Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2207 สวรรค์มีตา!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2207 สวรรค์มีตา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ตะวันส่องแสงสูงเหนือหัวภายในร้านอาหารจันทร์แจ่มนั้นเปี่ยมล้นด้วยผู้คนที่ต่างพูดกล่าวเรื่องราวของตนออกมาจนแทบไม่อาจฟังออกได้ว่าเสียงของใครเป็นเสียงใคร

ในฐานะร้านอาหารอันดับหนึ่งของเมืองจักรพรรดิมังกรศิลา ที่แห่งนี้มันจึงเป็นแหล่งที่มีผู้คนเดินทางไกลจากทั่วแดนมานั่งลงพักกินอาหารกัน

ในเวลานี้มันมีโต๊ะหนึ่งที่นั่งรายล้อมด้วยนักยุทธถึงห้าคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ชายผู้มีแผลยาวบนใบหน้ากล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าได้ยินกันมาหรือไม่? หลายปีก่อนมันมียอดคนปรากฏตัวขึ้นที่ทางแดนตะวันออกของเมืองจักรพรรดินครเมตตา!”

เมื่อเขาพูดเปิดหัวเรื่องมาเช่นนี้ทุกผู้คนต่างก็ย่อมจะหันมามองด้วยความสนใจ

ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกันนั้นจึงได้ร้องถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่ปา ท่านนั้นเป็นคนที่รู้เรื่องราวมากที่สุด ไหนลองเล่ามาหน่อยสิว่ามันเป็นยอดคนแบบใด”

พี่ปาจึงได้หัวเราะกลับมา “ยอดคนผู้นี้มิใช่คนจากเมืองจักรพรรดินครเมตตา แต่เขานั้นเป็นคนจากหมู่บ้านกลางเขาในดินแดนของเมืองจักรพรรดินครเมตตา! เขานั้นมีนามว่าอาจารย์หนิง เป็นยอดฝีมือผู้มีวิชาโอสถเหนือฟ้าดิน!”

เพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนจึงได้กล่าวขึ้นมาขัด “ฮ่าๆ พี่ปา เจ้าก็จะพูดจาไร้สาระไปแล้ว! ยอดคนใดมันจะเกิดขึ้นมาในหมู่บ้านกลางเขาได้?”

เมื่อทางพี่ปาได้ยินเขาก็ยิ้มเยาะออกมาทันที “เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร?! อาจารย์หนิงที่ข้าพูดถึงผู้นี้เขาได้ปรากฏตัวสู่โลกหล้าเมื่อประมาณหกสิบปีก่อนพร้อมเปลี่ยนคนสามัญในหมู่บ้านน้อยๆ กลางเขานั้นให้กลายเป็นนักยุทธอาณาจักรปฐมพระเจ้าสิ้นในคืนเดียว! ในเวลานี้เวลาผ่านไปกว่าหกสิบปีเหล่านักยุทธที่ติดตามรับใช้เขานั้นก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรราชันพระเจ้ากันสิ้น! หมู่บ้านน้อยๆ นั้นมันได้กลายเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยราชันพระเจ้าไปแล้ว!”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาคนทั้งสี่ที่เหลือต่างก็ต้องเบิกตากว้างสูดหายใจลึก

เปลี่ยนคนสามัญทั้งหมู่บ้านให้กลายเป็นราชันพระเจ้า มันเป็นเรื่องราวเช่นใด?

ในเวลาแค่หกสิบปีการจะเปลี่ยนให้สามัญชนกลายเป็นราชันพระเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ทำได้หรือ?

เพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนจึงได้กล่าวขึ้นมาพร้อมส่ายหัว “พี่ปา เจ้า… เจ้าเองก็พูดจาไร้สาระแล้ว เรื่องราวเช่นนั้นต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวมันก็คงไม่มีทางทำได้หรอกใช่หรือไม่?”

พี่ปาคนนั้นยกเหล้าขึ้นมาซดก่อนจะเล่าต่อ “เพราะฉะนั้นข้าจึงได้บอกไงว่าเขานั้นเป็นยอดคน! เวลานี้เหล่าคนใหญ่คนโตจากเมืองจักรพรรดิรอบๆ ต่างไปรวมตัวกันที่หมู่บ้านนั้นสิ้น! เมืองจักรพรรดิมังกรศิลานั้นอยู่ไกลจากเมืองจักรพรรดินครเมตตาทำให้ได้ยินข่าวช้า ทีแรกข้าเองก็ไม่คิดจะเชื่อเหมือนพวกเจ้านี่แหละแต่สหายของข้าผู้หนึ่งได้เดินทางไปถึงที่หมู่บ้านนี้เพื่อขอรับโอสถ จนสุดท้ายก็ถึงขั้นบรรลุขึ้นมาได้!”

คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง!

พี่ปาผู้นี้เป็นถึงราชันพระเจ้าสามดาว การที่จะเป็นสหายกับเขาได้มันย่อมจะหมายความว่าอีกฝ่ายนั้นย่อมเป็นราชันพระเจ้าเช่นกัน

การทำให้ราชันพระเจ้าบรรลุขึ้นได้ง่ายๆ เช่นนั้นมันย่อมมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้

“พี่ปา ยอดคนเช่นนี้มีหรือที่จะไปขอให้เขาช่วยหลอมโอสถได้ง่ายๆ?” เสียงแห่งความสงสัยได้ถามขึ้น

พี่ปาคนนั้นจึงยิ้มตอบ “ไหนเมื่อกี้เจ้ายังไม่เชื่อมิใช่หรือ?”

คนถามจึงได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “มันมิใช่ว่าข้าไม่เชื่อถือเลย แต่เรื่องราวเช่นนี้ใครจะไปเชื่อลงได้ง่ายๆ!”

ทางพี่ปาคนนั้นเองเมื่อได้โอกาสก็จึงเผยยิ้มออกมาด้วยความอวดรู้ “การขอให้อาจารย์หนิงหลอมโอสถให้นั้น จะว่าง่ายมันก็แสนง่าย แต่จะว่ายากมันก็แสนยาก อยู่ที่ว่าพวกเจ้าจะมีปัญหาทำตามใจเขาได้หรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันถึงเกิดคำถามขึ้นมาอีกครั้ง “โห? หมายความว่าอย่างไรกันเล่า?”

พี่ปาคนนั้นจึงยิ้มตอบกลับมา “อาจารย์ผู้นี้ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากตำราวิชาโอสถ! หากเจ้ามีตำราโอสถแล้วเขาก็จะช่วยหลอมโอสถให้เจ้าอย่างไม่อิดออดใดๆ เพียงแค่ว่าปีก่อนๆ มันอาจจะยังง่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้าตำราที่อาจารย์ผู้นี้มันก็ยิ่งจะเพิ่มพูนขึ้นจนเริ่มที่เล่มที่ซ้ำกันขึ้นเรื่อยๆ มันจึงเป็นการยากขึ้นมากหากคิดจะขอให้เขาช่วยหลอมโอสถ สหายของข้าผู้นั้นเองก็แค่โชคดีเคยได้ตำราวิชาโอสถมาในสมัยเด็กๆ และพอดีว่าเป็นเล่มที่อาจารย์เขาไม่มีจึงได้รับโอกาสมาด้วยโชคล้วนๆ”

ทุกผู้คนที่ได้ยินจึงร้องขึ้นมาแทบพร้อมๆ กัน “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น!”

แต่ทางพี่ปากลับยังไม่คิดจะหยุดพูดด้วยท่าทางอวดรู้ “ที่สำคัญไปกว่านั้นคือข้าได้ยินมาว่าอาจารย์หนิงผู้นี้ไม่มีปราณเทวะใดร่างกายใดๆ เขานั้นใช้เพียงแค่ค่ายกลในการหลอมโอสถ! แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นโอสถที่เขาหลอมออกมานั้นมันก็มีคุณภาพสูงส่งไม่เคยจะตกต่ำกว่าขั้นเทวะเลย! โอสถใดๆ ที่เขาเคยหลอมมานั้นต่างมีราคาสูงลิบที่สำคัญคือไม่อาจจะหาซื้อได้ง่ายๆ เสียด้วยซ้ำ!”

เมื่อเหล่าเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็ต้องเดาะลิ้นอย่างลำบากใจ

ไม่ไกลจากโต๊ะที่คนทั้งห้านั่งกินกันอยู่นี้มันมีชายหญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

หญิงสาวคนนั้นใส่ผ้าปิดคลุมใบหน้าไว้ด้วยร่างกายที่สั่นเทา

ฝ่ายชายนั้นได้ถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวขึ้น “ยิ่งตั้งความหวังมาก มันก็ยิ่งจะผิดหวังมาก! คนที่พวกเขาทั้งหลายพูดถึงนี้คือ ‘อาจารย์หนิง’”

หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็สงบสติลงได้ทันที “ต่อให้ข้าจะต้องบุกเขาผ่าแผ่นดินหาข้าก็ต้องตามหานายน้อยให้เจอ!”

ฝ่ายชายจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “ข้าล่ะอิจฉาเขาจริงๆ มีคนเช่นพวกเจ้าทั้งหลายนี้รักมากมายปานนี้”

พูดจบชายคนนั้นก็วางผลึกปราณเทวะลงบนโต๊ะพร้อมกล่าว “ไปเถอะ ข้าหวังว่าครั้งนี้มันจะไม่เป็นการเสียเวลาเปล่าอีก”

หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินหายจากร้านจันทร์แจ่ม

กว่าหกสิบปีมานี้หมู่บ้านน้อยๆ นั้นมันได้กลายเป็นที่สุดแสนคึกคักแหล่งรวมผู้คน

หมู่บ้านตระกูลเฉินนั้นมียอดฝีมือไปมาอยู่มากมายในแต่ละวัน

หกสิบปีมานี้อาจารย์หนิงมีชื่อเสียงดังลั่นลือไปทั่วแดน เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างเดินทางมาเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากเขาสิ้น

มันถึงขั้นทำให้เมืองหลวง เมืองจักรพรรดิและแม้แต่เมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหลายต้องหันมาสนใจ

เวลาแค่หกสิบปีนี้นอกจากการหลอมโอสถแล้วเย่หยวนก็ทำเพียงแค่สิ้นเดียว นั่นคือการอ่าน!

ตำราโอสถทั้งหลายนั้นถูกเก็บไว้จนเต็มบ้านหลังใหญ่เป็นห้องสมุดขนาดย่อม และในทุกๆ วันเขาก็จะใช้เวลเกือบทั้งหมดไปในที่แห่งนี้

เขานั้นไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดๆ ในกาลก่อนได้แต่สิ่งที่ทำให้เขาเหมือนจะนึกเรื่องราวเหล่านั้นออกมันก็คือการหลอมโอสถและอ่านอ่านตำราโอสถทั้งหลายนี้

เมื่อได้ลองอ่านวิชาความรู้จากทั่วทุกมุมโลก ความรู้ที่เย่หยวนมีมันก็ยิ่งเติบโตขึ้นมากกว่าเก่า

เพราะนี่คือวิธีการหาความรู้จากทั่วทุกมุมโลก ทำให้เต๋าโอสถของเย่หยวนได้พัฒนาไปอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ตัวได้

ด้วยพลังการหลอมโอสถที่เย่หยวนแสดงออกกมานั้นมันย่อมจะเคยได้มีคนร้ายที่หมายทำเรื่องไม่ดีงามอยู่บ้าง

แต่วันหนึ่งได้มีนภาสวรรค์ที่คิดไม่ดีมาถึงยังหมู่บ้านนี้และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นับตั้งแต่วันนั้นมาก็ไม่มีใครกล้าจะมาหาเรื่องกับหมู่บ้านตระกูลเฉินอีก

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า อาการบาดเจ็บของเย่หยวนก็ยิ่งฟื้นตัวมากขึ้น

แม้ว่าจนทุกวันนี้ร่างกายของเขาจะยังไม่อาจสะสมปราณได้แต่ด้วยเวลากว่าหกสิบปีนี้มันก็ทำให้ร่างกายเนื้อของเขานั้นฟื้นคืนกลับมาได้ราวสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

แน่นอนว่านักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ทั่วๆ ไปย่อมไม่อาจทำเรื่องราวใดๆ แก่เขาได้

“อาหนิง มีคนมาขอโอสถอีกแล้ว! ครานี้พวกเขาว่าตนเองมีตำราที่หมู่บ้านเราไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!” อาซิ่วเดินเข้ามาบอกเย่หยวนด้วยสีหน้าร่าเริง

เย่หยวนจึงวางแผ่นหยกในมือลงก่อนจะเบิกตากว้างถามขึ้น “เช่นนั้นหรือ? หากให้พูดถึงตำราโอสถที่ข้ามีเวลานี้ สิ่งที่ข้าขาดไปมันคงมีอีกไม่มากแล้ว เวลาหกสิบปีมานี้ นานวันเข้าข้าก็แทบจะไม่ได้เจอตำราที่ไม่เคยอ่านมาก่อนอีก! รีบๆ พาข้าไปหาพวกเขาเถอะ!”

อาซิ่วพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำเย่หยวนไป

ผู้มาถึงนี้เป็นคู่ชายหญิง เมื่อเย่หยวนเห็นคนทั้งสองเขาก็รีบยกมือขึ้นมาคารวะอีกฝ่าย “ข้าสงสัยเหลือเกินว่าท่านทั้งสองคิดอยากได้โอสถใดหรือ?”

ชายหญิงคู่นั้นไม่ได้กล่าวตอบใดๆ มาแต่สายตาของคนทั้งสองต่างจ้องมองเย่หยวนอย่างไม่อาจขยับด้วยร่างกายสั่นเทา

ฝ่ายหญิงสาวนั้นรีบยกมือขึ้นเปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าสวยงามปานเทพธิดา

เมื่ออาซิ่วได้เห็นเช่นนั้นนางก็รู้สึกอับอายในตัวขึ้นมา

เพราะใบหน้าของนางผู้นี้มันสวยงามจนแม้แต่นางก็ยังต้องหลงใหล หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ก็มีได้หรือ?

แต่ทว่าสีหน้าของหญิงสาวนางนี้มันไม่ปกติ

ดวงตาของนางนั้นเบิกกว้าง เมื่อเปิดหน้าออกมานั้นดวงตาของนางกลับมีน้ำตาไหลนอง

นางนั้นจ้องมองดูเย่หยวนด้วยลมหายใจที่สั่นรัว “นายน้อย ลู่เอ๋อรู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องรอดออกมาได้!”

………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2207 สวรรค์มีตา!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2207 สวรรค์มีตา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้ตะวันส่องแสงสูงเหนือหัวภายในร้านอาหารจันทร์แจ่มนั้นเปี่ยมล้นด้วยผู้คนที่ต่างพูดกล่าวเรื่องราวของตนออกมาจนแทบไม่อาจฟังออกได้ว่าเสียงของใครเป็นเสียงใคร

ในฐานะร้านอาหารอันดับหนึ่งของเมืองจักรพรรดิมังกรศิลา ที่แห่งนี้มันจึงเป็นแหล่งที่มีผู้คนเดินทางไกลจากทั่วแดนมานั่งลงพักกินอาหารกัน

ในเวลานี้มันมีโต๊ะหนึ่งที่นั่งรายล้อมด้วยนักยุทธถึงห้าคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ชายผู้มีแผลยาวบนใบหน้ากล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าได้ยินกันมาหรือไม่? หลายปีก่อนมันมียอดคนปรากฏตัวขึ้นที่ทางแดนตะวันออกของเมืองจักรพรรดินครเมตตา!”

เมื่อเขาพูดเปิดหัวเรื่องมาเช่นนี้ทุกผู้คนต่างก็ย่อมจะหันมามองด้วยความสนใจ

ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกันนั้นจึงได้ร้องถามขึ้นอย่างสงสัย “พี่ปา ท่านนั้นเป็นคนที่รู้เรื่องราวมากที่สุด ไหนลองเล่ามาหน่อยสิว่ามันเป็นยอดคนแบบใด”

พี่ปาจึงได้หัวเราะกลับมา “ยอดคนผู้นี้มิใช่คนจากเมืองจักรพรรดินครเมตตา แต่เขานั้นเป็นคนจากหมู่บ้านกลางเขาในดินแดนของเมืองจักรพรรดินครเมตตา! เขานั้นมีนามว่าอาจารย์หนิง เป็นยอดฝีมือผู้มีวิชาโอสถเหนือฟ้าดิน!”

เพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนจึงได้กล่าวขึ้นมาขัด “ฮ่าๆ พี่ปา เจ้าก็จะพูดจาไร้สาระไปแล้ว! ยอดคนใดมันจะเกิดขึ้นมาในหมู่บ้านกลางเขาได้?”

เมื่อทางพี่ปาได้ยินเขาก็ยิ้มเยาะออกมาทันที “เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร?! อาจารย์หนิงที่ข้าพูดถึงผู้นี้เขาได้ปรากฏตัวสู่โลกหล้าเมื่อประมาณหกสิบปีก่อนพร้อมเปลี่ยนคนสามัญในหมู่บ้านน้อยๆ กลางเขานั้นให้กลายเป็นนักยุทธอาณาจักรปฐมพระเจ้าสิ้นในคืนเดียว! ในเวลานี้เวลาผ่านไปกว่าหกสิบปีเหล่านักยุทธที่ติดตามรับใช้เขานั้นก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรราชันพระเจ้ากันสิ้น! หมู่บ้านน้อยๆ นั้นมันได้กลายเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยราชันพระเจ้าไปแล้ว!”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาคนทั้งสี่ที่เหลือต่างก็ต้องเบิกตากว้างสูดหายใจลึก

เปลี่ยนคนสามัญทั้งหมู่บ้านให้กลายเป็นราชันพระเจ้า มันเป็นเรื่องราวเช่นใด?

ในเวลาแค่หกสิบปีการจะเปลี่ยนให้สามัญชนกลายเป็นราชันพระเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ทำได้หรือ?

เพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนจึงได้กล่าวขึ้นมาพร้อมส่ายหัว “พี่ปา เจ้า… เจ้าเองก็พูดจาไร้สาระแล้ว เรื่องราวเช่นนั้นต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวมันก็คงไม่มีทางทำได้หรอกใช่หรือไม่?”

พี่ปาคนนั้นยกเหล้าขึ้นมาซดก่อนจะเล่าต่อ “เพราะฉะนั้นข้าจึงได้บอกไงว่าเขานั้นเป็นยอดคน! เวลานี้เหล่าคนใหญ่คนโตจากเมืองจักรพรรดิรอบๆ ต่างไปรวมตัวกันที่หมู่บ้านนั้นสิ้น! เมืองจักรพรรดิมังกรศิลานั้นอยู่ไกลจากเมืองจักรพรรดินครเมตตาทำให้ได้ยินข่าวช้า ทีแรกข้าเองก็ไม่คิดจะเชื่อเหมือนพวกเจ้านี่แหละแต่สหายของข้าผู้หนึ่งได้เดินทางไปถึงที่หมู่บ้านนี้เพื่อขอรับโอสถ จนสุดท้ายก็ถึงขั้นบรรลุขึ้นมาได้!”

คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง!

พี่ปาผู้นี้เป็นถึงราชันพระเจ้าสามดาว การที่จะเป็นสหายกับเขาได้มันย่อมจะหมายความว่าอีกฝ่ายนั้นย่อมเป็นราชันพระเจ้าเช่นกัน

การทำให้ราชันพระเจ้าบรรลุขึ้นได้ง่ายๆ เช่นนั้นมันย่อมมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้

“พี่ปา ยอดคนเช่นนี้มีหรือที่จะไปขอให้เขาช่วยหลอมโอสถได้ง่ายๆ?” เสียงแห่งความสงสัยได้ถามขึ้น

พี่ปาคนนั้นจึงยิ้มตอบ “ไหนเมื่อกี้เจ้ายังไม่เชื่อมิใช่หรือ?”

คนถามจึงได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “มันมิใช่ว่าข้าไม่เชื่อถือเลย แต่เรื่องราวเช่นนี้ใครจะไปเชื่อลงได้ง่ายๆ!”

ทางพี่ปาคนนั้นเองเมื่อได้โอกาสก็จึงเผยยิ้มออกมาด้วยความอวดรู้ “การขอให้อาจารย์หนิงหลอมโอสถให้นั้น จะว่าง่ายมันก็แสนง่าย แต่จะว่ายากมันก็แสนยาก อยู่ที่ว่าพวกเจ้าจะมีปัญหาทำตามใจเขาได้หรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันถึงเกิดคำถามขึ้นมาอีกครั้ง “โห? หมายความว่าอย่างไรกันเล่า?”

พี่ปาคนนั้นจึงยิ้มตอบกลับมา “อาจารย์ผู้นี้ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากตำราวิชาโอสถ! หากเจ้ามีตำราโอสถแล้วเขาก็จะช่วยหลอมโอสถให้เจ้าอย่างไม่อิดออดใดๆ เพียงแค่ว่าปีก่อนๆ มันอาจจะยังง่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้าตำราที่อาจารย์ผู้นี้มันก็ยิ่งจะเพิ่มพูนขึ้นจนเริ่มที่เล่มที่ซ้ำกันขึ้นเรื่อยๆ มันจึงเป็นการยากขึ้นมากหากคิดจะขอให้เขาช่วยหลอมโอสถ สหายของข้าผู้นั้นเองก็แค่โชคดีเคยได้ตำราวิชาโอสถมาในสมัยเด็กๆ และพอดีว่าเป็นเล่มที่อาจารย์เขาไม่มีจึงได้รับโอกาสมาด้วยโชคล้วนๆ”

ทุกผู้คนที่ได้ยินจึงร้องขึ้นมาแทบพร้อมๆ กัน “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น!”

แต่ทางพี่ปากลับยังไม่คิดจะหยุดพูดด้วยท่าทางอวดรู้ “ที่สำคัญไปกว่านั้นคือข้าได้ยินมาว่าอาจารย์หนิงผู้นี้ไม่มีปราณเทวะใดร่างกายใดๆ เขานั้นใช้เพียงแค่ค่ายกลในการหลอมโอสถ! แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นโอสถที่เขาหลอมออกมานั้นมันก็มีคุณภาพสูงส่งไม่เคยจะตกต่ำกว่าขั้นเทวะเลย! โอสถใดๆ ที่เขาเคยหลอมมานั้นต่างมีราคาสูงลิบที่สำคัญคือไม่อาจจะหาซื้อได้ง่ายๆ เสียด้วยซ้ำ!”

เมื่อเหล่าเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็ต้องเดาะลิ้นอย่างลำบากใจ

ไม่ไกลจากโต๊ะที่คนทั้งห้านั่งกินกันอยู่นี้มันมีชายหญิงสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

หญิงสาวคนนั้นใส่ผ้าปิดคลุมใบหน้าไว้ด้วยร่างกายที่สั่นเทา

ฝ่ายชายนั้นได้ถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวขึ้น “ยิ่งตั้งความหวังมาก มันก็ยิ่งจะผิดหวังมาก! คนที่พวกเขาทั้งหลายพูดถึงนี้คือ ‘อาจารย์หนิง’”

หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็สงบสติลงได้ทันที “ต่อให้ข้าจะต้องบุกเขาผ่าแผ่นดินหาข้าก็ต้องตามหานายน้อยให้เจอ!”

ฝ่ายชายจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “ข้าล่ะอิจฉาเขาจริงๆ มีคนเช่นพวกเจ้าทั้งหลายนี้รักมากมายปานนี้”

พูดจบชายคนนั้นก็วางผลึกปราณเทวะลงบนโต๊ะพร้อมกล่าว “ไปเถอะ ข้าหวังว่าครั้งนี้มันจะไม่เป็นการเสียเวลาเปล่าอีก”

หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินหายจากร้านจันทร์แจ่ม

กว่าหกสิบปีมานี้หมู่บ้านน้อยๆ นั้นมันได้กลายเป็นที่สุดแสนคึกคักแหล่งรวมผู้คน

หมู่บ้านตระกูลเฉินนั้นมียอดฝีมือไปมาอยู่มากมายในแต่ละวัน

หกสิบปีมานี้อาจารย์หนิงมีชื่อเสียงดังลั่นลือไปทั่วแดน เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างเดินทางมาเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากเขาสิ้น

มันถึงขั้นทำให้เมืองหลวง เมืองจักรพรรดิและแม้แต่เมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหลายต้องหันมาสนใจ

เวลาแค่หกสิบปีนี้นอกจากการหลอมโอสถแล้วเย่หยวนก็ทำเพียงแค่สิ้นเดียว นั่นคือการอ่าน!

ตำราโอสถทั้งหลายนั้นถูกเก็บไว้จนเต็มบ้านหลังใหญ่เป็นห้องสมุดขนาดย่อม และในทุกๆ วันเขาก็จะใช้เวลเกือบทั้งหมดไปในที่แห่งนี้

เขานั้นไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดๆ ในกาลก่อนได้แต่สิ่งที่ทำให้เขาเหมือนจะนึกเรื่องราวเหล่านั้นออกมันก็คือการหลอมโอสถและอ่านอ่านตำราโอสถทั้งหลายนี้

เมื่อได้ลองอ่านวิชาความรู้จากทั่วทุกมุมโลก ความรู้ที่เย่หยวนมีมันก็ยิ่งเติบโตขึ้นมากกว่าเก่า

เพราะนี่คือวิธีการหาความรู้จากทั่วทุกมุมโลก ทำให้เต๋าโอสถของเย่หยวนได้พัฒนาไปอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ตัวได้

ด้วยพลังการหลอมโอสถที่เย่หยวนแสดงออกกมานั้นมันย่อมจะเคยได้มีคนร้ายที่หมายทำเรื่องไม่ดีงามอยู่บ้าง

แต่วันหนึ่งได้มีนภาสวรรค์ที่คิดไม่ดีมาถึงยังหมู่บ้านนี้และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นับตั้งแต่วันนั้นมาก็ไม่มีใครกล้าจะมาหาเรื่องกับหมู่บ้านตระกูลเฉินอีก

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า อาการบาดเจ็บของเย่หยวนก็ยิ่งฟื้นตัวมากขึ้น

แม้ว่าจนทุกวันนี้ร่างกายของเขาจะยังไม่อาจสะสมปราณได้แต่ด้วยเวลากว่าหกสิบปีนี้มันก็ทำให้ร่างกายเนื้อของเขานั้นฟื้นคืนกลับมาได้ราวสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

แน่นอนว่านักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ทั่วๆ ไปย่อมไม่อาจทำเรื่องราวใดๆ แก่เขาได้

“อาหนิง มีคนมาขอโอสถอีกแล้ว! ครานี้พวกเขาว่าตนเองมีตำราที่หมู่บ้านเราไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!” อาซิ่วเดินเข้ามาบอกเย่หยวนด้วยสีหน้าร่าเริง

เย่หยวนจึงวางแผ่นหยกในมือลงก่อนจะเบิกตากว้างถามขึ้น “เช่นนั้นหรือ? หากให้พูดถึงตำราโอสถที่ข้ามีเวลานี้ สิ่งที่ข้าขาดไปมันคงมีอีกไม่มากแล้ว เวลาหกสิบปีมานี้ นานวันเข้าข้าก็แทบจะไม่ได้เจอตำราที่ไม่เคยอ่านมาก่อนอีก! รีบๆ พาข้าไปหาพวกเขาเถอะ!”

อาซิ่วพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำเย่หยวนไป

ผู้มาถึงนี้เป็นคู่ชายหญิง เมื่อเย่หยวนเห็นคนทั้งสองเขาก็รีบยกมือขึ้นมาคารวะอีกฝ่าย “ข้าสงสัยเหลือเกินว่าท่านทั้งสองคิดอยากได้โอสถใดหรือ?”

ชายหญิงคู่นั้นไม่ได้กล่าวตอบใดๆ มาแต่สายตาของคนทั้งสองต่างจ้องมองเย่หยวนอย่างไม่อาจขยับด้วยร่างกายสั่นเทา

ฝ่ายหญิงสาวนั้นรีบยกมือขึ้นเปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าสวยงามปานเทพธิดา

เมื่ออาซิ่วได้เห็นเช่นนั้นนางก็รู้สึกอับอายในตัวขึ้นมา

เพราะใบหน้าของนางผู้นี้มันสวยงามจนแม้แต่นางก็ยังต้องหลงใหล หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ก็มีได้หรือ?

แต่ทว่าสีหน้าของหญิงสาวนางนี้มันไม่ปกติ

ดวงตาของนางนั้นเบิกกว้าง เมื่อเปิดหน้าออกมานั้นดวงตาของนางกลับมีน้ำตาไหลนอง

นางนั้นจ้องมองดูเย่หยวนด้วยลมหายใจที่สั่นรัว “นายน้อย ลู่เอ๋อรู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องรอดออกมาได้!”

………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+