Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2209 เต๋าบรรลุ จิตศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟู!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2209 เต๋าบรรลุ จิตศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟู! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง ปัง ปัง…

คลื่นพลังรุนแรงล้ำนั้นแผ่กระจายไปทั่วทั้งเขา

ยิ่งหลินฉางชิงสู้ไปมากเท่าใด เขาก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นมากเท่านั้น!

เพราะเวลานี้เขาได้ใช้พลังจนถึงขีดสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วแต่ค่ายกลของเย่หยวนนั้นก็ยังคงรับการโจมตีของเขาไว้ได้สิ้น!

ทำไมเจ้าหมอนี่มันจึงยังแข็งแกร่งได้ปานนี้?

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะกันพลังโจมตีของข้าได้สิ้น!”

หลินฉางชิงนั้นยิ่งสู้ไปก็ยิ่งเครื่องร้อนขึ้นจนเผลอปล่อยพลังออกมามากขึ้นกว่าเก่าเรื่อยๆ จนก้าวขึ้นถึงพลังระดับเทพสวรรค์ในที่สุด!

เมื่อคลื่นพลังระดับเทพสวรรค์ปรากฏแล้ว ฟ้าดินมันย่อมจะเปลี่ยนสีไปอย่างแท้จริง

ในป่ารกร้างนี้มันไม่มีตัวตนใดที่สูงส่งถึงปานนั้น

เวลานี้เหล่าสัตว์ร้ายทั้งหลายบนเขาผ่อนสงบต่างวิ่งหนีหาที่หลบกันอย่างไม่คิดชีวิต

ทางเย่หยวนเอง ยิ่งได้รับการโจมตีไปมากเท่าใด ฝ่ามือของเขาก็ยิ่งวาดค่ายกลที่ลึกล้ำมากขึ้นเท่านั้น

ในเวลาหกสิบปีมานี้เย่หยวนได้ศึกษาผสานเต๋าค่ายกลเข้ากับการหลอมโอสถ จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าตนเองอยู่ในระดับใดกันแน่

แต่เรื่องความเก่งกาจนั้นไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย!

ด้วยเวลากว่าหกสิบปีมานี้เย่หยวนย่อมจะได้ผลึกปราณเทวะไว้ไม่น้อย ทำให้เขาสามารถเขียนค่ายกลลงได้อย่างไม่มีคำว่าหยุดพัก

ปัง ปัง ปัง…

เสียงระเบิดดังสนั่นยังคงดังต่อไป

แต่พลังของค่ายกลที่เย่หยวนเขียนนั้นมันกลับรุนแรงหนักหน่วงมากขึ้นกว่าเก่าอย่างไม่อาจเชื่อป้องกันการโจมตีของหลินฉางชิงไว้สิ้น

ชาวบ้านทั้งหลายที่ได้เห็นต่างต้องอ้าปากค้าง เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้เห็นว่าอาหนิงนั้นเก่งกาจได้ปานใด!

“ที่แท้นี่คือฝีมือของอาหนิง!”

“พระเจ้าช่วย หมู่บ้านเราไปเจอจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเข้าจริงๆ หรือนี่!”

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องนั่งนิ่ง “ข้าเกรงว่า… อาหนิงคงมิใช่แค่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ! เฮ้อ สุดท้ายวันนี้มันก็มาถึงสินะ!”

พูดมาถึงตรงนี้ตัวเฉินหยานก็ได้แต่ถอนหายใจ

เพราะเขานั้นเข้าใจดีว่าอีกไม่นานเย่หยวนคงต้องจากพวกเขาทั้งหลายไปแล้ว!

เวลาหกสิบปีมานี้เย่หยวนได้สร้างความเจริญให้แก่หมู่บ้านตระกูลเฉินอย่างไม่อาจนับ ทำให้พวกเขาทั้งหลายนั้นแทบได้เกิดใหม่

เวลานี้หมู่บ้านตระกูลเฉินนั้นมีอำนาจมากพอจะเอาชนะได้แม้แต่เมืองหลวงจักรพรรดิ!

ในเวลาแค่หกสิบปีนี้สำหรับนักยุทธทั่วๆ ไปนั้นมันย่อมไม่พอแม้แต่จะก้าวจากอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นต้นขึ้นขั้นกลางเสียด้วยซ้ำ

แต่เย่หยวนกลับเปลี่ยนให้ชาวบ้านทั้งหลายกลายเป็นราชันพระเจ้าได้

มันต้องเป็นพลังที่เหนือล้ำฟ้าดินปานใด!

ยิ่งตัวหลินฉางชิงสู้ไปเขาก็ยิ่งตกตะลึงจนเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลานี้เขาเริ่มใช้การผสานแนวคิดสองอย่างเข้าด้วยกันแต่ก็ยังไม่อาจพังค่ายกลของเย่หยวนนี้ลงได้

‘ให้ตายสิ! ไม่อาจจะกระตุ้นใดๆ มันได้ เป็นฝ่ายข้าที่ถูกบังคับให้ใช้กำลังฝีมือที่แท้ออกมาแทน! ขยะที่ไม่มีแม้แต่พลังปราณเทวะเช่นนี้กลับทำให้ข้าต้องเอาจริงหรือ? เจ้าหมอนี่มันยังเป็นคนอยู่จริงๆ หรือไม่?’ หลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องร่ำขึ้นในใจ

เพราะเย่หยวนนี้ได้ทำให้สามัญสำนึกของหลินฉางชิงพังทลายลงอีกครั้ง

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันคือคนพิการอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ต่อให้เย่หยวนจะพิการเขาก็ยังไม่อาจจะวางตัวเหนืออีกฝ่ายได้

“ไม่รู้ด้วยแล้ว! หากเจ้าตายก็โทษตัวเองไปเถอะ!”

หลินฉางชิงร้องขึ้นมาด้วยจิตใจที่รุ่มร้อนก่อนจะยกระดับพลังขึ้นมาจนถึงพลังที่แท้จริงของตนเอง พลังของเทพสวรรค์สองดาว

พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ได้ใช้พลังของการผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันจนมิติเริ่มแตกร้าว

ปัง ปัง ปัง…

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกชุดหนึ่ง!

แต่ครั้งนี้เย่หยวนไม่อาจจะทนรับมันไว้ได้ไหว

ค่ายกลหลายชั้นที่เขาวาดไว้นั้นเริ่มค่อยๆ แตกสลายลงเร็วเกินกว่าที่เขาจะวาดลงใหม่ได้ทัน

“ฮ่าๆๆ… ขอดูหน่อยเถอะว่าจะยังโอหังไปได้อีกนานเท่าใด! ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าก้มหัวลงให้ได้!” หลินฉางชิงร้องบอกด้วยเสียงหัวเราะลั่น

แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับค่อยๆ หลับตาลง!

“หืม? แปลกๆ แล้ว!”

หลินฉางชิงนั้นมีสัญชาตญาณที่ดีจึงสัมผัสได้ทันทีว่าค่ายกลของเย่หยวนมันกำลังก้าวเข้าสู่จุดสมบูรณ์ภายใต้แรงกดดันจากตัวเขานี้

เพราะคลื่นพลังที่มันสะท้อนกลับมาค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!

ด้วยสายตาของหลินฉางชิง เขาย่อมเข้าใจได้

แม้ว่าเย่หยวนจะมีค่ายกลที่ทรงพลังเป็นทุนเดิม แต่พวกมันทั้งหลายนั้นแยกเป็นชั้นไม่ได้รวมเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง

ทำให้ค่ายกาลสามารถถูกพลังทลายลงได้ทีละชั้นๆ

แต่เวลานี้ค่ายกลที่ไม่เป็นระเบียบนั้นมันกลับค่อยๆ แสดงความเป็นหนึ่งเดียวออกมา!

“เจ้าหมอนี่มันกลับคิดยืมพลังของข้าฝึกค่ายกลตนเองหรือ! บ้าไปแล้ว! เจ้านี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้! ได้สิ ในเมื่อจะเอาเช่นนั้น ข้าก็พร้อมสนองให้!”

หลินฉางชิงร้องขึ้นพร้อมชักดาบยาวออกมาในที่สุด

ดาบเมฆาครามขนนกแท้!

นี่คือไม้ตายของหลินฉางชิง!

การผสานพลังสามแนวคิดเข้านี้มันทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นในมิติโดยรอบ

สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันที

ลู่เอ๋อที่เห็นเช่นนั้นร้องลั่นออกมา “หลินฉางชิง เจ้าจะทำอะไรของเจ้า?”

นางนั้นไม่ได้มีเวลาให้คิดมากมาย เวลานี้นางจึงพุ่งตัวเข้ามาบังหน้าเย่หยวนไว้อย่างไม่ได้คิด

เพราะเวลานี้ความคิดเดียวที่มีในหัวนางคือ ปกป้องเย่หยวน!

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองทางเย่หยวนก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมยกมือวาดค่ายกลกลางอากาศด้วยผลึกปราณเทวะระดับสูง

พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังแห่งแนวคิดตกลงมาทับร่างของเย่หยวน

“มหาค่ายกลร้อยสำนักผนึกเก้าสวรรค์ ผนึก!”

เสียงนั้นดังออกมาจากปากของเย่หยวนพร้อมด้วยมหาค่ายกลที่เกิดขึ้นมากลางอากาศ

ในวินาทีนั้นมันราวกับว่าอากาศได้แข็งตัวขึ้น

ปัง!

ดาบเมฆาครามขนนกแท้ของหลินฉางชิงนั้นปะทะเข้ากับค่ายกลอย่างแรงแต่ค่ายกลนี้กลับไม่สั่นสะท้านแม้แต่น้อย

เมื่อจบเรื่องเย่หยวนก็นั่งลงขัดสมาธิกับพื้นทันทีพร้อมปล่อยให้พลังแห่งแนวคิดนั้นไหลลงมาอย่างอิสระ

ภายในค่ายกลนั้นหลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องบอก “แบบนี้ก็ได้เรอะ? เจ้าหมอนี่มันจะบรรลุทั้งๆ อย่างนี้เลยหรือ?”

แต่หลังตั้งสติได้เขาก็ได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในค่ายกลจนต้องร้องออกมา “ปล่อยข้านะเจ้าบ้านี่!”

มหาค่ายกลร้อยสำนักผนึกเก้าสวรรค์นั้นมันแข็งแกร่งมาก ปิดผนึกมิติรอบด้านไว้สิ้นแม้แต่ดาบเมฆาครามขนนกแท้เองก็ยังไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน คิดอยากหนีออกไปมันคงไม่มีทางเป็นไปได้

หกสิบปีมานี้เย่หยวนได้อ่านหนังสือตำราโอสถไปมากมายทั้งยังได้สร้างค่ายกลออกมาเพื่อรองรับกับวิชาในตำราทั้งหลายนั้นนับไม่ถ้วน

จะว่าบอกว่ามันคือผลลัพธ์จากการผสานความรู้ของค่ายสำนักนับร้อยก็คงไม่ผิด

และความรู้ทั้งหลายนี้มันเหมือนได้ฝังลงในร่างกายของเขาไปแล้ว

ต่อให้เขาจะไม่อาจจดจำเรื่องราวใดๆ ได้แต่เขาก็ใช้เพียงสัญชาตญาณจนบรรลุขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแค่ว่าเมื่อพัฒนาเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถขึ้นมาเรื่อยๆ เขาย่อมจะเจอเข้ากับสภาพคอขวด

หกสิบปีมานี้ เขาย่อมได้แต่ต้องเรียนรู้มันแยกจากกัน ไม่อาจหลอมผสานมันเข้าด้วยกันได้

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หลินฉางชิงสร้างขึ้นมาวันนี้ ในที่สุดเย่หยวนก็ได้ค่อยๆ หลอมรวมความรู้ทั้งหกสิบปีนั้นเข้าด้วยกันและขึ้นมาถึงจุดสมบูรณ์ได้อย่างเหนือฟ้าดิน สร้างยอดมหาค่ายกลเช่นนี้ขึ้นในที่สุด

ส่วนอีกด้านทางเต๋าโอสถของเย่หยวนเองก็ได้พัฒนาขึ้นมาจนถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นกลางอย่างไม่ต้องลงแรงใดๆ!

นี่มันคือสิ่งที่ทะเลแห่งแนวคิดมอบให้แก่ตัวเขา!

เมื่อแนวคิดปรากฏออกมา พลังจากจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนขึ้น

หลินฉางชิงที่เห็นต้องร้องลั่น “เจ้าหมอนี่กลับบรรลุเต๋าโอสถได้อีก! จิตศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ฟื้นฟู เช่นนี้ความทรงจำของมันจะกลับมาได้หรือไม่กัน!”

แต่ลู่เอ๋อนั้นกลับยิ้มกว้างออกมาด้วยน้ำตา “กลับมาแน่! กลับมาได้แน่ๆ!”

ชาวบ้านทั้งหลายที่ได้เห็นต่างสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างของเย่หยวนจนต้องก้มหัวลงกราบจรดพื้น

เฉินหยานนั้นได้แต่ยิ้มออกมา “ที่แท้นี่คือพลังของอาหนิง! เขามิใช่คนที่จะอยู่กับเราได้เลยจริงๆ!”

ที่ด้านข้างนั้นอาซิ่วได้แต่ต้องกัดริมฝีปากแน่นพร้อมน้ำตาที่ไหลนอง

เมื่อเฉินหยานเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเย่หยวนก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้า เย่หยวนกลับมาแล้ว!”

เมื่อเย่หยวนลืมตาขึ้นลู่เอ๋อก็เข้าใจได้ทันทีว่านายน้อยของนางได้กลับมาแล้ว!

เย่หยวนหันไปมองที่ลู่เอ๋อด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความรู้สึกผิด “ลู่เอ๋อ หลายปีมานี้คงลำบากเจ้ามากแล้ว!”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2209 เต๋าบรรลุ จิตศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟู!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2209 เต๋าบรรลุ จิตศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟู! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง ปัง ปัง…

คลื่นพลังรุนแรงล้ำนั้นแผ่กระจายไปทั่วทั้งเขา

ยิ่งหลินฉางชิงสู้ไปมากเท่าใด เขาก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นมากเท่านั้น!

เพราะเวลานี้เขาได้ใช้พลังจนถึงขีดสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วแต่ค่ายกลของเย่หยวนนั้นก็ยังคงรับการโจมตีของเขาไว้ได้สิ้น!

ทำไมเจ้าหมอนี่มันจึงยังแข็งแกร่งได้ปานนี้?

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะกันพลังโจมตีของข้าได้สิ้น!”

หลินฉางชิงนั้นยิ่งสู้ไปก็ยิ่งเครื่องร้อนขึ้นจนเผลอปล่อยพลังออกมามากขึ้นกว่าเก่าเรื่อยๆ จนก้าวขึ้นถึงพลังระดับเทพสวรรค์ในที่สุด!

เมื่อคลื่นพลังระดับเทพสวรรค์ปรากฏแล้ว ฟ้าดินมันย่อมจะเปลี่ยนสีไปอย่างแท้จริง

ในป่ารกร้างนี้มันไม่มีตัวตนใดที่สูงส่งถึงปานนั้น

เวลานี้เหล่าสัตว์ร้ายทั้งหลายบนเขาผ่อนสงบต่างวิ่งหนีหาที่หลบกันอย่างไม่คิดชีวิต

ทางเย่หยวนเอง ยิ่งได้รับการโจมตีไปมากเท่าใด ฝ่ามือของเขาก็ยิ่งวาดค่ายกลที่ลึกล้ำมากขึ้นเท่านั้น

ในเวลาหกสิบปีมานี้เย่หยวนได้ศึกษาผสานเต๋าค่ายกลเข้ากับการหลอมโอสถ จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าตนเองอยู่ในระดับใดกันแน่

แต่เรื่องความเก่งกาจนั้นไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย!

ด้วยเวลากว่าหกสิบปีมานี้เย่หยวนย่อมจะได้ผลึกปราณเทวะไว้ไม่น้อย ทำให้เขาสามารถเขียนค่ายกลลงได้อย่างไม่มีคำว่าหยุดพัก

ปัง ปัง ปัง…

เสียงระเบิดดังสนั่นยังคงดังต่อไป

แต่พลังของค่ายกลที่เย่หยวนเขียนนั้นมันกลับรุนแรงหนักหน่วงมากขึ้นกว่าเก่าอย่างไม่อาจเชื่อป้องกันการโจมตีของหลินฉางชิงไว้สิ้น

ชาวบ้านทั้งหลายที่ได้เห็นต่างต้องอ้าปากค้าง เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้เห็นว่าอาหนิงนั้นเก่งกาจได้ปานใด!

“ที่แท้นี่คือฝีมือของอาหนิง!”

“พระเจ้าช่วย หมู่บ้านเราไปเจอจอมเทพโอสถเจ็ดดาวเข้าจริงๆ หรือนี่!”

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องนั่งนิ่ง “ข้าเกรงว่า… อาหนิงคงมิใช่แค่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ! เฮ้อ สุดท้ายวันนี้มันก็มาถึงสินะ!”

พูดมาถึงตรงนี้ตัวเฉินหยานก็ได้แต่ถอนหายใจ

เพราะเขานั้นเข้าใจดีว่าอีกไม่นานเย่หยวนคงต้องจากพวกเขาทั้งหลายไปแล้ว!

เวลาหกสิบปีมานี้เย่หยวนได้สร้างความเจริญให้แก่หมู่บ้านตระกูลเฉินอย่างไม่อาจนับ ทำให้พวกเขาทั้งหลายนั้นแทบได้เกิดใหม่

เวลานี้หมู่บ้านตระกูลเฉินนั้นมีอำนาจมากพอจะเอาชนะได้แม้แต่เมืองหลวงจักรพรรดิ!

ในเวลาแค่หกสิบปีนี้สำหรับนักยุทธทั่วๆ ไปนั้นมันย่อมไม่พอแม้แต่จะก้าวจากอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นต้นขึ้นขั้นกลางเสียด้วยซ้ำ

แต่เย่หยวนกลับเปลี่ยนให้ชาวบ้านทั้งหลายกลายเป็นราชันพระเจ้าได้

มันต้องเป็นพลังที่เหนือล้ำฟ้าดินปานใด!

ยิ่งตัวหลินฉางชิงสู้ไปเขาก็ยิ่งตกตะลึงจนเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลานี้เขาเริ่มใช้การผสานแนวคิดสองอย่างเข้าด้วยกันแต่ก็ยังไม่อาจพังค่ายกลของเย่หยวนนี้ลงได้

‘ให้ตายสิ! ไม่อาจจะกระตุ้นใดๆ มันได้ เป็นฝ่ายข้าที่ถูกบังคับให้ใช้กำลังฝีมือที่แท้ออกมาแทน! ขยะที่ไม่มีแม้แต่พลังปราณเทวะเช่นนี้กลับทำให้ข้าต้องเอาจริงหรือ? เจ้าหมอนี่มันยังเป็นคนอยู่จริงๆ หรือไม่?’ หลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องร่ำขึ้นในใจ

เพราะเย่หยวนนี้ได้ทำให้สามัญสำนึกของหลินฉางชิงพังทลายลงอีกครั้ง

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันคือคนพิการอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ต่อให้เย่หยวนจะพิการเขาก็ยังไม่อาจจะวางตัวเหนืออีกฝ่ายได้

“ไม่รู้ด้วยแล้ว! หากเจ้าตายก็โทษตัวเองไปเถอะ!”

หลินฉางชิงร้องขึ้นมาด้วยจิตใจที่รุ่มร้อนก่อนจะยกระดับพลังขึ้นมาจนถึงพลังที่แท้จริงของตนเอง พลังของเทพสวรรค์สองดาว

พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ได้ใช้พลังของการผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันจนมิติเริ่มแตกร้าว

ปัง ปัง ปัง…

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกชุดหนึ่ง!

แต่ครั้งนี้เย่หยวนไม่อาจจะทนรับมันไว้ได้ไหว

ค่ายกลหลายชั้นที่เขาวาดไว้นั้นเริ่มค่อยๆ แตกสลายลงเร็วเกินกว่าที่เขาจะวาดลงใหม่ได้ทัน

“ฮ่าๆๆ… ขอดูหน่อยเถอะว่าจะยังโอหังไปได้อีกนานเท่าใด! ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าก้มหัวลงให้ได้!” หลินฉางชิงร้องบอกด้วยเสียงหัวเราะลั่น

แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับค่อยๆ หลับตาลง!

“หืม? แปลกๆ แล้ว!”

หลินฉางชิงนั้นมีสัญชาตญาณที่ดีจึงสัมผัสได้ทันทีว่าค่ายกลของเย่หยวนมันกำลังก้าวเข้าสู่จุดสมบูรณ์ภายใต้แรงกดดันจากตัวเขานี้

เพราะคลื่นพลังที่มันสะท้อนกลับมาค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!

ด้วยสายตาของหลินฉางชิง เขาย่อมเข้าใจได้

แม้ว่าเย่หยวนจะมีค่ายกลที่ทรงพลังเป็นทุนเดิม แต่พวกมันทั้งหลายนั้นแยกเป็นชั้นไม่ได้รวมเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง

ทำให้ค่ายกาลสามารถถูกพลังทลายลงได้ทีละชั้นๆ

แต่เวลานี้ค่ายกลที่ไม่เป็นระเบียบนั้นมันกลับค่อยๆ แสดงความเป็นหนึ่งเดียวออกมา!

“เจ้าหมอนี่มันกลับคิดยืมพลังของข้าฝึกค่ายกลตนเองหรือ! บ้าไปแล้ว! เจ้านี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้! ได้สิ ในเมื่อจะเอาเช่นนั้น ข้าก็พร้อมสนองให้!”

หลินฉางชิงร้องขึ้นพร้อมชักดาบยาวออกมาในที่สุด

ดาบเมฆาครามขนนกแท้!

นี่คือไม้ตายของหลินฉางชิง!

การผสานพลังสามแนวคิดเข้านี้มันทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นในมิติโดยรอบ

สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันที

ลู่เอ๋อที่เห็นเช่นนั้นร้องลั่นออกมา “หลินฉางชิง เจ้าจะทำอะไรของเจ้า?”

นางนั้นไม่ได้มีเวลาให้คิดมากมาย เวลานี้นางจึงพุ่งตัวเข้ามาบังหน้าเย่หยวนไว้อย่างไม่ได้คิด

เพราะเวลานี้ความคิดเดียวที่มีในหัวนางคือ ปกป้องเย่หยวน!

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองทางเย่หยวนก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมยกมือวาดค่ายกลกลางอากาศด้วยผลึกปราณเทวะระดับสูง

พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังแห่งแนวคิดตกลงมาทับร่างของเย่หยวน

“มหาค่ายกลร้อยสำนักผนึกเก้าสวรรค์ ผนึก!”

เสียงนั้นดังออกมาจากปากของเย่หยวนพร้อมด้วยมหาค่ายกลที่เกิดขึ้นมากลางอากาศ

ในวินาทีนั้นมันราวกับว่าอากาศได้แข็งตัวขึ้น

ปัง!

ดาบเมฆาครามขนนกแท้ของหลินฉางชิงนั้นปะทะเข้ากับค่ายกลอย่างแรงแต่ค่ายกลนี้กลับไม่สั่นสะท้านแม้แต่น้อย

เมื่อจบเรื่องเย่หยวนก็นั่งลงขัดสมาธิกับพื้นทันทีพร้อมปล่อยให้พลังแห่งแนวคิดนั้นไหลลงมาอย่างอิสระ

ภายในค่ายกลนั้นหลินฉางชิงได้แต่ต้องร้องบอก “แบบนี้ก็ได้เรอะ? เจ้าหมอนี่มันจะบรรลุทั้งๆ อย่างนี้เลยหรือ?”

แต่หลังตั้งสติได้เขาก็ได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในค่ายกลจนต้องร้องออกมา “ปล่อยข้านะเจ้าบ้านี่!”

มหาค่ายกลร้อยสำนักผนึกเก้าสวรรค์นั้นมันแข็งแกร่งมาก ปิดผนึกมิติรอบด้านไว้สิ้นแม้แต่ดาบเมฆาครามขนนกแท้เองก็ยังไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน คิดอยากหนีออกไปมันคงไม่มีทางเป็นไปได้

หกสิบปีมานี้เย่หยวนได้อ่านหนังสือตำราโอสถไปมากมายทั้งยังได้สร้างค่ายกลออกมาเพื่อรองรับกับวิชาในตำราทั้งหลายนั้นนับไม่ถ้วน

จะว่าบอกว่ามันคือผลลัพธ์จากการผสานความรู้ของค่ายสำนักนับร้อยก็คงไม่ผิด

และความรู้ทั้งหลายนี้มันเหมือนได้ฝังลงในร่างกายของเขาไปแล้ว

ต่อให้เขาจะไม่อาจจดจำเรื่องราวใดๆ ได้แต่เขาก็ใช้เพียงสัญชาตญาณจนบรรลุขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแค่ว่าเมื่อพัฒนาเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถขึ้นมาเรื่อยๆ เขาย่อมจะเจอเข้ากับสภาพคอขวด

หกสิบปีมานี้ เขาย่อมได้แต่ต้องเรียนรู้มันแยกจากกัน ไม่อาจหลอมผสานมันเข้าด้วยกันได้

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หลินฉางชิงสร้างขึ้นมาวันนี้ ในที่สุดเย่หยวนก็ได้ค่อยๆ หลอมรวมความรู้ทั้งหกสิบปีนั้นเข้าด้วยกันและขึ้นมาถึงจุดสมบูรณ์ได้อย่างเหนือฟ้าดิน สร้างยอดมหาค่ายกลเช่นนี้ขึ้นในที่สุด

ส่วนอีกด้านทางเต๋าโอสถของเย่หยวนเองก็ได้พัฒนาขึ้นมาจนถึงอาณาจักรบรรพกาลขั้นกลางอย่างไม่ต้องลงแรงใดๆ!

นี่มันคือสิ่งที่ทะเลแห่งแนวคิดมอบให้แก่ตัวเขา!

เมื่อแนวคิดปรากฏออกมา พลังจากจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนขึ้น

หลินฉางชิงที่เห็นต้องร้องลั่น “เจ้าหมอนี่กลับบรรลุเต๋าโอสถได้อีก! จิตศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ฟื้นฟู เช่นนี้ความทรงจำของมันจะกลับมาได้หรือไม่กัน!”

แต่ลู่เอ๋อนั้นกลับยิ้มกว้างออกมาด้วยน้ำตา “กลับมาแน่! กลับมาได้แน่ๆ!”

ชาวบ้านทั้งหลายที่ได้เห็นต่างสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างของเย่หยวนจนต้องก้มหัวลงกราบจรดพื้น

เฉินหยานนั้นได้แต่ยิ้มออกมา “ที่แท้นี่คือพลังของอาหนิง! เขามิใช่คนที่จะอยู่กับเราได้เลยจริงๆ!”

ที่ด้านข้างนั้นอาซิ่วได้แต่ต้องกัดริมฝีปากแน่นพร้อมน้ำตาที่ไหลนอง

เมื่อเฉินหยานเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเย่หยวนก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้า เย่หยวนกลับมาแล้ว!”

เมื่อเย่หยวนลืมตาขึ้นลู่เอ๋อก็เข้าใจได้ทันทีว่านายน้อยของนางได้กลับมาแล้ว!

เย่หยวนหันไปมองที่ลู่เอ๋อด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความรู้สึกผิด “ลู่เอ๋อ หลายปีมานี้คงลำบากเจ้ามากแล้ว!”

…………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+