Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2234 หลอกพวกมัน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2234 หลอกพวกมัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ้า!”

“อ่าก!”

เสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลง

เทพสวรรค์หลายต่อหลายคนต่างถูกลากลงบ่อเลือดไป

เวลานี้ทุกผู้คนต่างมีสีหน้าแตกตื่นเพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจจะเห็นตัวตนของศัตรูได้

หวู่เจียงนั้นก็แสดงสีหน้าเหยเกออกมาก่อนจะกล่าวขึ้น “นี่แห่งนี้มันคือเขตระดับหกแท้ๆ เหตุใดมันจึงได้มีเจ้าตัวประหลาดพวกนี้ปรากฏขึ้นมาได้?”

เย่หยวนหรี่ตาลงตอบ “สมบัติล้ำค่ากำเนิดขึ้นมา แน่นอนว่าเรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ เนตรสุริยันจันทราเทวะ เบิก!”

เย่หยวนนั้นพัฒนากายเนื้อขึ้นมาถึงระดับเจ็ดทุกขจุติ เวลานี้เนตรสุริยันจันทราเทวะเองก็ย่อมจะพัฒนาขึ้นมาถึงอาณาจักรสูงแล้ว

ในเวลานี้เมื่อใช้งานเนตรสุริยันจันทราเทวะออกมาทุกสิ่งอย่างบนโลกหล้ามันก็แจ่มชัดขึ้นทันที

ภายใต้แสงสีแดงเลือดทั้งหลายนี้มันมีเงาสีเทาวิ่งไหวอยู่ทั่วทิศ

พวกมันทั้งหลายนี้หลบซ่อนอยู่หลังแสงสีเลือด และใช้มันเป็นที่หลบซ่อนตัวตน

ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็คงไม่อาจมองเห็นมันได้ง่ายๆ

ฟุบ!

หนึ่งในร่างสีเทานั้นพุ่งตัวเข้ามาหาผีเทพสวรรค์ขวังต้าว

แต่ตัวขวังต้าวเองไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนนั้นเลย

เย่หยวนหรี่ตาลงมองก่อนจะร้องบอก “เจตจำนงดาบ ฟัน!”

ดาบโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาฟันร่างสีเทานั้นลงอย่างรวดเร็ว

“ฮี้!”

เจ้าร่างสีเทานั้นร้องออกมาด้วยเสียงสุดประหลาดก่อนจะพุ่งตัวหายไปยังบ่อเลือดอีกครั้ง

เมื่อได้ยินเสียงร้องแปลกๆ นั้นขึ้นมาจากด้านหลังตัวขวังต้าวก็ต้องหันมามองอย่างตื่นตัว เป็นตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะได้รู้ตัวว่าตนเกือบได้ลงนรกไปแล้ว

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งหรี่ตาลงมองด้วยรอยยิ้ม “เป็นพลังจิตที่หนักแน่นนัก มันแทบจะปรากฏเป็นร่างออกมา! ดูท่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของมันผู้นี้คงอยู่ในระดับเจ็ดขั้นสุดแน่แล้ว! เจ้าเด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางหัวเราะขึ้น “จะเป็นระดับเจ็ดขั้นสุดแล้วอย่างไร? มันจะทนอยู่ได้สักกี่น้ำเชียว?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งพยักหน้ารับออกมา “ยิ่งมันเก่งกาจเท่าไหร่มันก็ยิ่งเบามือเราได้มากเท่านั้น! หากมีมันอยู่ด้วยแล้วแน่นอนว่าเราย่อมจะไม่ต้องลงมือไปอีกนาน บ่อโลหิตมีสภาพเป็นเช่นนี้มันย่อมจะมีของดีอยู่ไม่น้อย แต่พร้อมๆ กนนั้นมันก็จะยิ่งอันตรายขึ้นกว่าเก่ามาก”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างพยักหน้ารับออกมา รู้สึกเห็นด้วยอย่างชัดเจน

เย่หยวนนั้นจัดการเจ้าตัวประหลาดนั้นไปหนึ่งตัวและก็ไม่ได้คิดจะลงมือใดๆ ต่ออีก

ปล่อยให้เรื่องราวมันผ่านไปหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเขาตรงๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้การเป็นตัวเด่นย่อมมิใช่เรื่องดี

หากมิใช่เพราะต้องช่วยผีเทพสวรรค์ขวังต้าวแล้วตัวเขาก็ย่อมจะไม่ลงมือใดๆ

จากนั้นมันก็จะมีผีเต๋าอีกหลายตนถูกลากลงบ่อเลือดไปตามทาง

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งจึงชี้นิ้วออกมาสั่งเย่หยวน “เจ้า ไปจัดการพวกเงาสีเทานั้นให้สิ้น!”

เย่หยวนขมวดคิ้วและถามกลับไป “หากข้าบอกว่าไม่เล่า?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่ง “ไม่ทำเจ้าก็ตาย!”

แน่นอนว่าด้วยระดับพลังสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์พวกเขาย่อมจะมองเห็นเหล่าเงาสีเทานี้

เพียงแค่ว่าไม่มีพวกเขาคนใดคิดลงมือจัดการ

เหล่าเงาสีเทาทั้งหลายนั้นมันเป็นร่างวิญญาณ การจะสังหารพวกมันลงก็ต้องใช้พลังจิตวิญญาณอย่างมาก

จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นย่อมจะอยากเก็บพลังไว้จัดการกับอะไรที่เป็นอันตรายมากกว่านี้

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งนั้นกล่าวสั่งออกมามันย่อมมีน้ำหนักกว่าคำของจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชาง

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวมันก็คือสุดยอดตัวตนในกลุ่มคนทั้งหลายนี้!

ที่ด้านข้างจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางยิ้มพูดเสริมขึ้นมา “เด็กน้อย เป็นแค่เหยื่อล่อก็ทำตัวให้สมหน้าที่หน่อย! รีบๆ ไปตายได้แล้ว!”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่ได้คิดสนใจใดๆ ในชีวิตของคนทั้งหลาย

สำหรับพวกเขาแล้วเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายมันก็เป็นแค่เหยื่อล่อ

เทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นมีอำนาจปกครองดินแดนได้

แต่ต่อหน้าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว พวกเขาก็ยังเป็นแค่มดปลวก!

และมดปลวกนั้นมันไม่มีสิทธิใดมาต่อรองกับคน!

เย่หยวนชักสีหน้ายืนนิ่งไม่คิดลงมือใดๆ

หวู่เจียงนั้นเริ่มเป็นกังวลจึงเดินเข้ามาบอก “พี่เย่ เวลานี้รักษาชีวิตไว้ก่อนเถอะ เราจะมาหาเรื่องจักรพรรดิเทพสวรรค์ตอนนี้ไม่ได้!”

จนสุดท้ายเย่หยวนก็ได้แต่ต้องคลายมืออกมาหันหน้าพุ่งตัวเข้าไปหาเหล่าเงาสีเทานั้น

“เจตจำนงดาบ สังหาร!”

เย่หยวนนั้นใช้เจตจำนงดาบออกมาอย่างดุดันหนึ่งดาบทำลายพวกมันลงหนึ่งตัวทันที

ร่างกายของเขานั้นขยับอย่างรวดเร็วไม่มีพัก พริบตาเดียวเขาก็ฆ่าเหล่าเงาสีเทานั้นไปได้นับสิบตัว

เมื่อเหล่าเงาสีเทาได้เห็นเช่นนั้นพวกมันก็ไม่กล้าที่หลบซ่อนตัวใดๆ รีบมุดลงไปในบ่อเลือดและทำให้ฟองเลือดนั้นหายไปสิ้น

เมื่อเหล่าผีเทพสวรรค์ทั้งหลายได้เห็นการลงมือของเย่หยวนพวกเขาต่างก็ต้องสั่นไปทั้งกาย

เพราะหากเจตจำนงดาบนี้ฟาดฟันใส่พวกเขาแล้ว มันก็คงถึงตายได้ง่ายๆ!

แม้ว่าพวกเขานั้นจะปรากฏร่างออกมาสู่โลกวัตถุได้แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นกายจิตวิญญาณ

และดาบนี้มันมีจิตที่หนักแน่นกว่าวิชาจิตศักดิ์สิทธิ์ใดๆ

เย่หยวนหยุดมือลงด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนไม่น้อย

เหล่าเงาสีเทาทั้งหลายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นกายวิญญาณระดับเจ็ด นับได้ว่าเทียบกับเทพสวรรค์ขั้นกลาง

การสังหารกายวิญญาณมากมายปานนั้นลงพร้อมๆ กันมันเป็นภาระที่หนักเกินกว่าที่จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนจะแบกรับไว้

เขานั้นหันไปมองหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งพร้อมถาม “พอใจหรือยัง?”

พูดจบเขาก็นั่งลงกับพื้นทันทีพร้อมคิดจะฟื้นฟูพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของตน

แต่ในเวลานั้นเองทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งกลับร้องสั่ง “ไม่ต้องพักใดๆ เดินหน้าต่อไป เจ้าคิดจะให้คนทั้งหลายมารอเจ้าพักฟื้นคนเดียวหรือ?”

พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นสั่งคนทั้งหลาย “เดินต่อไป!”

เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือกมองดูพร้อมคิดลุกขึ้นไปสู้แลกชีวิตแต่ตัวหวู่เจียงกลับเดินเข้ามารั้งตัวเขาไว้ก่อน

“ไม่เอาน่าๆ! พวกนี้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์กันสิ้น เราไปทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก!” หวู่เจียงบอก

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่ได้มองพวกเขาเป็นผู้คน พวกเขาทั้งหลายนั้นถูกสั่งราวกับว่าเป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง

เมื่อได้เห็นเย่หยวนทำหน้าตาหาเรื่องเช่นนั้นทางจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางก็ยิ้มบอก “หึๆ เจ้าเด็กน้อย ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาอวดอ้างตัวได้! มีอะไรคับแค้นก็เก็บมันไว้เถอะ! เพราะหากปล่อยมันออกมา… เจ้าจะได้ตายเอา!”

ส่วนทางตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งนั้นก็ได้ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมากดดันตัวเย่หยวนไว้อย่างหนักหน่วง

“ยังไม่ขยับอีกหรือ? เจ้าคิดจะให้จักรพรรดิผู้นี้ลงมือแล้ว?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งถาม

เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีไปมาหลายครั้งก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกและเดินตามคนทั้งหลายไป

“ดีมาก ข้าจะจำมันไว้!” เย่หยวนกล่าว

“หึๆ มันขู่เราด้วย! เทพสวรรค์กลับกล้ามาขู่จักรพรรดิเทพสวรรค์!” จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางหัวเราะลั่น

“มันมีกำลังที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่ว่าสมองมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย” จักรพรรดิเทพสวรรค์จ้าวหวนกล่าวเสริมขึ้น

จักรพรรดิเทพสวรรค์อีกคนก็ได้กล่าวขึ้นตาม “มันโง่เง่าเสียจริง! หากมิใช่เพราะมันมีประโยชน์กว่าคนอื่นๆ แล้วข้าคงสังหารมันทิ้งไปแล้ว!”

คำขู่ใดๆ ของเย่หยวนนี้คนทั้งหลายย่อมไม่คิดใส่ใจ

เพราะในสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์นี้เหยื่อล่อมันก็เป็นได้แค่เหยื่อล่อ!

กลับกัน พวกเขาทั้งหลายต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ยังไว้ชีวิต!

คิดมาขู่ผู้คนใดๆ มันยังไม่มีค่าพอให้สนใจ

“นายน้อย ท่าน… ท่านไหวหรือไม่? มันเป็นข้าเองที่ไร้ประโยชน์!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกล่าวขึ้น

แต่เย่หยวนกลับขยิบตาบอกพร้อมส่งคลื่นจิตออกไป “ข้าไม่เป็นไร ข้าแค่หลอกพวกมัน”

ขวังต้าวที่ได้ยินก็สั่นสะท้านไปทั้งกายมองดูเย่หยวนอย่างมึนงง

มันเป็นไปได้อย่างไร?

พลังจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ออกมาก่อนหน้านี้แม้แต่เทพสวรรค์ขั้นปลายก็คงแทบไม่อาจลุกขึ้นได้แล้ว มีหรือที่เย่หยวนจะยังมาหลอกลวงใด?

แต่ขวังต้าวย่อมไม่ได้รู้ว่าเย่หยวนนั้นมีจิตศักดิ์สิทธิ์ที่หนักแน่นกว่าผู้คนเป็นทุนเดิม

หลังจากที่ปราณเทวะ กายเนื้อและจิตสามเส้นทางผสานเข้าหากัน จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนมันก็ยิ่งพัฒนาขึ้นสูงล้ำกว่าใครๆ ในระดับเดียวกันอย่างไม่อาจเทียบ

ตอนที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ที่หน้าหลุมศพของจี้เฉินหยังเย่หยวนก็ได้สะสางความคับแค้นข้องใจจนทำให้จิตใจสงบลงไปอีกมาก เวลานี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันยิ่งพัฒนาขึ้นไปจนถึงระดับเจ็ดขั้นสุดแล้ว

พลังงานที่เขาใช้ออกมาก่อนหน้านี้มันย่อมจะไม่เป็นปัญหาใดๆ แก่เย่หยวน

ระหว่างที่เดินผ่านมานี้เย่หยวนก็ได้ดูดซับพลังงานผีร้ายไปเรื่อยๆ จนมากพอที่จะฟื้นคืนพลังที่เสียไปแทบสมบูรณ์

เมื่ออีกฝ่ายนั้นคือจักรพรรดิเทพสวรรค์ถึงเจ็ดคน แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาให้ได้เห็น

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้จงใจแสร้งทำท่าทางเหนื่อยอ่อนออกมาเช่นนั้น

……………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2234 หลอกพวกมัน

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2234 หลอกพวกมัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ้า!”

“อ่าก!”

เสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลง

เทพสวรรค์หลายต่อหลายคนต่างถูกลากลงบ่อเลือดไป

เวลานี้ทุกผู้คนต่างมีสีหน้าแตกตื่นเพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจจะเห็นตัวตนของศัตรูได้

หวู่เจียงนั้นก็แสดงสีหน้าเหยเกออกมาก่อนจะกล่าวขึ้น “นี่แห่งนี้มันคือเขตระดับหกแท้ๆ เหตุใดมันจึงได้มีเจ้าตัวประหลาดพวกนี้ปรากฏขึ้นมาได้?”

เย่หยวนหรี่ตาลงตอบ “สมบัติล้ำค่ากำเนิดขึ้นมา แน่นอนว่าเรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นได้ เนตรสุริยันจันทราเทวะ เบิก!”

เย่หยวนนั้นพัฒนากายเนื้อขึ้นมาถึงระดับเจ็ดทุกขจุติ เวลานี้เนตรสุริยันจันทราเทวะเองก็ย่อมจะพัฒนาขึ้นมาถึงอาณาจักรสูงแล้ว

ในเวลานี้เมื่อใช้งานเนตรสุริยันจันทราเทวะออกมาทุกสิ่งอย่างบนโลกหล้ามันก็แจ่มชัดขึ้นทันที

ภายใต้แสงสีแดงเลือดทั้งหลายนี้มันมีเงาสีเทาวิ่งไหวอยู่ทั่วทิศ

พวกมันทั้งหลายนี้หลบซ่อนอยู่หลังแสงสีเลือด และใช้มันเป็นที่หลบซ่อนตัวตน

ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็คงไม่อาจมองเห็นมันได้ง่ายๆ

ฟุบ!

หนึ่งในร่างสีเทานั้นพุ่งตัวเข้ามาหาผีเทพสวรรค์ขวังต้าว

แต่ตัวขวังต้าวเองไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนนั้นเลย

เย่หยวนหรี่ตาลงมองก่อนจะร้องบอก “เจตจำนงดาบ ฟัน!”

ดาบโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาฟันร่างสีเทานั้นลงอย่างรวดเร็ว

“ฮี้!”

เจ้าร่างสีเทานั้นร้องออกมาด้วยเสียงสุดประหลาดก่อนจะพุ่งตัวหายไปยังบ่อเลือดอีกครั้ง

เมื่อได้ยินเสียงร้องแปลกๆ นั้นขึ้นมาจากด้านหลังตัวขวังต้าวก็ต้องหันมามองอย่างตื่นตัว เป็นตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะได้รู้ตัวว่าตนเกือบได้ลงนรกไปแล้ว

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งหรี่ตาลงมองด้วยรอยยิ้ม “เป็นพลังจิตที่หนักแน่นนัก มันแทบจะปรากฏเป็นร่างออกมา! ดูท่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของมันผู้นี้คงอยู่ในระดับเจ็ดขั้นสุดแน่แล้ว! เจ้าเด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางหัวเราะขึ้น “จะเป็นระดับเจ็ดขั้นสุดแล้วอย่างไร? มันจะทนอยู่ได้สักกี่น้ำเชียว?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งพยักหน้ารับออกมา “ยิ่งมันเก่งกาจเท่าไหร่มันก็ยิ่งเบามือเราได้มากเท่านั้น! หากมีมันอยู่ด้วยแล้วแน่นอนว่าเราย่อมจะไม่ต้องลงมือไปอีกนาน บ่อโลหิตมีสภาพเป็นเช่นนี้มันย่อมจะมีของดีอยู่ไม่น้อย แต่พร้อมๆ กนนั้นมันก็จะยิ่งอันตรายขึ้นกว่าเก่ามาก”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างพยักหน้ารับออกมา รู้สึกเห็นด้วยอย่างชัดเจน

เย่หยวนนั้นจัดการเจ้าตัวประหลาดนั้นไปหนึ่งตัวและก็ไม่ได้คิดจะลงมือใดๆ ต่ออีก

ปล่อยให้เรื่องราวมันผ่านไปหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเขาตรงๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้การเป็นตัวเด่นย่อมมิใช่เรื่องดี

หากมิใช่เพราะต้องช่วยผีเทพสวรรค์ขวังต้าวแล้วตัวเขาก็ย่อมจะไม่ลงมือใดๆ

จากนั้นมันก็จะมีผีเต๋าอีกหลายตนถูกลากลงบ่อเลือดไปตามทาง

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งจึงชี้นิ้วออกมาสั่งเย่หยวน “เจ้า ไปจัดการพวกเงาสีเทานั้นให้สิ้น!”

เย่หยวนขมวดคิ้วและถามกลับไป “หากข้าบอกว่าไม่เล่า?”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่ง “ไม่ทำเจ้าก็ตาย!”

แน่นอนว่าด้วยระดับพลังสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์พวกเขาย่อมจะมองเห็นเหล่าเงาสีเทานี้

เพียงแค่ว่าไม่มีพวกเขาคนใดคิดลงมือจัดการ

เหล่าเงาสีเทาทั้งหลายนั้นมันเป็นร่างวิญญาณ การจะสังหารพวกมันลงก็ต้องใช้พลังจิตวิญญาณอย่างมาก

จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นย่อมจะอยากเก็บพลังไว้จัดการกับอะไรที่เป็นอันตรายมากกว่านี้

จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งนั้นกล่าวสั่งออกมามันย่อมมีน้ำหนักกว่าคำของจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชาง

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวมันก็คือสุดยอดตัวตนในกลุ่มคนทั้งหลายนี้!

ที่ด้านข้างจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางยิ้มพูดเสริมขึ้นมา “เด็กน้อย เป็นแค่เหยื่อล่อก็ทำตัวให้สมหน้าที่หน่อย! รีบๆ ไปตายได้แล้ว!”

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่ได้คิดสนใจใดๆ ในชีวิตของคนทั้งหลาย

สำหรับพวกเขาแล้วเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายมันก็เป็นแค่เหยื่อล่อ

เทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นมีอำนาจปกครองดินแดนได้

แต่ต่อหน้าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว พวกเขาก็ยังเป็นแค่มดปลวก!

และมดปลวกนั้นมันไม่มีสิทธิใดมาต่อรองกับคน!

เย่หยวนชักสีหน้ายืนนิ่งไม่คิดลงมือใดๆ

หวู่เจียงนั้นเริ่มเป็นกังวลจึงเดินเข้ามาบอก “พี่เย่ เวลานี้รักษาชีวิตไว้ก่อนเถอะ เราจะมาหาเรื่องจักรพรรดิเทพสวรรค์ตอนนี้ไม่ได้!”

จนสุดท้ายเย่หยวนก็ได้แต่ต้องคลายมืออกมาหันหน้าพุ่งตัวเข้าไปหาเหล่าเงาสีเทานั้น

“เจตจำนงดาบ สังหาร!”

เย่หยวนนั้นใช้เจตจำนงดาบออกมาอย่างดุดันหนึ่งดาบทำลายพวกมันลงหนึ่งตัวทันที

ร่างกายของเขานั้นขยับอย่างรวดเร็วไม่มีพัก พริบตาเดียวเขาก็ฆ่าเหล่าเงาสีเทานั้นไปได้นับสิบตัว

เมื่อเหล่าเงาสีเทาได้เห็นเช่นนั้นพวกมันก็ไม่กล้าที่หลบซ่อนตัวใดๆ รีบมุดลงไปในบ่อเลือดและทำให้ฟองเลือดนั้นหายไปสิ้น

เมื่อเหล่าผีเทพสวรรค์ทั้งหลายได้เห็นการลงมือของเย่หยวนพวกเขาต่างก็ต้องสั่นไปทั้งกาย

เพราะหากเจตจำนงดาบนี้ฟาดฟันใส่พวกเขาแล้ว มันก็คงถึงตายได้ง่ายๆ!

แม้ว่าพวกเขานั้นจะปรากฏร่างออกมาสู่โลกวัตถุได้แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นกายจิตวิญญาณ

และดาบนี้มันมีจิตที่หนักแน่นกว่าวิชาจิตศักดิ์สิทธิ์ใดๆ

เย่หยวนหยุดมือลงด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนไม่น้อย

เหล่าเงาสีเทาทั้งหลายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นกายวิญญาณระดับเจ็ด นับได้ว่าเทียบกับเทพสวรรค์ขั้นกลาง

การสังหารกายวิญญาณมากมายปานนั้นลงพร้อมๆ กันมันเป็นภาระที่หนักเกินกว่าที่จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนจะแบกรับไว้

เขานั้นหันไปมองหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งพร้อมถาม “พอใจหรือยัง?”

พูดจบเขาก็นั่งลงกับพื้นทันทีพร้อมคิดจะฟื้นฟูพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของตน

แต่ในเวลานั้นเองทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งกลับร้องสั่ง “ไม่ต้องพักใดๆ เดินหน้าต่อไป เจ้าคิดจะให้คนทั้งหลายมารอเจ้าพักฟื้นคนเดียวหรือ?”

พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นสั่งคนทั้งหลาย “เดินต่อไป!”

เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือกมองดูพร้อมคิดลุกขึ้นไปสู้แลกชีวิตแต่ตัวหวู่เจียงกลับเดินเข้ามารั้งตัวเขาไว้ก่อน

“ไม่เอาน่าๆ! พวกนี้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์กันสิ้น เราไปทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก!” หวู่เจียงบอก

เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่ได้มองพวกเขาเป็นผู้คน พวกเขาทั้งหลายนั้นถูกสั่งราวกับว่าเป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง

เมื่อได้เห็นเย่หยวนทำหน้าตาหาเรื่องเช่นนั้นทางจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางก็ยิ้มบอก “หึๆ เจ้าเด็กน้อย ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาอวดอ้างตัวได้! มีอะไรคับแค้นก็เก็บมันไว้เถอะ! เพราะหากปล่อยมันออกมา… เจ้าจะได้ตายเอา!”

ส่วนทางตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งนั้นก็ได้ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมากดดันตัวเย่หยวนไว้อย่างหนักหน่วง

“ยังไม่ขยับอีกหรือ? เจ้าคิดจะให้จักรพรรดิผู้นี้ลงมือแล้ว?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวมิ่งถาม

เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีไปมาหลายครั้งก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกและเดินตามคนทั้งหลายไป

“ดีมาก ข้าจะจำมันไว้!” เย่หยวนกล่าว

“หึๆ มันขู่เราด้วย! เทพสวรรค์กลับกล้ามาขู่จักรพรรดิเทพสวรรค์!” จักรพรรดิเทพสวรรค์ก่วยชางหัวเราะลั่น

“มันมีกำลังที่ไม่ธรรมดา เพียงแค่ว่าสมองมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย” จักรพรรดิเทพสวรรค์จ้าวหวนกล่าวเสริมขึ้น

จักรพรรดิเทพสวรรค์อีกคนก็ได้กล่าวขึ้นตาม “มันโง่เง่าเสียจริง! หากมิใช่เพราะมันมีประโยชน์กว่าคนอื่นๆ แล้วข้าคงสังหารมันทิ้งไปแล้ว!”

คำขู่ใดๆ ของเย่หยวนนี้คนทั้งหลายย่อมไม่คิดใส่ใจ

เพราะในสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์นี้เหยื่อล่อมันก็เป็นได้แค่เหยื่อล่อ!

กลับกัน พวกเขาทั้งหลายต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ยังไว้ชีวิต!

คิดมาขู่ผู้คนใดๆ มันยังไม่มีค่าพอให้สนใจ

“นายน้อย ท่าน… ท่านไหวหรือไม่? มันเป็นข้าเองที่ไร้ประโยชน์!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกล่าวขึ้น

แต่เย่หยวนกลับขยิบตาบอกพร้อมส่งคลื่นจิตออกไป “ข้าไม่เป็นไร ข้าแค่หลอกพวกมัน”

ขวังต้าวที่ได้ยินก็สั่นสะท้านไปทั้งกายมองดูเย่หยวนอย่างมึนงง

มันเป็นไปได้อย่างไร?

พลังจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ออกมาก่อนหน้านี้แม้แต่เทพสวรรค์ขั้นปลายก็คงแทบไม่อาจลุกขึ้นได้แล้ว มีหรือที่เย่หยวนจะยังมาหลอกลวงใด?

แต่ขวังต้าวย่อมไม่ได้รู้ว่าเย่หยวนนั้นมีจิตศักดิ์สิทธิ์ที่หนักแน่นกว่าผู้คนเป็นทุนเดิม

หลังจากที่ปราณเทวะ กายเนื้อและจิตสามเส้นทางผสานเข้าหากัน จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนมันก็ยิ่งพัฒนาขึ้นสูงล้ำกว่าใครๆ ในระดับเดียวกันอย่างไม่อาจเทียบ

ตอนที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ที่หน้าหลุมศพของจี้เฉินหยังเย่หยวนก็ได้สะสางความคับแค้นข้องใจจนทำให้จิตใจสงบลงไปอีกมาก เวลานี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันยิ่งพัฒนาขึ้นไปจนถึงระดับเจ็ดขั้นสุดแล้ว

พลังงานที่เขาใช้ออกมาก่อนหน้านี้มันย่อมจะไม่เป็นปัญหาใดๆ แก่เย่หยวน

ระหว่างที่เดินผ่านมานี้เย่หยวนก็ได้ดูดซับพลังงานผีร้ายไปเรื่อยๆ จนมากพอที่จะฟื้นคืนพลังที่เสียไปแทบสมบูรณ์

เมื่ออีกฝ่ายนั้นคือจักรพรรดิเทพสวรรค์ถึงเจ็ดคน แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาให้ได้เห็น

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้จงใจแสร้งทำท่าทางเหนื่อยอ่อนออกมาเช่นนั้น

……………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+