพึมพำออกมาแต่สุดท้ายดวงตาของเขามันก็ไม่อาจจะละจากโอสถใจหยกนั้นได้

ส่วนทางเฉินลี่และเฉินเจียนนั้นสายตาของพวกเขาไม่เคยจะละไปจากโอสถใจหยกนี้แม้แต่วินาทีเดียว ร่างกายของพวกเขาทั้งสองนั้นสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้

นี่คืออาณาจักรพระเจ้า!

เฉินหยานนั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากที่สุดและเป็นคนแรกที่ได้สติขึ้นมา

เขานั้นกระแอมเสียงเรียกสติของทุกคนกลับมาพร้อมสั่งบอก “เฉินลี่ เฉินเจียน พวกเจ้าเอาโอสถใจหยกไปคนละเม็ดและเข้าสู่การเก็บตัวทันที เจ้าต้องบรรลุให้ได้ก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้!”

“ขอรับลุงหยาน!” คนทั้งสองรีบก้มหัวรับสั่งพร้อมหยิบโอสถใจหยกไปคนละเม็ดก่อนจะเดินหายไปจากฝูงชนทันที

เฉินหยานนั้นหยิบโอสถใจหยกอีกสองเม็ดนั้นขึ้นมาพร้อมหันไปบอกเฉินยองและเฉินซิ่ว “อายอง อาซิ่ว โอสถสองเม็ดนี้ข้าจะเก็บไว้ให้พวกเจ้า! จากวันนี้ไปจงหมั่นบ่มเพาะให้ถึงอาณาจักรเต๋าลึกล้ำโดยเร็ว!”

เฉินยองจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยกมือขึ้นรับ “ขอรับปู่หยาน!”

พูดไปสายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเย่หยวนและได้พบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังก้มหน้าก้มตาครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนตัวเฉินยองได้แต่ต้องถอนหายใจยาว

โชคดีที่เจ้าหมอนี่มันไม่คิดติดใจเรื่องราวเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นแล้วหากเขาถูกกล่าวถามอะไรขึ้นมาคงได้แต่ต้องขายหน้าจนต้องมุดแผ่นดินหนี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าอาซิ่วนี้

“ปู่ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะ! โอสถนี้อาหนิงเป็นคนหลอมขึ้นมา ทำไมเขาจึงไม่ได้ใช้มันเล่า?” อาซิ่วร้องถามขึ้นอย่างไม่พอใจ

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “มันมิใช่ว่าปู่จะเอาเปรียบอาหนิงใดๆ แต่ต่อให้เขาจะกลืนโอสถนี้ลงไปมันก็คงไม่อาจจะเป็นประโยชน์ใดๆ แก่ตัวเขาได้”

อาซิ่วนั้นจึงได้แต่ต้องเอียงคอถาม “นี่มันโอสถศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ทำไมมันจะเป็นเช่นนั้นไปเล่า?”

เฉินหยานจึงบอกกลับไป “อาหนิงนั้นบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจเก็บกักพลังวิญญาณใดๆ ไว้ในร่างได้ ต่อให้จะกลืนโอสถนี้ลงไปมันก็คงไม่เกิดผลดีใดๆ ขึ้นมาได้”

อาซิ่วนั้นคิดอยากจะพูดเถียงต่อแต่เย่หยวนกลับยิ้มบอกขึ้น “อาซิ่ว ปู่เจ้าและเจ้านั้นช่วยชีวิตข้าไว้ การให้เจ้าได้ใช้โอสถนี้เองมันก็นับเป็นการตอบแทนจากข้า อ่า… บางทีวันหน้าข้าอาจจะช่วยหลอมโอสถให้ได้มากกว่านี้?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวเฉินหยานก็เบิกตากว้างขึ้น!

‘พระเจ้าช่วย!’

‘ทำไมข้าไม่คิดถึงเรื่องนั้น?’

เพราะหลังจากเฉินลี่และเฉินเจียนบรรลุขึ้นอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว การจะหาสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มันก็คงเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

ถึงเวลานั้น…

คิดมาถึงตรงนี้ตัวเฉินหยานก็ได้แต่ต้องยิ้มกว้างสุดใจ!

บางทีวันหนึ่งตัวเขาเองอาจจะก้าวขึ้นถึงอาณาจักรพระเจ้าได้ด้วยก็ได้!

“ลุงหยาน ไม่ดีแล้ว! หลัวเซิงพาคนหมู่บ้านตระกูลหลัวมาเก็บค่าส่วยก่อนกำหนด!”

คนทั้งหลายที่กำลังฝันหวานกันอยู่ต่างต้องตื่นขึ้นสู่โลกความจริงเมื่อได้ยินเรื่องราวนั้น ความฝันใดๆ แตกสลายลงกับตา

ไม่มีใครคาดฝันว่าหลัวเซิงจะมาถึงเร็วปานนี้!

เฉินลี่และเฉินเจียนนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการบรรลุและคงไม่อาจมาช่วยใดๆ ได้

หากหลังเซิงได้รู้ว่าหมู่บ้านนี้มีโอสถใจหยกแล้ว หมู่บ้านตระกูลเฉินคงได้พบเจอหายนะแน่!

ในเขตบ้านนอกเช่นนี้มันไม่มีคำว่ากฎหมายใดๆ

ดาบใครคมกว่า คนผู้นั้นก็เป็นฝ่ายถูก

หลัวเซิงนั้นเป็นถึงนักยุทธอาณาจักรพระเจ้าเพียงคนเดียวในพื้นที่นี้ แน่นอนว่าคำพูดของเขานั้นคือบัญชาสวรรค์

ที่สำคัญไปกว่านั้นทางหลัวเซิงย่อมจะไม่คิดปล่อยให้หมู่บ้านตระกูลเฉินเติบโตขึ้นมาเหนือหัวตนเองแน่

เฉินหยานที่ได้ยินต้องกัดฟันแน่น “ทุกคนตามข้ามา เรื่องของโอสถใจหยกนี้ห้ามกล่าวถึงเป็นอันขาด! พวกเจ้าทั้งหลายจงอย่าได้แสดงสีหน้าและทำเหมือนว่าหมู่บ้านเราไม่มีเรื่องราวใด หากเรื่องนี้ถูกอีกฝ่ายเห็นเข้าแล้วพวกเราคงได้ตายสิ้นแน่ เจ้าเข้าใจกันหรือไม่?”

ทุกคนพยักหน้ารับออกมาตามๆ กัน

เฉินหยานนั้นไล่ชาวบ้านทั้งหลายออกไปด้านนอกก่อนจะหาที่ลับซ่อนโอสถใจหยกนั้นไว้

เฉินหยานพาคนทั้งหลายออกมาหน้าหมู่บ้านก่อนจะพบเข้ากับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งมีพลังเหนือล้ำฟ้าดิน

พร้อมๆ กันนั้นที่ด้านหลังของเขาเองก็มีกองกำลังขนาดใหญ่ติดตามมาด้วยทหารม้านับไม่ถ้วน

แค่ที่อยู่ในอาณาจักรสามัญขั้นสุดเองก็มีถึงสิบกว่าคนแล้ว!

เฉินหยานเองก็ไม่คิดจะกล่าวพูดใดๆ สิ่งแรกที่เขาทำนั้นคือก้มหัวลงรอรับหลัวเซิงที่อยู่บนม้า

“เฉินหยานแห่งหมู่บ้านตระกูลเฉินนำชาวบ้านเข้าสักการะท่านหลัว!”

เมื่อคนทั้งหลายคุกเข่าลงก็เกิดเสียงร้องพูดขึ้นตามๆ กัน “ขอคารวะท่านเทพหลัว!”

ในสายตาของสามัญชนทั่วไปแล้วนักยุทธอาณาจักรพระเจ้านั้นย่อมจะเป็นตัวตนที่สูงล้ำเปรียบได้ดั่งเป็น ‘พระเจ้า’

ในสายตาของหลัวเซิงนั้นชาวบ้านทั้งหลายย่อมจะเป็นแค่มดปลวก ได้เห็นเขามันย่อมจะต้องคุกเข่าลง

ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย!

แต่จู่ๆ หลัวเซิงกลับต้องขมวดคิ้วแน่นร้องถามขึ้น “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร? กล้าไม่คุกเข่าต่อหน้าเทพหรือ?”

เฉินหยานนั้นหันไปมองและพบว่าคนที่ยังอยู่นั้นคือเย่หยวน สีหน้าของเขานั้นมึนงงพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

เจ้าเด็กคนนี้มันไม่รู้จักกาลเทศะหรือ?

เมื่อเย่หยวนได้เห็นคนทั้งหลายคุกเข่าลง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นอย่างไม่อาจห้ามตัวได้

ไม่ทราบว่าทำไม แต่เขานั้นไม่คิดจะคุกเข่าให้คนผู้นี้!

แม้ว่าจะอยากทำตามน้ำคุกเข่าลงตามชาวบ้านทั้งหลาย แต่ร่างกายของเขามันกลับไม่ขยับ

นี่มันคือศักดิ์ศรีที่ฝังแน่นในกระดูก ต่อให้จะเสียความทรงจำใดๆ มันก็ไม่อาจจะจางหายไปได้

แค่ปฐมพระเจ้าผู้หนึ่งที่เพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพระเจ้ามาได้ มีหรือที่จะควรค่าให้รองมหาปราชญ์อย่างเย่หยวนคุกเข่าให้?

ตัวตนของรองมหาปราชญ์นั้นมันคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของมหาพิภพถงเทียน!

มีหรือที่หลัวเซิงคนนี้จะรับการคุกเข่าจากรองมหาปราชญ์ไว้ได้?

เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องจ้องมองดูหลัวเซิงพร้อมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าหนักแน่น “อ่า… ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับมันไว้ไม่ได้!”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2203 ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับมันไว้ไม่ได้!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2203 ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับมันไว้ไม่ได้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอสถใจหยกขั้นเทวะนี่มันคือโอสถของเทพเจ้าอย่างแท้จริง! ตราบเท่าที่มีโอสถนี้แล้วลงุลี่ของเจ้านั้นก็จะก้าวขึ้นอาณาจักรพระเจ้าที่เฝ้าฝันหาได้อย่างแน่นอน! โอสถใจหยกขั้นเทวะสี่เม็ดนี้มันเท่ากับว่าจะสร้างยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้ถึงสี่คน!”

เฉินหยานนั้นร้องบอกขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจจนแทบเสียสติ

เวลานี้เขามั่นใจแล้วว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินได้มีสมบัติล้ำค่ามาครอง!

ก่อนที่อาหนิงคนนี้จะบาดเจ็บมาอย่างน้อยๆ เขาคงต้องเป็นจอมเทพโอสถสองดาวแน่!

ไม่สิ สามดาว!

ต้องเป็นจอมเทพโอสถสามดาวมาก่อนแน่!

ส่วนทางจอมเทพโอสถสี่ดาวขึ้นไปนั้นความเข้าใจของเฉินหยานย่อมจะไม่อาจจินตนาการได้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถมากมายปานใด

ต่อให้จะนั่งคิดไปมากเท่าไหร่เขาก็คงไม่อาจจินตนาการนึกภาพได้ว่าเหล่าเทพชั้นสูงทั้งหลายนั้นจะเก่งกาจปานใด

เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว “ดูท่าข้าจะไม่ได้เป็นแค่ขยะไร้ค่าสินะ”

เฉินหยานนั้นได้แต่หัวเราะลั่นขึ้น “ขยะ? เฒ่าคนนี้ไม่เคยคิดกับเจ้าเช่นนั้นเลย! ตั้งแต่วันที่ข้าได้ช่วยเจ้าไว้นั้นข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมิใช่คนธรรมดา!”

ที่ด้านข้างนั้นอาซิ่วก็มองดูเย่หยวนด้วยสายตาชื่นชมล้ำ “หึๆ อย่างที่ข้าบอกไป อาหนิงนั้นย่อมมิใช่คนธรรมดาทั่วไป!”

เหล่าชาวบ้านทั้งหลายในเวลานี้ต่างตื่นตะลึง ตกใจกับคำว่าสี่ยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าที่เฉินหยานกล่าว

“พระเจ้าช่วย สี่อาณาจักรพระเจ้า! ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”

“เช่นนั้นหมู่บ้านเฉินเราก็คงได้กลายเป็นสุดยอดผู้ปกครองในแถบนี้แล้วใช่หรือไม่?”

“อาหนิงผู้นี้มีรูปร่างหลอกคนเสียจริง! ข้าไม่นึกเลยว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นถึงจอมเทพโอสถได้เช่นนี้!”

ถึงเวลานี้แล้วมีหรือที่ชาวบ้านทั้งหลายจะยังคิดกังวลไม่เชื่อถือใดๆ?

แค่คำว่า ‘อาณาจักรพระเจ้าสี่คน’ นี้มันก็มากพอที่จะทำให้ความกังวลใดๆ ของผู้คนจางหายไปสิ้น

อาณาจักรพระเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ทุกผู้คนในหมู่บ้านนี้เฝ้าฝันถึง

แต่จนถึงวันนี้หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่เคยจะให้กำเนิดยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้ามาก่อน

สำหรับสามัญชนคนทั่วไปแล้ว ย่างก้าวนี้มันแสนที่จะยากล้ำ!

ต่อให้จะทุ่มเททั้งชีวิตมันก็ไม่อาจจะทำได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับสะบัดมือสร้างยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้ถึงสี่คน มันจะต้องเหนือล้ำฟ้าดินปานใดในสายตาคนทั้งหลาย?

เฉินยองเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง

แต่เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของอาซิ่ว ความริษยามันก็ปะทุขึ้นมาในจิตใจของเขาอีกครั้ง

“หึ! มันจะเหนือล้ำใด! ข้าไม่ต้องพึ่งมันก็ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรพระเจ้าได้ด้วยตัวเอง!”

เขานั้นได้แต่บ่มพึมพำออกมาแต่สุดท้ายดวงตาของเขามันก็ไม่อาจจะละจากโอสถใจหยกนั้นได้

ส่วนทางเฉินลี่และเฉินเจียนนั้นสายตาของพวกเขาไม่เคยจะละไปจากโอสถใจหยกนี้แม้แต่วินาทีเดียว ร่างกายของพวกเขาทั้งสองนั้นสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้

นี่คืออาณาจักรพระเจ้า!

เฉินหยานนั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากที่สุดและเป็นคนแรกที่ได้สติขึ้นมา

เขานั้นกระแอมเสียงเรียกสติของทุกคนกลับมาพร้อมสั่งบอก “เฉินลี่ เฉินเจียน พวกเจ้าเอาโอสถใจหยกไปคนละเม็ดและเข้าสู่การเก็บตัวทันที เจ้าต้องบรรลุให้ได้ก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้!”

“ขอรับลุงหยาน!” คนทั้งสองรีบก้มหัวรับสั่งพร้อมหยิบโอสถใจหยกไปคนละเม็ดก่อนจะเดินหายไปจากฝูงชนทันที

เฉินหยานนั้นหยิบโอสถใจหยกอีกสองเม็ดนั้นขึ้นมาพร้อมหันไปบอกเฉินยองและเฉินซิ่ว “อายอง อาซิ่ว โอสถสองเม็ดนี้ข้าจะเก็บไว้ให้พวกเจ้า! จากวันนี้ไปจงหมั่นบ่มเพาะให้ถึงอาณาจักรเต๋าลึกล้ำโดยเร็ว!”

เฉินยองจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยกมือขึ้นรับ “ขอรับปู่หยาน!”

พูดไปสายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเย่หยวนและได้พบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังก้มหน้าก้มตาครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนตัวเฉินยองได้แต่ต้องถอนหายใจยาว

โชคดีที่เจ้าหมอนี่มันไม่คิดติดใจเรื่องราวเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นแล้วหากเขาถูกกล่าวถามอะไรขึ้นมาคงได้แต่ต้องขายหน้าจนต้องมุดแผ่นดินหนี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าอาซิ่วนี้

“ปู่ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะ! โอสถนี้อาหนิงเป็นคนหลอมขึ้นมา ทำไมเขาจึงไม่ได้ใช้มันเล่า?” อาซิ่วร้องถามขึ้นอย่างไม่พอใจ

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “มันมิใช่ว่าปู่จะเอาเปรียบอาหนิงใดๆ แต่ต่อให้เขาจะกลืนโอสถนี้ลงไปมันก็คงไม่อาจจะเป็นประโยชน์ใดๆ แก่ตัวเขาได้”

อาซิ่วนั้นจึงได้แต่ต้องเอียงคอถาม “นี่มันโอสถศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ทำไมมันจะเป็นเช่นนั้นไปเล่า?”

เฉินหยานจึงบอกกลับไป “อาหนิงนั้นบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจเก็บกักพลังวิญญาณใดๆ ไว้ในร่างได้ ต่อให้จะกลืนโอสถนี้ลงไปมันก็คงไม่เกิดผลดีใดๆ ขึ้นมาได้”

อาซิ่วนั้นคิดอยากจะพูดเถียงต่อแต่เย่หยวนกลับยิ้มบอกขึ้น “อาซิ่ว ปู่เจ้าและเจ้านั้นช่วยชีวิตข้าไว้ การให้เจ้าได้ใช้โอสถนี้เองมันก็นับเป็นการตอบแทนจากข้า อ่า… บางทีวันหน้าข้าอาจจะช่วยหลอมโอสถให้ได้มากกว่านี้?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวเฉินหยานก็เบิกตากว้างขึ้น!

‘พระเจ้าช่วย!’

‘ทำไมข้าไม่คิดถึงเรื่องนั้น?’

เพราะหลังจากเฉินลี่และเฉินเจียนบรรลุขึ้นอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว การจะหาสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มันก็คงเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

ถึงเวลานั้น…

คิดมาถึงตรงนี้ตัวเฉินหยานก็ได้แต่ต้องยิ้มกว้างสุดใจ!

บางทีวันหนึ่งตัวเขาเองอาจจะก้าวขึ้นถึงอาณาจักรพระเจ้าได้ด้วยก็ได้!

“ลุงหยาน ไม่ดีแล้ว! หลัวเซิงพาคนหมู่บ้านตระกูลหลัวมาเก็บค่าส่วยก่อนกำหนด!”

คนทั้งหลายที่กำลังฝันหวานกันอยู่ต่างต้องตื่นขึ้นสู่โลกความจริงเมื่อได้ยินเรื่องราวนั้น ความฝันใดๆ แตกสลายลงกับตา

ไม่มีใครคาดฝันว่าหลัวเซิงจะมาถึงเร็วปานนี้!

เฉินลี่และเฉินเจียนนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการบรรลุและคงไม่อาจมาช่วยใดๆ ได้

หากหลังเซิงได้รู้ว่าหมู่บ้านนี้มีโอสถใจหยกแล้ว หมู่บ้านตระกูลเฉินคงได้พบเจอหายนะแน่!

ในเขตบ้านนอกเช่นนี้มันไม่มีคำว่ากฎหมายใดๆ

ดาบใครคมกว่า คนผู้นั้นก็เป็นฝ่ายถูก

หลัวเซิงนั้นเป็นถึงนักยุทธอาณาจักรพระเจ้าเพียงคนเดียวในพื้นที่นี้ แน่นอนว่าคำพูดของเขานั้นคือบัญชาสวรรค์

ที่สำคัญไปกว่านั้นทางหลัวเซิงย่อมจะไม่คิดปล่อยให้หมู่บ้านตระกูลเฉินเติบโตขึ้นมาเหนือหัวตนเองแน่

เฉินหยานที่ได้ยินต้องกัดฟันแน่น “ทุกคนตามข้ามา เรื่องของโอสถใจหยกนี้ห้ามกล่าวถึงเป็นอันขาด! พวกเจ้าทั้งหลายจงอย่าได้แสดงสีหน้าและทำเหมือนว่าหมู่บ้านเราไม่มีเรื่องราวใด หากเรื่องนี้ถูกอีกฝ่ายเห็นเข้าแล้วพวกเราคงได้ตายสิ้นแน่ เจ้าเข้าใจกันหรือไม่?”

ทุกคนพยักหน้ารับออกมาตามๆ กัน

เฉินหยานนั้นไล่ชาวบ้านทั้งหลายออกไปด้านนอกก่อนจะหาที่ลับซ่อนโอสถใจหยกนั้นไว้

เฉินหยานพาคนทั้งหลายออกมาหน้าหมู่บ้านก่อนจะพบเข้ากับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งมีพลังเหนือล้ำฟ้าดิน

พร้อมๆ กันนั้นที่ด้านหลังของเขาเองก็มีกองกำลังขนาดใหญ่ติดตามมาด้วยทหารม้านับไม่ถ้วน

แค่ที่อยู่ในอาณาจักรสามัญขั้นสุดเองก็มีถึงสิบกว่าคนแล้ว!

เฉินหยานเองก็ไม่คิดจะกล่าวพูดใดๆ สิ่งแรกที่เขาทำนั้นคือก้มหัวลงรอรับหลัวเซิงที่อยู่บนม้า

“เฉินหยานแห่งหมู่บ้านตระกูลเฉินนำชาวบ้านเข้าสักการะท่านหลัว!”

เมื่อคนทั้งหลายคุกเข่าลงก็เกิดเสียงร้องพูดขึ้นตามๆ กัน “ขอคารวะท่านเทพหลัว!”

ในสายตาของสามัญชนทั่วไปแล้วนักยุทธอาณาจักรพระเจ้านั้นย่อมจะเป็นตัวตนที่สูงล้ำเปรียบได้ดั่งเป็น ‘พระเจ้า’

ในสายตาของหลัวเซิงนั้นชาวบ้านทั้งหลายย่อมจะเป็นแค่มดปลวก ได้เห็นเขามันย่อมจะต้องคุกเข่าลง

ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย!

แต่จู่ๆ หลัวเซิงกลับต้องขมวดคิ้วแน่นร้องถามขึ้น “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร? กล้าไม่คุกเข่าต่อหน้าเทพหรือ?”

เฉินหยานนั้นหันไปมองและพบว่าคนที่ยังอยู่นั้นคือเย่หยวน สีหน้าของเขานั้นมึนงงพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

เจ้าเด็กคนนี้มันไม่รู้จักกาลเทศะหรือ?

เมื่อเย่หยวนได้เห็นคนทั้งหลายคุกเข่าลง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นอย่างไม่อาจห้ามตัวได้

ไม่ทราบว่าทำไม แต่เขานั้นไม่คิดจะคุกเข่าให้คนผู้นี้!

แม้ว่าจะอยากทำตามน้ำคุกเข่าลงตามชาวบ้านทั้งหลาย แต่ร่างกายของเขามันกลับไม่ขยับ

นี่มันคือศักดิ์ศรีที่ฝังแน่นในกระดูก ต่อให้จะเสียความทรงจำใดๆ มันก็ไม่อาจจะจางหายไปได้

แค่ปฐมพระเจ้าผู้หนึ่งที่เพิ่งก้าวขึ้นอาณาจักรพระเจ้ามาได้ มีหรือที่จะควรค่าให้รองมหาปราชญ์อย่างเย่หยวนคุกเข่าให้?

ตัวตนของรองมหาปราชญ์นั้นมันคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของมหาพิภพถงเทียน!

มีหรือที่หลัวเซิงคนนี้จะรับการคุกเข่าจากรองมหาปราชญ์ไว้ได้?

เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องจ้องมองดูหลัวเซิงพร้อมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าหนักแน่น “อ่า… ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับมันไว้ไม่ได้!”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+